CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยมาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของเพลง The Sound of Silence ของ Paul Simon and Art Garfunkel

    “Hello darkness, my old friend…..I've come to talk with you again….. because a vision softly creeping….. left its seeds while I was sleeping….. and the vision that was planted in my brain….still remains within the sound of silence…..”

    Paul Simon and Art Garfunkel สองคนนี้เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม ต่อมาช่วงปลายปี 50 เคยมีผลงานร่วมกัน มีชื่อวงครั้งแรกที่ตลกดีครับ ทอมแอนด์เจอรรี่ ในปี 1964 เขาได้มีอัลบั้มร่วมกันอีกครั้งชื่อ Wednesday Morning, 3 A.M. กับค่ายซีบีเอสที่มีเพลงนี้อยู่ด้วย เพลงนี้พอล ใช้เวลาแต่งประมาณ 6 เดือนครับ แต่ด้วยลักษณะเสียงที่ค่อนข้างดิบและดนตรีที่ยังไม่แน่นพอ เลยทำให้ไม่ประสบความสำเร็จและขายไม่ดีอย่างมาก อ้อ...ตอนนั้นเพลงนี้ใช่ชื่อว่า Sound of silence ไม่มีตัว The ครับ

    ต่อมาโปรดิวเซอร์ที่ค่ายเพลงโคลัมเบียมีแนวความคิดที่จะเอาวงแบ๊คอัพของบ๊อบ ดีแลนมาเสริมทำเพลงให้กับพอล ไซมอนและอาร์ท การ์ฟังเกลใหม่อีกครั้งในปี 1965 โดยใช้ท่วงทำนองโฟลค์ร็อคของบ๊อบ ดีแลนนั้น มีหลายเพลงของพอลถูกนำมาทำใหม่ ผลลัพธ์คือเพลงโด่งดังขึ้นมาทันทีเมื่ออกสู่สายตาประชาชน ยังไม่หมดครับ พอปี 1967 ไมค์ นิโคลส์ ผู้กำกับหนังเรื่อง The Graduate ก็ได้ให้พอล มาช่วยแต่งเพลงหนังเรื่องนี้ให้กับเขา มีเพลงที่ผมชอบอย่าง Scarborough Fair ขึ้นสูงสุดที่อันดับ 11 อยู่ด้วย (เพลงนี้อยู่ในอัลบั้ม Parsley, Sage, Rosemary and Thyme ด้วย) ยังมีเพลง Mrs.Robinson ที่ขึ้นถึงอันดับ 1 และเอา The Sound of Silence กลับมาทำใหม่อีกครั้ง (ไมค์ นิโคลส์ ได้รับออสการ์ผู้กำกับยอดเยี่ยมจากหนังเรื่องนี้แต่ตัวภาพยนตร์ไม่ได้ครับ แสดงโดยดัสติน ฮอฟแมนและแอน แบนครอสฟ์)

    เพลงที่ผมเขียนนี้ขึ้นอันดับหนึ่งที่อเมริกา เมื่อวันที่ 1 มกราคม ปี 1966 และโดน We can work it out ของ The Beatles ล้มลงไป 2 สัปดาห์ก่อนที่จะทวงบัลลังฆ์คืนมาใหม่อีก 1 สัปดาห์ ซิงเกิ้ลเพลงนี้ของพอลไม่ได้มีจำหน่ายที่อังกฤษแต่เพลงของเขาขึ้นอันดับสูงสุดที่ 3 ในอังกฤษได้โดยการเรียบเรียงใหม่ของวง The Bachelors ที่ประเทศอังกฤษครับ เนื้อหาของเพลง The Sound of Silence เข้ากับเนื้อเรื่องของหนังได้เป็นอย่างดี ความเงียบเปรียบเสมือนก้อนเนื้อร้าย ตราบใดที่ผู้คนในหนังมีความจริงใจให้แก่กันและกล้าที่จะพูดออกไป เรื่องต่างๆก็คงจะไม่เกิดขึ้น ท้ายสุดนี้ อย่าลืมเพลงดังอันดับหนึ่งต้นปี 1970 อีกเพลงของวงนี้ด้วยนะครับ Bridge over troubled water

    ถ้าชอบเพลงนี้ก็มาคุยกันนะครับ

    จากคุณ : ตี๋หล่อมีเสน่ห์ - [ 20 ส.ค. 48 10:22:54 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป