CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    **** The Hospital ตอนที่ 21-22 ******

    ตอนที่ 21

    ประธานาธิบดีพร้อมด้วยเลขาประจำทำเนียบหวังซื่อเจียนและองครักษ์ยกขบวนกันมาที่โรงพยาบาล ระหว่างเดินจากที่จอดรถมาขึ้นลิฟท์ที่โรงพยาบาลเพื่อไปห้องอซียู  ประธานาธิบดีไม่พอใจและมีสีหน้าเครียดมาก ถามหวังซื่อเจียนว่าเรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร ทำไมถึงเพิ่งจะมาแจ้งให้เขารู้ หวังซื่อเจียนรายงานว่าตั้งแต่เมื่อค่ำวานนี้ แต่ไม่ได้รายงานเพราะประธานาธิบดีกำลังแถลงรายงานการบริหารกับรัฐสภาอยู่ ประธานาธิบดีก็โกรธแล้วสั่งว่าต่อไปไม่ว่าที่โรงพยาบาลมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นต้องรายงานทันที แม้ว่าเขาเป็นประธานาธิบดี แต่เขาก็เป็นพ่อของซินอวี๋ด้วย

    พอลิฟท์มาถึงชั้น 4 เปิดประตูออกมาก็พบว่าผอ. โรงพยาบาลเจ้า สวีต้าหมิง ถังกว๋อไท่ และนางพยาบาลอีกหลายคนรอต้อนรับอยู่ ประธานาธิบดีก็ถามอาการลูกสาวจากผอ. เจ้า ผอ. เจ้าก็รายงานว่ากลางดึกเมื่อคืนวานนี้ ได้ทำการต่อท่อหายใจให้ซินอวี๋เพื่อใช้เครื่องช่วยหายใจ ก่อนหน้านี้ก็มีการให้ยาละลายลิ่มเลือดที่อุดตัดเส้นเลือดด้วย ตอนนี้อาการทรงตัวดีขึ้นกว่าเมื่อวานนี้ ประธานาธิบดีก็ถามว่าทำไมการหายใจถึงมีปัญหา ผอ. เจ้ารายงานว่าการอุดตันของเส้นเลือดไปขวางการไหลเวียนของเลือดบริเวณคอ ทำให้มีอาการบวมบริเวณคอและกดทับทางเดินหายใจ ประธานาธิบดีก็ขมวดคิ้วถามว่าทำไมการทำคีโมถึงก่อให้เกิดการอุดตันของเส้นเลือดได้ ผอ. เจ้าก็เริ่มลังเลที่จะตอบ แล้วก็บอกให้ประธานาธิบดีรอเข้าฟังการประชุมชี้แจงอาการในอีกสักครู่

    พอประธานาธิบดีเดินมาถึงหน้าห้องไอซียู พวกญาติคนไข้อื่นๆ ที่นั่งอยู่ก็ลุกมาดูกันจนรปภ. ต้องกันไว้ เลขาหวังซื่อเจียนแอบเห็นว่ามีกล้องนักข่าวอยู่ ก็รีบกระซิบบอกประธานาธิบดี ประธานาธิบดีก็เลยต้องเปลี่ยนสีหน้าจากเคร่งขรึมเป็นยิ้มแย้มทักทายจับมือกับญาติคนไข้รายอื่นๆ มีการจับบ่าให้กำลังใจ ถามไถ่อาการคนไข้ที่ญาติรออยู่ พูดจาให้กำลังใจซึ่งกันและกัน จนกระทั่งเข้าห้องไอซียู ก็ยังต้องหมุนตัวกลับมาโบกไม้โบกมือกับญาติคนไข้และช่างภาพ

    พอประตูห้องไอซียูปิด ประธานาธิบดีก็มีสีหน้ายิ่งเคร่งเครียด ไม่ต้องการฟังการชี้แจงใดๆ แต่ต้องการพบลูกสาวก่อน  เมื่อเดินมาถึงเตียงซินอวี๋ ประธานาธิบดีก็เห็นพยาบาลกำลังช่วยกันจับตัวซินอวี๋ที่กำลังดิ้นรนอยู่ หน้าของซินอวี๋บวมมาก และดูเธออ่อนระโหยมากแต่ก็ยังพยายามดิ้นรน ประธานาธิบดีบอกกับลูกว่าพ่อมาแล้ว ผอ. เจ้าก็เข้าบอกว่าซินอวี๋พูดไม่ได้เพราะต่อท่อหายใจอยู่ พอประธานาธิบดีเข้าไปจับมือลูกสาว ซินอวี๋ก็เหมือนจะสงบลง จ้องประธานาธิบดีอย่างเศร้าและคับแค้นใจ แต่พูดออกมาไม่ได้แล้วก็ร้องไห้ ประธานาธิบดีก็เอากระดาษทิชชู่มาเช็ดน้ำตาให้ แต่ซินอวี๋ก็ยิ่งร้องไห้มากขึ้น จนเครื่องช่วยหายใจมีเสียง ประธานาธิบดีก็ปลอบแต่ก็ตกใจเมื่อเห็นกระดาษทิชชู่ที่เช็ดน้ำตาให้ซินอวี๋ยิ่งมายิ่งมีสีชมพูแล้วก็แดงยิ่งขึ้น ก็เลยหันหน้ากลับมาถามว่าทำไมเป็นเลือดออกมา แต่ไม่มีใครตอบอะไร ประธานาธิบด๊ก็ได้แต่บอกลูกว่าอย่าร้อง แต่ซินอวี๋ก็ยิ่งร้องและน้ำตาที่ออกมายิ่งมาก็ยิ่งมีสีเหมือนเลือดมากขึ้น
    -------------------------------
    ในขณะที่ประธานาธิบดีขึ้นรถกลับออกจากโรงพยาบาล ก็เรียกหวังซื่อเจียนให้มาขึ้นรถคันเดียวกับตน พอออกจากบริเวณโรงพยาบาล ประธานาธิบดีก็ถามว่า “เลขาหวัง ผมขอถามคุณว่ามันมีปัญหามากมายขนาดนี้ ที่แท้มันเรื่องอะไรกัน”
    “เรียนท่านประธานาธิบดี เป็นเพราะว่าการผ่าตัดต่อท่อเข้าเส้นเลือดดำ ทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนครับ”
    “การผ่าตัดครั้งนั้น ทางเราได้เลือกคนที่เก่งที่สุดมาทำแล้ว ชื่อซู คุณหมอซูอะไรนะ ไม่ใช่รึ”
    “คุณหมอซูอี๋หวาครับ” หวังซื่อเจียนหยุดครู่หนึ่ง  “เรียนท่านประธานาธิบดี การผ่าตัดครั้งนั้นคุณหมอซูอี๋หวาไม่ได้เป็นคนทำครับ”
    “ไม่ใช่หมอซูอี๋หวาทำเหรอ”
    “เป็นคุณหมอถังกว๋อไท่ครับ”
    “ผอ. ถังเหรอ”
    “ใช่ครับ แต่ว่าการผ่าตัดแบบนี้เป็นวิทยาการที่ค่อนข้างใหม่มาก ผอ. ถังมีความรู้และประสบการณ์มากก็จริง แต่ในด้านนี้แล้วประสบการณ์มีค่อนข้างจำกัด”
    “แล้วใครไปสั่งให้เขาเป็นคนทำ”
    หวังซื่อเจียนส่ายหัว
    “ผอ. โรงพยาบาลเจ้า เกษียณไปเมื่อเร็วๆ นี้ เขากับสวีต้าหมิงต่างจึงแย่งชิงตำแหน่งผอ. โรงพยาบาลที่ว่างอยู่ คุณหมอซูอี๋หวาถือได้ว่าเป็นคนของฝ่ายสวีต้าหมิง ดังนั้นเขาจึงใช้อำนาจบริหาร แย่งการผ่าตัดซินอวี๋ไป”
    “คิดไม่ถึงว่าในวงการแพทย์ก็มีเรื่องแบบนี้เหมือนกัน” ประธานาธิบดีแสดงสีหน้าเหมือนไม่อาจเข้าใจได้
    “บางทีโลกมนุษย์ก็เป็นแบบนี้เหมือนกันหมดครับ” หวังซื่อเจียนมองออกไปนอกหน้าต่างรถและทอดถอนใจ
    “ผมให้การดูแลและสนับสนุนโรงพยาบาลแห่งนี้ไปไม่น้อย” ประธานาธิบดีโยกหัวไปมา
    ถนนเริ่มว่าง รถแล่นเร็วขึ้น ประธานาธิบดีเหมือนกำลังใช้ความคิด เอามือกุมศีรษะ ก้มหน้าลงชิดเข่า สักคณุ่ก็เงยศีรษะขึ้นมาพูดว่า “ไม่ได้” เขาเหมือนพูดพึมพำกับตัวเอง “ถ้าแม้กระทั่งลูกสาวฉันยังต้องได้รับการกระทำแบบนี้ แล้วประชาชนทั่วไปล่ะ จะทำยังไง”
    เขาหันมามองหวังซื่อเจียน มองอยู่นานมาก ในที่สุดก็พูดว่า “การตัดสินเรื่องการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผอ. โรงพยาบาลแห่งนี้ มีใครเกี่ยวข้องบ้าง”

    จบตอนที่ 21
    ---------------------------------------
    ตอนที่ 22

    ศพของจูฮุ่ยอิงกำลังถูกทำพิธีและเผา เติ้งเนี่ยนเหว่ยมาแจ้งข่างให้จูมามาทราบว่าสวีไข่หยวนยอมตามเงื่อนไขทุกอย่างและเอาเอกสารข้อตกลงมาให้จูมามาเซ็นชื่อ เพื่อจะได้ไปรับเงิน 8 ล้านเหรียญมาแบ่งคนละเท่าๆ กัน  จูมามาก็ถามว่าถ้าเธอลงชื่อ รับเงิน แปลว่าสวีไข่หยวนไม่ผิดใช่หรือไม่ เติ้งเนียนเหว่ยก็บอกว่า สวีไข่หยวนทำผิดแน่ๆ ถ้าไม่ผิด ทำไมยอมจ่ายค่าชดเชย แต่จูมามาต้องการให้เขาพูดยอมรับผิดจากปากเอง เติ้งเนียนเหว่ยก็บอกว่าถ้าจะไปฟ้องศาล มันต้องใช้ทั้งเวลาและเงินทอง ศาลต้องส่งหลักฐานให้คณะกรรมการวินิจฉัยทางการแพทย์ดูด้วย ซึ่งหมอด้วยกันก็ต้องช่วยกัน ฟ้องร้องไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่จูมามาไม่สนใจ บอกว่าเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา เติ้งเนี่ยนเหว่ยก็เกลี้ยกล่อมว่าสวีไข่หยวนกว่าจะเป็นหมอได้ต้องเรียนมานาน เป็นหมอมาตลอดจนถึงตำแหน่งผอ. วิทยาลัย ถ้าเข้าคุกไป ก็รักษาคนไข้อื่นไม่ได้ จูมามาพอใจแบบนี้หรือ อีกอย่าง สวีไข่หยวนก็ช่วยรักษาคนมามาก มาย แต่คนเราก็ต้องมีผิดพลาดบ้าง จูมามาจะเอาเขาให้ตายเลยหรือ จูมามาก็โมโหว่าเติ้งเนียนเหว่ยกลับไปกลับมา ทั้งๆ ที่เป็นคนเริ่มก่อการประท้วง ไปพังบ้านกวานซิน ตอนนี้กลับเข้าข้างหมอ หาว่าเติ้งเนี่ยนเหว่ยต้องการเงินไปเคลียร์หนี้สินของตัวเอง เลยต้องการให้เธอเซ็นชื่อยินยอมในเอกสารข้อตกลงด้วย

    เติ้งเนี่ยนเหว่ยบอกว่าจูฮุ่ยอิงตายไป เขาก็โกรธ เขาก็เสียใจ เพราะจูฮุ่ยอิงเป็นคนเดียวที่ดีกับเขา ช่วยเหลือเขาตอนที่การค้าของเขาล้มเหลว แม้ว่าผู้ใหญ่ 2 ฝ่ายจะไม่เห็นด้วยกับการอยู่ด้วยกันของเขา แต่พวกเขาก็มีความหวังของตัวเองที่จะไม่ทำตัวแบบเดิมและพาจูฮุ่ยอิงไปจากชีวิตวุ่นวายที่เป็นอยู่ คอยให้กำลังใจกัน พวกเขาถึงได้คิดอยากจะมีลูก จูฮุ่ยอิงถึงได้ไปเข้ารับการผ่าตัดครั้งนี้ แล้วก็ร้องไห้ จูมามาเพิ่งได้รู้เรื่องของเขาสองคนก็เลยเงียบไป
    -----------------------------------
    วันรุ่งขึ้น จูมามาบุกมาหาสวีไข่หยวนที่ห้องตรวจไข้  สวีไข่หยวนไล่นางพยาบาลออกไปก่อน แล้วอยู่คุยกับจูมามา สองต่อสอง สวีไข่หยวนถามเรื่องเอกสารที่ฝากให้เติ้งเนี่ยนเหว่ยเอาไปให้เซ็น จูมามาก็ต่อว่าว่าเอกสารข้อตกลงแค่นี้ก็ทำให้สวีไข่หยวนผลักความรับผิดชอบได้หมดหรือ สวีไข่หยวนก็พยายามแก้ตัวว่าเรื่องจูฮุ่ยอิงเป็นอุบัติเหตุ เขาเองก็เสียใจ

    ด้านนอกประตู นางพยาบาลรู้ว่าเหตุการณ์ไม่ปกติ ก็ไปเรียกยามมา แต่ห้องถูกล็อกอยู่  เลยตะโกนถามสวีไข่หยวนว่ามีเรื่องอะไร แต่ไม่มีเสียงตอบ ข้างนอกเลยพยายามจะพังประตูเข้ามา แต่จูมามาก็ขู่สวีไข่หยวนให้สั่งให้ข้างนอกอย่าเข่า มิฉะนั้นจะฉีกเอกสารข้อตกลงทิ้ง และไม่ต้องมาคุยกันอีก สวีไข่หยวนเลยสั่งให้ข้างนอกหยุด

    สวีไข่หยวนถามเชิงต่อว่าจูมามาว่าจูมามากับพวกมาที่โรงพยาบาล 2-3 ครั้งแต่ละครั้งก็เรียกร้องไม่เหมือนกัน ตอนนี้ด้านเติ้งเนี่ยนเหว่ยอยากได้เงิน เขาก็ตกลงให้แล้ว จูมามาต้องการอะไร จูมามาก็เลยตบหน้าสวีไข่หยวน ถามว่าสวีไข่หยวนเคยสำนึกเสียใจหรือไม่ สวีไข่หยวนก็เล่าว่าเขารู้จักคำว่าสำนึกเสียใจครั้งแรกตั้งแต่เป็นหมอฝึกหัด ทีมีคนไข้กุมมือเขาไว้ ขอร้องให้เขาช่วยชีวิต เขาก็ปลอบใจคนไข้ว่าเขาจะต้องช่วยได้ แต่ในที่สุดคนไข้คนนั้นก็ตาย ตอนที่ตายยังกุมมือเขาไว้แน่น พอเขาแกะมือคนไข้ออก เขาก็รู้สึกถึงคำว่าสำนึกเสียใจเป็นครั้งแรก และตลอดเวลาที่เป็นหมอมา 30 กว่าปี เขานับไม่ถูกหรอกว่ามีกี่ครั้งที่เขาต้องรู้สึกสำนึกเสียใจ จูมามาก็ถามว่ารวมทั้งเรื่องของจูฮุ่ยอิงด้วยหรือ สวีไข่หยวนก็บอกว่าอาชีพหมอเป็นอาชีพที่ทำให้คนต้องสำนึกเสียใจ เพราะต้องแบกรับความคาดหวังที่เป็นไปไม่ได้ไว้มากเกินไป จูมามาก็บอกว่าแค่อยากรู้ว่าเขาเสียใจหรือไม่ สวีไข่หยวนเถียงว่า เขาสำนึกเสียใจแล้ว ทำให้จูมามารู้สึกดีขึ้นหรือ แล้วก็บอกว่าเขาเป็นแค่หมอธรรมดาไม่ใช่พระเจ้า ไม่ว่าจูมามาอยากจะฆ่าเขา ฟ้องร้องเขา จะให้เขาชดเชยเงิน ถ้าทำแล้วแล้วจูมามาสบายใจขึ้น เขาก็จะทำเพื่อลดความสำนึกเสียใจของตัวเอง

    จูมามาก็ตัดพ้อต่อว่าว่ามันไม่ได้ช่วยให้เธอดีขึ้น เธอเลี้ยงลูกมาจนโต ไม่มีใครเข้าใจเธอ สวีไข่หยวนก็ได้แต่กล่าวคำขอโทษ ซ้ำแล้วซ้ำอีก ในที่สุดจูมามาก็บอกว่าเธอได้เซ็นเอกสารข้อตกลงแล้ว แล้วก็มอบเอกสารให้สวีไข่หยวน แต่เธอไม่ต้องการรับเงินส่วนของเธอ ให้สวีไข่หยวนเอาไปบริจาคให้มูลนิธิเพื่อเด็กที่เป็นมะเร็งของโรงพยาบาล แล้วเธอก็เดินออกจากห้องไป ตลอดทางเดินกลับเธอก็คิดถึงภาพลูกสาวตั้งแต่ยังเด็ก เข้าโรงเรียน แต่งงาน จนกระทั่งศพในห้องเย็น และหลังจากการผ่าชันสูตร

    จบตอนที่ 22 (จบเล่ม 5)
    ----------------------------------
    ขอสงวนสิทธิ์ในข้อความข้างต้น ห้ามมิให้นำไปทำซ้ำหรือเผยแพร่ในสื่อใดๆ ในเชิงพาณิชย์ โดยไม่ได้รับอนุญาต
    --------------------------------

    นี่เรามาถึงครึ่งเล่มกันแล้วนะคะ (ในแง่จำนวนหน้า) ไม่อยากจะพูดอีกเลยว่าบทพระเอกน้อยค่ะ 10 ตอนสุดท้ายที่คิดว่าเหมือนจะเยอะ แต่จริงๆ ก็ไม่เยอะนะคะ (ไม่อยากให้คาดหวังมากค่ะ) แต่ก็มีจุดที่ทำให้ประทับใจเหมือนกันค่ะ ช่วงท้ายเนื้อเรื่องก็ค่อนข้างน่าสนใจค่ะ (เกือบเสียน้ำตาเหมือนกัน)  

    มีเรื่องเล่านิดหน่อย เกี่ยวกับหลินจื้อหลิง พอดีเจอในเว็บนึงค่ะ เค้าบอกว่าเมื่อไม่นานมานี้ เค้าดูรายการนึงที่หลินจื้อหลิงไปออกรายการ และมีตู้เต๋อเหว่ย (นักร้อง เจ้าของเพลง ฟ่างอี้เคอซิน) มาด้วย พิธีกรคนนึงถามคนในห้องส่งกับแขกคนอื่นๆ ว่าชอบเพลงไหนของตู้เต๋อเหว่ย คนอื่นก็ตอบๆ กัน แต่ไม่มีใครพูดถึงเพลงฟ่างอี้เคอซินเลย (อาจเป็นเพราะเพลงนี้ค่อนข้างเก่า เท่าที่เราเห็นเวลารวมฮิตก็ไม่ค่อยมี เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันดังรึเปล่า) แล้วพิธีกรก็ถามหลินจื้อหลิงว่าชอบเพลงไหนของตู้เต๋อเหว่ย หลินจื้อหลิงตอบว่า  ฟ่างอีเคอซิน ค่ะ

    แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 48 22:41:42

    จากคุณ : Bam (Wen Wen) - [ 12 ก.ค. 48 23:20:24 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป