CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    **** The Hospital ตอนที่ 18 (1) ****

    ตอนที่ 18

    กวานซินถอดชุดปลอดเชื้อออก เปลี่ยนเป็นชุดปกติ เดินออกจากห้องผ่าตัด ลงลิฟท์มาที่ชั้นล่างของโรงพยาบาล เธอดูนาฬิกาข้อมือ เดินออกจากประตูใหญ่ รถของซูอี๋หวาที่ลดกระจกหน้าต่างลง จอดอยู่ทางออกรอเธออยู่ กวานซินขึ้นรถนั่งที่ที่นั่งข้างคนขับ รถเคลื่อนตัวออกจากบริเวณโรงพยาบาลอย่างช้าๆ พอดีเป็นช่วงเวลาเลิกงาน ดวงอาทิตย์ยามเย็นส่องแสงลงมา รถทั้งเมืองไทเปต่อแถวกันเต็มไปหมด การจราจรเคลื่อนตัวสลับหยุดนิ่ง

    “จะไปไหนเหรอ” กวานซินถาม
    ซูอี๋หวายิ้ม ไม่ตอบอะไร สักครู่หนึ่งก็ถามกวานซินว่า “ช่วงที่ผ่านมา ญาติของคนไข้ยังตามมารังควานคุณอีกรึเปล่า”
    “ก็โอเค” กวานซินส่ายหัว “พูดถึงวันนั้น ต้องขอบคุณเธอจริงๆ”
    “ไม่เป็นไรหรอก” ซูอี๋หวาพูดเรียบๆ “เรื่องนั้นของคุณ ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง”
    “ผอ. สวีให้ผอ. ไล่เอาเงินมาให้ฉัน 2 แสน ให้ฉันรับผิดกับญาติคนไข้ เขายังบอกใบ้ว่า ถ้าเป็นไปได้ เขาจะหาทางช่วยจ่ายเงินชดเชยส่วนที่เหลือ”
    “แล้วคุณรับรึเปล่า”
    “ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ฉันจะรับได้ยังไง อีกอย่าง เงินพวกนั้นของเขา ก็ไม่รู้ว่ามาจากไหน ใครจะไปกล้ารับ”
    “แล้วคุณทำยังไงล่ะ”
    “ยิ่งคิดฉันยิ่งรู้สึกยอมไม่ได้ ก็เลยไปพบแม่ของจูฮุ่ยอิงเพื่อคุยกัน”
    “คุณตัวคนเดียวไปหาญาติคนไข้เพื่อคุย  โดยไม่มีใครไปช่วยเหรอ” ซูอี๋หวายิ้มไป ส่ายหัวไป “นี่มันไม่วู่วามไปหน่อยเหรอ”
    “ฉันก็แค่โน้มน้าวเขาให้ยอมให้ทำการผ่าชันสูตรศพ เพื่อให้เรื่องมันกระจ่าง ไม่มีวัตถุประสงค์อื่น”
    “แต่นั่นมันก็แค่คุณคนเดียวที่อยากทำให้เรื่องมันกระจ่าง” ซูอี๋หวาพูดอย่างไม่เห็นด้วยว่า “ถ้าสิ่งที่ทางญาติเขาต้องการคือเงิน ไม่ว่าคุณจะพูดยังไงมันก็ไร้ประโยชน์”
    “พูดอย่างงั้นก็ถูก” กวานซินแสดงสีหน้าสงสัย สักครู่หนึ่ง เธอก็พูดว่า “แต่ว่า ตอนหลังแม่ของจูฮุ่ยอิงก็โทรศัพท์มาหาฉันบอกว่าเธอยอมให้ทำการผ่าชันสูตรศพ”
    “นี่มันไม่มีเหตุผล” ซูอี๋หวาขมวดคิ้ว “ถ้าพวกเขาต้องการเงิน ก่อนที่จะเจรจาขั้นแตกหัก ทำไมถึงอยากทำการผ่าชันสูตรศพล่ะ”
    “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
    “แล้วจะทำการผ่าชันสูตรศพเมื่อไหร่”
    “นัดกันไว้ว่าพรุ่งนี้เช้า”
    ซูอี๋หวาเคาะนิ้วกับพวงมาลัยรถ  พูดอย่างเป็นกังวลว่า “ตอนนี้พวกเขายอมให้ทำการผ่าชันสูตรศพ แสดงว่ามีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่าเรื่องเงิน เกรงว่าจะไม่ใช่เรื่องดี ผมว่า เป็นไปได้มากที่พวกเขาคิดจะทำการฟ้องร้อง เล่นงานพวกหมอให้ตายไปเลย”
    “แต่ยังไงมันก็ต้องมีคนรับผิดชอบ ถ้าฉันเป็นคนผิด ฉันก็ยอมเข้าคุก” กวานซินพูด “การอยู่ในคุกก็เหมือนเป็นหมอดูแลรักษาคนในนั้น”
    “คุณทำแบบนี้ สวีไข่หยวนไม่ลุกขึ้นมาเต้นหรอกรึ”
    “เขาจะให้ฉันรับผิดกับญาติคนไข้อย่างไม่มีเหตุมีผล เขาเคยคิดไม๊ว่าฉันก็อาจจะลุกขึ้นมาเต้นเหมือนกัน”

    รถของพวกเขามาจอดที่ที่จอดรถริมถนนซงเจียง
    “ถึงแล้ว”
    “ที่แท้มาที่ไหนเนี่ย” กวานซินถามอย่างอยากรู้
    “เดี๋ยวคุณก็รู้เอง”
    พวกเขาลงจากรถ ซูอี๋หวาพากวานซินเดินทะลุทางเดินใต้ดินใต้ถนนซงเจียง ทางเดินใต้ดินแสงไฟค่อนข้างมืด  ตลอดทางมีแผงดูดวง แผงขายผลไม้สำหรับไหว้ ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ วางขายบนพื้น ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ถึงมีกลิ่นอายของความวังเวง พอเดินออกมาจากทางเดินใต้ดิน ก็มีพ่อค้าแม่ค้าเร่ขายธูปและของเซ่นไหว้ล้อมอยู่เต็มไปหมด กวานซินมองไปข้างหน้าเห็นสิงเทียนกงที่มีควันธูปลอยอยู่เบื้องบนเต็มไปหมด ก็ทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อถามซูอี๋หวาว่า “หา เธอจะมาไหว้เจ้าที่สิงเทียนกงเหรอ”
    ซูอี๋หวาไม่พูดอะไร หยุดซื้อธูป 1 มัดและของเซ่นไหว้ง่ายๆ กับพ่อค้าเร่
    “เธอจะพาฉันไปไหว้เจ้าที่สิงเทียนกงจริงๆ เหรอ” กวานซินถามซ้ำอีกครั้ง
    ซูอี๋หวาทำหน้าเก้ๆ กังๆ รีบบอกว่า “ถ้าคุณไม่ชอบ..”
    “ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น” กวานซินยิ้มและมองซูอี๋หวา “เธอคิดว่าฉันจำเป็นต้องไหว้เจ้าจริงๆ เหรอ”
    “จริงๆ แล้ว เป็นผมเองที่อยากจะมาซักหน่อย” ซูอี๋หวาพูดอ้ำๆ อึ้งๆ ว่า “เมื่อ 2 อาทิตย์ก่อน ผมมีคนไข้อยู่ในห้องผ่าตัดต้องทำ CPR (ทำการช่วยชีวิตด้วยการกระตุ้นหัวใจ) ในตอนนั้น ผมทำทุกอย่าง ใช้เครื่องช็อตไป 3 ครั้ง มีรู้สึกว่าคนไข้คงจะไม่ฟื้นแล้ว แปลกมากที่ในวินาทีนั้น ในสมองผมจู่ๆ ก็คิดถึงภาพตอนสมัยเด็กที่แม่ผมพาผมมาไหว้ที่สิงเทียนกง ในตอนนั้น ในใจผมก็เริ่มอธิษฐาน”
    “เธอเป็นหมอ คนไข้ทุ่มเทความเชื่อมั่นศรัทธาทั้งหมดไว้ที่เธอ ฝากชีวิตไว้ในมือเธอ”
    “แต่ว่า ในตอนนั้น อะไรๆ ผมก็ทำไปหมดแล้ว หลังจากอธิษฐานเสร็จ ในใจผมคิดว่าจะลองอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย จริงๆ แล้วครั้งสุดท้ายหรือครั้งก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้ทำอะไรที่แตกต่างไป”
    กวานซินไม่พูดอะไร ได้แต่ยิ้ม
    “จู่ๆ หัวใจของคนไข้ ก็เต้นขึ้นมาอีกครั้ง วันนี้ผมไปดูเขาที่ห้องพัก เห็นพวกเขาทั้งครอบครัวกำลังกินผลไม้กันอย่างมีความสุข ก็เลยคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ก็เลย..”
    “ฉันอยากรู้แค่อย่างเดียว เธอเชื่อเรื่องพวกนี้จริงๆ เหรอ”
    “ผมก็ไม่รู้” ซูอี๋หวาพูดเรียบๆ “คุณเคยรู้สึกไม๊ว่า บ่อยครั้งที่คุณเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมในที่สุดแล้วคนบางคนตายไป แต่คนบางคนรอด  แม้ว่าทุกคนจะฝากความหวังอย่างมากไว้กับตัวคุณ แม้ว่าคุณจะพยายามจนสุดกำลังทุกครั้ง แต่ว่าในที่สุดก็พบว่าส่วนที่คุณสามารถควบคุมได้มันมักจะมีจำกัด”

    พวกเขาเดินเข้าไปทางประตูข้าง เดินเคียงไหล่กันไปหน้ารูปปั้นกวนอิมหินหน้าศาลเจ้า แสงแดดยามสนธยาที่ส่องตามหลังพวกเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นลำแสงสีรุ้ง

    กวานซินมองหลังคามุงกระเบื้องของศาลเจ้าที่สูงตระหง่าน ทำเหมือนคิดแล้วพูดว่า “บางทีที่เธอพูดมันก็อาจจะมีเหตุผล”

    หลังจากไหว้เจ้าเสร็จ กวานซินก็เอาธูปที่มีควันกรุ่นอยู่ส่งให้ซูอี๋หวา ถามเขาว่า “ฉันเห็นเธองึมงำงึมงำอะไรไม่หยุด เธออธิษฐานอะไรเหรอ”
    ซูอี๋หวารับธูปมารวมกับธูปของเขาเองแล้วเอาไปปักลงในกระถางธูป “ผมก็ขอพรให้คุณ” เขาหันหน้ามาพูดอย่างช้าๆ “ผมรู้สึกว่าคุณดูเหมือนอยู่อย่างไม่ค่อยมีความสุข ผมอยากให้คุณอยู่อย่างมีความสุข”
    “ทีแรกเธอว่าฉันซวย..” กวานซินยิ้ม “ตอนนี้มาหาว่าฉันไม่มีความสุข”
    “ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น..” ซูอี๋หวารีบอธิบาย “ผมรู้สึกตลอดมาว่าคุณน่าจะเป็นคนเปิดเผยใจกว้าง แต่ดูเหมือนว่าจะมีอะไรบางอย่างที่คุณตัดไม่ลง”
    “ในยุคสมัยนี้ จะมีใครที่อยู่อย่างมีความสุขจริงๆ” กวานซินถามเรียบๆ “เธอล่ะ เธอรู้สึกว่าตัวเองอยู่อย่างมีความสุขไม๊”
    “ผมไม่เคยคิดมากขนาดนั้น” ซูอี๋หวายิ้ม พูดอย่างจริงใจว่า “ผมแค่อยากเห็นคุณเหมือนเมื่อก่อน   มีรอยยิ้มที่สดใส”
    กวานซินพยายามหลบสายตาของซูอี๋หวา มีความเงียบเข้ามาสักครู่ เธอชี้ไปที่กระบอกใส่เซียมซีหน้าศาลเจ้า พูดอย่างสนุกสนานว่า “ฉันจะเสี่ยงเซียมซี”
    “เสี่ยงเซียมซีเหรอ” ซูอี๋หวาเกาหัว “เมื่อกี๊เพิ่งมาหัวเราะเยาะผมว่างมงาย”
    “แค่ซวยอย่างเดียวก็แย่มากแล้ว นี่ยังไม่มีความสุขอีก ต้องถามเจ้าซักหน่อย ว่านี่มันเป็นเพราะอะไรกันแน่”
    ซูอี๋หวาตามกวานซินไป ดูเธอหยิบเอาก้อนไม้คู่เสี่ยงทาย   มาที่หน้าเจ้าพูดงึมงำงึมงำ แล้วก็ไหว้ แล้วก็โยนก้อนไม้   นานทีเดียวจนในที่สุดเธอก็เขย่าได้เซียมซีมา 1 ใบ ซูอี๋หวาตามเธอไปที่โต๊ะบริการเพื่อรับเอาใบกลอนอธิบายเซียมซี ชายชราคนหนึ่งเทียบหมายเลข  แล้วก็หยิบใบอธิบายเซียมซีออกมา  เขาขยับแว่นสายหนาเตอะลงมา อ่านอยู่นานมาก ในที่สุดก็เงยศีรษะขึ้นมา แล้วก็ส่ายหัวพูดกับพวกเขาว่า “จากแล้วพบกันอีก ไปแล้วกลับมาอีก เรื่องทุกอย่างมีหยุดมีเคลื่อน ตอนนี้มีข่าวดี”
    กวานซินรับใบอธิบายเซียมซีมา  ซูอี๋หวายื่นหน้ามาดูอย่างอยากรู้ พยายามจะแย่งอ่าน

    “เรื่องทุกอย่างต้องรอคอย การวางแผนก็ยังต้องรอคอย ปีนั้นเศร้าเสียใจ...”

    ซูอี๋หวายังอ่านไม่ทันจบ แต่กวานซินอ่านจบก่อนแล้วรีบเอาใบกลอนอธิบายเซียมซีเก็บ
    “นี่..” ซูอี๋หวาประท้วง “ผมยังดูไม่จบเลย”
    “ก็จะไม่ให้เธอดูอ่ะ”
    “ขอดูหน่อยจะเป็นไรไป”
    “ถ้าเธออยากดู ก็ไปเสี่ยงเซียมซีเองสิ ไม่มีใครเค้าห้ามซักหน่อย”
    กวานซินหมุนตัวเดินออกจากโต๊ะบริการ ซูอี๋หวารีบตามเธอทันที
    “เมื่อกี๊คุณถามอะไรเจ้าเหรอ”
    กวานซินมองซูอี๋หวา เธอได้แต่ยิ้ม ไม่พูดจาอะไร
    “เมื่อกี๊ที่คุณลุงคนนั้นบอกว่าจากแล้วพบกันอีก มันหมายความว่าอะไรเหรอ” เขายิ้มแล้วถาม
    “ฉันจะไปรู้ได้ยังไง” กวานซินยิ้มอย่างกวนๆ “ฉันไม่ได้ถามเรื่องนั้นซักหน่อย”
    “แล้วคุณถามเรื่องอะไรล่ะ”
    “เธอ นี่..” กวานซินทำท่าโมโห
    “ขอโทษ” ซูอี๋หวาอยู่ตรงหน้ากวานซินเดินถอยหลัง ยิ้มและยกมือทั้งสองข้างทำท่าขออภัย
    กวานซินไม่ได้พูดอะไร ข้างหลังซูอี๋หวา มีควันธูปลอยล่อง โต๊ะที่เต็มไปด้วยของเซ่นไหว้  สาวกผู้เลื่อมใสศรัทธาและศาลเจ้าที่ประดับไปด้วยภาพวาดลวดลาย

    ในทันใดนั้น ความรู้สึกใกล้ชิดอบอุ่นก็เกิดขึ้นราวกับบทเพลงรักเก่าที่ล่องลอยออกมาอย่างช้าๆ  สำหรับกวานซินแล้ว เสียงเพรียกจากที่อันแสนไกลแต่คุ้นเคยมันช่างมีชีวิตชีวา จนทำให้คนเราอดไม่ได้ที่จะหยุดฟังอย่างสงสัย

    พวกเขาเดินออกจากสิงเทียนกง ท้องฟ้ามืดแล้ว ไฟถนนที่สลัวๆ ส่องมาที่คนที่เดินไปเดินมาบนทางเดินอิฐสีแดงเป็นเงาทอดยาว กวานซินหันหลังกลับไปมอง แสงไฟที่ศาลเจ้าดูเหมือนจะเริ่มไกลลิบแล้ว

    “ไปกินข้าวเย็นกันไม๊” ซูอี๋หวาถาม
    “ฉันอยากเดินเล่น”  
    ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด กวานซินชอบการเดินอย่างเรื่อยๆ แบบนี้มาก ราวกับว่าเดินไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และรู้สึกเต็มใจให้ลมยามค่ำคืนมาปะทะเบาๆ  พวกเขาเดินไปข้างหน้าตามถนนหมินเฉวียนตง ผ่านหอประกอบพิธีศพ กวานซินดูพิธีศพที่กำลังดำเนินอยู่ภายในหอ จู่ๆ ก็รำลึกถึงความหลังมากมาย
    “เธอรู้ไม๊ ฉันเคยอยู่ที่นี่ร้องไห้อย่างหนักมาก”
    “เรื่องของพี่สาวคุณเหรอ” เขาถาม
    กวานซินไม่ได้ตอบคำถาม มีบางครั้งที่ความหลังเป็นเหมือนกับประทัดพวงยาวที่ร้อยต่อๆ กัน ไม่สามารถจะจุดชนวนอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าง่ายๆ  มิฉะนั้นแล้วจะทำให้มันมีเสียงดังปึงปังไปทั่วทุกทิศ ไม่สามารถควบคุมไว้ได้ จนกระทั่งควันตลบอบอวลไปทั่ว
    “เป็นอะไรไป” ซูอี๋หวาถาม
    กวานซินไม่พูดอะไร ผ่านไปสักครู่ เธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา “พวกเราไปดูทะเลกันดีไม๊ จู่ๆ ฉันก็อยากจะฟังเสียงคลื่น”

    (ยังมีต่อ)

    ขอสงวนสิทธิ์ในข้อความข้างต้น ห้ามมิให้นำไปทำซ้ำหรือเผยแพร่ในสื่อใดๆ ในเชิงพาณิชย์ โดยไม่ได้รับอนุญาต
    ------------------------------

    ข่าวเล็กน้อย
    -ซองเฮเคียว นางเอก full house ไปที่ไต้หวัน มีการให้สัมภาษณ์ เธอไม่พูดเรื่องความรักหรือหนุ่มไหนเลย มีหนุ่มเดียวที่เธอพูดถึงคือ "ฉันดู MG แล้วค่ะ ฉันชอบเต้าหมิงซื่อที่สุดเลย"
    - มีรูปการถ่ายทำเรื่องไป๋เซ่อจวี้ถ่าออกมาแล้ว แต่ไม่มีรูปเจอร์รี่ นสพ บอกว่าเป็นข้อตกลงว่าไม่ให้ถ่ายภาพระหว่างถ่ายทำ รูปคนอื่นใส่สูทกันหมดเลย มีอู๋เมิ่งต๊ะเล่นด้วย เราเดาว่าเล่นเป็นสวีต้าหมิง

    แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 48 22:43:36

    แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 48 23:26:46

    จากคุณ : Bam (Wen Wen) - [ 6 ก.ค. 48 23:23:07 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป