CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    **** The Hospital ตอนที่ 30-31 ****

    ตอนที่ 30

    กวานซินเดินออกจากห้อพักผู้ป่วยทางปีกซ้าย ก็พอดีพบกับซูอี๋หวาที่ทางลงชั้นใต้ดิน
    “เธอมาอยู่มาตรงนี้ได้ยังไง” กวานซินถาม
    “ก็พอดีเพิ่งเสร็จงาน เห็นตารางการผ่าตัดวันพรุ่งนี้ ก็เลยมาดูๆ ที่นี่หน่อย ก็คิดเหมือนกันว่าบางทีอาจจะได้เจอคุณ คิดไม่ถึงว่าจะบังเอิญขนาดนี้” ซูอี๋หวายิ้ม “ผมส่งคุณกลับบ้านนะ”
    พวกเขาลงลิฟท์ไปด้วยกันไปยังที่จอดรถชั้นใต้ดินของโรงพยาบาล
    “ปกติคุณทำงานที่ปีกขวามาตลอดนี่นา ทำไมถึงถูกย้ายให้มาปีกซ้ายล่ะ”
    “พูดไปเรื่องมันยาว” กวานซินถอนหายใจ
    พวกเขาทั้งสองขึ้นรถ ติดเครื่องยนต์ รถแล่นออกจากโรงพยาบาล กวานซินถามซูอี๋หวา “ฉันถามเธอนะ ถ้ามีคนมาขอให้เธอเป็นผอ. แผนกวิสัญญี ถ้าเธอเป็นฉัน เธอจะตอบกลับไปยังไง”
    “เรื่องนี้มันพูดยาก” ซูอี๋หวาจับพวงมาลัยรถ แล้วก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ “หรือว่าที่ชิวชิ่งเฉิงขอคุยกับคุณก็คือเรื่องนี้”
    “เธอไม่เห็นด้วยเหรอ”
    “ผมไม่ได้คัดค้านการที่คุณจะรับตำแหน่งผอ. แผนกวิสัญญี” ซูอี๋หวาหยุดครู่หนึ่ง “เพียงแต่..”
    “เพียงแต่อะไร”
    “ผมอยากให้คุณใจเย็นๆ คิดดูดีๆ อีกสักหน่อย”
    “ฉันไม่เข้าใจความหมายของเธอ”
    “ตำแหน่งผอ. แผนกวิสัญญีไม่ได้ว่างอยู่ คุณต้องให้ไล่เฉิงซวี่ลงจากตำแหน่งก่อน การที่คิดจะให้ไล่เฉิงซวี่ลงจากตำแหน่ง ก็ต้องทำลายถังกว๋อไท่ ต้นทุนมันสูงมาก”
    “พวกเธออาจจะกลัวถังกว๋อไท่มาก แต่ฉันไม่เคยแคร์เรื่องพวกนี้ ฉันทำตามจิตสำนึกเท่านั้น”
    “ปัญหามันไม่ใช่ว่ากลัวหรือไม่กลัว” ซูอี๋หวาหยุดไปครู่หนึ่ง “แผนกศัลยกรรมมีบางเรื่องที่มันซับซ้อน จำเป็นด้วยเหรอที่คุณจะต้องรีบกระโดดเข้ามาในวังวนของการต่อสู้วิวาทพวกนี้”
    “ฉันไม่ได้กระโดดเข้าไปในวังวนของการต่อสู้วิวาทกัน แต่เรื่องพวกนี้มันลากฉันเข้ามาเองต่างหาก”
    กวานซินเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องผ่าตัดเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาอย่างยังมีอารมณ์ไม่พอใจอยู่ เธอจาระไนความเลวร้ายแต่ละเรื่องออกมาให้ฟังว่า “พอคนไข้เกิดเรื่องที่ไม่คาดฝัน เขาไม่เพียงแต่ไม่ช่วยปกป้องอะไรเลย ยังไม่ถามว่าใครผิดใครถูก จะให้ฉันรับผิด ชดใช้เงินอย่างเดียว ตอนที่ฉันอุตส่าห์ทำล่วงเวลาช่วยวางยาคนไข้ เขากลับมาหาเรื่องฉัน ฉันรู้สึกว่าผอ. แบบนี้ไม่ควรให้อยู่ต่อไป ขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป แผนกวิสัญญีจะทำงานกันต่อไปได้ยังไง พวกเราแผนกวิสัญญีจะกลายเป็นตัวอะไร”
    “ปัญหาคือต่อให้เอาเขาลงจากตำแหน่งได้ มันก็ไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้น จริงๆ แล้วเขาก็เป็นเพียงผลพวงจากระบบที่มันบิดเบี้ยวเท่านั้น ไม่ใช่สาเหตุ”
    “เธออยากรู้ไม๊ว่า สาเหตุที่แท้จริงมันคืออะไร” กวานซินพูดอย่างไม่พอใจ
    “อะไรเหรอ”
    “สาเหตุที่แท้จริงก็คือโรงพยาบาลนี้มีคนอย่างเธอมากเกินไป ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าเรื่องมันไม่ถูกต้อง แต่ก็ยังยอมทน ปล่อยปละละเลย เป็นคนประเภทที่ไม่ยอมทำอะไรเลย”
    “คุณจะพูดยังไงผมก็ไม่ว่า” เขาถอนหายใจ “เพียงแต่ว่าทั้งโรงพยาบาลนี้กำลังมีการเปลี่ยนถ่าย ต่อสู้แย่งชิงอำนาจอิทธิพลกันอย่างถล่มทลาย ไม่ว่าคุณอยากให้มันเป็นยังไง สุดท้ายก็หนีไม่พ้นที่จะถูกคนอื่นทำให้เบี่ยงเบน ถูกใช้ประโยชน์ ผมคิดว่าถ้าคุณยืนกรานจะทำแบบนี้ มันอาจจะไม่คุ้มค่า อีกอย่าง..” ซูอี๋หวาหยุดพูด
    “อีกอย่างอะไร”
    “บางทีผมอาจจะไม่ควรพูดแบบนี้ แต่ว่าผมรู้สึกว่าชิวชิ่งเฉิงเป็นคนที่มีปัญหาทางด้านจริยธรรมเป็นอย่างมาก”
    “ฉันอยากให้เธอพูดให้ชัดเจนหน่อย”
    “อาจเป็นเพราะผมทำงานร่วมกับเขามานาน ในหลายๆ ด้านผมย่อมจะมองเห็นได้ชัดเจนมาก แล้วก็..” ซูอี๋หวามองกวานซินอย่างกังวล “ความสัมพันธ์ของเขากับผู้หญิงหลายๆ คนมันไม่ชัดเจน คุณเองต้องระวังตัวด้วย”
    กวานซินมีปฏิกิริยาเหมือนคิดจะพูดอะไร แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา แล้วก็ยิ้มเหมือนกับได้ฟังเรื่องที่น่าสนใจ ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่ใช่ เรื่องมันไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด”
    “ผมแค่อยากเตือนคุณ หวังว่าคุณจะระวังตัว”
    กวานซินยังคงส่ายหัว เธอรู้สึกเหมือนไม่ได้รับความเชื่อถือและถูกให้ร้าย ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอจ้องซูอี๋หวาและพูดอย่างจริงจังว่า “ฉันเพียงทำสิ่งที่ฉันคิดว่าถูกต้อง ฉันไม่เป็นพวกพ้องกับใคร แล้วก็ไม่แคร์ด้วยว่าใครจะมาญาติดีหรือไม่ดีกับฉัน”
    “แต่คนอื่นเขาอาจจะไม่ได้คิดแบบนี้”
    “แล้วเธอล่ะคิดว่าไง ฉันอยากได้อำนาจอิทธิพล หรือว่าพยายามจะไต่เต้าให้สูงขึ้นล่ะ” จู่ๆ กวานซินก็ควบคุมอารมณ์ที่ประดังขึ้นมาไม่ได้ เสียงดังขึ้นมาว่า “แล้วเธอทำไมไม่ดูตัวเองบ้าง เธอเคยคิดรึเปล่าว่า ทำไมเธอถึงต้องมารับตำแหน่งรองผอ. ของชิวชิ่งเฉิง เธอเป็นพวกใคร แล้วคนอื่นเขาคิดกันยังไง”
    ซูอี๋หวาไม่ตอบ ขับรถไปเงียบๆ
    “เรื่องต่างๆ ส่วนมากแล้วมันจะไม่ได้ดูง่ายๆ เหมือนที่เห็นภายนอกหรอก” เขาพูดเรียบๆ  “ชีวิตมนุษย์ ก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถเลือกสิ่งที่ตัวเองรักชอบได้อย่างอิสระตามใจตัวเองเสมอไป”
    รถแล่นไปเรื่อยๆ จากระยะไกล กวานซินมองเห็นป้ายรถเมล์สาย 32 ที่ปากซอยผ่านกระจกข้าง จู่ๆ เธอก็เรียกให้ซูอี๋หวาหยุดรถ “ฉันอยากจะลงจากรถ เดินคนเดียว”
    “ให้ผมส่งคุณถึงประตูบ้านเถอะ”
    “ขอบคุณ” กวานซินห้ามเขา “ฉันอยากจะเดินจริงๆ”
    ซูอี๋หวามองกวานซินไม่พูดอะไร จนกระทั่งเธอย้ำอีกครั้ง “จริงๆ นะ”
    ซูอี๋หวาได้แต่จอดรถที่หน้าป้ายรถเมล์ ก่อนกวานซินจะลงจากรถ ซูอี๋หวาบอกกับเธอว่า “กวานซิน อย่าดื้อรั้นแบบนี้เลย ที่ผมอยากจะพูดจริงๆ แล้ว คือว่า ผมไม่มีทางเลือก แต่ว่าคุณไม่เหมือนกัน..”
    “ฉันคิดว่าเธอพูดถูกแล้วล่ะ พวกเรามันไม่เหมือนกัน” เธอสูดหายใจลึก เปิดประตูรถ “ฉันเลือกทำในสิ่งที่ฉันควรทำ แต่เธอมันไม่มีทางเลือก”
    กวานซินหันหลังให้รถของซูอี๋หวา ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ค่อยๆ ไกลออกไป แล้วน้ำตาก็ไหลพรากลงมา มีบางครั้ง เธอไม่ชอบนิสัยของตัวเองเลย ที่มักจะทำให้ตัวเองและคนอื่นกดดันจนหายใจไม่ออก ก็เหมือนกับที่เธอรู้ว่าซูอี๋หวาไม่ได้มีเจตนาร้าย แต่ก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ไปสั่งให้เขาหยุดรถ เธอต้องลงจากรถ มิฉะนั้นแล้วน้ำตาคงต้องร่วงต่อหน้าซูอี๋หวา แต่ว่าร้องไห้ต่อหน้าซูอี๋หวาแล้วจะเป็นยังไงล่ะ เธอไม่เคยคิด เธอไม่ชิน และก็ไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้นด้วย

    เดินไปตามซอยยาว  กำแพงก่อด้วยอิฐสีแดงตั้งทอดยาวอยู่ 10 กว่าปีมานี้ ไม่รู้ว่าได้เดินผ่านซอยยาวนี้มากี่พันครั้งแล้ว เธอคิดถึงยามที่เคยเดินตรงนี้กับคนหลายคน พวกเขาล้วนแต่ให้ความหวัง ความปรารถนา ความสุข ความทุกข์ แล้วก็แยกทางกันไปด้วยเหตุผลต่างๆ นานา ออกไปจากชีวิตของเธอด้วยวิธีการต่างๆ กัน

    กวานซินจำได้ว่าก่อนวันที่จวงหมิงเจ๋อจะแต่งงานเธอเคยถามเขาว่า “ถ้าคุณไม่ชอบว่าที่ภรรยาคุณจริงๆ ทำไมถึงไม่มีความกล้าที่จะไปจากเธอล่ะ”
    จวงหมิงเจ๋ออยู่ในห้องของร้านอาหารสูบบุหรี่ ควันบุหรี่ลอยอย่างช้าๆ เขาขมวดคิ้วพูดว่า “บางครั้ง มนุษย์ก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถเลือกสิ่งที่ตัวเองรักชอบได้เสมอไป”
    ช่างเป็นคำพูดที่ทุกข์ระทม คืนนี้ก็มาได้ยินจากซูอี๋หวาอีก กวานซินรู้สึกงงงวยเล็กน้อย ถ้าเวลาผ่านไป แต่ทุกคนยังคงพูดคำพูดที่เหมือนกัน นั่นเป็นเพราะว่ามันมีเหตุผลจริงๆ ใช่หรือไม่

    แสงไฟถนนที่มืดสลัว ส่องไปที่มุมของกำแพงอิฐสีแดงอย่างเงียบๆ กวานซินจำได้ว่าตอนนั้นเธอมีท้องกับจวงหมิงเจ๋อ อยู่ที่มุมๆ นี้อาเจียนแทบเป็นแทบตาย

    บางทีมองจากมุมของจวงหมิงเจ๋อ สิ่งที่เขาพูดมันก็ไม่ผิด

    ตอนนั้นเขาเป็นดาวดวงใหม่ที่เพิ่งเริ่มจรัสแสงของแผนกศัลยกรรม ได้มาแต่งงานกับลูกสาวของเจ้าของบริษัทชื่อดังในประเทศและยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของโรงพยาบาลด้วย งานแต่งงานย่อมเป็นงานที่ยิ่งใหญ่อลังการ นักธุรกิจที่มีชื่อเสียง  ผู้บริหารระดับต่างๆ ของโรงพยาบาลล้วนมาร่วมงาน กวานซินอยู่ในงานเลี้ยงมองไปที่คู่บ่าวสาวและแขกเหรื่อที่แต่งตัวกันสวยงาม ก็สำนึกได้อย่างฉับพลันว่าระยะห่างมันช่างมากเหลือเกิน ตอนงานเลี้ยงเลิกในวันนั้น คู่บ่าวสาวยืนส่งแขกที่ทางเดิน กวานซินถูกฝูงคนเบียดเสียดดันไปถึงประตูทางออก พอถึงคราวของเธอที่ต้องรับของชำร่วย จู่ๆ เธอก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี เธอมีท้องกับเจ้าบ่าว แต่มาร่วมงานแต่งงานของเขา เธอควรจะทำตามคนอื่นอวยพรว่าขอให้อยู่ร่วมกันหวานชื่นจนถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรหรือว่าขอให้คุณมีความสุขดีรึเปล่า

    ตอนแนะนำตัวเธอ เจ้าบ่าวพูดเรียบๆ ว่า “เป็นนักศึกษาแพทย์ฝึกหัดของผมครับ”
    กวานซินจำได้ว่าเจ้าสาวเงยหน้าขึ้นมองเธอแวบหนึ่งอย่างไม่สนใจนัก  ทำให้คนสงสัยเล็กน้อยว่าเจ้าสาวจำเธอได้หรือไม่ มีคนพลอยพูดเล่นอีกว่า “คุณดูสิคุณหมอจวงมีเสน่ห์แรงมาก แม้แต่นักศึกษาหญิงยังอาลัยอาวรณ์ที่เขาแต่งงานเลย”

    กวานซินได้ยินคำพูดอวยพรตามธรรมเนียม ต่อมา เธอก็ถูกดันจนออกนอกประตูใหญ่ เมื่อนึกย้อนกลับไป ตอนนั้นเธอนั่งในรถแท๊กซี่ รู้สึกด้านชาไปหมด พอจ่ายเงินเสร็จก็ลงจากรถ เดินเข้ามาในซอยยาว เดินไป เดินไป น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา

    กวานซินไม่เคยบอกเรื่องตั้งท้องให้จวงหมิงเจ๋อรู้ ก็เหมือนกับที่เธฮไม่ยอมให้ซูอี๋หวาเห็นน้ำตาของเธอ
    “ฉันเลือกทำในสิ่งที่ฉันควรทำ แต่เธอมันไม่มีทางเลือก”
    กวานซินคิดถึงคำพูดที่เธอเพิ่งพูดเองเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา รู้สึกงงงวยเล็กน้อย เธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองอาศัยอะไรที่มักจะทำเป็นมีความเชื่อมั่นในตัวเองมากมายขนาดนั้น ยิ่งอายุมากขึ้น จริงๆ แล้ว เธอยิ่งมีคำถามมากขึ้น เธอพาร่างกายที่เหนื่อยล้า เปิดประตูใหญ่ เดินขึ้นไปชั้น 3 เปิดประตูเหล็ก พอดีมีโทรศัพท์เข้ามา ทำให้เครื่องรับโทรศัพท์อัตโนมัติรับสายไว้
    “กวานซิน ผมซูอี๋หวานะ” แม้จะผ่านเครื่องขยายเสียง แต่ก็ยังคงสามารถได้ยินเสียงอยู่ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายกำลังรอเธอรับโทรศัพท์อยู่

    กวานซินนั่งบนโซฟาในห้องรับแขก ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อของตัวเอง ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด จู่ๆ ก็รู้สึกว่าไม่มีแรงที่จะไปยกหูโทรศัพท์ที่อยู่ตรงหน้าเลย เครื่องรับโทรศัพท์อัตโนมัติยังคงมีเสียงซ่าซ่า สักครู่หนึ่ง เสียงอ้ำๆ อึ้งๆ ของซูอี๋หวาก็ดังออกมาจากเครื่องรับ “ผมไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงดี บางทีอาจเป็นเพราะผมรู้เรื่องบางอย่างมากเกินไป ก็เลยกลัวว่าคุณจะถูกทำร้าย ผมไม่ได้มีความหมายอื่น ผมหวังว่าคุณจะคิดดูดีๆ อีกที ถ้าคืนนี้สิ่งที่ผมพูดทำให้คุณรู้สึกอึดอัด ก็ขอโทษด้วย โปรดรับคำขอโทษจากผมด้วย”
    กวานซินเบือนหน้าหนี เหมือนพยายามจะไม่ฟัง เธอลุกขึ้นเดินเข้าห้องอาบน้ำ เปิดก๊อกน้ำในอ่างอาบน้ำ ปล่อยให้น้ำอุ่นไหลไป เธอถอดเสื้อเชิ้ตออก ค่อยๆ ถอดกางเกงขายาว ในขณะที่กำลังจะเอาเสื้อผ้าที่ถอดออกมาใส่เข้าไปในเครื่องซักผ้า ก็ล้วงเจอใบคำกลอนเซียมซีที่ยับยู่ยี่
    “เรื่องทุกอย่างต้องรอคอย การวางแผนก็ยังต้องรอคอย ความเศร้าเสียใจในปีนั้นหมดไป ทิวทัศน์ยามสายัณห์จะตามมา”

    กวานซินเอียงหัวดูใบกลอนเซียมซีนั้น คิดถึงเรื่องต่างๆ มากมาย อ่างอาบน้ำมีไอลอยขึ้นมา เธอนิ่งงันอยู่นาน จนกระทั่งน้ำในอ่างล้นออกมาอย่างไม่รู้ตัว

    จบตอนที่ 30 (จบเล่ม 7)
    --------------------------------------------------------------------
    ขอสงวนสิทธิ์ในข้อความข้างต้น ห้ามมิให้นำไปทำซ้ำหรือเผยแพร่ในสื่อใดๆ ในเชิงพาณิชย์ โดยไม่ได้รับอนุญาต

    จากคุณ : Bam (Wen Wen) - [ วันเข้าพรรษา 21:41:20 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป