CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    ***** The Hospital ตอนที่ 50 (ตอนอวสาน) *****

    ตอนที่ 50

    หนึ่งปีที่ผ่านไป แผนกศัลยกรรมมีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย

    ชิวชิ่งเฉิงลงจากตำแหน่ง เฉินควานเสียชีวิต ศาสตราจารย์เชวียเกษียณอายุ ถังกว๋อไท่เส้นโลหิตในสมองแตกอีกครั้ง ต้องเข้าห้องไอซียู ชิวชิ่งเฉิงกลายเป็นไม่ชอบทำการผ่าตัด มักจะเอาคนไข้โอนมาให้ซูอี๋หวา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด ซูอี๋หวากลายเป็นคนอารมณ์ร้อนฉุนเฉียวง่าย เขาสามารถรู้สึกได้ว่าบรรดาหมอและพยาบาลต่างๆ ยิ่งมาก็ยิ่งกลัวเขา แต่ว่ายิ่งพวกเขากลัวเขา เขาก็ยิ่งโมโห เขาหงุดหงิดมาก แต่ก็ไม่สามารถควบคุมได้

    เที่ยงวันนี้ที่ถังกว๋อไท่เสียชีวิตลง ซูอี๋หวาก็อารมณ์เสียเดือดดาลขึ้นมาอีก เริ่มจากการผ่าตัดไม่ราบรื่น ตามด้วยเครื่องมืออุปกรณ์ไม่ได้ดังใจ นางพยาบาลขัดมือไม่คุ้นเคยกับความเคยชินของเขา สุดท้ายหมอที่มาฝึกอบรมพิเศษมือไม้งุ่มง่ามยั่วโมโหเขาอีก ในที่สุดก็ระเบิดออกมา “คุณเป็นผีดิบใช่ไม๊เนี่ย” ซูอี๋หวาตะคอกใส่หมอที่มาฝึกอบรมพิเศษ “ปฏิกิริยาตอบกลับสักนิดก็ไม่มี”

    หมอที่มาฝึกอบรมพิเศษยืนตัวสั่นอยู่ที่แท่นผ่าตัด ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร โชคดีที่หมอผู้ช่วยที่ถูกเรียกตัวเข้ามาที่ห้องผ่าตัดค่อยๆ ดึงตัวเขาออกไปเงียบๆ

    ซูอี๋หวาหันกลับมา มองหมอผู้ช่วยด้วยอารมณ์เดือดพล่าน “คุณนี่มันจัดการเก่งนัก” เขาขึ้นเสียงสูง “หืม"
    หมอผู้ช่วยยืนทำอะไรไม่ถูก บรรยากาศตึงเครียด ทั้งหมอเวร หมอฝึกหัด พยาบาลหมุนเวียน พยาบาลขัดมือ พยาบาลแผนกวิสัญญี หมอเวรแผนกวิสัญญี ล้วนแต่นิ่งเงียบ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา
    “วันนี้ยังมีการผ่าตัดอีกกี่ราย” ซูอี๋หวาถาม
    “เรียน ผอ.” หมอผู้ช่วยพูดอ้ำๆ อึ้งๆ “ยังมีอีก 6 รายครับ”
    “แล้วคุณหมอชิวชิ่งเฉิงล่ะ ผมไม่ได้บอกให้คุณไปเรียกเขามาช่วยรึไง”
    “เรียน ผอ. ผมหามาทั้งวันแล้วแต่ไม่เจอตัวคุณหมอชิวเลยครับ”
    “พวกคุณต่างก็ได้แต่พยายามเอางานผ่าตัดมาเรียงให้ผมทำ หาคนมาช่วยไม่ได้ก็ช่างมัน แต่คุณยังดันจัดมือใหม่พวกนี้มาให้ผมยุ่งยากอีก” ซูอี๋หวายิ่งพูดยิ่งโมโห เอาเครื่องมือโยนลงพื้น ด่าออกมาเสียงดัง “ไม่ผ่าแล้ว พวกคุณหาชิวชิ่งเฉิงไม่เจอ เขาก็สบายดี งั้นผมจะทำให้คุณหาตัวไม่เจอบ้าง ไปแจ้งคนไข้ทั้งหมดนะว่าวันนี้ไม่มีการผ่าตัดแล้ว” เขาพูดจบก็หันกลับไปถอดชุดคลุมปลอดเชื้อออก เดินออกไปจากห้องผ่าตัดอย่างโมโห

    หมอผู้ช่วยรีบเดินตามหลังออกมา พูดตัวสั่นว่า “เรียน ผอ. ขอโทษครับ หมอที่มาฝึกอบรมพิเศษมาจากผู่หลี่ คงจะอยู่ชนบทมานานเกินไป”
    “ชนบทมีอะไรไม่ดี อยู่ที่นี่ แค่ผ่าตัดเป็นแล้วมีประโยชน์อะไร คุณดูสิ พวกเราแต่ละวันอยู่ที่นี่ มีชีวิตเหมือนกับคนไม๊”
    “เรียน ผอ. ขอโทษครับ คราวหน้าผมจะไม่จัดให้เขาร่วมทำการผ่าตัดกับคุณอีกโดยเด็ดขาด”
    ซูอี๋หวาไม่พูดอะไร เดินมาถึงห้องพักผ่อนนอกแผนกห้องผ่าตัด นั่งลงบนโซฟาอย่างคับแค้นใจ หมอผู้ช่วยรีบไปรินกาแฟมาให้ถ้วยหนึ่ง ยืนอยู่ต่อหน้าเขากล่าวขอโทษไม่หยุด ไม่กล้าเดินออกไป ซูอี๋หวาตัดพ้อว่า “แต่ละวันอยู่ที่นี่ทำงานเป็นวัวเป็นควาย มีใครบ้างที่ได้ลงไปจากตำแหน่งอย่างดีๆ  ศจ. ถังชั่วชีวิตอยู่ที่นี่ทำการผ่าตัดไปตั้งเท่าไหร่ ตอนนี้เขาตายไป ผมถามคุณ มีใครร้องไห้ให้เขาบ้าง ปากบอกว่าต้องช่วยชีวิตคน แล้วใครล่ะจะมาช่วยชีวิตพวกเรา”
    เขาดื่มกาแฟรวดเดียวหมดถ้วย ลุกขึ้นเดินไปยังลิฟท์ เตรียมตัวลงไปรับประทานอาหารที่ห้องอาหารชั้นใต้ดิน หมอผู้ช่วยรีบวิ่งกลับไปที่ห้องทำงานไปหยิบชุดคลุมแพทย์สีขาวของซูอี๋หวา วิ่งตามมาจนทันและช่วยเขาสวม ซูอี๋หวาไม่พูดอะไร หันไปมองหมอผู้ช่วยแวบหนึ่ง จนกระทั่งซูอี๋หวาเดินเข้าไปในลิฟท์ ประตูลิฟท์ปิดเข้าหากัน หมอผู้ช่วยก็ยังคงยืนที่หน้าประตูลิฟท์โค้งคำนับเขา
    -----------------------------------------------
    กวานซินกับคุณหมอเลี่ยวที่มาจากผู่หลี่เพื่อฝึกอบรมพิเศษนัดกันที่ประตูห้องอาหาร เธอมองเห็นคุณหมอเลี่ยวเดินมา ก็ถามอย่างเป็นห่วงว่า “ทำไมลงมาทานข้าวกลางวันเร็วนักล่ะ”
    “ผอ. ซูอารมณ์เสียใหญ่ บ่นว่าผมมือไม้งุ่มง่าม” คุณหมอเลี่ยวยิ้มแล้วพูด “ก็แบบนี้แหละ เลยถูกไล่ลงมา”
    กวานซินขมวดคิ้ว พูดกับตัวเองอย่างไม่เข้าใจว่า “เขาแทบไม่เคยอารมณ์ร้ายขนาดนั้นนี่นา”
    “ผอ. ซูมีความกดดันสูง การโมโหเป็นฟืนเป็นไฟมันยากจะหลีกเลี่ยง”
    “ฉันเป็นเพื่อนร่วมงานกับเขามาก่อน จะให้ฉันช่วยคุณไปทักทายเขาหน่อยไม๊”
    “ในเมื่อมาเรียนผ่าตัด เขาก็เป็นอาจารย์ของผม การถูกด่าว่ามันก็เป็นเรื่องสมควร” คุณหมอเลี่ยวยิ้ม “ผมรับมือได้ คุณไม่ต้องกังวลแทนผมหรอก คุณสนับสนุนจนผมมาฝึกอบรมที่นี่ได้ ผมก็ซาบซึ้งใจมากแล้ว”
    กวานซินมองรอยยิ้มซื่อๆ ของหมอที่มาฝึกอบรมพิเศษ ถามอย่างสงสัยว่า “ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมคุณไม่เคยโกรธเลย”
    “ก็เพราะผมโชคดีไง มักจะพบแต่คนดีๆ อย่างคุณ” คุณหมอเลี่ยวมองนาฬิกาข้อมือ ยิ้มแล้วพูดว่า “พวกเราไปทานข้าวกันเถอะ ทานเสร็จแล้ว ผมยังต้องรีบกลับไปห้องผ่าตัด เผื่อเขาอารมณ์ดีแล้ว บางทีอาจจะยอมให้ผมดูการผ่าตัดข้างๆ ก็ไม่แน่นะ”
    พวกเขานั่งทานอาหารกันที่บริเวณสำหรับรับประทานอาหารของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ทานไปได้ไม่นานนัก ก็มองเห็นซูอี๋หวาอยู่ไกลๆ กำลังยกถาดอาหารเดินผ่านมา

    “ผอ. ซู” กวานซินร้องเรียกเขา
    ซูอี๋หวาหันหน้ามาในทันที ก็เห็นกวานซินนั่งอยู่ที่ที่นั่งข้างๆ กำลังทานอาหารอยู่
    “กวานซิน” เขารู้สึกใจหวิวขึ้นมาในอก พูดอย่างทำอะไรไม่ถูกว่า “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
    “ไม่ได้เจอกันนานเลย” กวานซินลุกขึ้นมาจากที่นั่ง
    หมอที่มาฝึกอบรมพิเศษเห็นสถานการณ์แบบนี้ ก็เลยลุกขึ้นยืนตามอย่างตื่นเต้น โค้งคำนับให้ซูอี๋หวา บรรยากาศไม่ค่อยเป็นธรรมชาตินัก ซูอี๋หวาจ้องกวานซินไม่วางตา พูดเรียบๆ ว่า “ผมคุณยาวแล้วนะ”
    “หลังจากไปจากที่นี่เมื่อปีก่อนก็ไม่ได้ตัดเลย” กวานซินยิ้ม “ยินดีด้วยนะ ได้ยินว่าเธอแต่งงานแล้ว”
    ซูอี๋หวาก้มหน้าไม่พูดไม่จา สักพักหนึ่ง เขาก็ถามขึ้นมาอย่างเป็นห่วงว่า “ปีกว่ามานี้ คุณไปอยู่ไหนมา”
    “ฉันอยู่ที่ผู่หลี่”
    “สบายดีไม๊”
    “ในชนบท ไม่มีอะไรดีไม่ดีหรอก แต่ทิวทัศน์ดีมากนี่เป็นเรื่องจริง” เธอชี้ที่หมอที่มาฝึกอบรมพิเศษที่ยืนอยู่ข้างๆ พูดว่า “เขาคือคุณหมอเลี่ยว พวกเราเพิ่งหมั้นกันเมื่อเร็วๆ นี้”
    ซูอี๋หวาตะลึงงัน แต่ก็พยายามอย่างสุดกำลังที่จะกลบเกลื่อนความตกใจ เขาพูดอ้ำๆ อึ้งๆ ว่า “งั้นเหรอ ดีมากเลย”
    “เขาเปิดคลินิกที่ผู่หลี่ อยากจะเรียนเทคนิคการผ่าตัดใหม่ๆ กลับไป ฉันก็เลยสนับสนุนเขา ดังนั้นเขาก็เลยยื่นใบสมัครขอมาฝึกอบรมพิเศษที่นี่ 3 เดือน” กวานซินโค้งคำนับให้เขา “แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจเทคนิคบางอย่าง แต่ว่าก็ขยันมาก และตั้งใจเรียนรู้ ขอให้ผอ. ซูช่วยดูแลเขามากๆ หน่อย”
    “ผมไม่อาจเอื้อม”
    ซูอี๋หวามองคุณหมอเลี่ยว เมื่อกี้ตอนที่ทำการผ่าตัดแทบจะไม่ได้มองเขาดีๆ เลยสักแวบหนึ่ง ผู้ชายที่อายุไล่เลี่ยกับตัวเขา ดูท่าทางใจกว้างซื่อตรง แต่เหมือนกับยังมีความหวาดผวากับเรื่องเมื่อครู่อยู่ เขาผงกหัวให้กับซูอี๋หวาไม่หยุด
    กวานซินมองถาดอาหารในมือของซูอี๋หวา “เธอจะทานอาหารด้วยกันกับพวกเราไม๊” เธอถาม
    ซูอี๋หวาลังเลครู่หนึ่ง “ไม่ล่ะ” เขาพูดด้วยสีหน้าล่อกแลก “ผมนัดคนไว้”
    “งั้นเหรอ ขอให้ผอ. ซูดูแลมากๆ หน่อยนะคะ”
    กวานซินโค้งคำนับอีกครั้ง คุณหมอเลี่ยวยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน ได้แต่โค้งคำนับให้ซูอี๋หวาตามกวานซิน
    ซูอี๋หวาทีแรกคิดว่าจะพูดอะไรออกมาอีกหน่อย แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหน จึงได้แต่พูดตามมารยาทว่า “อะไรกัน เป็นเรื่องสมควรทำอยู่แล้ว”

    (ยังมีต่อ)

    จากคุณ : Bam (Wen Wen) - [ 15 ส.ค. 48 23:17:34 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป