ความคิดเห็นที่ 4
ถ้าจะอธิบายมันก็ยาวอยู่ แต่ถ้าอยากรู้ก็เอาเนื้อๆ ไปเลยนะ
เมื่อศิลปะก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 20 สิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ ความแตกต่างกันในทางความคิด ของศิลปินแต่ละคน โดยที่ศิลปินแต่ละคน ก็จะคิดอะไรที่เป็นตัวของตัวเองที่เป็นอิสระ และเป็นส่วนตัวมากขึ้นทุกที โดยไม่ยึดถือรูปแบบ ใด รูปแบบหนึ่งของศิลปะที่มีมาก่อนในอดีต แต่จะใช้วิธีการแสดงออกในแบบต่างๆ ที่เลือกแล้วว่า เหมาะสำหรับที่จะนำมา แสดงความคิดของตน ดังนั้นศิลปะสมัยใหม่นี้ ศิลปินอาจจะใช้เครื่องมือในการแสดงออกรูปแบบ ใดรูปแบบหนึ่ง ของศิลปินในอดีตที่เคยทำมาก่อน หรืออาจใช้หลายรูปแบบมาผสมกัน หรืออาจสร้างวิธีการแสดงออกขึ้นมาใหม่ก็ได้ ในการนำเสนอผลงานจากความแตกต่าง และหลากหลายทางความคิดเช่นนี้ งานศิลปะในยุคหลังๆ ก็จะมี ความเป็น นามธรรมมากขึ้น จนเกิดรูปแบบศิลปะที่เราเรียกกันว่า Abstract เกิดขึ้น ศิลปะ Abstract คืองานศิลปะที่ไม่มีอะไรเมือนจริงในธรรมชาติเลย แต่จะเป็นความคิดสร้างสรรค์ของศิลปินที่ แสวงหาวิธีการแสดงออกทางความคิด ที่เป็นอิสระของเส้น สี และรูปทรง แต่ทั้งนี้ไม่ใช่ว่าศิลปินทำงานอะไรออกมามั่ว ๆ ได้ เพราะว่า กว่าที่ศิลปะ Abstract จะเกิดขึ้นมาได้นั้น มันต้องผ่านวิวัฒนาการทางความคิดและรูปแบบศิลปะ กล่าวคือ มันต้องผ่าน รูปแบบของศิลปะกึ่งนามธรรม (Semi - Abstract Art) เช่นศิลปะแบบ Expressionism, Cubism และ Fauvism พวกนี้มาก่อน ถึงจะมาเป็น Abstract ได้อย่างเต็มตัว Type of Abstract Art ? เมื่อศิลปะก้าวเข้ามาในแนว Abstract อย่างเต็มตัว นั่นก็หมายความว่า เรื่องราว หรือ เนื้อหาของภาพจะถูกลดความสำคัญลง หรือ ถูกบิดเบือนตัดทอน เพื่อที่จะเปลี่ยนไปเป็น Abstract มากขึ้น ศิลปะ Abstract เราอาจแบ่งได้เป็น 2 พวกใหญ่ๆ คือ 1 Abstract Expressionism 2 Geometric Abstraction ศิลปะ Geomatric Abstracttion นั้นจะเป็นพวกที่สืบถอด และรับอิทธิพลมาจากพวก Cubism ศิลปินใน กลุ่มนี้ ที่เห็นได้ชัดก็คือ Piet Mondrain ส่วนกลุ่ม Abstract Expressionism นั้นจะรับอิทธิพลมาจาก Kandinsky เป็นหลัก ศิลปินในกลุ่มนี้ ยังแบ่งเป็นอีก 2 พวกใหญ่ๆ อีกก็คือ - Action Painting เช่น Jackson Pollock - Colour-Field Painting เช่น Mark Rothko
ศิลปะแบบ Geomatric Abstract นี้ได้สืบทอดแนวความคิดของพวก Cubism ที่ว่า "การลดถอน ทุกสิ่งทุกอย่างลงจนเหลือแค่โครงร่างเรขาขณิต" โดยที่พวกเขานำมาเสนอใหม่ในรูปแบบ Abstract อย่างเต็มตัว ศิลปินในกลุ่มนี้ที่เด่นๆ ก็คือ Piet Mondrian เขาเป็นจิตรกรชาวดัทช์ โดยที่เขามีความคิดในการทำงานศิลปะว่า จะต้องเลิกล้มประเพณีของจิตกรรมแบบเก่าๆ โดยเน้นที่จะต้องเป็นศิลปะเป็น Abstraction และ Simplification ซึ่งนั่นก็คือ การเน้นโครงสร้างที่คิดคำนวณอย่างหนัก ในการนี้ เส้นตรงเข้ามามีบทบาทสำคัญ และก็มีความชัดเจน ส่วนสีก็จะ ลดให้เหลือแต่แม่สี แดง เหลือง นํ้าเงิน และสีกลาง (ขาว เทา ดำ) การลดรูปทรง ลดสีนี้ มันเป็นสัญลักษณ์ ที่แฝงมาจากปรัชญาตะวันออก และการสอนเกี่ยวกับสมาธิ วิปัสนา (Theosophy) ที่มีอยู่ในขณะนั้น ในปี ค.ศ. 1911Mondrain ได้เดินทางไป Paris ซึ่งอยู่ในช่วงที่ Cubism กำลังแพร่หลายที่นั่น ทำให้เขา ได้รับอิทธิพลในเรื่องสีจาก Picasso และ Braque ซึ่งก็คือการใช้สีในแนวเขียวตะไคร่ สีเทา สีดินออกเหลือง นํ้าตาล แต่ Mondrian จะทำเส้นให้ตรงไปตรงมา มากกว่าจะจัดวางระนาบ และเส้นเฉียงๆ แบบ Cubism ของ Picasso ถึงแม้ว่า Mondrain จะรับอิทธิพลจากศิลปะแบบ Cubism แต่เขาก็ไม่ทำภาพที่ไม่มีเนื้อหา และ ความลึกลวงตาในภาพอย่างของ Cubism จุดมุ่งหมายสุดท้ายที่ Mondrain ต้องการในภาพเขียนของเขาก็คือ Pure Reality หรือ สัจธรรมบริสุทธิ์ Reality ของ Mondrain ก็คือสีที่มีอยู่ขณะนั้นในภาพไม่ใช่ Reality ในการเลียนแบบธรรมชาติให้เหมือนจริง โดยที่ Mondrain นั้นเขาจะแสดงความเป็น Reality ด้วยการจัดรูปทรง และสีให้มีแรงผลักดัน เคลื่อนไหวอย่าง ได้ดุลย์กัน Mondrain จะมีวิธีการจัดรูปทรงสี่เหลี่ยมวางในแนวดิ่ง มุมทุกมุมจะเป็นมุมฉาก มีเส้นดำเด่นในแนวดิ่ง และ ในแนวราบ สลับผ่าน รูปสี่เหลี่ยมที่ใช้สีแดง สีนำเงิน สีเหลือง โดยอยู่บนพื้นภาพสีกลางๆ (ขาว) ทำให้เกิด โครงสร้างที่มีเส้นรอบนอก เคร่งครัด เป็นรูปแบบ "Neo-Plasticism" ที่ Mondrain ได้ค้นพบขึ้นมาเอง และทำได้สมบูรณ์แบบ อย่างที่เราเห็นได้ในภาพ New York City Neo - Plasticism ก็คือพลังเคลื่อนไหวของรูปทรง และ สีที่สะอาดบริสุทธิ์ โดยเป็นผลของการวางแผน ไตร่ตรองไปตามขั้นตอน จนได้ศิลปะนามธรรมแท้ ที่มีพื้นฐานความคิดจากโลกและวัตถุจริงจากธรรมชาติ เช่น ผังเมือง New York ซึ่งถือได้ว่าเป็นแนวคิดสมัยใหม่แบบหนึ่งในการแสวงหาความจริง เกี่ยวกับภาวะของวัตถุที่เป็นสามมิติ ซึ่งก็ทำให้งานของ Mondrain เป็นงาน Geometric Abstraction ที่สมบูรณ์ทั้งรูปแบบและความคิดนั่นเอ
ศิลปินในแบบ Abstract Expressionismนี้ คำๆนี้ถูกใช้ เป็นครั้งแรกในงาน จิตกรรมของ Kandinsky ศิลปินในกลุ่มนี้ แม้จะทำงานในแบบ Abstract แถบทั้ง สิ้นแต่ก็ไม่ได้มีรูปแบบ ที่เป็นอย่างเดียวกัน เราแบ่งศิลปะกลุ่ม Abstract Expressionism นี้ได้ 2 กลุ่มใหญ่ๆคือ 1 Action Painting 2 Colour Field Painting
Action Painting ศิลปินกลุ่มนี้จะเป็นศิลปินอเมริกันเสียส่วนใหญ่ แต่พัฒนาการของศิลปะแบบนี้นั้น คงมาจาก อิทธิพลจากศิลปะหลายๆแนวทางก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็น Dadaists, Futurists, Surrealists และอื่นๆ อีกหลาย แนวทาง ศิลปินในแบบ Action Painting ที่ทำงานในแนวนี้ได้โดดเด่นมากก็คือ Jackson Pollock พอลล็อคเป็น ศิลปิน Abstract Expressionism ในแบบ Action Painting กล่าวคือ เขาเป็นศิลปินที่ใช้สี โดยการหยดสีลงบน ผืนผ้าใบ ในขณะที่ตัวเขาก็เดินยำไปบนผืนผ้าใบ ที่วางแผ่ไว้กับผืนนั้นด้วย ซึ่งเขาไม่ได้ใช้วิธีการระบายสีตามปกติ สีที่ Pollock ใช้หยดลงบนผืนผ้าใบนี้ จะเป็นการหยดสีที่มีแนวสาน และ ซ้อนกันเป็นชั้นๆอยู่ทั่วๆไป ซึ่งทำให้เกิดพื้นที่ ที่ว่างบนผืนผ้าใบขึ้น และบริเวณพื้นที่ว่างนี้เองได้เกิดงานศิลปะขึ้นมา ด้วยลีลาความเคลื่อนไหวของตัวเขา ที่ถูกบันทึกไว้ ภาพของ Pollock มันไม่ใช่แค่สีที่สาดๆไปบนผืนผ้าใบเท่านั้น แต่ภาพของ Pollock ยังสื่อไปถึงพลังของ ธรรมชาติ ที่ลอยระเหย กระจายและแปรรูปได้ เช่น กลุ่มควัน เปลวไฟ และสายนํา หรือบางทีอาจพลาดพิงไปถึง ภาพตื่นตาทางดาราศาสตร์เลยทีเดียว เมื่อมองผ่านกล้องดูดาว หรือแม้กระทั่ง พลังปรมาณูที่ดูจากกล้องจุลทัศน์ อย่างในภาพ Autumn Rhythm ของ Pollock ภาพนี้ ซึ่งก็เป็นภาพหนึ่ง ที่ทำให้เรานึกถึงธรรมชาติได้ สิ่งสำคัญในงาน Abstract แบบ Action Painting นี้ก็คือ การใช้สีที่มีความฉลับพลัน ไม่มีการออกแบบอะไว้ ล่วงหน้าทั้งสิ้น การใช้สีจะขึ้นอยู่กับ อารมณ์ และ จังหวะความคิดในช่วง ฌ. เวลานั้น ที่ศิลปินกำลังวาดรูป หรือ หยดสี ลงบนผืนผ้าใบนั่นเอง ซึ่งก็สรุปได้ว่าหัวใจของ Action Painting คือการใช้สีที่สดฉับพลัน และดูเคลื่อนไหว โดยที่ จังหวะของสีนั้น จะเป็นตัวบอกและสื่อถึง ความหมายที่มีอยู่ในภาพนั่นเอง Colour Field Painting งาน Abstract แบบ Colour-Field Painting นี้ค่อนข้างที่จะตรงข้าม กับงานแอบแสตรคแบบ Action Painting เป็นอย่างมาก ในแง่ของความสงบนิ่ง ศิลปินคน สำคัญในแนว Colour Field Painting นี้ก็คือ Mark Rothko งานจิตรกรรมของ Rothko นั้นมีที่มาจากงานของจิตรกรแนว Romantic สำคัญๆ เช่น Turner ตรงลักษณะที่มวลสาร วัตถุละลายหายสูญไป เหลือไว้แต่บริเวณที่เรื่อเรือง ที่เงียบ ลึกลับ และงานของ Friedrich ศิลปินชาวเยอรมัน ตรงความเป็นปริศนาของภาพต่อคนดู อย่างเช่น ในภาพ Monk by thw Sea ของ Friedrich เอง Rothko เขาจะเขียนภาพที่เป็นบริเวณปิด ในพื้นที่สี่เหลี่ยมมีสีที่ขยายออก เรื่อยๆ โดยไม่มีจุดศูนย์กลางในภาพ และ ก็ไม่มีรูปภาพอะไรในนั้นเลย จะมีก็แต่เพียงสีที่ดูลึกลับซึ่งก็ทำให้คนดู เพลิดเพลินอยู่กับบริเวณสีที่ล้อมรอบ แล้วซึมซาบเข้าไปในประสบการณ์ของสี Rothko จะแสดงความเชื่อถือศรัทธาออกมา ทางภาพที่ไม่แสดงออก ให้เห็น ว่าเป็นรูปทรงของวัตถุ สิ่งของอันใด ซึ่งมันอาจจะออกมาป็นในรูปของท้องทะเล ท้องฟ้า และขอบฟ้าที่แสนไกล ไร้ขอบเขต หรือในรูปภาพแอ็บแสตรคที่ว่างเปล่าเท่ากัน ในภาพเขียนของ Rothko นั้นจะคงมีแต่เพียงบริเวณ ที่เรื่อเรือง แผ่ขยายบริเวณออกไปในความเงียบ และว่างเปล่า
แนะนำสุดท้าย........ มีเวบงานแอ๊บแสต็กไทยสวยๆ ดูได้ที่ www.pansa-art.com
ตอบสั้น ๆแค่นี้ น่าจะเข้าใจนา .... อิอิ
จากคุณ :
ลุงบี (be^-^one)
- [
11 มิ.ย. 48 23:29:52
]
|
|
|