CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    ***** The Hospital ตอนที่ 18 (จบ) + ข่าวเล็กน้อย *****

    (ต่อจากตอนที่แล้ว)

    ใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดาวในคืนฤดูร้อน ซูอี๋หวากับกวานซินนั่งอยู่บนเขื่อนริมทะเลปาหลี่ ไม่รู้ว่าดื่มเบียร์เข้าไปมากเท่าไร ตลอดค่ำคืน พวกเขาเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเอง คลื่นระลอกแล้วระลอกเล่าซัดมากระทบชายฝั่ง นอกเหนือจากแสงไฟกระพริบๆ จากเรือประมงและแสงไฟจากรถยนต์ที่แล่นผ่านมาเป็นครั้งคราวบนถนนเลียบชายฝั่งด้านหลังพวกเขาแล้ว บริเวณรอบๆ ก็ล้วนแต่มืดสนิท

    “ตั้งแต่เล็ก ฉันชอบนั่งเงียบๆ ฟังพี่สาวฉันดีดเปียโน ในความทรงจำฉัน เธอฉลาดกว่าฉัน สวยกว่าฉัน ไปที่ไหนใครๆ ก็ชมเธอ หลังจากที่เธอป่วย ฉันก็ค้นพบในทันใดว่า จริงๆ แล้วตลอดชีวิตนี้ฉันถือว่าเธอเป็นคู่แข่งของฉันมาตลอดโดยไม่รู้ตัว ฉันเรียนเปียโน เรียนแพทย์ นิสัยเข้มแข็งของฉัน ล้วนแต่เป็นไปเพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่างที่ฉันเองก็ไม่เข้าใจ หลังจากเธอตายไป ฉันก็รู้สึกว่างเปล่าในทันที ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ฉันถึงได้เปลี่ยนเป็นแบบนี้โดยไม่รู้ตัว”
    “คุณก็ดีมากนะ” ซูอี๋หวาพูด
    “เธอไม่รู้หรอก” กวานซินสั่นหัวแล้วก็ก้มหน้า
    “บางทีช่วงนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมายเกินไป คุณคงแค่เหนื่อยไป” ซูอี๋หวาดื่มเบียร์ที่เหลือจนหมด หันหน้ามาพูด “พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมาก ผมส่งคุณกลับ พักผ่อนเร็วหน่อย”
    กวานซินสั่นหัว “ฉันอยากนั่งอีกสักครู่”

    สายลมในยามค่ำคืนให้ความรู้สึกเศร้าเล็กน้อย สายลมพัดผ่านเกลียวคลื่นมาปะทะกับหินโสโครกริมฝั่ง ช่วงเวลาที่น้ำขึ้นลง มีเสียงน้ำสาดกระเซ็นดังกับเสียงเล็กละเอียดสลับกันไปมาไม่หยุด

    กวานซินจำได้ว่าครั้งแรกที่พบจวงหมิงเจ๋อคือตอนที่พี่สาวเธอเพิ่งได้รับการผ่าตัดเสร็จ พวกเขาเพิ่งจะส่งตัวพี่สาวเธอเข้าห้องไอซียู กวานซินรออยู่ที่หน้าห้องผ่าตัด พอเห็นจวงหมิงเจ๋อ ก็รีบเข้าไปถามเขาว่า “คุณหมอจวง การผ่าตัดของพี่สาวฉันกวานอวี๋ เป็นยังไงบ้างคะ”
    จวงหมิงเจ๋อปลดผ้าปิดปากออก เผยให้เห็นหน้าตาที่คมสัน “คุณเป็นนักศึกษาปีที่ 6 ใช่ไม๊” เขาถามเป็นประโยคแรก กวานซินเพิ่งจะพยักหน้า เขาก็ถามต่อว่า “ผมขอถามคุณ ปอดซ้ายและปอดขวามีข้างละกี่กลีบ”
    “ซ้าย 2 ขวา 3”
    “ดีมาก” เขายิ้ม “เนื้องอกของพี่สาวคุณมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5 เซนติเมตร อยู่ที่กลีบบนของปอดข้างขวา คุณบอกผมซิว่ากลีบบนของปอดขวามีกิ่งต่อยังไง”
    “Apical (ปลายบนสุดของปอด)”
    “ดีมาก แล้วต่อไปล่ะ”
    กวานซินเริ่มสับสน จริงๆ แล้วเรื่องพวกนี้เป็นบทเรียนที่เธอได้เรียนในวิทยาลัยแพทย์แล้ว แต่เธอไม่เคยคิดว่าจะมาถูกซักถามสดๆ แบบนี้
    “ไม่เป็นไร” เขาคงเห็นเธอใกล้จนมุม เขาจึงยิ้ม “เนื้องอกของพี่สาวคุณอยู่ที่ปลายบนสุดของปอดและใกล้ทางต่อไปหลอดลม ผมได้ผ่าเอากลีบบนของปอดข้างขวาออกหมดแล้ว ตอนนี้สถานการณ์ถือได้ว่าดี” เขาเอาปากกาจากเคาน์เตอร์พยาบาลมาวาดรูปง่ายๆ บนกระดาษเพื่ออธิบายให้เธอเข้าใจ “ก็เป็นแบบนี้ ตั้งแต่นี้ไป ต้องอาศัยคุณช่วยผมอธิบายให้คุณแม่คุณและคนทางบ้านเข้าใจ ได้ไม๊ครับ”

    ตอนที่กวานซินต้องมาเป็นแพทย์ฝึกหัดเกี่ยวกับการผ่าตัดในช่องอก จวงหมิงเจ๋อก็บังเอิญเป็นหมอใหญ่ที่รับผิดชอบเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของเธอ ในตอนนั้น เขาอายุใกล้ 40 ปี เป็นช่วงที่ประสบการณ์และความสามารถถึงขีดสูงสุด เขามีความมั่นใจในฝีมือผ่าตัดของตนเองมาก มีครั้งหนึ่ง ในขณะที่กำลังสอนการผ่าตัด วิทยุได้เปิดเพลงของวอลซท์ของโจฮันสเตราท์ เขาก็หยุดมือ แล้วก็มาโค้งเชิญกวานซินให้เต้นรำไปรอบๆ เตียงผ่าตัด
    “คุณหมอกวาน” หลังจากเต้นรำไปครู่หนึ่ง จวงหมิงเจ๋อก็ถามขึ้นมา “คุณมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร”
    “หา”
    “ทุกๆ คนมีชีวิตอยู่เพื่ออะไรบางอย่าง ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ก็ตาม”
    กวานซินถูกคำถามที่จู่โจมมากะทันหันแบบนี้ทำเอางง
    “สง่างาม” เขาหมุนเปลี่ยนท่า พูดต่อว่า “ทุกๆ วันมีคนมานอนกลัวตัวสั่นตรงนี้ รับการผ่าตัดทรวงอก สำหรับผมแล้ว ผมมีชีวิตอยู่เพื่อพวกเค้า ยืดอกผึ่งผายเหมือนแบบนี้ เต้นรำอย่างสง่างามต่อหน้ามัจจุราช เข้าใจไม๊”
    พยาบาลประทับใจจนพูดว่า “คุณหมอกวาน คุณหมอจวงดีกับคุณเป็นพิเศษจริงๆ”
    กวานซินได้แต่ยิ้ม

    ในตอนนั้น ในปอดของกวานอวี๋มีเนื้องอกเกิดขึ้นใหม่อีก  เลยต้องมาพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลอีกครั้ง จวงหมิงเจ๋อก็ให้กวานซินทำหน้าที่รับผิดชอบคนไข้รายนี้ งานผ่าตัดในช่องอกยุ่งมาก การผ่าตัดของพวกเขาวันๆ กว่าจะเสร็จก็ค่ำมากแล้ว จวงหมิงเจ๋อมักจะตามกวานซินไปที่ห้องกวานอวี๋เพื่อตรวจวินิจฉัยโรค กวานซินจำได้ว่าวันนั้นหลังจากตรวจกวานอวี๋เสร็จ ใจคอของเธอไม่ค่อยดี พอออกจากห้องคนไข้ น้ำตาก็ร่วงออกมา จวงหมิงเจ๋อส่งผ้าเช็ดหน้าให้เธอ บอกกับเธอว่า “ตอนนี้คุณร้องไห้ไม่ได้นะ เพราะตอนนี้คุณคือหมอของกวานอวี๋ ไม่มีใครเชื่อหรอกว่าหมอของตัวเองจะมาร้องห่มร้องไห้แบบนี้”

    ความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจวงหมิงเจ๋อก็เริ่มต้นตั้งแต่คืนนั้น พวกเขาไปทานอาหารว่างมื้อดึกด้วยกัน ดื่มเหล้ากันเล็กน้อย ไปเดินเล่นกินลมเพื่อให้สร่างเมา แต่โดยไม่รู้ตัวก็เดินเข้าโรงแรมด้วยกัน

    บางทีอาจเป็นเพราะงานผ่าตัดที่ทำมาทั้งวันทำให้เหนื่อยล้า เมื่อดื่มเบียร์เข้าไปแค่ 2-3 แก้วก็มีอาการเมาแล้ว แต่ถ้ามาพูดจริงๆ แล้วจะว่าเป็นเพราะฤทธิ์เหล้าก็ไม่ถูกทีเดียว วันนั้นพวกเขาดื่มเบียร์กันทั้งหมด 3 ขวด แม้ว่าเวลาเดินจะมีความรู้สึกมึนๆ หวิวๆ แต่ในใจนั้นยังมีสติแจ่มใสอยู่อย่างไม่อาจปฏิเสธได้

    กวานซินจำได้ว่าก่อนที่เขาจะถอด อันเดอร์แวร์ของเธอลงมา เขาพูดว่า “อาการของพี่สาวคุณ ไม่ว่าจะยังไง  ผมก็จะต้องดูแลเธอ เรื่องนี้กับเรื่องของเธอมันไม่เกี่ยวกัน”
    “เรื่องนี้กับเรื่องของเธอมันไม่เกี่ยวกัน” กวานซินพูดคำพูดของเขาซ้ำอีกครั้ง
    เมื่อมาคิดอย่างละเอียดแล้ว นอกจากความขลาดกลัวเล็กน้อยในขณะที่เดินเข้าโรงแรมแล้ว จากนั้น ตั้งแต่การดื่มเหล้าจนขึ้นเตียง กอดกัน ร่วมรัก ก็ล้วนแต่เป็นไปอย่างธรรมชาติมาก เรื่องราวเปลี่ยนแปลงมาถึงขั้นนี้ แม้ว่าจะดูเหมือนละคร แต่ว่าบางทีนั่นคือสิ่งที่ตัวกวานซินเองก็รอคอยอยู่
    “นี่เป็นครั้งแรกของคุณเหรอ” ก่อนที่เขาจะล่วงล้ำเธอ จวงหมิงเจ๋อถามเธออย่างลังเล
    กวานซินฟังแล้วรู้สึกงอนคิดในใจว่าอยากถามเขาว่า “ถ้าเป็นสาวพรหมจรรย์แล้ว จะหยุดเหรอ ไม่ทำต่อไปเหรอ” แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป

    ในครั้งนั้น จวงหมิงเจ๋อได้ให้ความรู้สึกที่อ่อนโยนกับเธอมาก แม้กระทั่งในวันถัดมาที่กวานซินต้องยืนอยู่ข้างเขาทำการผ่าตัด ก็ยังรับรู้ถึงความรู้สึกนั้น

    คงจะเป็นตั้งแต่ครั้งนั้นมา เธอก็เริ่มที่จะเฝ้ารอคอยวันที่มีการผ่าตัด ตลอดวันพวกเขายืนเคียงไหล่กันที่เตียงผ่าตัด แม้ว่าจะมีโอกาสพูดจากันน้อยมาก แต่กวานซินก็รับรู้ได้ถึงความรู้ใจกันและกันที่ไม่อาจพูดออกมาเป็นคำพูดได้ระหว่างพวกเขา เธอชอบดูการผ่าตัดที่สะอาดและคล่องแคล่วของเขา ยิ่งเมื่อนึกถึงคำพูดที่เขาเคยพูด การเต้นรำต่อหน้ามัจจุราช ความรู้สึกอันสง่างามพวกนั้น

    ก่อนที่การผ่าตัดจะเสร็จสิ้น แพทย์ฝึกหัดมักจะต้องวางมือจากการผ่าตัดก่อนและจัดการกับพวกชิ้นส่วนที่ตัดออก และทำการบันทึกการผ่าตัด จวงหมิงเจ๋อก็มักจะมามองที่บันทึกการผ่าตัดทำเหมือนไม่มีอะไรมาพูดที่ข้างหูเธอว่า “ผมรอคุณที่ Poison นะ”

    Poison เป็นผับเล็กๆ แห่งหนึ่ง ห่างจากโรงพยาบาลประมาณ 20 นาทีถ้าขับรถ ระยะทางประมาณนั้นกำลังดี ไม่ไกลเกินไปแต่ก็ไกลพอที่จะเก็บเป็นความลับได้

    เมื่อนึกย้อนกลับไป ขั้นตอนและวิธีการนัดพบของพวกเขาแต่ละครั้งจะเหมือนกันทุกครั้ง  เดินเข้าโรงแรมอย่างเมาๆ นิดๆ  อาบน้ำร้อนๆ จูบกันอย่างกระหาย เปลือยกายกอดกัน ร่วมรัก แล้วก็หลับสนิท ทั้งหมดล้วนสวยงาม ทำให้คนยากจะหักห้ามความต้องการอีกครั้งแล้วครั้งเล่า

    ความเปลี่ยนแปลงที่มาถึงขั้นนี้ เกรงว่าแม้กระทั่งกวานซินเองก็รู้สึกว่าเหนือจินตนาการ แต่ว่า จู่ๆ ก็มีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย เร็วเสียจนกระทั่งรับมือไม่ทัน

    ความรู้สึกที่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมันเป็นเหมือนหน่ออ่อนของพืชที่งอกขึ้นมาจากใต้ดิน กว่าที่คุณจะมองออกว่าเป็นเป็นพืชอะไร มันก็ได้ดูดเอาสิ่งบำรุงชีวิตอย่างไม่หยุดและเติบโตได้ด้วยตนเองไปแล้ว

    “หนาวรึเปล่า” คำถามของซูอี๋หวาทำให้กวานซินตื่นจากภวังค์แห่งความหลัง
    “ไม่เป็นไร” กวานซินเอามือโอบตัวเองแล้วห่อไหล่
    ซูอี๋หวาถอดแจ็กเก๊ตบางๆ ของตัวเองออกแล้วคลุมให้กวานซิน กวานซินมองนิ่งไปที่แสงไฟจากเรือของชาวประมง ในความมืด เธอรู้สึกได้ว่าซูอี๋หวาเอามือมาโอบที่ไหล่ของเธอ

    ความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยแบบนี้ มันมิใช่สิ่งที่เธอเฝ้ารอคอยมาตลอดหลายปีนี้กระนั้นหรือ เธอคิดถึงเช้าวันนั้นที่ซูอี๋หวาออกจากบ้านของเธอ เธอนั่งอยู่ที่โซฟาอ่านกระดาษโน้ตที่เขาทิ้งเอาไว้ แล้วน้ำตาเธอก็หลั่งทะลักออกมาอย่างมิอาจควบคุมไว้ได้ หลายปีมานี้เพราะความทุกข์ของตัวเองเธอได้สร้างกำแพงที่แข็งแกร่งขึ้นมาเพื่อปกป้องตัวเอง แต่ว่ามันเป็นกำแพงที่ตีครั้งเดียวก็พังทลาย ความรู้สึกที่ถูกโอบล้อมจนหายใจไม่ออกอย่างกะทันหัน แม้แต่ตัวเองก็ยังตกใจ พูดไม่ถูกว่ามันเป็นเพราะอะไร มันอาจจะเป็นความอ่อนโยนของซูอี๋หวาที่ได้แทงทะลุเข้ามา ทำให้เธอสำนึกได้ถึงความโดดเดี่ยวอ้างว้างของตัวเอง

    “เธอจำได้ไม๊” กวานซินถาม “ครั้งนั้นที่ฉันไปหาเธอที่ฮวาเหลียน เธอพาฉันไปดูทะเล”
    ซูอี๋หวายิ้ม ทำไมจะจำไม่ได้
    “ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ฉันไม่กล้าคิดจริงๆ เลยว่าตัวเองจะกลายเป็นยังไง”
    “ในตอนนั้น ก็แค่รู้สึกว่าคุณดูเหมือนไม่ค่อยสบายใจ ไม่อยากให้ใครกวนใจ”
    “ตอนนั้นพี่สาวฉันอาการหนัก ตัวเองเองก็มีปัญหาบางอย่าง จู่ๆ ก็รู้สึกว่าชีวิตที่เคยอิสระเสรีมันไม่มีทางไปต่ออีกแล้ว”
    กวานซินยิ้มลึกๆ “มีเรื่องมากมาย แม้กระทั่งตัวฉันเองยังไม่ค่อยเข้าใจ แต่ว่า หลังจากที่ฉันกลับจากฮวาเหลียน ก็รู้สึกดีขึ้นมามาก เหมือนกับได้พลังที่ทำให้มีชีวิตต่อไปได้ ฉันอยากบอกขอบคุณเธอมาตลอด เพียงแต่ว่า..” กวานซินหยุดพูด
    “ไม่ต้องพูดอะไรมากหรอกน่า” ซูอี๋หวาลูบผมเธอเบาๆ

