มาจาก nbbbs นะคะ แต่มีโพสเกือบทุกไซต์ เป็นนักเขียนอิสระของฮ่องกงเขียนเกี่ยวกับมุมมองและความประทับใจที่มีกับพวกศิลปิน มีหลายตอน มีตอนหนึ่งพูดถึง จ. เค้าไม่ได้เอ่ยชื่อค่ะแต่คนโพสบอกว่าอ่านดูก็รู้ว่าเขียนเกี่ยวกับเจอร์รี่
--------------------------------
ผมเป็นคนฮ่องกง เป็นนักเขียนอิสระ ผมทำงานเป็นนักข่าวให้กับสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งในไต้หวันมาหลายปีแล้ว ตอนแรกที่ไปไทเปก็คิดว่าสื่อของไต้หวันคงไม่เหมือนพวกสื่อมืออาชีพที่ฮ่องกง--ที่ความจริงไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือเงินตรา ผลประโยชน์ที่หลอกล่อ และ ผู้สนับสนุนเบื้องหลัง พอมาถึงไต้หวันผมได้รับมอบหมายจากบริษัทให้ไปตามข่าวบันเทิง สิ่งที่ผมได้พบเห็นกลับเป็นสิ่งที่ไร้คุณธรรมยิ่งกว่าที่ฮ่องกงเสียอีก ปีที่แล้วได้ไปที่จีนแผ่นดินใหญ่ครั้งหนึ่ง ได้ไปร้านกาแฟร้านหนึ่งในเซี่ยงไฮ้และคุยเรื่อยเปื่อยกับ ส. ซึ่งเป็นศิลปินไต้หวันคนหนึ่งที่คุ้นเคยกันดี ที่ไต้หวัน ส. ถือว่าครั้งหนึ่งเคยดังมาก เค้าเคยเป็นหนึ่งในศิลปินวงหนึ่งของไต้หวันซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังมากจนปัจจุบันก็หาคนเทียบไม่ได้ ผมถาม ส. ว่า "ตอนนี้อยู่ที่แผ่นดินใหญ่รู้สึกพอใจไม๊" ตอนนี้ ส. เป็นหนุ่มอายุใกล้ 30 แล้ว เค้าสะบัดผม แล้วก็ยิ้มแบบเสียไม่ได้ พูดว่า "เป็นศิลปินในไต้หวันมันเหนื่อยมาก ไม่เพียงแต่การแข่งขันรุนแรง แถมยังไม่เป็นตัวของตัวเอง แรงกดดันจากสื่อก็มากจนรับไม่ไหว ดังนั้นผมรู้สึกว่าตอนนี้ดีมาก สามารถทำงานในที่ต่างๆ มากมาย ตอนหลังผมกลับไปทำงานที่ไต้หวันก็รู้สึกผ่อนคลายลงมาก" เย็นวันนั้น ส. ได้พาผมไปที่บาร์กลางคืนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในเซี่ยงไฮ้ ผมเห็นเค้าเต้นแบบบ้าคลั่ง ปกติภาพพจน์เค้าต่อหน้าสื่อกับบริษัทจะเป็นพวกเด็กดีว่าง่าย แต่ว่าส่วนลึกแล้วเค้าเป็นคนชอบบ้าเตลิดและปล่อยตัว การเป็นศิลปินลำบากเพราะไม่สามารถเป็นตัวของตัวเอง
ผมรู้จักกับ บ. ที่ผับแห่งหนึ่งในย่านตงชวี ตอนนั้นผมคิดว่าเค้าเป็นนายแบบ จำได้ว่าค่ำวันนั้นรู้สึกเบื่อๆ ก็เลยไปเที่ยวผับคนเดียว เค้านั่งอยู่ข้างๆ ผม ครึ่งปีก่อนหน้านี้ ผมเห็นเค้าเดินแบบ ผมพูดกับเค้าว่า "ไฮ ผมจำคุณได้" เค้าเอียงหัวมามองผมแวบหนึ่ง ผมถาม "คุณเป็นนายแบบใช่ไม๊" เค้าจุดบุหรี่อย่างเงียบๆ ดูดบุหรี่ไปสองครั้ง บอกว่า "ตอนนี้ไม่ได้ทำแล้ว" ผมถามว่า "แล้วตอนนี้คุณทำอะไร" ผมรู้สึกว่าหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าผมดูอัดอั้นตันใจ ผมพยายามจะยิ้ม แล้วผมก็จุดบุหรี่ เค้าพูดว่า "ผมเล่นละครแล้ว xx เซียนซือ คุณได้ดูรึเปล่า" เค้ายังคงสูบบุหรี่ ก้มหัว ผมพูดว่า "อืม ผมไม่ได้ดู คุณดูหน้าตาคล้ายทาเคชิ คุณรู้ไม๊" เค้าเงยหน้าขึ้นมา หัวเราะ ถามผมว่า "คุณทำงานอะไร" ผมหัวเราะตอบว่า "ผมทำงานเป็นนักข่าวมาไม่กี่วัน แต่ว่าจะเลิกแล้ว" เค้าหัวเราะ มองมาที่ผม ผมถามเค้า "คุณมาที่นี่ทำอะไรเหรอ" เค้าตอบว่า "หาคนไปนอนด้วย คุณล่ะ" ผมตกใจกับคำพูดตรงๆ ของเค้า ในตอนนั้นไม่รู้จะพูดอะไร เค้าลุกขึ้นจะจากไป แต่ก่อนไปเค้าถามผม "มีเบอร์มือถือไม๊ มีเวลาจะได้โทรนัดมาคุยกัน" ผมก็รีบเอาเบอร์ให้เค้า แล้วถามว่า "แล้วของคุณล่ะ" เค้านิ่งครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ผมโทรหาคุณเอง ผมมีมือถือ 3 เครื่อง" กลับบ้านผมดูเรื่อง xx เซียนซือ ก็เห็นเค้า ต่อมาภายหลังผมก็เห็นนสพ ลงข่าวความรักของเค้ากับ น. น. เป็นนางเอกละครไอดอลที่โด่งดัง วันหนึ่งนานมากหลังจากนั้น จู่ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากเค้า "ผมเบื่อมาก เซ็งมาก อยากจะคุยกับคุณ" พวกเรานัดเจอกันที่ร้านหม้อไฟ เค้ายังคงเงียบๆ ผมคิดว่าเค้าอยากให้ผมเขียนข่าวเกี่ยวกับเค้า ตลอดทางผมคิดวิธีที่จะตอบเค้า ข่าวกับนางเอก น. ก็มีคนอ่าน เค้านั่งตรงหน้าผม ผมรู้สึกแปลกๆ แต่ว่าตั้งแต่พบกันจนแยกจากกันเค้าไม่ได้พูดถึงคนอื่นเลย คล้ายกับย้ำไปย้ำมาอธิบายกับผมว่าจริงๆ แล้วตัวเองเบื่อข่าวของตัวเองมาก ผมถามว่า "แล้วคุณรักเธอรึเปล่า" เค้าตอบว่า "ไม่รู้ เธอรักผมมาก ทีแรกผมไม่คิดว่าเธอจะหลงรักผม" เค้าย้ำประโยคนี้หลายเที่ยวมาก มือถือของเค้าก็ดังไม่หยุด ผมถามว่า "แฟนโทรมาเหรอ" เค้าบอกว่า "อืม" แล้วก็ลุกขึ้นบอกว่า "ผมไปก่อนนะ" แล้วเค้าก็หันกลับมาตบบ่าผมถามว่า "คุณเล่นบาสเป็นไม๊" ผมพยักหน้า เค้าหัวเราะแล้วพูดว่า "วันหลังจะนัดคุณมาเล่นบาส คุณจะไม่เขียนข่าวผมใช่ไม๊" ผมพยักหน้า แล้วเค้าก็จากไป แต่เค้าก็ไม่ได้นัดผม ผมเห็นข่าวเค้ากับแฟนพาดหัวนสพ. เป็นครั้งคราว ผมคิดว่าคนที่ไม่ชอบเอาตัวเองมาเป็นข่าวอย่างเค้าคงต้องเซ็งน่าดู เพราะว่าเค้าไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้ มีเพียงเสียงมือถือที่ดังขึ้นในบางครั้ง มีเพียงแฟนสาวที่ปรากฏตัวในทีวีที่ทำให้นึกถึงตัวตนของตัวเอง ได้พบเค้าเพียง 2 ครั้ง ผมก็รู้ว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เค้าชอบ แต่ทำไมเค้าถึงได้ปล่อยให้มันดำเนินต่อไป ผมก็ไม่รู้
นายแบบคนที่สองที่ผมจะเขียนถึงมีโชคชะตาที่ต่างจาก บ. อย่างมาก ตอนนั้นเป็นตอนที่ผมเพิ่งไปไทเป เป็นต้นฤดูร้อน ได้ไปเจอเพื่อนฮ่องกงที่บริษัทโมเดลลิ่งแห่งหนึ่ง ตอนเดินเข้าไปในออฟฟิศแคบๆ ของเค้า ก็เห็นเค้ากำลังคุยกับหนุ่มคนหนึ่ง หนุ่มคนนั้นมองผมแวบหนึ่ง แล้วก็รีบไปลากเก้าอี้มาให้ผมนั่งอย่างมีมารยาทมาก หนุ่มคนนั้นหน้าตาดีทีเดียว แต่ก็มีแววดื้อรั้น "พี่ ก. งั้นผมไปก่อนนะ" ก. หัวเราะแล้วพูดว่า "มา ฉันจะแนะนำเพื่อนนักข่าวของฉันให้เธอรู้จักหน่อย ตอนนี้เธอควรจะรู้จักเพื่อนนักข่าวให้มากหน่อย ต่อไปจะไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ" "เฮ้ย นี่น้องฉันชื่อ จ. เมื่อก่อนเป็นนายแบบในบริษัทฉัน แต่ตอนนี้ได้เล่นละครแล้ว" จ. ก็ยื่นมือมาทักทายผมอย่างสุภาพ ผมสบตากับหนุ่มคนนี้ แววตาของเค้าเป็นสิ่งที่นักเขียนใฝ่หาที่จะบรรยายถึง ให้ความรู้สึกเร้นลับแต่ก็ดูจริงใจมาก ผมคุยกับเพื่อนเก่าเกี่ยวกับเรื่องของฮ่องกง จ. นั่งอยู่ที่โซฟาข้างๆ ฟังพวกเราคุยกัน ไม่สอดแทรกแม้แต่คำเดียว คุยกันไปได้สักพัก ผมกับเพื่อนก็นึกถึงเค้าขึ้นมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย เค้ายังนั่งอย่างสุภาพอยู่ตรงนั้น ผมให้บุหรี่ 1 มวน เค้าไม่รับ "เมื่อก่อนเค้าเป็นนายแบบ ตอนนี้เล่นละครแล้ว ช่วยฉันเขียนข่าวเกี่ยวกับเค้าสักเรื่อง เป็นไง" พี่ ก. พูดไปสูบบุหรี่ไป จริงๆ แล้ว ผมไม่ชอบเขียนข่าวเพราะว่ามีคอนเนคชั่นอะไรแบบนี้ แต่ผมรู้สึกว่าหนุ่มคนนี้ดูมีอนาคตไกล เพราะว่ารูปร่างหน้าตา บุคลิก ดึงดูดคนมาก "ถ่ายละครเรื่องอะไร" ผมถามเค้า "xx เซียนซือ" "เล่นบทไหน" เค้าโน้มตัวมาข้างหน้าพูดอย่างจริงจังว่า "ก็แค่ตัวประกอบ แต่ก็ได้เรียนรู้เรื่องต่างๆ มากมาย" ตลอดคืนที่คุยกัน จ. เป็นหนุ่มที่พูดน้อยมาก แล้วก็นอบน้อมถ่อมตนผิดจากที่คาดไว้ เค้าบอกว่าตัวเองธรรมดามาก แต่สนใจการเล่นละครมาก แม้ว่าจะไม่ได้คิดว่าจะอยู่ในวงการนี้ต่อไปรึเปล่า แต่ก็พยายามจะลองดู ตลอดคืนที่คุยกัน ตอนที่ให้เค้าแนะนำตัวเอง ผมคิดไม่ออกจริงๆ ว่าจะเขียนข่าวอะไรเกี่ยวกับเค้า "ผมจะเติมเรื่องเว่อร์ๆ ซักหน่อยที่คิดขึ้นเองลงไปตอนที่เขียนเกี่ยวกับเธอ แบบนี้คนอ่านจะได้ชอบเธอมากขึ้น" ผมพยักหน้ากับเค้า เค้ากลับพูดปฎิเสธวิธีของผมอย่างคาดไม่ถึง ตลอดคืนที่คุยกัน ผมรู้สึกว่าเค้าเป็นคนมีมารยาทดีมากแล้วก็มีนิสัยโอนอ่อนผ่อนตาม แต่กับเรื่องนี้เค้ากลับพูดปฏิเสธผมอย่างจริงจัง ผมก็ตะลึงเหมือนกัน พี่ ก. หัวเราะ "เค้าเป็นประเภทมีหลักการของตัวเอง มีความคิดของตัวเอง ฉันเตือนเค้าหลายครั้งแล้วแต่เค้าดื้อรั้น" แววตาของ จ. เปลี่ยนเป็นเย็นชาในทันที ผมรู้สึกว่าเค้าไม่พอใจที่ผมบอกว่าจะเขียนชมเค้าเกินความจริง ในวงการบันเทิงไต้หวัน ยอดขายเก๊ ข่าวเท็จ ภาพพจน์ลวงของศิลปิน เกือบจะทุกอย่างเป็นเรื่องลวงทั้งนั้น ผมก็ชินแล้วที่จะเขียนชมแบบเว่อร์เกินจริงหรือข่าวเท็จเกี่ยวกับศิลปินที่มีคอนเนคชั่นด้วย แต่คืนนนั้นต้องมาถูกเด็กหนุ่มอายุ 20 กว่าๆ ที่เพิ่งเข้าวงการพูดปฏิเสธ "ผมไม่ชอบหลอกลวงใคร " เค้าพูดอย่างเย็นชา
แม้ว่าผมจะได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้าว่าหนุ่มคนนี้สามารถอาศัยรูปร่างหน้าตาภายนอกที่ดีเลิศโด่งดังขึ้นมาได้อย่างแน่นอน แต่ผมก็คิดไม่ถึงว่าวันนี้เค้าจะสามารถโด่งดังได้ถึงขนาดราวกับเป็นสัญลักษณ์ของกระแสอย่างหนึ่ง ด้วยละครไอดอลที่ดังไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เรื่องนั้น ด้วยศิลปินกลุ่มที่ดังอย่างครึกโครมในไต้หวันวงนั้น ผมอดคิดไม่ได้ถึงค่ำวันนั้นในต้นฤดูร้อน ท่าทางที่เค้าได้ปฎิเสธความหวังดีของผม ตอนนั้นผมรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ ผมคิดว่าก็เพราะด้วยความยืนหยัดในจุดยืนอย่างมากแบบนั้นที่ทำให้เค้ามีเสน่ห์ต่างจากคนทั่วไป และจะทำให้เค้าสามารถสานต่อปาฏิหาริย์นี้ต่อไปได้อย่างแน่นอน ถ้าไม่มีข่าวที่ใส่ร้ายป้ายสีเค้ามากมายตามมาในภายหลังแบบนั้น บางทีวันนี้เค้าอาจจะได้เป็นสัญลักษณ์ของไอดอลชายของไต้หวันไปแล้ว อย่างไรก็ตามการมีจุดหมายที่ต้องพยายามฝ่าฟันให้ถึงมิยิ่งดีกว่าหรือ ผมเห็นข่าวที่ใส่ร้ายป้ายสีเค้ามากมาย นั่นมันเป็นการให้ร้ายของคนที่ริษยาเค้าและก็เป็นผลจาการที่เค้าไม่ยอมคล้อยตามคนในวงการ
คืนวันนั้นผมกับ ก. ไปเที่ยวผับกัน ส่วนเค้าบอกว่าต้องกลับบ้านไปดูแม่ ผมนัดกับเค้าว่าจะไปดูเค้าถ่ายละคร เค้าบอกว่าหวังว่าผมจะสามารถเขียนเกี่ยวกับทีมงานทั้งหมดของละครเรื่องนั้น พวกเค้าขยันกันทั้งนั้น ผมพูดกับ ก. ว่าน้องชายเธอคนนี้ไม่เหมือนกับหนุ่มไทเปในปัจจุบัน ทำไมจริงจังขนาดนั้น ก. บอกว่าสภาพครอบครัวเค้าลำบากมาก ค่าใช้จ่ายในบ้านเค้าต้องแบกรับภาระทั้งหมด เค้าเป็นคนกตัญญูมาก อายุยังน้อยก็ต้องออกมาทำมาหากินแต่ก็ยังคงเป็นคนซื่อๆ ตรงไปตรงมา ดังนั้น ก. ก็เลยช่วยเหลือเค้ามาตลอด ผมบอกกับ ก. ว่า "เค้าหน้าตาดีขนาดนั้น ครอบครัวก็ยากจน ถ้าเป็นผม ผมขายตัวไปนานแล้ว" ก. หัวเราะ แล้วตอบว่า "พูดไปแล้วบางทีคุณอาจจะไม่เชื่อ เค้าไม่เที่ยวกลางคืน หิ้วสาว เป็นหนุ่มประเภทสุภาพเรียบร้อยซื่อสัตย์แบบนั้น" แต่ ก. ก็บอกว่าเค้ารู้สึกว่าในส่วนลึกของจิตใจ จ. อาจได้รับผลกระทบจากประสบการณ์มากมายในช่วงที่เค้าเติบโตมา ไม่ว่ากับคนที่แตกต่างจากเค้ามากๆ คนประเภทต่างๆ เค้าก็ไม่รังเกียจ เค้ารับได้หมด แฟนที่เค้าคบอยู่ตอนนั้น พ. ก็สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า บนตัวยังมีรอยสักอีกต่างหาก
(มีต่อ)
จากคุณ :
Bam (Wen Wen)
- [
5 ก.พ. 48 16:48:32
]