จากบล็อกผมเอง (จิ้มดูข้างล่างนะครับ)



L’Arc-en-Ciel: ark & ray

ไม่บ่อยนักที่ศิลปินจะสร้างสรรค์งานแบบที่เรียกกันว่าอัลบั้มคู่ ทั้งนี้ ผมคิดว่าเป็นเพราะความเสี่ยงในการทำอัลบั้มทั้งสองชุดให้ “ขาย” ได้ (ลองคิดดูซิครับว่าจะมีผู้ฟังกี่คนที่จะยอมเสียเงินซื้อผลงานเป็นคู่ หรือเท่ากับต้องจ่ายเงินเพิ่มอีกเท่าตัว) ซึ่งปัจจัยสำคัญที่กำหนดยอดขาย นอกจากจะเป็นบุญบารมีและชื่อเสียงเก่าๆ ที่สั่งสมมาแล้ว คุณภาพของตัวงานก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้ฟังคงไม่มองข้ามไปแน่นอน ความสำเร็จที่เกิดขึ้นกับผลงานอัลบั้มคู่ ไม่ว่าจะเป็นของศิลปินรายใดก็ตาม ย่อมเป็นบทพิสูจน์ว่าพวกเขาเป็น “ตัวจริง”

ทันทีที่รู้ว่า larc จะออกผลงานเป็นซีดีคู่สองแผ่น ความตื่นเต้นของผมก็พุ่งพรวด (อย่างที่บอกไปเมื่อย่อหน้าก่อนละครับว่า ถ้าไม่แน่จริง การออกอัลบั้มคู่ก็เป็นการขึ้นเขียงดีๆ นี่เอง) เพราะนั่นเท่ากับว่าผมจะได้ฟังงานใหม่ของ larc รวดเดียว 2 ชุด (พร้อมๆ กับการหาเงินมาซื้อแผ่นกลายเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตขึ้นมาเลย) กะประมาณก็คง 20 กว่าเพลง ไม่ใช่น้อยเลยนะครับที่จะทำเพลงที่ดีพอจะบรรจุอยู่ในอัลบั้มได้ถึง 20 กว่าเพลง อีกทั้งผมเองก็ไม่ค่อยเห็นศิลปินออกอัลบั้มคู่กันเท่าไหร่ (อัลบั้มคู่ชุดเดียวที่ผมมีคือ mellon collie and the infinite sadness ของ the smashing pumpkins) ยิ่งในญี่ปุ่นด้วยแล้ว ยิ่งไม่ค่อยได้เห็นเลย (อันนี้เฉพาะที่ผมรู้หรือได้ข่าวนะครับ ที่จริงอาจจะมีออกมาเยอะก็ได้ แต่ไม่รู้เอง) ความคาดหวังของผม สำหรับอัลบั้มคู่ของ larc จึงย่อมมากเป็นธรรมดา

ark และ ray คืออัลบั้มคู่ชุดดังกล่าวครับ

สิ่งหนึ่งที่น่าจับตามองมากๆ ในอัลบั้มชุดนี้คือบทบาทของสมาชิกใหม่ที่ชื่อ yukihiro ครับ yukihiro เข้าร่วมงานกับ larc ตั้งแต่อัลบั้มชุดก่อน (heart) แทน sakura มือกลองคนเก่าที่ออกจากวงไปเพราะปัญหายาเสพติด บทบาทของ yukihiro ใน heart นั้น เหมือนเป็นการขัดตาทัพให้สมาชิกเต็มวงมากกว่าที่จะมีส่วนร่วมในฐานะสมาชิกเต็มตัว ark และ ray จึงเป็นเสมือนหนึ่งบททดสอบของ yukihiro ว่าเขาจะได้รับการยอมรับจากแฟนๆ ของ larc หรือไม่

แล้วผมก็คิดว่า yukihiro ทำสำเร็จครับ เขากลายเป็นหนึ่งสมาชิกสำคัญที่ทำให้งานเพลงของ larc ขยายขอบเขตออกไปได้กว้างขึ้น ความทันสมัยใน sound ดนตรีถูกเติมเข้ามาโดยที่ไม่เสียเอกลักษณ์ของวง อัลบั้มคู่ชุดนี้เลยเป็นเสมือนรอยต่อระหว่างความเป็น larc ในแบบดั้งเดิม กับ larc โฉมใหม่ ที่โฉบเฉี่ยวไฉไลมากขึ้น

ark เปิดอัลบั้มด้วย forbidden lover เป็นการอุ่นเครื่อง ด้วยดนตรีเนิบๆ เสียงกีต้าร์และกลองเข้าคู่กันได้อย่างโดดเด่น ก่อนจะไประเบิดในท่อนฮุค เสียงร้องของ hyde โหยหวนได้ใจมากๆ แล้วเพิ่มความคึกคักด้วย HEAVEN’S DRIVE เพลงนี้ผมคิดว่าเป็นหนึ่งตัวอย่างของการเปลี่ยนแปลงดนตรีของ larc ให้ดูทันสมัยมากขึ้น จังหวะกระฉึกกระฉักกับกีต้าร์สับคอร์ดแรงๆ เสียงเครื่องเป่ายังมีให้ได้ยินกันอยู่ เจ๋งมากครับ Driver’s High เปิดด้วยเสียงสตาร์ตรถ เพลงนี้เป็น larc ในแบบที่คุ้นเคยครับ กีต้าร์เท่มากๆ เหมาะกับเปิดเวลาขับรถจริงๆ หายง่วงเลยครับ Cradle โอ้ววว ขึ้นต้นด้วยเสียงสแครชแผ่นครับ เพลงนี้แหละครับ ฝีมือดนตรีโดย yukihiro ที่เพิ่มมิติทางเสียงให้กับ larc อย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนแน่นอน เสียงของ hyde หวานเศร้าอีกแล้วครับท่าน DIVE TO BLUE อีกหนึ่งเพลงโปรดครับ sound แบบที่ได้ยินปุ๊ปก็รู้เลยว่าเป็น larc ป๊อปมากๆ ด้วยครับ Larva ฝีมือนาย yukihiro อีกแล้วครับ แต่คราวนี้ไม่ใช่เพลงร้องนะครับ กลายเป็นเพลงบรรเลงแบบอิเล็กทรอนิกส์ให้ได้ฟังกันเกือบ 4 นาที แต่เท่านี้ยังเก๋ไม่พอครับ เพราะว่าเขาเพิ่มความเก๋ โดยเอาเพลงนี้ไปเชื่อมกับ Butterfly’s Sleep เพลงถัดไปได้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว จนกระทั่งเสียงดนตรีเต็มวงขึ้นมานั่นแหละครับ ถึงได้รู้สึกตัว (เพลงนี้ไม่ได้แต่งโดย yukihiro นะครับ แต่แต่งโดย ken เห็นไหมว่าเนียนขนาดไหน) ทำให้เพลงนี้กลายเป็นอีกหนึ่งเพลงที่เท่แบบสุดยอด

Perfect Blue บรรยากาศแบบริมทะเลครับ ดนตรีน่ารักมากๆ เสียงร้องของ hyde กับเสียงประสานของ tetsu ทำให้หวานไปทั้งเพลงเลยครับ เพลงที่ 9 (ภาษาญี่ปุ่นครับ) เฉี่ยวอีกแล้วครับ กีต้าร์โซโล่เท่มากๆ แล้วแถวๆ ท่อนโซโล่หรือหลังโซโล่ ให้ตั้งใจฟังรายละเอียดดนตรีให้ดีนะครับ เหมือนเสียงกลองมันจะเปลี่ยนไปนิดหน่อยอ่ะครับ โดดๆ ออกมาดี (ไม่รู้จะอธิบายยังไง บอกไม่ถูกอ่ครับ) เท่มากอีกแล้ว What is love เพลงนี้ผมว่าเป็น larc ยุคแรกๆ มากที่สุดเลย ฟังแล้วคิดถึงสมัยที่ยังเป็น visual กันอยู่เลยอ่ะครับ (แต่ขอบอกก่อนนะครับว่าผมไม่ได้ฟัง 2 ชุดแรกของ larc ทั้งหมด เคยฟังบางเพลงเท่านั้น เพราะฉะนั้น คำว่ายุคแรกของผม จึงหมายความถึงแค่ชุด heavenly กับ true นะครับ ก่อนหน้านั้นเป็นยังไงไม่รู้เหมือนกัน) ปิดท้ายด้วย Pieces อีกหนึ่งเพลงที่เนื้อหากับ mv ไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่ จำได้ไหมครับ เรื่องของมีดอาถรรพ์ที่ตกทอดกันมาหลายร้อยปี (ไม่เกี่ยวกับเพลงนี่นา ขอข้ามเรื่อง mv ไปดีกว่าครับ) งดงามครับ เครื่องสายไพเราะมากๆ เคยได้ยินบางคนพูดกันว่า เพลงนี้คือ anata ภาค 2 (เพลงสุดท้ายจากชุด heart ครับ) แอบเห็นด้วยแค่นิดเดียวครับ เพราะรายละเอียดต่างๆ ก็ต่างกันเยอะอยู่นะครับ ที่เหมือนกันคงจะเป็นเพราะเป็นเพลงช้าในแนวเดียวกัน แล้วก็เพราะมากเหมือนๆ กันแหละครับ ชอบมากอีกแล้ว

ray เปิดอัลบั้มด้วยเพลงที่1 (ภาษาญี่ปุ่นครับ) กีต้าร์แรงๆ นำมาก่อนเลยครับ ร็อคแบบ larc ที่คุ้นเคย เสียงร้องของ hyde แผดได้สะใจดีแท้ ยังร็อคกันต่อด้วย It’s the end มาในแนวเดียวกับเพลงก่อนหน้าครับ แต่เพลงนี้ชวนให้นึกถึงบรรยากาศเก่าๆ อีกแล้วครับ เพิ่มความแรงกันต่อด้วย HONEY โดดเด่นติดหูมากๆ เบสเดินมันส์เลยครับ ชอบมากๆ Sell my Soul เบรคอารมณ์ลงมาหน่อยครับ ขึ้นต้นด้วยเปียโนพริ้วแบบแจ๊ซ ก่อนจะเติมด้วยจังหวะน่ารัก เสียงกีต้าร์เล่นล้อไปตลอดทั้งเพลง ท่อนฮุคหวานดี เพลงต่อไปครับ snow drop อยากบอกว่าผมชอบเพลงนี้ที่สุดเลยครับ ฟังแล้วมันเย็นดีจริงๆ นะ (ไม่รู้คิดไปเองคนเดียวหรือเปล่า) ดนตรีฟังทันสมัยมาก (โดยเฉพาะเสียงกลอง) เมโลดี้สวยติดหู ลงตัวไปหมดทุกอย่างเลยครับ ชอบมากๆ โคตรชอบเลย ชอบอ่ะ ไม่มีอะไรจะบรรยายได้มากกว่านี้อีกแล้ว (ข้ามไปเพลงต่อไปเลยละกัน) L’heure โอ้ววว ภาษาอะไรเนี่ยะ (เดาเอาว่าเป็นภาษาฝรั่งเศสครับ เพราะไม่มีความรู้เลย) yukihiro ปล่อยของในตัวออกมาโชว์กันแบบเต็มๆ โดยเหมาทั้งเนื้อร้องและทำนอง รวมทั้งเล่นเครื่องดนตรีเกือบทั้งหมดเองด้วยครับ ผมว่าเพลงนี้เป็นเหมือนช่วงพักของอัลบั้มเลยครับ ดนตรีฉีกออกจากภาพรวมของอัลบั้มไปเลย (แนวเดียวกับเพลง Larva ใน ark แหละครับ แต่ว่าเนิบกว่า)

เพลงต่อไป ชื่อภาษาญี่ปุ่นครับ แต่ว่าอันนี้รู้ชื่อพอดีเพราะว่าเป็นซิงเกิ้ลด้วย แต่ไม่รู้ว่าเขียนถูกหรือเปล่า kasou ครับ มาในแบบที่คุ้นเคย เชื่อฝีมือได้เลยครับ ดนตรีแน่นมาก lose control เพลงประกอบหนังเรื่อง Godzila เวอร์ชั่นฮอลลีวูดครับ ขึ้นต้นมาเนิบช้า โหยหวน ก่อนจะหักอารมณ์ในท่อนฮุคที่แรงสุดขั้ว ดนตรีอึกทึกคึกโครมมากๆ ครับ (เพลงนี้ตอนแรกที่ได้ฟัง ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่ยิ่งฟังยิ่งชอบขึ้นเรื่อยๆ ครับ) หักอารมณ์กันอีกครั้งกับ trick ฝีมือ yukihiro อีกแล้วครับ แล้วก็โฉบเฉี่ยวเก๋ไก๋มากๆ เสียด้วยครับ จับร็อคกับแดนซ์มายำกันได้มันหยด เท่อีกแล้ว เพลงที่ 10 (ภาษาญี่ปุ่นอีกแล้วครับ) ขึ้นด้วยเสียงร้องโหยหวน ดนตรีไหลไปเรื่อยๆ แล้วไปปะทุเอาในท่อนฮุค ปิดท้าย ray ด้วย the silver shining ที่จะพาให้เราลอยสูงขึ้นไปเรื่อยๆ เป็นการปิดอัลบั้มที่งดงาม

สมความคาดหวังครับ สำหรับอัลบั้มคู่ชุดนี้ สี่หนุ่มทำเพลงได้ชนิดที่ไม่กังวลกับความสำเร็จในอดีตเลย กล้าที่จะฉีกแนวเพลงออกไปให้หลากหลายมากขึ้น (ซึ่งก็ส่งผลต่องานเพลงในชุดต่อๆ มาของ larc ด้วย)

ผลงานระดับนี้ ต้องเรียกว่าสุดยอดครับ

สรุป
เต็ม 10 เชียร์มาขนาดนี้ จะให้น้อยกว่า 10 ได้ไงครับ
Package (แผ่นญี่ปุ่น น่าจะ lot แรกนะครับ ไม่รู้เหมือนกัน) สุดยอดครับ เฉพาะตัวกล่องอย่างเดียวก็สวยแล้วครับ (คล้ายๆ เอากากเพชรมาโรยเอาไว้ เหมือนดาวเลยครับ) นี่เล่นเอาไอเดียเด็ดๆ มาใส่ไว้ด้วย สำหรับ ark ไม่รู้ว่าจะสื่อความหมายตามเรือของโนอาห์หรือเปล่า แต่ทำออกมาเป็นเรือเหาะขนาดยักษ์ (คงจุแฟนเพลงได้หลายเลยครับ) กล่องสีฟ้า ตัวแผ่นสกรีนเป็นรูปโลก เหมือนมองลงมาจากอวกาศเลยครับ ส่วน ray ทำแผ่นพลาสติกใสมาสี่ใบ เป็นหน้าสมาชิกแต่ละคนในรูปแบบแผนภาพทางภูมิศาตร์ กล่องใส สกรีนแผนภาพภูมิศาสตร์ลงบนตัวกล่องแทน เด็ดไหมล่ะครับ

หมายเหตุ
รายชื่อ singles (ไม่ได้เรียงตามวันที่ออกนะครับ เรียงตามลำดับเพลง)

ark:
1. forbidden lover
2. HEAVEN’S DRIVE
3. Driver’s High
5. DIVE TO BLUE
11. pieces

ray:
3. HONEY
5. snow drop
7. kasou
8. lose control

สาเหตุการรีวิวอัลบั้มชุดนี้ย้อนหลัง ก็เนื่องมาจากมีผู้อ่านบางท่านเสนอให้ลองเขียนรีวิว ark & ray หลังจากอ่านรีวิว AWAKE ไป ผมเองก็อยากลองดูเหมือนกันครับ ว่าจะย้อนอดีตไปได้แค่ไหน การหยิบแผ่นมาฟังใหม่ครั้งนี้ เรียกบรรยากาศเก่าๆ กลับมาได้อีกแล้ว แต่มีเรื่องเศร้านิดหน่อยคือ เพลง the silver shining มันมีช่วงเสียงกระตุกนิดหน่อยด้วยอ่ะครับ ท่าทางจะแอบเสียแล้วนะเนี่ยะ (เสียดาย) โชคยังดีที่เพลงอื่นยังอยู่ครบ (เฮ้อ)