ความคิดเห็นที่ 29
เป็นกระทู้ที่น่ารัก อบอุ่นที่ได้อ่าน ขออนุญาติโพสต์ คอลัมน์จากเนชั่นสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 14-20 มี.ค.48 มาร่วมกระทู้แห่งความหลังนี้ด้วยครับ
"คิดถึงสกาลา" รายการ 'วันวานยังหวานอยู่' ทำให้ผมคิดถึงโรงหนังชั้นหนึ่งในเมืองไทยเมื่อ 30 ปีก่อน โรงที่มีงานสร้างงามสง่า อยู่ในแหล่งนัดพบยอดนิยม และเป็นแหล่งนัดพบของหัวใจมานักต่อนัก ข้อหลังนี้ หนุ่มใหญ่สาวใหญ่ปัจจุบัน คงปฏิเสธไม่ได้
นึกถึงวันแรกนัดไปดูหนัง The Terminator (1984), Rambo : First blood part II (1985), The Last Emperor (1987), Thelma & Louise (1989), Ghost (1990), Dances with wolves (1990)...เวลาล่วงเลยมาถึงวันนี้ นานพอที่แต่ละคู่จะมีลูกคนโตอายุได้สัก 7-8 ขวบ เป็นอย่างน้อย นานพอที่คุณจะหลงลืมสาวๆ บางคนได้ หากพาไปดูหนังมากกว่า 1 และนานพอที่จะทำให้ สกาลา ใกล้เป็นพิพิธภัณฑ์ของโรงหนัง Stand alone แล้ว
สกาลามีอายุยืนยาวมา 36 ปีแล้ว ตัวเลขเท่านี้ถ้าเป็นคน ไม่ถือว่ามาก แต่เป็นโรงหนังใหญ่ในเมืองไทย ถือว่าเข้าขั้นปาฏิหาริย์ เหลือเชื่อที่ไม่ตกเป็นเหยื่อของค้อนปอนด์ ทำเลที่ตั้งก็ชวนให้ถอดใจ หลับหูหลับตารับทรัพย์ให้เขาเอาที่ไปทำศูนย์การค้า หรือจะไปสร้างเมืองหนังแบบมัลติเพล็กซ์ ก็ได้ทั้งนั้น
ไม่เสียฟอร์มโรงหนังชั้น 1 ของหนุ่มสาวนิสิต นักศึกษา ที่ผันตัวเองเป็นลุงเป็นป้าถ้วนหน้า ตอนที่ผมนั่งรถเมล์สาย 15 มาจากท่าพระจันทร์ เลาะคลองหลอด ทะลุแยกประปาแม้นศรี ก่อนข้ามสะพานกษัตริย์ศึกมาถึงสยามสแควร์นั้น ราคาตั๋วแค่ใบละ 30 บาท แพงขึ้นไปก็ 40 50 60 ไม่นับความแปรปรวนของราคา หากเรื่องที่ฉาย น่าชมถึงขนาดผียังมาจองตั๋วไปโก่งราคา สกาลา เป็นโรงที่ขึ้นชื่อมากเรื่องนี้ ความจริงบ้านใกล้เรือนเคียงอีก 2 โรง ก็พอๆ กัน วัยรุ่นวัยมีการศึกษาก่อนนั้น ขุ่นเคืองกันมาก มันต้องมีคนในรู้เห็นเป็นใจแน่ ถึงทำได้
เหมือนกับใบปิดหนังขนาดเล็ก หรือ Hand Bills สมัยหนึ่งได้รับความนิยมในหมู่นักสะสม จากที่เคยแจกฟรีสำหรับทุกคนที่ตีตั๋ว กลายเป็นของมีราคา วางขายตามจตุจักร อนุสาวรีย์ชัยฯ และที่ผมเห็นมากับตาจะจะ คุณพี่ผู้หญิงคนขายตั๋วที่สกาลานี่แหละ งัดออกมาเป็นอัลบั้มให้คนพวกนี้รับซื้อไปเป็นชุดๆ! ช่างเถอะครับ มันก็ล่วงเลยมา จนเป็นส่วนหนึ่งของอดีตไปแล้ว สิ่งไม่ดีทั้งหลายถูกทดแทนไปด้วยการพัฒนา นอกจากตั๋วผี ยังมีเก้าอี้เสริม เบาะที่นั่งขาด และอาจมีลูกแมลงสาบหลับใหลอยู่ หนูแมววิ่งกันพล่านในโรง ฟิล์มไหม้ขาดเห็นๆ (โรงมัลติเพล็กซ์ก็มี) และรอคิวเข้าห้องน้ำ
เรื่องเข้าห้องน้ำนี่จะว่าไป ยุคก่อนสกาลา หรือ 3 เสือแห่งสยามแควร์ (สยาม ลิโด้ สกาลา) คนดูน่าจะปวดท้องน้อย เพราะอั้นฉี่มากกว่าเดี๋ยวนี้ ห้องน้ำจะไม่ถูกแยกอยู่ภายนอก จะอยู่ด้านในตัวโรง มีผ้าม่านรูดปิด เวลาหนังฉาย จะมีไฟแดงๆ แสดงไว้ 'ห้องน้ำชาย' ด้านหนึ่ง 'ห้องน้ำหญิง' อีกด้านหนึ่ง เหมือน 'ทางออก' ใครตีตั๋วมาดูตรงหัวแถวทางเข้าห้องนี้ ก็เซ็งไป แล้วปริมาณมีไม่มากพอสำหรับปลดทุกข์พร้อมกันเกิน 3-4 คนนะครับ จำได้ว่าโถยืนฉี่ โรงชั้นหนึ่งหลายที่มีมากสุด 2 โถ! พอเปลี่ยนรอบฉาย คนดูชุดเก่ากับชุดใหม่แย่งกันฉี่ จนพนักงานเฝ้าประตู ยืนรอปิดจนหนังรอบใหม่ขึ้นไตเติ้ลก็มี
อันนี้เป็นข้อดีของโรงหนังมัลติเพล็กซ์ คุณสุภาพบุรุษสามารถเลือกโถได้ตามใจชอบเป็นสิบๆ โถ ไม่ต้องกดก๊อกน้ำยามก๊อกท่านเสร็จกิจ เขามีระบบเซ็นเซอร์ปล่อยน้ำ แถมมีทีวีในสุขา ให้ยืนขบคิดพิจารณาสินค้าขณะทำธุระ ตำแหน่งที่นั่งชมภาพยนต์ไม่บังกัน เพราะออกแบบให้มีความลาดชัน ถ้าพาเด็กเข้าไปดู สามารถขอเบาะรองนั่งได้ต่างหาก สนนราคาแบ่งเป็นชั้นๆ คล้ายยุคก่อน นอกจากระยะใกล้ไกลแล้ว ยังขึ้นอยู่กับความทันสมัย โอ่โถงของเก้าอี้ 120 บาท ที่นั่งธรรมดา 140 บาท ยกที่พักแขนขึ้นลงได้ พร้อมผ้าขาวรองหัว (กลัวเบาะเขาเปื้อนมั้ง?) คู่ละ 300 ไม่มีที่พักแขน ขวางกั้นการดูหนังให้อบอุ่น แต่คุณจะกอดจะฟัดคนที่มาด้วย โปรดระวัง หนังฉายสัก 10 นาที พนักงานจะมาเสริฟพั้นซ์ ฉายไปอีก 10 นาที จะหยิบผ้าห่มมาเผื่อหนาว จนคุณรู้สึกลังเลว่า เขาจะมาอีกหรือเปล่า?
ถ้าแพงกว่านี้ เป็นระดับราคา 500 บาทขึ้น ท่านผู้ชมสามารถนอนดูหนังได้เหมือนอยู่ในห้องนอน พร้อมเครื่องดื่มครบครัน ถ้ามีใครบอกว่าโรงหนังยุคนี้ นอนดูได้ ตอนที่คุณกำลังซื้อตั๋วผีเพื่อดู จูราสสิคปาร์ค เมื่อปี 2536 ไอ้หมอนั่นคงสติเฟื่อง
ผมจำไม่ได้แล้วว่าเรื่องล่าสุดที่ไปดูที่สกาลา หรือ ลิโด้ หรือสยาม ซึ่งเก่าแก่ที่สุดแถบนั้นคือเรื่องอะไร ตอนไปดูเมื่อ 3 ปีก่อนก็ไปดูที่สยามดิสคัฟเวอรีซะอีก ทำเหมือนหมดเยื่อขาดใยฝั่งตรงข้าม จนกระทั่งรายการวันวานยังหวาน อยู่มาจุดประกาย
ผมจำชุดยูนิฟอร์มสีเหลือง ของพนักงานในเครือเอเพ็กซ์ได้ จำเค้กกล้วยหอมที่ขายคู่น้ำอัดลม จำห้องน้ำที่อยู่ด้านนอกโรงแยกขวาซ้ายชายหญิงได้ จำบันไดเลื่อนแห่งแรกในโรงภาพยนตร์ที่สยาม (ถึงจะไม่ค่อยเปิดก็เถอะ) จำการจำแนกประเภทหนังที่ลงโรงได้ หนังไทยฉายที่สยาม หนังจีนที่ลิโด้ และหนังฝรั่งที่สกาลา จำโฆษณาสวนอะไรน้า? รายล้อมด้วยปาล์มหนามโคลัมเบีย สระว่ายน้ำในตำแหน่งแห่งยอดขุนเขา ขับจากพัทยาไปหนึ่งเพลิน จำการเปิดเพลงโหมโรงที่สกาลา
ก่อนม่านค่อยๆ คลี่ออกเพื่อฉายภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ จำเหตุการณ์ไฟไหม้ลิโด้เมื่อปี 2536 ได้ ก่อนกลายเป็น 3 โรงย่อยฉายหนังอาร์ตเฉพาะคอหนังบางกลุ่ม
ความจริงผมจำหนังหลายเรื่องที่เข้าชมในแต่ละโรงได้ด้วยว่า หนังเรื่องไหนสนุก หนังเรื่องไหนดี และแน่นอนว่าไปชมกับใคร? การรื้อฟื้นความทรงจำโรงหนังแต่หนหลัง มันก็ดีอย่างนี้ ค่อยๆ จำโรง จำเรื่อง จำคน และจำยอม..อมยิ้มได้ในที่สุด
จากคุณ :
kanokrat
- [
27 มิ.ย. 48 12:33:03
]
|
|
|