ความคิดเห็นที่ 42
สวัสดีครับ ประเทศไทย สวัสดีครับ คุณมีตุลา-คุณมาตุลี สวัสดีครับทุก ๆ ท่าน มาเอาป่านนี้ ไม่รู้ว่า ปิดวิก ไปแล้วหรือยัง เอ่อ... ถึง ปิดวิก ไปแล้ว ก็ยังมานั่ง ข้างวิก หยิบสุราจากย่ามมารินใส่จอก กรอกใส่คอ แล้วก็ตั้งวงรอ รอการล้อมวงครับ
เห็นหัวข้อ นางในวรรณคดี สู่บทเพลงเพื่อชีวิต ใจก็นึกถึง ตัวเอก ที่ปรากฏชื่อเสมอ ๆ วันทอง-โมรา-กากี ก็เป็นตัวเอกก็ต้องเป็นอย่างนั้นนี่ครับ ผมคงไม่พูดถึงล่ะ เพราะเห็นว่ากันไปมากโขแล้ว อันที่จริง นางเอกจากวรรณคดี หรือ ตัวนาง จากวรรณคดี ยังมีอีกมาก ที่ถูกนำมาถึงในบทเพลง เช่นว่า สุวรรณมาลี ที่ถูกอ้างกลาย ๆ เสมอ ไม่ว่าจะบทเพลงในสายสกุลไหนก็ตาม
ผมเห็นด้วยกับ คุณ ปะหล่อง ครับ ที่บอกว่า พอพูดถึง ตัวละครในวรรณคดี กับสายสกุลเพลงเพื่อชีวิต จะมีให้หยิบมาพูดถึงได้ไม่มากนัก แล้วยิ่งจำกัดเฉพาะ ตัวนาง นี่ก็ยิ่งเหลือไม่เท่าไรเลย ถ้าไม่จำกัดตัวนาง ก็ยังพอเห็นได้ประปราย ในงานเพื่อชีวิตยุคหลัง ๆ อย่าง ยืนยง โอภากุล ก็เคยเอา พระอภัย กับ ปี่ มาเขียนเป็นเพลงในเชิงขบขัน ให้ ธนิตย์ ศรีกลิ่นดี ร้องเสียหนึ่งเพลงเลยครับ
อย่าว่าอย่างโน้นอย่างนี้เลยครับ เอาเป็นว่า ผมมาร่วมเสวนาในประเด็นว่า ทำไมสายสกุลเพลงเพื่อชีวิต ถึงหยิบเอาตัวละครในวรรณคดี มาใช้ค่อนข้างน้อยถึงน้อยมาก เสียเหลือเกิน ดีกว่าครับ
ก็อย่างที่คุณปะหล่อง บอกแหละครับว่า ถ้าเป็น ลูกกรุง-ลูกทุ่ง มีเยอะแยะจนนับไม่ถ้วนทีเดียว ทั้งตัวนาง-ตัวพระ-ตัวผู้ร้าย ไปจนถึงวรรคทองและวรรคธรรมดา ในวรรณคดี ที่มีให้หยิบมาเลือกใช้มากมาย พูดถึงตรงนี้ ต้องขออนุญาต แสดงความชื่นชมอย่างยิ่ง ต่อการทำข้อมูลว่าด้วย เพลงที่ได้อิทธิพลจากวรรณคดี ของคุณปะหล่อง ครับ มีประโยชน์มากทีเดียวเลยครับ
คุณปะหล่อง สรุปด้วยว่า
ยืนยันความจริงได้ประการหนึ่งคือ ครูเพลงสมัยก่อนนั้น ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ซึมซับและซาบซึ้ง ในสุนทรียรสของวรรณคดีไทยเป็นอย่างดี ทั้งจากการฟัง การอ่านและการดู
ผมเห็นด้วยหมดใจโดยไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ เลยครับ เช่นเดียวกับอันนี้
แตกต่างกับนักแต่งเพลงสมัยนี้ที่ (ผู้เขียนไม่ใช้คำว่าครูเพลง) ที่พากันผลิตผลงานแบบธุรกิจฟาสต์ฟู้ด (นักเขียนบางคนใช้คำว่าแดกด่วน) จนเราไม่สามารถมองเห็นกวีโวหารหรือศิลปะในบทเพลงได้เลย
โอ....ผมเห็นด้วยเสียยิ่งกว่าเห็นด้วยอีกหลายเท่านักเลยครับ แล้วจากนั้น ก็ขออนุญาต ต่อยอด จากชิ้นงาน ของคุณปะหล่อง เลยครับ
ผมตั้งประเด็นไว้ว่า ... ทำไมสายสกุลเพลงเพื่อชีวิต ถึงหยิบเอาตัวละครในวรรณคดี มาใช้ค่อนข้างน้อยถึงน้อยมาก เสียเหลือเกิน เทียบไม่ได้เลยกับสายสกุลเพลง ลูกกรุง-ลูกทุ่ง ที่มีจำนวนมากมาย แปลว่า นักแต่งเพลงในสายสกุลเพื่อชีวิต มิได้ซึมซับและซาบซึ้งในสุนทรียรสของวรรณคดีไทยเป็นอย่างดี ทั้งจากการฟัง การอ่านและการดู หรือ ? โอ....เปล่าเลยครับ ตรงกันข้าม นักแต่งเพลงในสายสกุลเพื่อชีวิต กลับ ซึมซับและซาบซึ้ง ในสุนทรียรสของวรรณคดีไทยเป็นอย่างดี ทั้งจากการฟัง การอ่านและการดู อย่างยิ่ง ไม่แพ้สายสกุล ลูกกรุง-ลูกทุ่ง
พูดกันแบบตรง ๆ ต้องบอกว่า สายสกุลเพื่อชีวิต แตกหน่อจาก รากแก้ว ของสายสกุลเพลง "ลูกทุ่ง นี่ก็คงยืนยันแนวทางบางประการ ที่สืบต่อกันมาได้กระมังครับ
ถ้าอย่างนั้น ทำไมสายสกุลเพลงเพื่อชีวิต ถึงหยิบเอาตัวละครในวรรณคดี มาใช้ค่อนข้างน้อยถึงน้อยมาก เสียเหลือเกินล่ะ ? คำตอบก็มีง่าย ๆ อย่างนี้ครับ เรื่องของเรื่องก็คือ นี่เป็นเรื่องของความเชื่อในทฤษฎีการเมือง ปฏิเสธมิได้ว่า บทเพลงในสายสกุลเพื่อชีวิต เติบโตและแนบแน่นกับอุดมการณ์การเมือง แบบ สังคมนิยม มากกว่า ทุนนิยม ทฤษฎีการเมืองแบบ สังคมนิยม มีการนิยาม ศิลปะ ในความหมายหนึ่ง ซึ่งแตกต่างกับ ความหมายของ ทุนนิยม
ศิลปะ ของ สังคมนิยม เป็นเครื่องมือชนิดหนึ่ง ในการส่งสารต่อสังคม และเพื่อรับใช้สังคม และเราเรียกขานศิลปะในทฤษฎีการเมืองนี้ว่า ศิลปะเพื่อชีวิต ต่างกับ ศิลปะ ของ ทุนนิยม ที่เป็น ศิลปะเพื่อศิลปะ อันเป็น ความงาม เพื่อรับใช้บุคคลหรือกลุ่มบุคคล
กลับมาที่ วรรณคดี ครับ วรรณคดี ปฏิเสธมิได้ว่า เป็น ศิลปะ ที่รับใช้ คน-กลุ่มคน(ในที่นี้ หมายถึงชนชั้นศักดินา และกลุ่มคนที่กุมอำนาจในโครงสร้างสังคม) เป็นความงามที่ถูกสร้างขึ้น เพื่อรับใช้พวกเขาเหล่านั้น ว่าไปแล้วในห้วงเวลานั้น วรรณคดี คือสิ่งมอบเมา และแทบจะไร้คุณค่าโดยสิ้นเชิง นี่เป็นเหตุผลหนึ่ง ที่ ตัวละครในวรรณคดี มีน้อยมาก ที่จะมาปรากฏตัวในบทเพลงสายสกุลเพื่อชีวิต (หมายรวมถึงศิลปะแขนงอื่น ๆด้วย) นั่นเป็นเรื่องราวในอดีต ว่าด้วย ศิลปะเพื่ออธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นครับ ทว่า ! ณ ปัจจุบัน ต้องบอกว่า ความขัดแย้งเช่นว่านี้ (หมายรวมถึงความขัดแย้งทางทฤษฎีและฯลฯ) คลี่คลายไปอย่างมาก พร้อม ๆ กับการจำแนก และยอมรับคุณค่า ในลักษณะที่แตกต่างกันไป ณ วันนี้ ศิลปะ มิได้มีความหมายโดด ๆ โดยอิงแอบกับทฤษฎีการเมืองใด ทฤษฎีการเมืองหนึ่ง หากแต่สามารถอธิบายได้โดยมองผ่าน แว่นสีต่าง ๆ ได้ทั้งสิ้นแล้วครับ นี่เพราะศิลปะ มิสามารถถูกจำกัดโดยนิยามใด นิยามหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นศิลปะเพื่อชีวิต หรือศิลปะเพื่อศิลปะ ครับ
ในอดีต นอกจากเรื่องดังที่ว่าแล้ว ในสายสกุลเพื่อชีวิต ยังถูกจำกัดว่าด้วยทฤษฎีการเมือง อันมอบอำนาจให้ พรรคชี้นำ พร้อมกับปฏิเสธแนวคิด(หรือลัทธิ) แบบ วีรชนเอกชน หรือ ปัจเจกชน นี่ทำให้ตัวละครในวรรณคดี แทบจะไม่มีที่ทางเกือบแจะสิ้นเชิง ในพื้นที่ของเพลงเพื่อชีวิตในยุคนั้น อย่าว่าแต่ตัวละครเลยครับ แม้แต่ ตัวบุคคล ที่มีผลงาน มีคุณค่า เพื่อเชิดชู เพื่อรำลึก ในอดีตก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์แทบทั้งสิ้น ข้อหาว่าด้วยลัทธิวีรชนเอกชนนี่รุนแรงไม่ใช่เล่นนะครับ เข้าข่ายเป็นพวก ลัทธิแก้ เป็นพวก ซ้ายตกขอบ-หัวก้าวพลาด ไปเลยนะครับ เรื่องเหล่านี้ บางที ก็คงต้องบอกว่า เป็นเรื่องที่ยากแก่การเข้าใจเหมือนกัน เอาง่าย ๆ แค่เรื่องการไม่ยอมรับวีรชนเอกชน แต่ให้ยอมรับพรรค ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เราก็เห็นแล้วว่า คนและสังคม เลือกที่จะจดจำ คน ที่เป็น ปัจเจกชน เสมอ เราจดจำ เหมาเจ๋อตุง , มากซ์ , เลนิน , สตาลิน , โฮจิมินท์ , เชกูวารา และ ฯลฯ เรื่องแบบนี้ ก็ว่ากันไปนะครับ
ยังดีที่ในยุคนั้น แม้มีการวิพากษ์อย่างหนัก แต่ก็ยังมีเล็ดลอดและคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะในยุคหลัง ๆ ที่คลี่คลายมากขึ้น คลี่คลายกระทั่งแปรสภาพ จากอุดมการณ์ทางสังคมการเมือง มาเป็นการยอมรับกับธรรมชาติที่เป็นไป และการดำดิ่งสู่การค้นหาตัวตน กระทั่งสู่ลักษณะของ ปัจเจกชน จากหลักคิดแบบ สังคมนิยม ก็คลี่คลายสู่ ธรรมชาตินิยม และ มนุษย์นิยม นี่ทำให้ความเป็น ปัจเจก ชัดขึ้น ด้านหนึ่ง อาจเป็นเพราะการคลี่คลายเช่นว่านี้ แต่อีกด้านหนึ่ง ก็อาจเป็นเพราะ ศัตรูที่แท้จริง กลายสภาพเป็น ศัตรูที่ลื่นไหล พร้อม ๆ กับการกลืนกินของ ระบบทุนนิยม และวัฒนธรรมทุน ที่กลืนกิน จน กลายพันธุ์
ตัวละครในวรรณคดี จึงเริ่มมีพื้นที่ ในอาณาบริเวณของสายสกุลเพื่อชีวิตบ้าง เช่นเดียวกับ ตัวบุคคล ที่มีที่ทางของตัวเอง เพื่อบ่งบอก ความดี ในแง่ของ ปัจเจก ทั้งที่เป็น ปัจเจก โดยเป็นตัวอย่างของการกระทำตัวดี และเป็น ปัจเจก ที่รับใช้ต่อสังคมดี ก็คงคลี่คลายบนความไม่คลี่คลายอย่างนี้กระมังครับ
ผมนึกถึง ปี่พระอภัย ครับ ปี่พระอภัย แบบที่ ยืนยง โอภากุล ว่าไว้ ปี่ไม้ไผ่ เป่าไม่มีเสียง มีแต่ควันขาว ที่กล่อมเกลาจิตวิญญาณให้ล่องลอยสู่จินตนาการไม่มีจริง โอ..... ผมเพ้อไปเรื่อยเปื่อยในโลกความฝันอีกแล้วครับ ต้องขออภัย และขออนุญาตกลับมาสู่โลกความจริงอีกคราครับ สวัสดีครับ
จากคุณ :
..ขุน(ไม่)ขึ้น..
- [
11 ก.ค. 48 21:26:08
A:203.154.97.197 X: TicketID:102390
]
|
|
|