PANTIP.COM : C3424556 ถามความเห็นชาวคริสเตียนหน่อยครับ [Madonna]

ความคิดเห็นที่ 6

[พระประวัติโป๊ปค่ะ เอามาจาก Manager Online]

หลังจากที่รอคอยมา 2 วัน ในที่สุดเมื่อวันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา คริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิกก็ได้สมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์ที่ 265 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งพระองค์ทรงมีพระนามที่ทรงเลือกเองว่า “เบเนดิกต์ที่16”

สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ประสูติเมื่อวันที่ 16 เมษายน 1927 ที่เมืองมาร์ก อัม อินน์ แคว้นบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี มีพระนามเดิมว่า โยเซฟ อาโลอีส ราตซิงเงอร์ ปัจจุบันทรงมีพระชนมายุ 78 พรรษา พระองค์ทรงเป็นชาวเยอรมัน และทรงเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาองค์ที่ 2 ที่ไม่ได้เป็นชาวอิตาเลียนในรอบ 300 ปี (ต่อจากสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2) โดยเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาองค์ที่ 8 ที่ทรงเป็นชาวเยอมัน ต่อจากสมเด็จพระสันตะปาปาเอเดรียนที่ 6 ซึ่งได้รับตำแหน่งประมุขแห่งศาสนจักรโรมันคาทอลิกระหว่างปี 1522-1523

ว่ากันว่าสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 เป็นบุคคลที่ทรงเสน่ห์ และมีพระปรีชาสามารถในการใช้วาทศิลป์เป็นอย่างมาก ตรัสได้ถึง 4 ภาษา ทั้งนี้ นักบุญเยซูอิต โทมัส รีซี เคยขนานนามพระองค์ว่าทรงเป็น “คู่สนทนาที่มีวาจาไพเราะยิ่ง” นอกจากนี้เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของพระองค์อีกอย่างหนึ่งคือทรงมีเส้นผมสีขาวโพลนทั่วศีรษะ

เบื้องหลังอุปนิสัยที่สุภาพอ่อนโยน และท่าทางขี้อายของพระสันตปาปาองค์ใหม่วัย 78 พรรษาพระองค์นี้ คือ สติปัญญาแกร่งปานเหล็กกล้าซึ่งพร้อมจะวิเคราะห์แยกแยะผลงานทางเทววิทยา เพื่อตรวจหาความบริสุทธิ์ถูกต้องตามหลักคำสอน อีกทั้งพร้อมจะถกเถียงคัดค้านพวกซึ่งเดินออกนอกแถวอย่างดุเดือดเผ็ดร้อน

คำวินิจฉัยตามแนวทางยึดประเพณีนิยมครัดเคร่งของเขา สร้างความยินดีปรีดาให้แก่บรรดาผู้ร่วมแนวทางอนุรักษนิยมด้วยกัน ขณะเดียวกัน ก็สร้างความโกรธเกรี้ยวแก่ชาวคาทอลิกฝ่ายเสรีนิยม ตลอดจนผู้ที่ศรัทธาเชื่อถือนิกายหรือศาสนาอื่น

ในหนังสืออัตชีวประวัติ ตลอดจนคำให้สัมภาษณ์หลายต่อหลายครั้ง พระองค์ยอมรับว่าในสมัยเป็นวัยรุ่น ได้เคยสมัครเป็นสมาชิกองค์การเยาวชนฮิตเลอร์ โดยมิได้มีความเต็มใจเลย แต่เพราะพรรคนาซีซึ่งครองอำนาจในเวลานั้นออกระเบียบกฎเกณฑ์บังคับ

เดือนพฤศจิกายน 1944 พระองค์ถูกเรียกตัวเข้ารับการฝึกอบรมเพื่อเป็นทหารราบเยอรมัน แต่เนื่องจากเจ็บป่วย จึงได้รับการผ่อนผันไม่ต้องเข้าหลักสูตรฝึกร่างกายแทบทั้งหมด และเมื่อกองทัพสัมพันธมิตรยกทัพบุกเข้ามา พระองค์ก็ตัดสินใจหนีทัพเดินทางกลับเมืองเกิด และถูกกองทัพอเมริกันคุมขังในฐานะเชลยศึกอยู่หลายเดือน เมื่อได้รับการปล่อยตัว พระองค์พร้อมพี่ชาย จึงกลับเข้าศึกษาในโรงเรียนศาสนศาสตร์ เพื่อเตรียมตัวบวชเป็นพระคาทอลิก ตามที่ได้ตั้งใจไว้ตั้งแต่ก่อนถูกเกณฑ์ทหาร

พระองค์ได้รับอนุญาตให้บวชเป็นพระในปี 1951 และการงานส่วนใหญ่ในตอนต้นๆ ก็คือ การเป็นศาสตราจารย์สอนวิชาเทววิทยาในมหาวิทยาลัย

คุณพ่อราตซิงเงอร์ กลายเป็นที่สนใจจับตาขึ้นมาครั้งแรก เมื่อไปเป็นที่ปรึกษาทางเทววิทยาซึ่งเสนอแนวคิดค่อนข้างไปทางเสรีนิยม ระหว่างการเคลื่อนไหวปฏิรูปครั้งสำคัญภายในคริสตจักรคาทอลิก ซึ่งเรียกกันว่า สังคายนาวาติกันครั้งที่ 2 (ปี 1962-65)

แต่การลุกฮือประท้วงของนักศึกษาทั่วทั้งยุโรปในปี 1968 ซึ่งได้อิทธิพลจากแนวความคิดลัทธิมาร์กซ ตลอดจนลัทธิอเทวนิยมไม่เชื่อถือพระเจ้า ดูจะทำให้เขามีแนวคิดโน้มไปทางอนุรักษนิยมยิ่งขึ้นเป็นอันมาก ด้วยเห็นว่าจำเป็นต้องปกป้องหลักคำสอนอันเที่ยงแท้ของคาทอลิก

ในปี 1977 พระองค์ทรงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอาร์ชบิชอปแห่งเมืองมิวนิค และเมืองไฟรซิง และจากนั้นในเดือนมิถุนายนก็ได้รับการแต่งตั้งจากสมเด็จพระสันตะปาปาปอลที่ 6 ให้เป็นพระคาร์ดินัล พระองค์ทรงเป็น 1 ใน 14 พระคาร์ดินัลท่ามกลางพระคาร์ดินัลองค์ทั้งหมด 115 รูป ที่ทรงได้รับการแต่งตั้งจากสมเด็จพระสันตะปาปาปอลที่ 6 ให้เป็นพระคาร์ดินัล นอกจากนี้ก็ทรงเป็น 1 ใน 3 ของพระคาร์ดินัลซึ่งมีอายุน้อยกว่า 80 ปี ที่เป็นตัวเก็งที่จะได้รับเลือกเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาองค์ใหม่

หลังจากเข้ามารับใช้สำนักวาติกันพระองค์ทรงเคยดำรงตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญด้านเทววิทยายาวนานถึง 24 ปี ทว่าพระองค์ทรงมีแนวคิดที่คัดค้านหลักเทววิทยาแนวเสรีนิยมของศาสนจักรในอเมริกาใต้แบบหัวชนฝา จนได้รับการขนานนามว่า "สุนัขรอตต์ไวเลอร์ของพระเจ้า" เลยทีเดียว

ในปี 1981 สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่2 ทรงแต่งตั้งให้พระองค์เป็นเจ้าสมณะกระทรวงซึ่งดูแลเรื่องหลักคำสอนอันเที่ยงแท้แห่งคริสตศาสนจักร (Congregation for the Doctrine of the Faith) เมื่อครั้งที่ยังเป็นพระคาร์ดินัล พระองค์ทรงทำงานร่วมกับสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด ในระยะหลังที่สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 ประชวรอย่างหนัก พระองค์ก็เป็นหนึ่งในบุคคลที่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยสมเด็จพระสันตะปาปาในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา

เป็นที่ทราบกันดีว่าสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ทรงเป็นพระที่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยมมาก พระองค์จะคอยต่อต้านพวกที่มีความเห็นขัดแย้งกับหลักคำสอนของศาสนาคริสต์เสมอ จุดยืนในการเป็นผู้ปกป้องคำสอนของศาสนจักร คือเครื่องรับประกันทางการเมืองและจิตวิญญาณที่เข้มแข็งของพระองค์ แต่ในเวลาเดียวกันก็ทำให้พระองค์ไม่เป็นที่ยอมรับในหมู่ผู้ซึ่งเห็นว่าคริสตจักรจำเป็นต้องมีการปฏิรูปบางอย่างเพื่อให้สอดคล้องกับสังคมสมัยใหม่

พระองค์ทรงเคยออกมาต่อต้านแนวคิดที่ต้องการให้มีนักบวชหญิงในปี 2003 อย่างหัวชนฝา และยังคัดค้านการทำโคลนนิ่งมนุษย์ด้วย อีกทั้งยังต่อต้านการใช้อุปกรณ์คุมกำเนิดทุกชนิดรวมทั้งถุงยางอนามัยด้วย แม้ว่าจะใช้เพื่อการป้องกันโรคเอดส์ก็ตามที โดยพระองค์มองว่าแนวคิดดังกล่าวขัดแย้งต่อหลักการของศาสนาคริสต์

นอกจากนี้ ในปี 1986 พระองค์ยังเคยออกคำประกาศวาติกันประณามการใช้ชีวิตรักร่วมเพศของพวกเลสเบียนและเกย์ด้วย ทั้งนี้ พระองค์ทรงวิพากษ์วิจารณ์ผู้ที่มีรสนิยมชอบเพศเดียวกันว่าเป็นเหมือนปีศาจร้ายที่บั่นทอนหลักการของศาสนจักร

ในปี 2004 เขายังออกเอกสารฉบับหนึ่งซึ่งประณาม "ลัทธิสิทธิสตรีหัวรุนแรง" ว่าเป็นตัวบ่อนทำลายครอบครัว และทำให้ความแตกต่างตามธรรมชาติระหว่างชายกับหญิงต้องเกิดความสับสนวุ่นวาย

คุณสมบัติด้านที่พร้อมสู้รบเผชิญศึกของเขา ปรากฏให้เห็นชัดเจนในปี 2000 จากกรณีถกเถียงเกี่ยวกับเอกสารของสมณกระทรวงซีดีเอฟ ซึ่งใช้ชื่อว่า โดมินุส อิเอซุส

เอกสารฉบับนี้มุ่งหมายที่จะตอกย้ำยืนยันว่า คริสตจักรคาทอลิกคือคริสตจักรหนึ่งเดียวซึ่งเด่นล้ำเหนือกว่าคริสตจักรอื่นๆ ทั้งนี้ก็เพื่อคัดค้านทัศนะซึ่งแพร่หลายอยู่ในเอเชีย ที่ยอมรับลัทธินิกายคริสเตียนอื่นๆ มากกว่า

โดมินุส อิเอซุส ตราหน้าลัทธินิกายคริสเตียนอื่นๆ ว่ามีความบกพร่อง หรือยังมิใช่คริสจักรอันจริงแท้ ปรากฏว่าพวกแองกลิคัน , ลูเธอรัน, ตลอดจนคริสตจักรฝ่ายโปรแตสแตนต์อื่นๆ ซึ่งได้เปิดการสนทนาเกี่ยวกับแนวความคิดทางศาสนากับสำนักวาติกันมาหลายปีแล้ว ต่างรู้สึกช็อก แต่พวกเขากลับต้องยิ่งผิดหวังหนักขึ้นไปอีก เมื่อคาร์ดินัลราตซิงเงอร์ปฏิเสธไม่ยอมฟังเสียงประท้วงคัดค้านของนิกายลูเธอรัน โดยเรียกคำประท้วงนั้นว่า "ไร้สาระ"

จากคุณ : แสงดาว บุญล้อม - [ 20 เม.ย. 48 20:51:42 ]

ความคิดเห็นที่ 7

องค์การ'โอปุส เดอี'ในนิยาย'ดาวินชี โคด'มีอิทธิพลไหมต่อการเลือกโป๊ปองค์ใหม่ [โดย ผู้จัดการออนไลน์]

เอเอฟพี-"โอปุส เดอี" เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปมากขึ้น จากหนังสือนวนิยายขายดีเรื่อง "ดาวินชี โคด" ของแดน บราวน์ แต่องค์การคาทอลิกอนุรักษ์นิยมแห่งนี้ มีอิทธิพลมากน้อยแค่ไหนในการประชุมลับของบรรดาพระคาร์ดินัล เพื่อคัดเลือกผู้ดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาองค์ต่อไป ยังเป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบ

ในจำนวนพระคาร์ดินัล 115 คน ที่จะใช้สิทธิออกเสียงเลือกตั้งโป๊ป ระหว่างการประชุมลับอันจะเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 18 เดือนนี้ มีเพียง 2 คนเท่านั้นซึ่งนับเป็นสมาชิกของโอปุส เดอี

แต่องค์การแห่งนี้ที่ปัจจุบันมีศิษยานุศิษย์กว่า 80,000 คนทั่วโลก และได้รับสมญานามในสเปน ประเทศซึ่งเป็นที่กำเนิดของโอปุส เดอี เมื่อปี 1928 ว่าเป็น "ออคโตปุส (ปลาหมึก) ของพระเจ้า" ก็มีข้อได้เปรียบอันสำคัญยิ่ง

นั่นคือ โอปุส เดอี สามารถเข้าถึงพระสันตปาปาจอห์นปอลที่ 2 ได้อย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษ อีกทั้งได้รับความสนับสนุนและการส่งเสริมจากพระคาร์ดินัลทรงอิทธิพลจำนวนมาก รวมทั้งคาร์ดินัลกามิลโล รุยนี ผู้ได้รับแต่งตั้งให้ดูแลสังฆมณฑลโรม ซึ่งเห็นกันว่าจะเป็นตัวเก็งสำคัญคนหนึ่งที่จะได้เป็นโป๊ปองค์ต่อไป

เมื่อปีที่แล้ว รุยนี คือผู้เริ่มกระบวนการเพื่อนำไปสู่การประกาศให้ บิช็อป อัลบาโร เดล ปอร์ติโญ ผู้นำคนที่สองขององค์การโอปุส เดอี เป็นนักบุญ

สำหรับ โฆเซมาเรีย เอสครีบา เดอ บาลาเกร์ ผู้ก่อตั้งโอปุส เดอี โป๊ปจอห์นปอลที่ 2 ได้ประกาศให้เป็นนักบุญเมื่อปี 2002 หรือ 27 ปีหลังจากที่เขาสิ้นชีวิต ซึ่งตามธรรมเนียมคาทอลิกแล้วถือว่าเป็นการพิจารณาให้อย่างรวดเร็วผิดธรรมดา นอกจากนั้นในพิธีเฉลิมฉลองการประกาศเป็นนักบุญที่วาติกัน ยังมีคาร์ดินัลเข้าร่วมด้วยกว่า 40 คน

พระสันตปาปาผู้เพิ่งล่วงลับ ได้ส่งเสริมกลุ่มคาทอลิกอนุรักษ์นิยมอยู่หลายกลุ่ม อาทิ เดอะ ดีเจียน ออฟ ไครสต์ และขบวนการ คอมมิวเนียน แอนด์ ลิเบอเรชั่น ทว่าพระองค์ทรงพอพระทัยย่างยิ่งกับโอปุส เดอี ถึงขั้นประกาศให้ฐานะความเป็นสังฆมณฑลส่วนพระองค์แก่องค์การนี้ อันหมายถึงโอปุส เดอีสามารถที่จะดำเนินงานที่ใดก็ได้ในโลก โดยอยู่นอกการควบคุมของบิช็อปในท้องถิ่น แต่รับผิดชอบตรงต่อสำนักวาติกัน

ในปี 1998 โป๊ปยังได้ประกาศยกฐานะโรงเรียนเทววิทยาของโอปุส เดอี ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงโรม ขึ้นเป็นมหาวิทยาลัยในพระสันตปาปา ทำให้สถาบันการศึกษาแห่งนี้อยู่ในระดับเดียวกันกับมหาวิทยาลัยลือชื่ออย่างมหาวิทยาลัยเกรกอเรียน ซึ่งบริหารโดยนิกายเจซูอิตที่เป็นคู่แข่งของโอปุส เดอี

สัญญาณของการยอมรับและสนับสนุนเหล่านี้ ทำให้โอปุส เดอี ยิ่งมีอำนาจบารมีที่จะต่อสู้กับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ว่าองค์การนี้เป็นคริสตจักรอนุรักษ์นิยมสุดขั้ว ซึ่งซ้อนซ่อนอยู่ภายในคริสตจักรคาทอลิกอีกชั้นหนึ่ง โดยทำตัวลึกลับและคอยบงการชักใย

อีกทั้งก่อให้เกิดความแตกแยก นอกจากนั้นยังมีการยกย่องเชิดชูผู้ก่อตั้งจนเข้าลักษณะเป็นการสร้างลัทธิบูชาบุคคลอันเข้มงวดกวดขัน คำวิพากษ์วิจารณ์ส่วนใหญ่นั้นมาจากนิกายและกลุ่มอื่นๆ ภายในคริสตจักรคาทอลิกที่มีหัวอนุรักษ์นิยมน้อยกว่า

พระและฆราวาสที่เป็นสมาชิกวงในของโอปุส เดอีจำนวนมาก ได้ครองตำแหน่งสูงๆ ในระบบราชการของสำนักวาติกัน ทั้งนี้รวมถึง โจอาควิน นาวาร์โร-วัลส์ หัวหน้าโฆษกสำนักวาติกัน

หนึ่งในพระคาร์ดินัลที่เป็นสมาชิกโอปุส เดอี คือ จูเลียน เฮอร์แรนซ์ (อีกคนหนึ่งคือ ฮวน ลุยส์ ซิเปรียเน ธอร์เน แห่งเปรู) เป็นที่ทราบกันว่าชอบเชื้อเชิญพระผู้ใหญ่ดูแลสังฆมณฑลต่าง ๆ ไปปรึกษาหารือกันที่คฤหาสน์แห่งหนึ่งในกรุงโรม ซึ่งองค์การแห่งนี้เป็นเจ้าของ

สมาชิกส่วนใหญ่ของแวดวงใกล้ชิดที่สุดกับโป๊ปจอห์นปอลที่ 2 ตลอดจนบิช็อปผู้รับผิดชอบสังฆมณฑลที่เป็นเมืองระดับมหานครจำนวนมาก ก็ล้วนมีความเกี่ยวโยงใกล้ชิดกับโอปุส เดอี จนผู้สังเกตการณ์บางคนบอกว่า องค์การนี้เป็นกลุ่มเดียวที่มีการจัดตั้งอย่างดีและทรงอำนาจพอที่จะส่งอิทธิพลสำคัญในการประชุมลับของพระคาร์ดินัล

เมื่อไม่นานมานี้ สำนักวาติกันได้มอบหมายให้พระคาร์ดินัล ตาร์ชิซิโอ แบร์โตเน อาร์คบิช็อปแห่งเจนัว รับหน้าที่ในการต่อสู้กับความคิดนอกรีตต่างๆ ซึ่งปรากฏอยู่ในนวนิยาย "ดาวินชี โคด" ทั้งนี้ในหนังสือเล่มนี้ได้ผูกเรื่องให้บิช็อปโอปุส เดอีผู้หนึ่ง สั่งการให้นักบวช (monk) โอปุส เดลี ไปกระทำฆาตกรรม แม้ความจริงแล้วองค์การนี้มิได้มีนักบวชประเภทนี้แต่อย่างใด

แน่นอนว่า นวนิยายระทึกขวัญยอดฮิตเรื่องนี้ ทำให้ผู้คนทราบถึงองค์การนี้เพิ่มขึ้นมาก ทว่าหนังสือเล่มอื่นๆ อาทิ "บิยอนด์ เดอะ เธรสโชลด์" ของ มาเรีย เดล การ์เมน ตาเปีย ซึ่งบอกว่าเธอเป็นเลขานุการของบลาเกรย์ ผู้ก่อตั้งโอปุส เดอี ก็อ้างว่าให้ข้อมูลอันถูกต้องยิ่งกว่า เกี่ยวกับการดำเนินชีวิตภายในองค์การ

ส่วนใครจะเชื่อใคร มากน้อยแค่ไหน ก็คงต้องพึ่งวิจารณญาณของแต่ละท่าน

จากคุณ : แสงดาว บุญล้อม - [ 20 เม.ย. 48 20:57:36 ]