http://www.thaiavclub.org/forum/index.php?showtopic=3211
Miles to Cool Jazz Down : The Birth of the Cool (1948-1959)
แล้วก็ถึงเวลาที่จะมากล่าวถึงนักดนตรีแจ๊สที่มีผู้คนรู้จักมากที่สุด Miles Davis บทความในที่นี้ไม่ได้มาทดแทนสิ่งที่น้อง Supada ได้เขียนมาแล้วอย่างสมบูรณ์แบบ แต่เป็นเพียงบทความที่เสริมความสมบูรณ์ให้กับบทความต่อเนื่องยาวนับปีอันนี้ของผม และยังต้องยืนยันอีกว่าถ้าต้องการความครบถ้วนสมบูรณ์ของประวัติ Miles Davis คนนี้แล้วล่ะก็ กรุณาอ่านในเรื่องของ Supada ครับ
แก้ตัวกันไปก่อนแล้ว คราวนี้มาเริ่มจริง ๆ เกี่ยวกับเขาคนนี้กลับครั้งแรกที่เขาได้ทำใหชื่อของเขาขึ้นมาปรากฏในแผ่นที่ของดนตรีแจ๊ส เหมือนกับที่ใคร ๆ ก็ชอบบอกว่า For every action, there will be equally amount of reaction. อะไรทำนองนี้ ที่นายไอแชค นิวตันน่าจะบอกเป็นคนแรก ในขณะที่ บีบ็อปได้เติบโต และดันดนตรีแจ๊สไปสู่ความดุดัน และกายกรรมทางดนตรีที่ผู้ที่จะคงอยู่ได้จำต้องมีความสามารถสูงสุด เช่น เดียวกันกับที่บีบ็อปเป็น reaction ต่อ New Orleans หรือ New Orlean revival ทีเป็น reaction ต่อบีบ๊อปอีกครั้ง ชึ่งผมได้เจตนาที่จะข้ามเรื่องราวเหล่านั้นไป ซึ่งเป็นเรื่องราวของ Post war big band ไม่ว่าจะเป็น Duke Ellington, Count Basie, Woody Herman หรือ Stan Kenton และรวมไปถึง Jazz at the Philharmonic (JATP) ด้วย อย่างไรก็ตามผมก็จะจบเรื่องนี้ไว้เท่านี้มาโฟกัสถึง reaction ที่อยู่คงทนกว่า reaction ที่มีต่อความร้อนแรงของบ๊อป เป็น reaction ที่ตอบคำถามอย่างสุดโต่ง จากร้อนมาสู่เย็น หรือที่เราเรียกมันว่า Cool
การเกิดของ The Cool นั้นเริ่มต้นก่อนด้วย นักดนตรีกลุ่มหนึ่ง หลัก ๆ คือ กลุ่มที่แตกมาจากวงของ Claude Thornhill band ที่มีชื่อเสียงในด้าน composition, arrangement และการใช้เครื่องดนตรีประเภท tubas, French Horn สองนักแต่งเพลงฝีมือดี (แต่ยังไม่ดัง) คือ Gerry Mulligan และ Gil Evans และกลุ่มที่แตกมาจากวงของ Parker ที่มี Miles Davis ที่ในขณะนั้นเริ่มมีชื่อบ้างแล้วเพราะร่วมงานกับวงดัง แต่ถ้าคุณได้ลองฟังแผ่นของ Parker ที่มี Miles เล่นนั้นจะพบว่า ไมส์นั้นไม่สามารถเล่นควบคู่ไปกับ Dizzy ได้เลย และการเล่นของไมส์จำต้องลดจำนวนโน๊ตลง และลดความสูงของโน๊ตลง ทำให้เขาเองดูไม่ค่อยเข้ากับกลุ่มรุ่นพี่ได้ กลุ่มเหล่านี้เริ่มไม่ชอบความรุนเรงของบ๊อป แต่กลับชอบความนุ่ม หรือ ความ Cool ในแบบของ Lester Young เสียมากกว่า สองนัก arrangement ต้องการฟอร์มวงขึ้นมาเพื่อเล่นงาน arrange ของเขาทั้งสอง และ การก่อตั้งวงเป็น nonets ก็เป็นเพราะเป็นจำนวนน้อยที่สุดที่จะได้ sound อย่างที่นักเรียบเรียงทั้งสองเคยทำอยู่กับ big band และในขณะที่กำลังตั้งวงไม่ทันได้อะไรก็ถูกจ้างให้ประจำที่ New York's Royal Roost Club ในเดือนกันยายน ปี 1948 ซึ่งใช้ชื่อว่า "The Miles Davis Band: arrangements by Gerry Mulligan, Gil Evans and John Lewis" ชึ่งในความเป็นจริง นักดนตรีทั้งหมดไม่มีใครมีชื่อเสียง และเป็นดนตรีที่ในขณะนั้นเป็นดนตรีทดลอง ที่เรียบเรียงโดยนักเรียบเรียงที่ไม่มีใครรู้จัก ในขณะที่ Miles Davis พยายามควบคุม นักดนตรีอื่น ๆ ที่เหลืออีกแปดคน ก็ไม่ได้ถูกควบคุมแต่อย่างไร และที่แย่สุดคือต่อมา Miles Davis ได้เคลมความดีความชอบไปแต่เพียงผู้เดียวซึ่งทำให้ Gerry Mulligan ไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่มันเป็นเรื่อง ego อันโด่งดังของไมส์ ซึ่งเราจะพูดถึงมันต่อไปเรื่อย ๆ
วง ๆ นี้ไม่ประสบความสำเร็จเลย จากระยะเวลาสองอาทิตย์ที่ทำการว่าจ้าง วงอยู่ได้เพียงหนึ่งอาทิตย์และถูกเลิกจ้างไป อย่างไรก็ตามมีค่ายเพลง Capitals ที่ค่อนข้างชอบเลยขอเข้าห้องอัด ซึ่งได้เข้าอัดในช่วง 1949-1950 ทั้งหมด 3 ครั้ง ได้มาทั้งหมด 12 เพลง วงทั้งหมดมี 9 เครื่องดนตรี ได้แก่ ทรัมเปต, ทรอมโบน, เฟรนฮอร์น, ทูบา, อัลโตแซก, บาริโทนแซก, เปียโน, เบส และ กลอง มีแค่ 4 คนเท่านั้น ที่เล่นในการอัดทั้งสามครั้ง นั่นคือ Miles Davis, Gerry Mulligan, Lee Konitz, Bill Barber ซึ่งเราจะเห็นได้ชัดเจนมากขึ้นว่าใครเป็นตัวจักรสำคัญใน sessions ในขณะที่ ทรอมโบนจะเป็น J.J. Johnson, Kai Winding ส่วน ฮอร์นก็เป็น Gunther Schuller, Al Haig และ John Lewis ที่ทำหน้าที่เป็น arranger ด้วย รวมไปถึงมือกลองที่ตอนนั้นมีชื่อเสียงแล้ว และมีชื่อเสียงมากที่สุดในทั้งหมดในขณะนั้น คือมือกลองจากวงของ Parker คือ Max Roach, Kenny Clarke ส่วน Gil Evans เป็น arranger หลัก
ไม่ว่าคุณจะคิดยังไงก็ตาม สิ่งที่ถูกเล่นที่ Royal Roost club และต่อมาได้ถูกอัดออกมานั้น ได้กลายเป็นประวัติศาสตร์ของดนตรีแจ๊ส การเปลี่ยนแปลงจากการอิมโพรไวซ์ที่ดุดัน สู่การเรียบเรียงสู่ความโอนอ่อน จากความซับซ้อนสู่ความเรียบง่าย จาก Hot ไปสู่ Cool และดนตรีนี้จะเบ่งบาน เบียดบังบ๊อบในยุค 1950 จนมาถึงปัจจุบัน และทำให้นักดนตรีหลาย ๆ คนใน session เหล่านั้นกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ในเวลาต่อมา อัลบั้มแรกที่ถูกออกมาจากสามเซสชั่นนั้นใช้ชื่อว่า The Birth of the Cool และ การเล่นสดที่ Royal Roost Club ถูกอัดและออกเป็นอัลบั้มมาทีหลังใช้ชื่อว่า The Real Birth of the Cool ในขณะที่ Gerry Mulligan ได้ทำอีกครั้งหลังจากที่ ไมส์เสียชีวิตไปหนึ่งปี โดยมีนักดนตรีเก่า ๆ หลายคนมาร่วม ใช่ชื่อว่า Re-birth of the Cool ในปี 1992 แต่ถ้าแผ่น Complete Birth of the Cool ก็เป็นรวม Birth กะ Real Birth ไว้ด้วยกัน ออกในปี 1998 ครับ
จากคุณ :
Arm1972
- [
วันเถลิงศก (15) 16:09:37
]