ความคิดเห็นที่ 1 โอ้คนเล่นกลองไม่เป็น พออ่านปั๊ปแทบจาโซโล่ได้เลยนะเนี่ยะ ขอบคุณนาย(อดีตสามัญ)Jazzez และคุณพี่UM นาครับว่าแต่ว่า Lars Sundberg Trio เล่นเป็นยังไงบ้างอ่า จากคุณ : apison@prointered.com (jazzaholic) - [ 15 ก.ค. 48 19:43:49 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ขอบคุณมากครับพี่สามัญ ๆ เนียนซะงั้นเลย หุหุ อยากตีเป็น ๆ จากคุณ : UnDeRMiLeS dAvIs (UnDeRMinE) - [ 16 ก.ค. 48 13:30:31 ]

ความคิดเห็นที่ 3 งั้นมาต่อละกันครับ - - - - - - - - - - -- -- - ถามว่า ?        ไม่เห็นพูดถึงมือกลองคนดังอย่าง Gene  Krupa เลย ตอบ !              ใจเย็นๆที่ยังไม่กล่าวเพราะคนนี้เขาโด่งดังก็จริงอยู่แต่ต้องค่อยๆไล่ไปซิ ไหนๆก็พูดถึง Gene  Krupa แล้วก็ต่อที่เขา  เลยละกัน   พวกฝรั่งอย่างอเมริกันเขาเก่งหลายอย่างเลยนะอย่างหนึ่งคือเรื่องเทคโนโลยี่เข้าปี 1920 ไปถึง 30's เขาก็ ผลิตหนัง  ผลิตอะไรต่อมิอะไรกันแล้วอย่างหนุ่มหน้ามน Gene  Krupa นอกจากแกจะหล่อเหลาเอาการในยุคนั้นแกยัง  เก่งเอาการด้วยนะครับแกพัฒนาวิธีการเล่นกับวงบิกแบนและวิธีโซโล วลีสั้นๆสองห้องบ้าง ห้องเดียวบ้างและอีกอย่าง  ยุคนั้นมี คือการเล่นฉาบคู่ (Hi-Hat)นอกเหนือจากฉาบใหญ่ที่เรียก Cymbal คนนั้นคือ Vic Berton ถามว่า ?        แล้วในยุคปี 1920 - 1930 มีอะไรอีกบ้างที่มีการพัฒนาการที่เด่นชัด ตอบ !             มีครับก็กลองชุดที่เริ่มเล่นกันมาตั้งแต่แรกเริ่มนั้นมันยังไม่สมบูรณ์อย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบัน  ยุคสมัยที่เริ่มเล่นใน ดนตรี เร็กทาร์มนั้นกลองชุดจะเป็น   เบสดรัมใบใหญ่วางไว้ทางด้านเท้าขวามีฉาบจีนวางด้านบนเบสดรัม                      กลองแต๊ก Snare ขอบทำจากไม้ ฯลฯ แต่ช่วงยุค 20's- 30's กลองยี่ห้อ Ludwig เขาผลิตฉาบคู่ hi-hat และคนที่เริ่ม   เล่นคือ  Zutty Singleton เรียกชื่อมันว่า "Bick-a-da-Bock  Hand Cymbal"  เริ่มใช้ฉาบคู่กันประมาณปีค.ศ 27's                      ฉาบ Ride Cymbal เริ่มผลิตขนาดต่างๆเพื่อให้ได้เสียงแบบแจ๊ซ ดิบๆแห้งๆ ถามว่า ?        งั้นสรุป 1900 -1930 การเล่นกลองคือเริ่มจากนาย Baby Dodds และเป็นแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ให้เด็กหนุ่มๆยุค นั้น อย่าง Zutty Singleton , Dave  Tough , Denzilest , Sid Catlett และ Nick Fatool และเกิดการพัฒนาการ  ไปต่อถึง Gene  Krupa จนปลายยุค 30's ก็คือ Cozy Cole นี้คือบทส่งท้ายก่อนจะไปต่อกันที่ยุคสวิงค์ Swing ตอบ !             เอ้อ! เป็นคำถามที่ได้คำตอบที่ดีทีเดียวเอาให้ครบคนเล่นกลองเด่นๆยุคบิ๊กแบน BigBand ก็ต้องมี Chick Webb,     Sony Greer และ Jonathan "jo" Jones คนอื่นๆก็มีแต่ไม่เป็นที่โดดเด่นเท่ามือกลองที่เราคุยกันมา ถามว่า ?       อ้าวทำไมมีชื่อเพิ่มมาอีก 3 ละมาจากไหนกันเนี้ยไม่เห็นบอกก่อนหน้านี้เลย ตอบ !            อ่ะๆบอกหมดก็ไม่สนุกนะซิ....... ก็เราคุยกันแล้วไงว่าค่อยๆไล่การวิวัฒนาการตามพีเรียดดนตรีแจ๊ซ ซึ่งต่อมาที่เราจะ   คุยก็คือยุค 30's - 40's ยุดปูมสุดขีดของ Big Band และ Swing  โดยมือกลองหลักๆมี Chick Webb,Sony Greer  ,Gene Krupa และ Jo Jones โดยเฉพาะสองคนหลังนี้จะถูกจองตัวเล่นให้กับวงต่างๆหลากหลาย                    Gene  Krupa คือสัญลักษณของมือกลองที่มีความสำคัญมากในช่วงการเล่นแบบบิ๊กแบนไปเข้ายุคสวิงค์ช่วงแรกๆ เขา  ให้พลังขับผ่านการเล่น เทคนิคต่างๆที่มือกลองต้องส่งให้บทเพลงมีความเป็นเอกลักษณ์ที่สุดโต้ง.........                     ส่วน Jo Jones หนึ่งในมือกลองมีมีความสำคัญในการพัฒนาเทคนิครูปแบบการเล่นในยุคสวิงค์ เขามีวิธีการเล่นที่ครบ  ถ้วนในพื้นฐานการเล่น Rhythm Section เขาเริ่มการสอดประสานการสร้างไดนามิกและความสมดุลไว้ในขณะเดียวกัน                   และเพิ่มในส่วนของฮาโมนีเข้าไปผสมผสานได้อย่างกลมกลืน และผลงานที่อยู่คู่กับวงการดนตรีแจ๊ซคือ เขาเล่น Pattern  ที่ฉาบคู่ Hi hat ต่างจากกฎกติกาที่แจ๊ซทำกันเขาเล่น Hihat ย้ำไปที่บีท2และ4  จัดการเซ็ตอัพกลองใหม่ใช่เบสดรัม ประ   มาณ  18-20 นิ้ว และเพิ่มขนาด Ride Cymbal ใบใหญ่ๆวาง tom tom ไว้ทั้งสองข้างซ้ายและขวา    ทำให้เกิดแนวทาง   ให้มือกลองรุ่นหลังๆกล้าทำในสิ่งที่ต่าง ผลงานที่น่าศึกษาอย่าง One O' Clock Jump และหลายอย่างที่เขาทำเรื่องยาก ให้กลายเป็นเรื่องง่าย ถามว่า ?     แล้วลืมใครอีกบ้างในยุค 30's - 40's ตอบ !         ยังมีอีกสองคนถ้าไม่พูดถึงก็ถือว่าเรามองอิทธิผลจากการเล่นของเขาไปในสมัยของบิ๊กแบนมาถึงสมัยสวิงค์สองคนมีการ                     เล่นและเทคนิคที่ส่งผลมาจนถึงปัจจุบันอยู่ไม่น้อยคือ Buddy Rich และ Louis Bellson                                         เอาละผมจะสรุปมือกลองเด่นๆที่น่าสนใจเอาไว้ตรงนี้ก่อนที่เราจะก้าวไปสู่การเล่นแบบ Bop style เพราะว่าท้ายๆยุค                 Swing พวกกลุ่มนักดนตรีหัวก้าวหน้าเริ่มทดลองเล่นวงดนตรีที่มีการจับกลุ่มให้เล็กลงมา แปดคนบ้าง หกคนบ้าง และใน                        แบบทรีโอ สามคนก็เป็นเริ่มกันอยู่แต่หาการบันทึกเทปแสนจะยากเย็น อ่ะ!... เกือบลืมบทสรุปอีกแล้วได้คุยเรื่องอื่นแล้วมัน                  ไหลทุกทีเลย เสียนิสัย....เอามาที่คนแรก                                      *Chick Webb จะเรียกว่าเป็นหัวหลักหัวตอในกลุ่มฮาเล็ม Savoy Bollroom มีพลังแห่งความขับเคลื่อนส่งผลให้เขา                            เป็นที่ยอมรับในวงดนตรีของเขา  และรูปแบบวิธีการเล่น ..โซโลตลอดจนการเล่นในแบบฉบับของเขาส่งไปยังนักดนตรี                         หนุ่มๆให้พัฒนาต่อไปอย่าง Gene Krupa ไปถึง Philly Joe Jone                      *Gene Krupa เขายิ่งใหญ่มากกับคำว่าการพัฒนาแห่งการเล่นกลอง ส่งผลให้เขากลอยเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งในยุค   แห่งการเล่นดนตรีสวิงค์ อิทธิผลของเขาส่งไปถึงการพัฒนาการอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะไปถึง Max Roachและ Art         Blakey  บางเทคนิคและบางรูปแบบก็ส่งผ่านไปยังนักเล่นอย่าง Buddy Rich กับ Louis Bellson อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จากคุณ : นายสามัญฯ (jazzez) - [ 16 ก.ค. 48 22:22:46 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขอเก็บเข้าคลังกระทู้ละกันครับ จากคุณ : กีตาร์ปลิดวิญญาณ (pop ellington) - [ 17 ก.ค. 48 23:59:11 ]

ความคิดเห็นที่ 5 รบกวนคุณสนธ์เอื้ออาทรแผ่น Lars Sundberg Trio ให้ผมได้ไหมครับผมจะได้รู้จักแจ๊ซทางยุโรปบ้าง เพราะผมพอรู้จักวงนี้อยู่บ้างแต่ยังไม่เคยประจักษ์โสตรทั้งสองข้าง เลยครับ จะได้ชื่นชมแบบท่านอื่นๆกะเขาบ้าง ขอบคุณครับ จากคุณ : นายสามัญฯ (jazzez) - [ 18 ก.ค. 48 19:11:27 ]

ความคิดเห็นที่ 6 มาที่ร้านผมสิครับ ปรมาจารย์มีอยู่เพียบครับทั้งกลองเบส เปียโน แซ็ก กีตาร์ หาตัวจับยากครับในตลาดตอนนี้ เพราะพวกนี้มันโคตรแจ๊สฝั่งยุโรป ส่วนใหญ่ที่มาฟังก็อึ้งไปหลายวันละครับ พวกtime signature แปลกๆไม่เหมือนชาวบ้านแต่เขาทำได้ให้ดูออกมาสวยๆ โดนๆ พวกนี้วันๆอยู่กับการคิดค้น ทดลอง ปฎิบัติ แสดง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แม้แต่งานอเมริกันหลังๆก็มีไอเดียมาจากฝั่งยุโรปเยอะ มาคุยกันสิครับนายสามัญ จากคุณ : apison (jazzaholic) - [ 19 ก.ค. 48 09:51:31 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อ่านแล้วตะลึง ลืมไปแล้วว่าเคยเขียนไว้  ส่วนใหญ่ทำใจว่าที่เขียนไว้คงไม่มีคนอ่านหรือคนใส่ใจหรอก  (นี้ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ไม่ค่อยอยากจะเขียนอะไรเพิ่มเติมมากนัก) แต่นายสามัญทำได้ดีกว่าผม  อ่านแล้วน่าติดตามกว่านะ ป.ล. Lars Sundberg trio ก็โอเคครับ  นวลดี  เค้าเอาเพลง Standards มา Stretching (reharmonized) ทั้งหมด  ชอบคนเบสเค้า  มีโทนที่ดีมากได้สำเนียงประเภทหนักทุ้มนุ่มลึก ไม่ค่อยเหมือนมือเบสยุโรปที่ลอย ๆ หน่อย   เล่นน้อยแต่ได้ใจความ   เมื่อเทียบกับ Lars Jansson แล้ว  Lars Jansson มีความลึกมากกว่า  ตั้งใจถ้าโอกาสทางการเงินอำนวยคงจะต้องขอทำ Collection ของ Lars Jannson ให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียที นายยักษ์ (UM--ยูเอ็ม) จากคุณ : UM (upright_mania) - [ 20 ก.ค. 48 17:15:29 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขอให้กำลังใจนายยักษ์  ซะหน่อยครับผมเป็นแฟนคลับคุณคนหนึ่งเลยทีเดียว  ...... ถ้ามีเขียนผมก็ตามอ่าน..งั้นขอให้เขียนต่อไปนะครับ สู้เขา....555 จากคุณ : นายสามัญฯ (jazzez) - [ 20 ก.ค. 48 19:06:24 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ผมก็เป็นแฟนคลับคุณเหมือนกันนะนายสามัญ เหอๆผมมีงานกลองหรือเพอร์คัสชั่นเจ๋งเยอะเลยก็ไว้ถ้าไปมีตติ้งคงจาได้ฟังกันบ้างนาครับ จากคุณ : apison (jazzaholic) - [ วันอาสาฬหบูชา 21:34:19 ]

ความคิดเห็นที่ 10 มารออ่านต่อครับ ผมเองไม่มีความรู้เรื่องกลอง เลยไม่รู้ว่าอะไรทำให้คนเล่นหนึ่งพิเศษกว่าคนอื่นนอกจากบางคนที่เด่นจริงๆ อย่าง Max Roach ที่ฟังแล้วรู้สึกชอบมากๆ  แต่อย่าง Art Blakey นี่ solo แกก็ฟังแล้วงั้นๆ คงเป็นอย่างอื่นมากกว่าที่ทำให้แกมีชื่อเสียง หรืออะไรทำให้ Philly Joe Jones ถึงเป็นที่ถูกใจ Miles Davis ถึงกับต้องการตัวมาร่วมวงอย่างมาก   อยากได้ผู้รู้เรื่องกลองมาขยายความนานแล้วครับ จากคุณ : Cherokee1 - [ 24 ก.ค. 48 01:58:51 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อ่ะจ๊ากๆๆๆ อาจารย์เชอร์จุดประกายความคิดผมอีกแล้ว..ซี๊ดดดดดดดดดดรู้ไหมว่า Miles Davis แกเป็นคนใช้มือกลองเปลืองเอามากๆๆคนหนึ่งเลยครับ ถ้าผมว่างๆจะเขียนให้ท่านเชอร์ฟังนะครับท่าน(ถ้าท่านอยากฟังผมก็อยากเล่า อิอิ..) ต้องอดใจรอ.. จากคุณ : นายสามัญฯ (jazzez) - [ 24 ก.ค. 48 22:44:31 ]