ตอนที่ 19
การผ่าชันสูตรศพของจูฮุ่ยอิงดำเนินไปอย่างราบรื่น โดยมีคุณจางเจ้าหน้าที่เทคนิค คุณหลิวช่างถ่ายภาพ และศาสตราจารย์ฉิวเป็นผู้ดำเนินการผ่าชันสูตร แล้วก็มีกวานซินกับเลขาหวงของผอ. โรงเรียนแพทย์สวีไข่หยวนอยู่ในห้องผ่าชันสูตรด้วย เลขาหวงเนื่องจากไม่ได้เป็นหมอ บางทีก็มีอาการไม่ค่อยสบาย เพราะมีกลิ่นคาวเนื้อและเลือด แต่ก็ยังคงซักถาม ศจ. ฉิว อยู่เรื่อยๆ
ระหว่างที่ค่อยๆ ผ่าชันสูตรไป ศจ. ฉิวก็อัดเสียงพูดไปว่าพบอะไรบ้าง จากการผ่าดูภายนอกพบว่าช่องท้องปกติ ช่วงอกมีรอยไหม้กับรอยช้ำ ซึ่งน่าจะเกิดจากการใช้เครื่องปั๊มหัวใจตอนพยายามช่วยชีวิต เมื่อกรีดเนื้อออกดูอวัยวะภายในช่องท้อง ช่องอก ก็พบว่าทุกอย่างปกติ จนกระทั่งถึงเยื่อหุ้มหัวใจ ก็มีเสียงดังเหมือนมีลม ศจ. ฉิวพบว่าหัวใจมีขนาดโตผิดปกติไป 3 เท่า หัวใจห้องขวาล่างมีความผิดปกติ เนื่องจากหลอดเลือดจะส่งเลือดไปที่ปอดมีความดันสูง ทำให้หัวใจห้องขวาล่างไม่สามารถส่งเลือดไปที่ปอดได้ ศจ. ฉิวก็ทดสอบโดยการใช้เข็มทิ่มที่เส้นเลือดหัวใจ และมีการใช้น้ำเกลือมาใส่ในช่องอก แล้วใช้เข็มทิ่มที่เส้นเลือดทีหัวใจก็พบว่ามีฟองอากาศ แสดงว่า เส้นเลือดที่หัวใจมีอากาศอยู่ เลขาหวังไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก ต้องรอผลสรุป
แต่กวานซินเข้าใจแล้วว่าสาเหตุการตายมาจากเส้นเลือดจากหัวใจไปสู่ปอดมีฟองอากาศอุดตันนั่นเอง เธอจินตนาการได้ว่า ตอนที่ผ่าตัดเอากล้องสอดเข้าไปในมดลูก อากาศที่อยู่ในน้ำคงเข้าไปในเยื่อบุมดลูก แล้วก็ถูกเส้นเลือดดูดเอาอากาศเข้าไป ไล่ไปถึงเส้นเลือดดำที่เข้าไปในหัวใจห้องขวาบน หัวใจห้องขวาล่าง และเส้นเลือดไปสู่ปอด ยิ่งนานก็ยิ่งสะสมทำให้เกิดฟองอากาศขวางทางเดินของเลือดจากหัวใจห้องขวาล่าง ทำให้เลือดคั่งจนหัวใจโต และล้มเหลวในที่สุด
จูมามารออยู่ที่หน้าห้องชันสูตร ในชีวิตเธอเคยรออะไรต่ออะไรมามากแล้ว ไม่ว่าจะเป็นรอจดหมาย รอการผ่าตัดของญาติใกล้ชิด รอลูกกลับบ้าน แต่เธอไม่เคยรออะไรแบบนี้ ที่เธอเองก็ไม่รู้ว่ารออะไร เธอเพียงรู้สึกว่าจูฮุ่ยอิงต้องการให้เธออยู่เป็นเพื่อน ข้างๆ เธอก็มีคุณแม่อีกคนกำลังนั่งรออยู่อย่างเงียบๆ เธอดูสวยมาก อายุน้อยกว่าจูมามา ทั้งสองก็เริ่มคุยกัน คุณแม่ที่ยังสาวคนนั้นมาคอยการผ่าชันสูตรศพของลูก ซึ่งอายุเพียง 14 ปี แต่เป็นมะเร็งแล้วก็เสียชีวิตใน 3 เดือน คุณแม่ยอมให้ผ่าชันสูตรศพลูกเพราะว่าอาการของลูกเธอเป็นกรณีที่แปลก คุณหมอจึงอยากจะผ่า เพื่อใช้เป็นกรณีศึกษาไว้ช่วยเด็กคนอื่นๆ ในอนาคต จูมามาถามว่าแล้วเธอไม่เจ็บปวดใจที่ไม่สามารถรักษาศพของลูกไว้ได้หรือ แต่คุณแม่คนนั้นบอกว่าเธอคิดว่าลูกชายเธอน่าจะดีใจที่ทำแบบนี้
แล้วเธอก็เล่าเรื่องของลูกชายเธอที่เธอเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่า ตอนที่ลูกเธอทำคีโมเสร็จ ผมร่วงหมด เขาร้องไห้ใหญ่ เธอก็ไม่รู้จะทำยังไง ต่อมามีแม่ชีมาพบลูกเธอ บอกว่ามาจากมูลนิธิช่วยเหลือเด็กที่เป็นมะเร็ง แล้วเธอก็ถอดหมวกออก ให้เห็นศีรษะที่ไม่มีผมของเธอ ลูกเธอก็หัวเราะได้ ต่อมาเพื่อนๆ ร่วมชั้นมาเยี่ยมทุกๆ คนก็โกนผมกันหมดเหมือนกัน
สิ่งที่ลูกเธออยากทำก็คือส่งภาพวาดเข้าประกวดงานศิลป์ทั่วโลก เธอเอาเครื่องเขียน เครื่องมือวาดภาพมาให้ลูกที่โรงพยาบาล แต่อาการลูกเธอหลังจากทำคีโมแล้วไม่ดีนัก เขาจึงได้แต่มองเครื่องมือแล้วถอนใจ เธอทุกข์ใจมาก โทษฟ้าดิน ว่าลูกเธอเป็นเด็กดีมาก ไม่เคยทำร้ายใคร ทำไมต้องให้ลูกเธอเป็นแบบนี้ ต่อมาแม่ชีมาขอร้องให้เธอพาลูกไปพบอาจารย์ของเธอ เธอก็ยอมให้เอารถพยาบาลพาไป เมื่อลูกเธอพบกับอาจารย์ของแม่ชี อาจารย์ก็จับหัวลูกเธอ บอกเธอว่าลูกเธอเป็นพระโพธิสัตว์มาเกิด เมื่อสมปรารถนาก็จะจากไป ทีแรกคุณแม่ก็ยังไม่เชื่ออะไรนัก แต่หลังจากลูกเธอพบกับอาจารย์ของแม่ชี สภาพจิตก็ดีขึ้นมาก วาดภาพจนเสร็จ แล้วก็ยังบอกอำลาเพื่อนๆ ด้วยความสุข แม้แต่หมอก็ยังแปลกใจ ในวันที่เขาจากไป เขายังบอกลาพ่อแม่ ทีแรกคุณแม่คิดว่าแปลกมาก บอกเขาว่าอย่าคิดมาก แต่วันนั้นเขาก็โคม่า แล้วก็จากไปจริงๆ
หลังจากลูกเธอตาย เธอก็ไปหาอาจารย์ของแม่ชีเพื่อขอบคุณ และถามเรื่องที่ไม่เข้าใจ ว่าลูกเธอเป็นเด็กน่ารัก ทำไมอายุสั้น และต้องมารับความทุกข์ความเจ็บปวดมากๆ ในช่วงอายุที่สั้นเพียงแค่นี้ด้วย และถ้าลูกเธอเป็นพระโพธิสัตว์ปรารถนาของลูกเธอคืออะไร อาจารย์ก็บอกว่าเขาใช้ความทุกข์และเจ็บปวดตนเองเพื่อให้เพื่อนมนุษย์คนอื่นมองเห็นถึงความอนิจจังของชีวิต พอเธอฟังแล้วก็กระจ่างแจ้งแก่ใจถึงความไม่แน่นอนของชีวิต หลังจากลูกเธอตาย เธอก็ออกจากงาน แล้วก็มาทำงานมูลนิธิช่วยเด็กที่เป็นมะเร็ง เพราะเงินที่เธอหามาได้มันพอที่จะเลี้ยงตัวเองจนแก่ได้ เธอก็เลยไม่รู้จะหาเงินอีกเพื่ออะไร เธอคิดว่าเธอควรทำสิ่งที่ควรทำดีกว่า
จูมามาก็เล่าว่าเธอไม่ยิ่งใหญ่เหมือนคุณแม่คนนี้ ลูกเธอถูกหมอทำร้ายจนตาย ที่เธอให้ผ่าชันสูตรศพ ก็เพื่อให้รู้ว่าใครถูกใครผิด คุณแม่คนนั้นก็ปลอบใจบอกว่าเธอเข้าใจดีว่าคนเป็นแม่เลี้ยงลูกมาจนโต ย่อมทำใจยาก แต่ความเป็นความตายมันเป็นสิ่งไม่แน่นอน ถึงเวลาไปก็ต้องไป อย่าว่าแต่หมอเลย พระโพธิสัตว์ก็ทำอะไรไม่ได้
ศพของจูฮุ่ยอิงถูกเข็นออกมาจากห้องผ่าชันสูตร จูมามาพอเห็นศพก็รู้สึกคลื่นไส้ เธอรู้สึกได้ถึงอวัยวะภายในของลูกเธอได้ถูกผ่าเอาออกไปหมดแล้ว และเห็นรอยเย็บ จูมามาจำได้แต่ว่ากวานซินเข้ามาจับมือเธฮ บอกว่า อากาศเข้าเส้นเลือดที่หัวใจ พวกเราไม่สามารถยับยั้งไว้ได้ แล้วจูมามาก็หมดสติไป
-----------------------------------
สวีไข่หยวน พอได้รับรายงายการชันสูตรศพ ก็นั่งคอตกเหมือนผู้แพ้ เลขาหวงก็ดูพวกเคสเก่าๆ ของแผนกสูตินรีเวชที่มีคนไข้เสียชีวิตจากน้ำคร่ำอุดตัน แต่ศาลก็ตัดสินว่าหมอทำการไปอย่างเหมาะสมแล้ว ไม่มีความผิด เพราะศาลก็เห็นว่าการพัฒนาการทางการแพทย์มีขีดจำกัด ไม่ใช่ว่าจะรักษาหรือป้องกันทุกอย่างไว้ได้ แต่สวีไข่หยวนก็บอกเลขาหวงว่าแต่การอุดตันจากฟองอากาศมันต่างกัน แต่เลขาหวงก็บอกว่ามันก็เป็นสิ่งที่ป้องกันไม่ได้เหมือนกัน สวีไข่หยวนบอกว่าการผ่าตัดส่องกล้องแบบนี้เป็นเทคนิคที่ใหม่มาก กรณีอุบัติเหตุแบบนี้จึงมีเกิดขึ้นไม่มาก วิธีป้องกันที่แน่ชัดจึงยังไม่มี แต่อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ศาลคงต้องส่งให้คณะกรรมการทางการแพทย์ตัดสิน
เลขาหวงก็บอกว่าพวกคณะกรรมการก็ต้องมาจากพวกหมอสูตินรีเวชของหลายๆ โรงพยาบาล ซึ่งพวกเขาก็มีความสัมพันธ์กันอยู่ ปีนี้การประชุมประจำปีก็เป็นคราวที่โรงพยาบาลนี้เป็นเจ้าภาพ เขาเลยเสนอให้สวีไข่หยวนนัดหมอพวกนี้ไปทานข้าวกัน แต่สวีไข่หยวนตัดบทว่าไม่อยากจากยุ่งเรื่องนี้อีกต่อไป ให้เลขาหวงนัดเติ้งเนี่ยนเหว่ยกับทนายเอาสัญญาเจรจามาเซ็นและเขาจะจ่ายเงินให้ 8 ล้านตามที่ขอมา เลขาหวงก็บ่นว่าเขาไม่ได้เสนอให้ไม่เจรจา แต่ว่าเรื่องมันยังไม่ได้เลวร้ายถึงขนาดนั้น สวีไข่หยวนทำเหมือนไม่ใช่คนเดิม สวีไข่หยวนถอนหายใจตอบว่า คนไข้อยู่ดีๆ มาตายในมือผม คุณไม่ใช่หมอ คุณไม่เข้าใจความรู้สึกของผมหรอก
จบตอนที่ 19
--------------------------------------
ขอสงวนสิทธิ์ในข้อความข้างต้น ห้ามมิให้นำไปทำซ้ำหรือเผยแพร่ในสื่อใดๆ ในเชิงพาณิชย์ โดยไม่ได้รับอนุญาต
---------------------------------------
สรุปนะคะ หลังจากที่ทางไต้หวันรู้ข่าว เพื่อนๆ ก็โทรไปถามข่าวคราว ให้กำลังใจกัน โหวเพ่ยเฉิน (แฟนเจย์) ก็โทรไปแต่เครื่องปิด ก็เลยทิ้ง sms ไว้ เถาจึก็ถามจากทีมงานที่ไปด้วย ส่วนเจอร์รี่ ผจก ส่วนตัวก็พูดเหมือนเมื่อวาน ว่าไม่รู้ว่าเจอร์รี่รู้เรื่องรึเปล่า เพราะติดต่อไม่ได้ แต่มีคนที่อ้างว่าเป็นเพื่อนสนิทเจอร์รี่บอกว่าเจอร์รี่เป็นห่วงมากและได้โทรไปหาแล้ว อีกข่าวบอกว่าผจก สั่งห้ามไม่ให้เจอร์รี่ให้ข่าวใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะกลัวเป็นข่าว ส่วนผจก ของหลินจื้อหลิงบอกว่า ไม่รู้เรื่องเรื่องโทรศัพท์ เพราะมือถือของจื้อหลิงไม่ได้อยู่กับเธอ
ส่วนอาการหลินจื้อหลิง ผจก และหมอมีการจัดงานแถลงข่าวที่โรงพยาบาล (เป็นโรงพยาบาลอันดับหนึ่งสังกัดมหาวิทยาลัยต้าเหลียน) หมอบอกว่าซี่โครงซ้ายหัก 6 ซี่ มีอากรเลือดออกและมีลมในเยื่อหุ้มปอดเล็กน้อย แต่ตอนนี้อาการทรงตัวแล้ว ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ร่างกายจะฟื้นฟูเองได้ โดยไม่มีอาการเรื้อรังในระยะยาว ไม่ต้องใช้การดามกระดูกด้วย ใบหน้าและแขนขาปกติ ไม่ได้รับอันตรายใดๆ ไม่มีผลกระทบกับอาชีพนางแบบ ตอนนี้การทานอาหาร การนอนหลับเป็นปกติ เธอลงจากเตียงมาเดินเองได้ หมอบอกว่าเธอควรเดินมากๆ หน่อย ตอนนี้ร่างกายยังมีความเจ็บปวดอยู่ จึงเคลื่อนไหวมากไม่ได้ อย่างน้อยที่สุดต้องใช้เวลา 2 อาทิตย์ถึงจะเริ่มฟื้นคืนสภาพเดิม ตอนนี้ปัญหาหลักคือเธอหายใจลึกและมีอาการไอรุนแรง ทำให้ปอดมีการเคลื่อนไหว ตอนนี้คุณพ่อเธอมาถึงต้าเหลียนแล้ว อยากจะพาตัวกลับไต้หวัน แต่หมอให้อยู่ต่อ 3-4 วันก่อน ผจก เธอบอกว่า ตอนที่หล่นลงจากหลังม้า เธอรู้ตัวว่กำลังจะหล่น เธอก็เลยเซฟตัวเองตอนหล่นลงมา แต่หมอบอกว่าอาการน่าจะมาจากม้าวิ่งไปข้าหน้าเลยดีดถูกเธอที่ล้มอยู่ที่พื้น แต่จื้อหลิงจำไม่ได้เลยว่าเธอถูกม้าดีด คุณหมอยังให้สัมภาษณ์ว่าไม่ค่อยได้ดูทีวีเลยไม่รู้จักจื้อหลิงมาก่อน ตอนมาห้องผ่าตัดเห็นคนเยอะแยะถึงได้รู้ว่าเธอเป็นนางแบบชื่อดัง หมอบอกด้วยว่าจื้อหลิงเข้มแข็งมาก ปกติคนที่ต้องผ่าตัดช่องอกจะเจ็บปวดมาก แตเขาไม่ได้ยินจื้อหลิงร้องซักแอะ
หลินจื้อหลิงยังมีการเขียนกระดาษโน้ตด้วยลายมือตัวเองขอบคุณทุกๆ คนด้วยว่า " dear เพื่อนๆ ทุกคนที่ห่วงใยจื้อหลิง: ได้รับบาดเจ็บ ทำให้ทุกคนเป็นห่วง ตอนนี้อาการทรงตัวแล้ว ฉันต้องหายป่วยเร็วๆ แน่ค่ะ ขอบคุณความห่วงใยของทุกๆ คนค่ะ"
แล้วก็มีเรื่องเงินทอง เข้าใจว่างานนี้จะเรียกเงินชดเชยจากบริษัทประกัน 3.5 ล้านเหรียญไต้หวันค่ะ
อีกข่าวบอกว่าห้องพักเธอราคาคืนละ 600 เหรียญ (จีน) เป็นระดับ vip เหมือนห้องโรงแรม มีรปภ เฝ้า 4 คน แต่ข่าวนี้หมอบอกว่ากระดูกไม่ได้หัก แค่เคลื่อนที่ อาการมีลมในเยื่อหุ้มปอดเกิดจากตอนเคลื่อนย้ายมาโรงพยาบาล ตอนนี้ยังลุกจากเตียงไม่ได้ และไม่ให้เยี่ยมเพราะกลัวปอดติดเชื้อ
ขอให้เธอหายป่วยเร็วๆ เหมือนกันค่ะ (ข้างล่างจะโพสรูปจดหมายกับรูปที่เธอตกม้านะคะ)
แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 48 22:42:41
แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 48 13:50:45
แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 48 13:32:14
จากคุณ :
Bam (Wen Wen)
- [
10 ก.ค. 48 13:29:06
]