    สายลมในยามค่ำคืนโชยมาแผ่วๆ เรื่องราวในอดีตได้หวนกลับมาปรากฏอย่างชัดเจนอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง มันช่างจริงแท้ราวกับว่าสิ่งที่ได้เลือนลับไปมีเพียงแต่สายลมเท่านั้น ซูอี๋หวาพูดอย่างสะเทือนใจว่า “นึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่า พวกเรารู้จักกันมา 10 กว่าปีแล้ว”
    “10 กว่าปีแล้ว” กวานซินถอนใจเหมือนเห็นด้วย
    “หลังจากวันนั้นที่ออกจากบ้านคุณ  บ่อยครั้งที่ผมคิดถึงเรื่องราวต่างๆ ระหว่างเราในอดีต คิดถึงครั้งแรกที่เราพบกัน พยายามแต่งกลอนด้วยกัน คิดถึงตอนอยู่ที่ริมทะเลที่สือเหมิน คิดถึงภาพถ่ายที่มีฉากหลังเป็นรถเมล์สาย 32 ที่คุณให้ผม แล้วก็คืนนั้นที่คุณดื่มจนเมาเดินร้องเพลงในซอยท่ามกลางสายฝน”
    ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด เรื่องราวในอดีตมันหลั่งไหลออกมาเหมือนคลื่นระลอกแล้วระลอกเล่า
    กวานซินฟังนิ่งๆ ค่อยๆ เอียงหัวไปซบไหล่ของซูอี๋หวาเบาๆ
    ซูอี๋หวาคิดถึงว่าช่วงเวลา 10 กว่าปีแห่งความเยาว์วัยและสวยงามที่สุดมันได้ผ่านพ้นไปแล้ว จู่ๆ ก็เกิดความกล้าขึ้นมา ไม่อยากที่จะพลาดอะไรอีก เขาค่อยๆ ประคองหน้ากวานซินขึ้นมา จ้องมองเธอนิ่ง

    รถขนทรายคันหนึ่งแล่นผ่านมาตามถนนเลียบชายฝั่งอย่างรีบร้อน มีเสียงแตรดังลั่น แสงไฟจากรถส่องมาที่หน้าของกวานซิน   ซูอี๋หวาเห็นดวงตากลมโตที่ระยิบระยับของกวานซิน จ้องมองซูอี๋หวาเหมือนกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง

    เมื่อรถขนทรายแล่นผ่านไปแล้ว แสงเงาต่างๆ ก็หายลับไปอย่างรวดเร็วกลายเป็นความมืดที่ไร้ขอบเขต มีเพียงแต่ลมที่พัดพาคลื่นไม่เปลี่ยนแปลง เหมือนความฝันที่ไร้ขอบเขตเคลื่อนเข้ามากระทบฝั่งแห่งความเป็นจริง

    ซูอี๋หวาลองจูบที่ริมฝีปากของกวานซินเบาๆ  ในความมืดนั้น เขารับรู้ได้ถึงปฏิกิริยาตอบรับของกวานซินที่ไม่เคยมีมาก่อน การโอบกอดที่ร้อนแรง hot and wet tongxx และอย่างน้อยเสียงหายใจของกวานซินที่ริมหูของเขา

    จบตอนที่ 18
    --------------------------------------------------------
    ขอสงวนสิทธิ์ในข้อความข้างต้น ห้ามมิให้นำไปทำซ้ำหรือเผยแพร่ในสื่อใดๆ ในเชิงพาณิชย์ โดยไม่ได้รับอนุญาต

    แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 48 22:43:08

    จากคุณ : Bam (Wen Wen) - [ 9 ก.ค. 48 21:56:36 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป