ความคิดเห็นที่ 1 Vogue เดิมทีเพลงนี้ไม่ได้ตั้งใจจะให้อยู่อัลบั้มนี้ตั้งแต่แรก ตอนแรกเพลงนี้นั้นถูกแต่งออกมาเพื่อใช้เฉลิมฉลองเทศกาลเต้นรำของกรุงนิวยอร์ค โดยมีไอเดียเพลงที่ได้จากพวกผู้ดีและชนชั้นกลางในเมือง โดยตอนแรกนั้นเจ๊จะใช้ชื่อ Voguing ตามชื่อเดิมของงาน แต่สุดท้ายก็ตัดเหลือเพียงคำว่า Vogue สั้นๆเพียงคำเดียว เดิมทีนั้น Vogue จะแถมอยู่ใน Single Keep it together ในยุโรป แต่เมื่อต้นสังกัดได้ฟังนั้น ต่างลงความเห็นว่าเพลงนี้มีความสามารถที่จะฮิตติดหูได้เลยทีเดียว ดังนั้นเมื่อคิดดีแล้วว่านี่คือเพลงต่อไปของ มาดอนน่า จึงมีการถ่ายวีดีโอภาพขาวดำสุดคลาสสิคเกิดขึ้นโดยมีบรรดาแดนเซอร์จาก Blonde Ambition มาเข้าร่วมแสดงด้วยจึงถือว่าเพลงนี้นั้นโปรโมตคอนเสริตยักษ์ใหญ่ของเธอด้วยไปในตัว ท่าเต้นจากเพลงนี้ซึ่งเดิมทีนั้นเป็นท่าเต้นของหมู่ชาวสีม่วง แต่เมื่อเจ๊นำมาเต้นแล้วนั้นในอเมริกาเกิด “Madonna Phenomenon” อีกครั้งกับท่าเต้นเพลงนี้ ภาพเจ๊วาดลวดลายเพลงนี้นับเป็นสิ่งที่จดใจจำอย่างยิ่ง ทุกคนล้วนอยากเต้นเพลงนี้เป็น ไม่เพียงแต่ท่าเต้นเท่านั้นท่อนแรฟ (รึเปล่า) ที่กล่าวถึงดาราอมตะขวัญใจเจ๊ก็ถูกท่องราวกับท่องสูตรคูณเลยทีเดียว  ปรากฏการณ์นี้จึงส่งผลให้ Vogue ขึ้นอันดับ 1 ไปทั่วโลกอีกครั้ง (3 สัปดาห์อเมริกา 4 สัปดาห์ที่อังกฤษ) ยอดขาย Single นี้ลำพังเพียงที่อเมริกาขายได้ 2 แพลตตินั่มซึ่งเจ๊เป็นคนแรกที่ผู้หญิงทำได้ (ต่อมาโดนทำลายโดยป้าวิท 4 แพลตตินั่มจาก I will always love u ) ยอดขายโดยรวมของ Vogue เพลงเดียวนั้นขายได้ถึง 5.9 ล้านแผ่นทั่วโลกนับว่าเป็นเพลงที่ขายดีที่สุดของเจ๊เลยทีเดียว (เพลงเดียวขายได้มากกว่าอัลบั้มอย่าง Erotica, Who’s that girl, U can dance และอีกหลายอัลบั้มต่อมาที่อุส่าห์มีเพลงใหม่เป็น 10 เพลง) Greta Garbo, and Monroe Deitrich and DiMaggio Marlon Brando,Jimmy Dean On the cover of a magazine Grace Kelly; Harlow, Jean Picture of a beauty queen Gene Kelly, Fred Astaire Ginger Rogers, dance on air  They had style, they had grace Rita Hayworth gave good face Lauren, Katherine, Lana too Bette Davis, we love you  Ladies with an attitude Fellows that were in the mood Don't just stand there, let's get to it Strike a pose, there's nothing to it  Vogue, vogue อุตส่าห์ตั้งชื่อเพลงขนาดนี้ เนื้อเพลงที่เก๋ไก๋ที่กล่าวถึงดาราระดับตำนานรุ่นเดอะขนาดนี้แล้ว Vogue Magazine จะอยู่เฉยได้อย่างไร ในตอนที่เกิดกระแส Vogue ในอเมริกานี้แล้ว ตอนนี้ภาพลักษณ์ของเจ๊มันยิ่งใหญ่ขนาดที่ทำให้ Vogue Maganize จัดแฟชั่นโชว์ขึ้นโดยเฉพาะ โดยชุดที่เหล่านางแบบนางแบบเดินนั้นจะเป็นชุดที่มาจาก Madonna look ทั้งนั้นโดย ผู้ที่ได้รับเชิญต้องเป็นเหล่าบรรดาไฮโซชั้นสูงของเมือง New York เท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์เข้างาน “ฉันคิดว่าภาพลักษณ์ของมาดอนน่านั้นเป็นสุดยอดในแบบของแฟชั่นเลยค่ะ เธอเป็นแรงบันดาลใจให้ดีไซด์เนอร์อยากจะคิดไอเดียใหม่ๆทำอะไรให้เธอเอาไปใส่มัน”  Vogue นิตยสารชื่อดังกล่าวถึงงานที่จัดขึ้น ปรากฏการ์เพลงนี้นับว่าไม่ธรรมดาจริงๆ.... Hanky Panky เพลงที่ประกาศออกมาว่าฉันนี่แหละ Bitch ตัวจริงย่ะ เพลงนี้น่าจะบรรยายในความเป็น Breathless จากหนังได้ดีที่สุด ในอเมริกาทางด้าน Airplay พอเปิดได้สักพักก็มีการแบนเกิดขึ้นเพราะเนื้อหาที่ลามกและทะลึ่งจนเกินขอบเขต ไม่เหมาะกับหนังของ วอลท์ ดิสนี่ย์ ที่เหมาะสำหรับเด็กด้วย จึงทำให้เพลงนี้ไปถึงอันดับ 10 อเมริกาแต่ที่อังกฤษไปได้ถึงอันดับ 2 ที่อังกฤษ โดยที่ไม่มีวีดีโอโปรโมตสำหรับเพลงนี้แต่อย่างใด จากคุณ : Mo_EcHO - [ 27 ก.ย. 48 01:21:11 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อัลบั้มนี้มี Single ตัดออกมาแค่ 2 เพลงแต่ถึงยังไงนั้นในอัลบั้มนี้ก็มีเพลงระดับรางวัลออสก้าร์อยู่คือ Sooner or later ซึ่งเนื้อหาก็บ่งบอกถึงความเป็นสาวมั่นและร้อนแรงที่อธิบายและสาธยายว่า ยังไงก็ตามคุณก็ต้องเป็นผู้ชายของฉันไม่ช้าก็เร็ว ขอเขียนถึงเพลงนี้ถึงงานออสก้าร์ครั้งที่ 63 ในปี 1991 ว่าในปีนั้นเป็นปีที่ฮือฮาจากศิลปินจากวงการเพลงทั้งคู่ซึ่งปกติจะไม่มีนักร้องคนไหนสร้างกระแสความสนใจจากงานได้มากขนาดนี้ เมื่อปี 1991 ออสการ์ได้เชิญเจ๊ไปร้องเพลงประกอบละครที่เพลงนี้ได้เข้าชิง แต่ในตอนนี้นั้นเจ๊ได้เลิกกับวอร์เรนแล้ว เจ๊คิดว่าคู่ควงออกงานนั้นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชื่อเสียงเธอ ตอนนี้เจ๊เองก็รู้ตัวแล้วว่าตัวเองนั้นดังเพียงใด เจ๊คิดหาว่าระดับงานออสก้าร์นี้คนที่เหมาะจะควงเธอเข้าพรมแดงนี่มันต้องระดับเดียวกันเท่านั้น จนในที่สุดเธอก็ตัดสินใจชวนป้าไมค์ ราชาเพลงป็อบ เพื่อเป็นคู่ควงออกงานคนใหม่ของเธอ ซึ่งก็สมใจกับความดังที่เธออยากให้ดัง เธอควงป้าไมค์ออกงานพรมแดงสื่อล้วนต่างให้ความสนใจอย่างมาก และถามว่าทำไมคุณถึงมาพร้อม ไมเคิล แจคสัน “เจ๊ตอบว่า เราทั้งคู่จะทำงานร่วมกัน” ก็เป็นที่สนใจอย่างมากเลยทีเดียววันนี้เจ๊เฉิดฉายมาก เจ๊ในชุดเพชรของบ๊อบ มากี ขวัญใจดีไซเนอร์ของป้าแฌร์ ใส่สร้อยเพชรของ แฮรี่ วินตัน เธอจงใจแต่งเลียนแบบ มาริลีน อีกครั้งเธอนั่งอยู่แถวหน้า VIP ของงานนี้ และเมื่อถึงคิวเธอร้องเพลงนั้น เธอก็ทำให้คนดูทั่วโลกที่ชมงานในออสการ์ในคืนนั้นรู้ว่า การแสดงที่เผ็ดร้อน อย่างแท้จริงนั้นเป็นอย่างไร ในตอนท้ายเพลงถ้าสังเกตดีๆต้มหูเพชรของเธอจะหลุดด้วย แต่ด้วยความเป็นสาวมั่นเธอจับเอาเพชรของแฮรี่ วินตัน โยนลงให้ป้าไมค์บนเวทีและเฉิดฉายดัดจริตต่ออีกสักพัก ถึงเข้าหลังเวทีได้ หลังจากงานนั้นเอง เธอขึ้นหนังสือเต็มไปหมด Vanity fair ชุดเพชร, People, Entertainment weekly, Bazaar เพียงจากงานนี้เพียงงานเดียวเท่านั้น การแสดงและการปรากฏกายของเธอในเวทีออสการ์ครั้งนี้เป็นที่ฮือฮาเป็นอย่างมาก หนังสือดังอย่าง Vanity fair ออกมากล่าวถึงเจ๊ในงานนี้ว่า “ฉันคิดว่า มาดอนน่า เป็นราชินีของคืนนั้นอย่างแท้จริง การปรากฏตัวของเธอเรียกความสนใจจากอเมริกาเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการแสดงของเธอ ชุดของเธอ หรือคู่ควง เธอในคืนเองนั้นก็ตาม“   จากนั้นเองก็จะมีข่าวเจ๊จะร่วมงานกับป้าไมค์ออกเดทด้วยกัน (ข่าวว่าอย่างนั้นนะ แต่คงไม่ได้เดทกันหรอกเหมือนเพื่อนสาวไปช๊อปปิ้งกันมากกว่า) ป้าไมค์พยายามอย่างยิ่งยวดในการที่จะร่วมงานกับเจ๊ โดยไมค์พยายามยื่นข้อเสนอให้เจ๊ไปปรากฏตัวในวีดีโอของเขาคือ In the closet โดยเจ๊ตกลงว่าการที่จะให้เธอไปปรากฏตัวนั้นมีข้อแม้ว่า ไมเคิล แจคสัน จะต้องแต่งตัวเป็นผู้หญิงในวีดีโอแล้วเธอจะแต่งเป็นชายเอง ข่าวกระพือไปถือไปถึง เจเนตน้องรัก และออกมาเบรคพี่ชายในที่สุดโดยเจเนทบอกป้าไมค์ว่าอย่าทำตาม มาดอนน่า เด็ดขาด เพราะมาดอนน่าอยากเห็นไมค์เป็นตัวตลกในมิวสิควีดีโอ (แต่น่าแปลกคือปี 1994 วีดีโอ Scream ไมเคิลกับเจเนทสลับเพศกันไม่รู้ตามไอเดียที่คิดกันไว้ในตอนแรกรึเปล่า)... จากคุณ : Mo_EcHO - [ 27 ก.ย. 48 01:24:41 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ถึงตัวหนังจะประสบความสำเร็จทางรายได้ และคำวิจารณ์ในการแสดงของเจ๊เองบ้างแล้ว แต่คนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มองเจ๊เป็นดาราขึ้นแต่อย่างใด รวมถึงอัลบั้มนี้ ถึงเจ๊จะมีการพัฒนาทางเสียงร้องอยู่บ้าง และการที่เปลี่ยนแนวมาร้องเพลงในแบบบรอดเวย์นั้น คนทั่วไปก็มองอัลบั้มนี้เป็นเพียงอัลบั้มหนึ่งของ มาดอนน่า ที่มีเพลงดังอย่าง Vogue บรรจุอยู่เท่านั้นเอง น่าเสียดายเพราะถ้าฟังดีๆจะมีเพลงดีๆอยู่อีกเยอะนอกจากเพลงที่ตัดเป็นซิงเกิ้ลแล้วเช่น He’s man (โดยส่วนตัวชอบเพลงนี้), More เพลงที่บอกถึงความละโมบของผู้หญิง, Something to remember เพลงช้าจังหวะเศร้าสร้อยหรือเพลงน่ารักอย่าง I’m going banana , Cry baby,Now I'm Following You  ซึ่งมีให้เลือก 2 เวอร์ชั่นว่าจะเต้นหรือไม่เต้นก็มีอยู่ในอัลบั้มนี้ จุดเด่น: ความกล้าหาญที่นักร้องซึ่งบรรดาวิจารณ์ชอบเรียกเสียงเธอว่า มินนี่ เม้าท์ ออกมาร้องเพลงยุคบรอดเวย์ มีการพัฒนาของเสียงในระดับที่ดี เพลงในอัลบั้มถ้าชอบยุคนี้ก็ฟังได้ยาวและเสียงเจ๊ก็ไปได้สวยกับยุคนี้ เพลงฟังติดหูง่ายเรื่อยๆทั้งอัลบั้ม แฟนๆเจ๊ควรมีเพราะนานๆครั้งเจ๊จะร้องเพลแบบนี้ให้ฟังนะจ๊ะ รวมทั้งเพลงอมตะอย่าง Vogue ก็อยู่ในอัลบั้มนี้ด้วยโดยเป็นคนละเวอร์ชั่นกับที่ Immaculate มีอยู่ จุดด้อย: ถ้าไปเปรียบกับนักร้องยุคบรอดเวย์จริงเจ๊ก็ไม่รอดค่ะ เพราะอัลบั้มนี้มีการแต่งเพื่อให้ร่วมสมัยมากขึ้น ดังนั้นการร้องและทำนองจะผิดจากเพลงดั้งเดิมในยุค 30-40 อยู่มาก, โดยส่วนตัวคิดว่าเจ๊ยังกล้าๆกลัวๆกับอัลบั้มนี้อยู่เพราะมีเพลงอย่าง Vogue และ Something to remember ซึ่งเป็นเพลงที่ทันสมัยมากๆ 2 เพลงนี้จะโดดออกมาจากกลิ่นอายอัลบั้ม จากคุณ : Mo_EcHO - [ 27 ก.ย. 48 01:28:03 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ตอนออกอัลบั้มนี้อย่างที่กล่าวไว้แล้วเจ๊ได้ออกทัวร์คอนเสริตรอบโลกอีกครั้งซึ่งใช้ชื่อ Blone Ambition ซึ่งมีน้องชายเธอร่วมเป็นผู้ดูแลด้วย ทัวร์ครั้งนี้สร้างความมหัศจรรย์ให้โลกได้อย่างแท้จริง เพราะมันเป็นการผสมผสานอย่างลงตัวของศิลปะและการค้า อย่างลงตัวที่สุดไม่ว่าจะเป็นชุดที่โด่งดังมากซึ่งออกแบบโดย Jean-Paul Gautier ซึ่งทำให้เขาโด่งดังไปตามๆกันด้วยจากการออกแบบเสื้อผ้าของทัวร์นี้ และการแสดงที่เผ็ดร้อนของเจ๊ที่มันรุนแรงจนทำให้พระสันตะปาปาต้องออกมาต่อต้านการแสดง ทำให้การแสดงของเจ๊ต้องยกเลิกไป 2 ครั้งเลยทีเดียว โดยการแสดงนี้เดินทางไปถึง 27 เมืองใหญ่การแสดงทุกรอบเหมือนเดิมขายบัตรหมดทุกรอบในพริบตา โดยในอเมริกาตั๋วขายหมดภายใน 68 วินาที ลำพังเพียงญี่ปุ่นทำรายได้เหนาะๆไป 28 ล้านเหรียญ เมื่อคอนเสริตออกฉายทาง HBO ทัวร์รายการนี้ก็กลายเป็นรายการคอนเสริตที่เรตติ้งสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ที่เคยออกอากาศมา นอกจากนี้เจ๊ยังมีภาพยนตร์สารคดีที่ชื่อ Truth or dare ออกฉาย (นอกอเมริกาจะเป็น In the bed with Madonna) เนื้อหาสาระก็เป็นประวัติและเบื้องหลังของชีวิตส่วนตัวเจ๊ระหว่างที่ทัวร์ Blonde Ambition อยู่ โดยการแสดงจะดำเนินไปสลับกับเบื้องหลังซึ่งเข้ากับเพลงนั้นๆ  จากภาพยนตร์เรื่องนี้เจ๊ทำใครหลายคนดูเป็นของเล่นไปหมด เช่น เควิน คอสเนอร์ ถูกหยามเพราะดันไปบอกว่าโชว์ของเธอประณีต รวมทั้งดาราหลายๆคนหนึ่งในนั้นมีเจ้าแม่ทอร์คโชว์อย่างโอพร่าก็โดนเจ๊ไป 1 ดอก ภาพยนตร์เรื่องนี้คงบอกถึงความเป็น Bitch ในตัวเธอได้อย่างยอดเยี่ยม และอย่างสมใจภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ตกเป็นขี้ปากชาวบ้านให้พูดถึงกันอย่างมาก แต่ใครหาว่าเจ๊จะแคร์ล่ะ เจ๊เฉิดฉาย อีกครั้งในเทศการเมืองคานครั้งที่ 44 โดยเธอเธอก็ยังคงวาดลวดลายได้อย่างแรดกระแดะน่าตบเหมือนเดิมในพรมแดงงานนี้แค่เธอออกมาเดินวาดลวดลายในงานนี้มันก็ทำให้นาย Robert Sandall จาก The Sunday times ออกมาพูดว่า” คุณจะรู้สึกได้ถึงการแสดงของเธอในตอนนั้น ในระยะ 20 ไมล์ ผู้คนในเมืองต่างพูดถึง Madonna เป็นชื่อเดียว” หรือจาก Daily Express ที่บอกว่า “ไม่มีใครในประวัติศาสตร์จะสามารถชนะเธอได้ในเรื่องการโปรโมตตัวเอง ดูการแสดงของเธอในวันนั้นซะบ้างว่ามันยอดเยี่ยมขนาดไหน ผมจำได้ว่าเธอไม่ได้ร้องเพลงเลยสักเพลงนะ” เอากับอีเจ๊ซิเรื่องแรดๆกระแดะๆคงไม่มีใครเกินเธอแล้วล่ะ และเพื่อเพิ่มความน่าตบแล้วเจ๊ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับผลงานแสนรักชิ้นนี้ว่า “ในแง่หนึ่งคุณอาจจะคิดว่าฉันกำลังพยายามทำให้ผู้ชายกลายเป็นไอ้โง่ แต่ฉันก็มีความคิดในอีกแง่หนึ่งที่มันบอกว่าฉันกำลังยัดเยียด เอ......ไม่ใช่ยัดเยียดซิ เชิญชวนมากกว่า เชิญชวนให้ผู้ชายทำในสิ่งที่สังคมไม่คาดคิดว่าพวกเขาจะทำ ถ้าพวกเขาอยากใส่บรา ก็ใส่ซิ ถ้าพวกเขาอยากร้องไห้ก็ร้องซิ ถ้าพวกเขาอยากจะจูบปากกันเองก็ทำซิ ฉันให้สิทธิ์แก่พวกเขาเต็มที่ๆจะทำอย่างนั้น ความพยศในตัวฉันไม่ใช่เพียงอยากจะต่อต้านพ่อฉันเท่านั้น ฉันต้องการต่อต้านพระ และผู้ชายทุกคนที่บัญญัติกฎนั่นกฏนี่ขึ้นในระหว่างที่ฉันเติบโตขึ้นมา” จากคุณ : Mo_EcHO - [ 27 ก.ย. 48 01:29:45 ]

ความคิดเห็นที่ 5 8. Immaculate Collection (greatest Hit Volume 1) Holiday Lucky Star Borderline Like A Virgin Material Girl Crazy For You Into The Groove Live To Tell Papa Don't Preach Open Your Heart La Isla Bonita Like A Prayer Express Yourself Cherish Vogue Justify My Love Rescue Me Single Justify my love Rescue me Crazy for you (re-release) Holiday (re-release) Chart Stuff: USA Peak: #2 USA Sales: 10 Million UK Peak: #1 Worldwide Sales: 23 Million ปลายปี 1990 ตลอดเวลาระยะการเดินทางเป็นเวลา 8 ปี จากนักร้องสาวที่ร้องเพลงรักหวานแหววเต้นระเบิดในผับถึงการเติบโตไปจนถึงความเป็นสาวซ่าสะท้านโลกที่อาจจะมีคนจ้องตบมากที่สุด ระยะเวลาเท่านี้ มันคงมากพอสำหรับให้ศิลปินคนหนึ่งออกอัลบั้มรวมฮิตได้ และระดับเจ๊แล้วมันต้องไม่ธรรมดาเหมือนชาวบ้านแน่นอน 17 เพลงจากอัลบั้มถูกทำเป็นระบบเสียง 3 มิติ Q Sound ใหม่ล่าสุดในเวลานั้นซึ่งเจ๊ได้เป็นผู้แรกที่ใช้ มัน(แต่ไม่ค่อยมีคนทำตามแฮะ) มีเพลงที่แต่งขึ้นใหม่ 2 เพลงเพื่ออัลบั้มนี้คือ Justify my love และ Rescue me โดยอัลบั้มนี้เจ๊ได้บอกเกี่ยวกับอัลบั้มนี้ว่า “ทุกเพลงในอัลบั้มสะท้อนถึงตัวฉัน ทุกเพลงเชื่อมโยงกับภาพลักษณ์ที่แตกต่างของฉันได้” แสดงว่าทุกเพลงนั้นได้ผ่านการคัดเลือกแล้วจากเจ๊แม่ของเราซึ่งออกปากการันตรีเองเกี่ยวกับอัลบั้มอมตะบริสุทธิ์นี้ โดยเพลงที่เป็น Single อย่าง Everybody, True blue, Who’s that girl, Causing a commotion และอีกหลายเพลงก็ไม่ได้รับเลือกจากเจ๊โหด โดยเพลงที่รวมนั้นส่วนใหญ่จะเป็นการ edit ให้ฟังง่ายและกะทัดรัดขึ้นได้น่าฟัง และมี 3 เพลงที่ถูก Remix ใหม่คือ Like a prayer, Express yourself และ Vogue ก็มีการเปลี่ยนแปลงทำนองให้เต้นกระเจิงมากขึ้นจากอัลบั้มนี้ ส่วนจะชอบหรือไม่ชอบก็ต้องอยู่กับรสนิยมคนฟัง จากคุณ : Mo_EcHO - [ 27 ก.ย. 48 01:31:22 ]

ความคิดเห็นที่ 6 Justify my love ในตอนนั้นว่ากันว่านี่แหละเป็น Sound ใหม่ของเจ๊ในยุค 90 ซึ่งสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับแฟนๆเจ๊เป็นอย่างมาก โดยเพลงนี้นั้นจุดขายคงอยู่ที่ความร้อนแรงและเซ็กซี่ของเนื้อเพลงที่มีคนออกมาฟ้องร้องว่าเธอเองก็มีส่วนแต่งเพลงนี้ด้วย ซึ่งคงเป็นเรื่องจริงเพราะทางเจ๊และ เลนนี่ย์ คราวิทซ์ Producer ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ 25 % ให้เธอทั้งหมดเพื่อให้เรื่องเงียบไป ส่วนตัววีดีโอก็ฉาวโฉ่วไม่แพ้ตัวเพลงซึ่ง Tony ward หนุ่มนายแบบ Boytoy คนโปรดของเธอร่วมแสดงด้วย โดยตัวเจ๊ก็แรดเหมือนเดิม แสดงเป็นสาวถือกระเป๋าเดินทางแร่ร่อนมาจนถึง โรงแรมหรู แล้วเจอชายหนุ่มรูปหล่อเข้ามาประชิดจูบแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวจากนั้นก็เลยเถิดไปเรื่อยๆจนเข้าขั้นเรท R มากขึ้นเรื่อยๆตามลำดับ ตัววีดีโอกล่าวถึงรักร่วมเพศ ความแฟนตาซีทางเพศ ซึ่งร้อนแรงเป็นอย่างมาก เมื่อวีดีโอจะออกอากาศทาง Mtv ต้องออกมาเบรกเจ๊ใหญ่ถึงความก๋ากั่นที่เธอได้สร้างวีรกรรมไว้โดยกสน แบนไม่ให้ออกอากาศของวีดีโอตัวนี้ ด้วยความหัวหมอและมั่นในตัวเจ๊ซึ่งคิดว่า แบนก็แบนไปวะใครๆก็อยากดูวีดีโอของฉันทั้งนั้นแหละ เจ๊จึงตัดสินใจตัดสินใจตัดเอาวีดีโอตัวนี้ขายมันเองซะเลย ถึงจะมีป้ายเตือนว่า “ผู้ปกครองควรพิจารณา” ก็ตาม แต่ใครจะแคร์ละจ๊ะ วีดีโอตัวนี้เป็น Video Single ตัวแรกที่ถูกออกวางขายราคาอยู่ที่ 9.98 เหรียญ ทำรายได้อย่างมหาศาลที่ 8 แสนม้วนด้วยกัน เพลงนี้ขึ้นอันดับ 1 อเมริกาและอันดับ 2 อังกฤษพร้อมกับตำแหน่งเพลงที่เซ็กซี่ที่สุดโดยหลายสถาบันเป็นผู้มอบให้ Rescue me เพลงเต้นรำที่ฟังจังหวะแล้วชวนให้นึกถึงผี (คนเขียนคิดเองเพราะมีจังหวะการเต้นของหัวใจฟังแล้วน่ากลัว) เนื้อเพลงเขียนถึงความเชื่อแห่งรัก ได้ถูกลำดับให้เป็นซิงเกิ้ลเพลงที่ 2 จากอัลบั้มนี้โดยไม่มีวีดีโอโปรโมตขึ้นไปไปถึงอันดับ 9 ในอเมริกาและอันดับ 3 ในอังกฤษ ซึ่งในประเทศนี้นั้นมีการตัดเพลงใหม่อีก 2 เพลงด้วยกันคือ Crazy for u ตัดอีกก็อันดับเท่าเดิมคืออันดับ 2 ส่วนเพลงอมตะอย่าง Holiday ถูกตัดที่ประเทศนี้เป็นครั้งที่ 3 ไปได้ที่อันดับ 5 จากคุณ : Mo_EcHO - [ 27 ก.ย. 48 01:32:39 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เย้คนแรก ---เพิ่มเติมข้อความ--- หว๋ายกลายเป็นคนเจ๋อคนแรก คุณโมยังโพสต์ไม่เสร็จดันทะลึ่งโพสต์ก่อน แย่จังแย่จัง แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 48 01:51:57 จากคุณ : เมียน้อยกายริชชี่ - [ 27 ก.ย. 48 01:36:15 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อัลบั้มนี้ถือได้ว่าเป็นอัลบั้มที่คุ้มที่สุดของเจ๊เลยก็ว่าได้ เรียกได้ว่าถ้าเกิดคุณงกหรือไม่อยากเสียตังไปกับเจ๊ในยุคเก่าๆแต่ต้องการศึกษาการเดินทางบนเส้นทางดนตรีของเธอ อัลบั้มนี้ดูเป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับคุณเพื่อศึกษาการพัฒนาการของผู้หญิงฉาวโฉ่ที่ชื่อ มาดอนน่า เพราะอย่างที่เจ๊บอกว่าเพลงทุกเพลงนั้นล้วนสะท้อนตัวเธอออกมาทั้งหมด  และอัลบั้มนี้เธอขออุทิศให้ผู้นำศาสนาหรือพระสันตะปาปา ผู้ซึ่งคงเหนื่อยหน่ายกับเธอมาเป็นเวลานาน (แรดไม่หยุดจริงๆ) ด้วยอัลบั้มการขายที่ยาวนานอัลบั้มนี้กลายเป็นอัลบั้มที่ขายดีที่สุดของเจ๊เสียแล้วจาก 1990-ปัจจุบัน อัลบั้มนี้ทำยอดรวมไปที่ 23 ล้านแผ่นทั่วโลกแต่แต่ยอดขายนั้นจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตลอดเวลา อัลบั้มนี้วนเวียนอยู่ใน Chart ทั้งอเมริกาและอังกฤษด้วยระยะเวลาที่ยาวนานมากๆๆ พอออกคอนเสริตหรือผลงานใหม่ๆทีไร บางทีในชาร์ทด้านอัลบั้มจะเห็นอัลบั้มนี้ตามมาหลอกหลอนอยู่ก็ไม่ต้องตกใจนะจ๊ะ ดูเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วสำหรับอัลบั้มนี้ แสดงว่าเป็นเรื่องน่าดีใจที่เวลาเจ๊ออกผลงานทีไรจะมีคนศึกษาผลงานเพลงของเธออยู่ตลอดนั่นเอง และอัลบั้มนี้ก็เป็นอัลบั้มที่ถูกกินเนสส์บุ๊คยกย่องให้เป็น “อัลบั้มรวมผลงานของศิลปินหญิงที่ขายดีที่สุดในโลกตลอดกาล” ปี 1990-1991 นับว่าเป็นปีทองของเจ๊มากๆในด้านชื่อเสียงหรือรายรับก็ตาม 2 ปีนี้เจ๊ขึ้นนิตยสารแฟชั่นชั้นนำแทบจะทุกยี่ห้อที่มีอยู่บนแผงหนังสืออเมริกาและในยุโรป ได้เป็น 1 ใน 50 บุคคลซึ่งมีใบหน้างดงามมากที่สุดในโลกโดยหนังสือ People, ตำแหน่งนักธุรกิจหญิงที่ประสบความสำเร็จที่สุดในอเมริกาโดยนิตยสาร Forbe, Pop Artist of decade, Dance of artist of decade จากการสำรวจของนิตยสาร Billboard, RollingStone ได้ Best tour, Best dance Single และรางวัล Mtv อีก 1 กระบุง และอีกหลายสถาบันที่ไม่ได้กล่าวถึง เรียกได้ว่าอัลบั้มขายดี หนังขายได้ ทัวร์ตั๋วหมดแบบพริบตาภายในปีเดียว ซึ่งศิลปินน้อยคนมากที่จะสามารถโกยเงินมหาศาลจากสื่อหลายอย่างด้วยกัน เรียกได้ว่าใครเกลียด มาดอนน่า ปีนี้คงหลอนกันตายเลยทีเดียว มีเรื่องเล่าก่อนจะจบการ Countdown อัลบั้มนี้ว่า ป้า วู้ปี้ โกลเบริค ดาราสาวผิวหมึกคนดำออกมาด่าเจ๊ในงานปาตี้แห่งหนึ่งเมื่อเจ้าของงานเอ่ยปากว่าถ้าไม่มีเจ๊แล้วงานก็จะยังไม่เริ่มจึงสร้างความรำคาญให้กับนักแสดงผู้นี้เป็นอย่างมาก  เพราะว่าอีเจ๊จะเสด็จออกมาแล้วนั้นเธอมาช้าเป็นเวลา 1 ชม. กว่า “มาดอนน่า มาดอนน่า มาดอนน่า ทำไมผู้คนถึงให้ความสำคัญกับยัยนี่นักนะ หล่อนคิดว่าหล่อนเป็นใครยะ ถึงได้ทำตัวสำคัญมากขนาดนี้” โธ่ป้าทำไงได้ล่ะจ๊ะ คนมันดังอย่าไปขวางทางเขาเลย ช่างสมกับคำที่เจ๊พูดจริงๆเลยว่า “ฉันจะไม่มีความสุขเลย จนกว่าฉันจะมีชื่อเสียงเท่าพระเจ้า! 555” ป.ล. 1990-1991 เจ๊มีเรื่องเกิดขึ้นมากๆโมไม่สามารถเก็บรายละเอียดได้หมดอย่างแน่นอน เพราะตอนที่พิมพ์ก็นึกนู่นนึกนี่ อะไรออกมาได้เรื่อยๆ มีอะไรก็มาเสริมเลยนะจ๊ะ รายละเอียดมันยิบย่อยมากๆ เท่าที่เขียนนี่ก็ไม่ค่อยเหมือนกระทู้รีวิวอัลบั้มแล้วเนี่ย........ ป.ล. 2 ตอนหน้าอัลบั้ม Erotica แล้วเจ๊เผ็ดร้อนขึ้นอีกระดับ แต่ขอเวลาพักแปบนะจ๊ะ ถ้าว่างเมื่อไหร่จะรีบเขียนมให้อ่านกันแน่นอน ป.ล. 3 มีอะไรผิดพลาดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 48 01:39:31 จากคุณ : Mo_EcHO - [ 27 ก.ย. 48 01:36:30 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณมากครับพี่โม ข้อมูลแน่นปึ้กมากๆ  มีที่ไม่เคยรู้ตั้งเยอะแหนะครับ ^^ จากคุณ : มาเฟียคุมคลับปารีส (juicyberry) - [ 27 ก.ย. 48 03:04:27 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ข้อมุลแน่นมากๆเลยคะ จากคุณ : ghv2 - [ 27 ก.ย. 48 03:48:38 ]

ความคิดเห็นที่ 11 สุดยอด แต่สงสัยว่า เมื่อก่อนนี้ ตัดซิงเกิ้ล ไต่ชาร์ทได้อันดับสูงๆ โดยไม่ต้องทำเป็น music video เลย แต่เดี๋ยวนี้คงทำไม่ได้แล้วแหล่ะเน๊อะ เพลงสุดท้ายที่เจ๊ตัดซิงเกิลโดยไม่มี vdo ออกมานี่ เพลงอะไรหนอ... รออ่านตอนต่อไป สนุกมาก จากคุณ : wtb - [ 27 ก.ย. 48 06:42:39 ]

ความคิดเห็นที่ 12 โอ้ววว...กระทู้นี้สุุดยอดเหนือคำบรรยายจริงๆ ขอบคุณคุณโม มากๆ จ้ะ เราจำได้ว่าตอนนั้นอยู่บ้านคอยอัดวีดีโอสมเด็จแสดง Sooner or Later ในงานออสการ์ โหยยยย...เกิดมาไม่เคยดูการแสดงอะไรจะสะจิตสะใจได้ขนาดนี้ มันร้อนแรงและเพอร์เฟ็กต์ไปหมด ยังแปลกใจว่า Madonna นี่เกิดมาเป็นศิลปินนางโชว์จริงๆ เ่ล่นเอาฮือฮากันไปทั้งโลก สมเด็จแม่เป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง จากคุณ : rien - [ 27 ก.ย. 48 07:46:23 ]

ความคิดเห็นที่ 13 การแสดงชุด Sooner or Later ถูกบันทึกไว้เป็น 1 ใน Oscar Moment ที่ควรจดจำด้วย ส่วนเครื่องเพชรของ แฮรี่ วินสตัน ที่เจ๊ใส่ นั้น ราคาตอนที่ค่าเงินบาทยังไม่ลอยตัว (1 เหรียญ = 25 บาท) มีมูลค่าสูงถึง 80 ล้านบาท ซึ่งค่อนข้างฮือฮาพอสมควรในยุคนั้น จากคุณ : แสงดาว บุญล้อม - [ 27 ก.ย. 48 09:08:47 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ยุบยิบไปหมดเลยรายละเอียดพรึ่บ เริ่ดมากๆ ค่ะ ช่วงนั้นได้ยินข่าวตลกๆของ อิป้าสำลีกะอิเจ๊กัดกัน ไม่รุว่าไปทำอิท่าไหน กัดกันเล่นๆหรือเปล่าไม่รู้นะคะ นักข่าวสัมภาษณ์อิป้าสำลีถามอะไรสักอย่างพร้อมจ่อไมค์ใส่ปากป้าแก ป้าแกก้อพ่นพรวดๆ ก่นด่าอิเจ๊ว่า เป็น "ยัยแม่วัวมีดีแต่นม" พออินักข่าวแร่ดๆแจ้นไปขอความเห็นอิเจ๊ในเรื่องคำวิพากษ์ของอิป้าสำลีนี้ อิเจ๊สวนกลับด้วยน้ำพริกนรกแสบทรวงหนึ่งสำรับประเคณราดใส่หน้าอิป้าสำลีว่า "อินังกะเทยมนุษย์ต่างดาว" ตอนนั้น ขำมักมากกกกกก จากคุณ : เลดี้ กาลาเดรียล (ขนมไข่หวาน) - [ 27 ก.ย. 48 09:55:50 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เพชร 80 ล้าน เจ๊แกโยนทึ้งหน้าตาเฉยเลย... แต่เจ๊ไหวพริบดีมาก เป็นผมนี่ คงตกใจ กริ๊ด ตุ้มหูหล่น คงจะลกๆๆๆๆๆ  ยิ้มๆ แก้เขิน และจบการแสดง เย๊ จากคุณ : wtb - [ 27 ก.ย. 48 10:00:58 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ช่วยตอกย้ำความทรงจำได้ดีเลย ..เยี่ยม จากคุณ : arbubagus - [ 27 ก.ย. 48 10:08:26 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณๆโมมากนะคะ สำหรับสิ่งหลายๆอย่างที่ยังไม่รู้จากเจ๊แม่ ว่าไปแล้วเธอก็ซ่ามาแต่ไหนแต่ไรแล้วนะคะ จริงๆพึ่งมาฟังเจ๊แม่ตอนRay of lightเองค่ะชอบเพลงในอัลบั้มมากๆติดตามมาเรื่อยๆ อ่านจากกระทู้ที่คุณโมเขียนมา คิดว่าคงต้องไปซื้ออัลบั้มรวมอย่างImmaculate Collectionมาฟังกันบ้างแล้วค่ะ เคยได้ยินมาบ้างอย่าง Like a vergin-Materail girl-Like a Prayer ดังมากนะคะแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากกับเจ๊แม่ในตอนนั้น อีกอย่างที่สังเกตุนะคะ การกระทำของเจ๊แม่ขัดกับอัลบั้ม Ray of lightอย่างมากค่ะ รออ่านอัลบั้มต่อไปนะคะ อยากให้ถึงRay of lightเร็วๆค่ะ จากคุณ : emuaynote - [ 27 ก.ย. 48 13:42:41 ]

ความคิดเห็นที่ 18 แนะนำให้คุณ emuaynote หามาฟังเลยค่ะ ดิ อิมแม็คคิวเลท เนี่ยค่ะ ไม่ควรพลาดนะคะ เลดี้ไม่คิดว่าเป็นการกระทำที่ขัดกันเลยค่ะ เป็นเรื่องของจิตและวิญญาณที่เติบโตขึ้นมากกว่าค่ะ เป็นธรรมดาของคนเป็นแม่หน่ะเนอะ จากคุณ : เลดี้ กาลาเดรียล (ขนมไข่หวาน) - [ 27 ก.ย. 48 14:24:22 ]

ความคิดเห็นที่ 19 Sooner or later you're gonna be mine ... จากคุณ : rien - [ 27 ก.ย. 48 17:27:39 ]

ความคิดเห็นที่ 20 This time I'm not only getting, I'm holding my man. จากคุณ : rien - [ 27 ก.ย. 48 17:28:50 ]

ความคิดเห็นที่ 21 โอ....ขอบคุณสำหรับทุกข้อความค่ะ โดยเฉพาะพี่แสง น้องเลดี้ และคุณ rien สำหรับข้อมูลและภาพสุดสวย โดยเฉพาะน้องหมวย อย่าลืมไปซื้อ Immaculate นะจ๊ะ เห็นไหมว่ามีคนการันตีหลายคนด้วยกัน ส่วนข้อมูลด้านชาร์ทต้องรอเจ้าแม่ชาร์ทคุณ limelite ค่ะ อิอิ เดี๋ยวเขาคงมีไรให้เราได้รู้กันอีกเรื่องอื่นๆด้วย แน่ๆ... รอข้อมูลเล็กๆน้อยจากทุกคนนะคะ จากคุณ : Mo_EcHO - [ 27 ก.ย. 48 20:34:01 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เลิศศศศศ! จากคุณ : Beloved_ - [ 27 ก.ย. 48 20:59:49 ]

ความคิดเห็นที่ 23 รางวัลใหญ่ๆ ที่ได้ ช่วง 1990-1991 1990: MTV Video Music Awards: Best Editing ['Vogue'] MTV Video Music Awards: Best Cinematography ['Vogue'] MTV Video Music Awards: Best Direction ['Vogue'] 1991: Academy Awards [Oscar]: Best Original Song ['Sooner Or Later'] Grammy Awards: Best Longform Video ['Blond Ambition Live'] American Music Awards:  Best Dance Single ['Vogue'] MTV Video Music Awards: Best Longform Video ['The Immaculate Collection'] Juno Award Canada:  Best International Single ['Vogue'] จากคุณ : แสงดาว บุญล้อม - [ 28 ก.ย. 48 09:52:59 ]

ความคิดเห็นที่ 24 สุดยอดเลยครับ ปีนั้นเป็นปีทองของมาดอนน่าเลยนะ ไปทางไหนก็จะเห็นเเต่เรื่องราวของมาดอนน่า จำได้ดีที่สุดคือดชว์ในMTVที่มาดอนน่ามาโชว์Vogueน่ะครับ เหนือคำบรรยายจริงๆ เป็นโชว์ที่สมบูรณ์แบบมากๆ กล้าพูดได้เลยว่า ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชว์ต่างๆในMTV Music Video Awards ไม่เหมือนเดิมอีกเลย เพราะมาดอนน่าไปตั้งมาตรฐานไว้แล้วนั่นเอง ส่วนเพลงโว้ค ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับโลกไปนี้เพราะเพลงนี้ จำได้ว่าแมแต่โฆษณาน้ำยาปรับผ้านุ่มบ้านเรา ยังมีที่เต้นโว้คเลยนะนั่น ทำไปได้ หรือแม้แต่ในคอนเสิร์ตของนักร้องบ้านเราหลายๆคน ยังมีเอาท่าเต้นของโว้คมาโชว์ให้เห็นๆอย่างไม่มียางอายเลย ส่วนโชว์ในการประกาศรางวัลออสการ์ ก็อึ้งมากครับ รู้สึกเลยว่าผู้หญิงคนนี้เป็นทั้งเจ้าของเวทีและเจ้าของงานเลยทีเดียว เพราะชิงความเด่นของคนในงานไปหมดเลย ตั้งแต่เริ่มงาน กลงงาน และท้ายงานที่เธอจากไปพร้อมกับ"อีนังกะเทยมนุษย์ต่างดาว"ของคุณเลดี้ กาลาเดรียล ในโชว์นั้น เธอสะบัดขนเฟอร์จนขาดคาเวทีอย่างไม่แยแส และแม้จะเกิดเหตุตุ้มหูหลุด เธอก็ยังเนียนนะ ไม่มีอาการวิตกกังวลให้เห็นแต่อย่างใด เนียนมาก แถมยังโยนตุ้มหูเพชรของแฮรี่วินส์ตั้นอย่างไม่แยแสเลย แถมไม่เข้าเวทีง่ายๆด้วย ยังมีลีลาน่าตบอย่างที่คุณโมบอก จนหยดสุดท้ายจริงๆ ยิ่งคอนเสิร์ตบลอนด์แอมบิชั่นเนี่ย มจำมาดอนน่าไปจนวันตายเลย เพราะเธอสุดยอด และไร้เทียมทานไปเลยจริงๆ  ผมชอบที่มาดอนน่าเต็น ท่าทางการเคลื่อนไหวของเธอลงตัวและเท่ห์มากๆ ไม่หยาบ และไม่อ่อนจนเกินไป มีความพอดี และกล้ามมาดอนน่าสวยมากครับตอนนั้น จำได้เลยว่าผู้หญิงยุคนั้นเริ่มมีการออกกำลังเพื่อให้มีหุ่นและกล้ามแบบมาดอนน่าทั้งนั้นเลย เป็นคอนเสิร์ตที่สุดยอดมากครับ ต้องบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์คอนเสิร์ตได้เลยนะนั่น อืม รู้สึกว่า ชื่อ"the immaculate collection"จะตั้งเป็นการล้อการ  the immaculate conception ของรพระเเม่มาเรียนะครับ คือการตั้งท้องโดยบริสุทธิ์(ไม่มีการร่วมเพศ) ตอนที่เห็นชื่ออัลบั้มรวมอันนี้ก็ โอว ตกใจ เจ๊แรงอีกแล้ว Justify my love ตอนนั้นผมเรียนอยู่ต่างประเทศนะ จะได้ดูหลังเที่ยงคืนเท่านั้น เลยพยายามนอนดึกมากๆ เพื่อรอดูเอ็มวีตัวนี้  โห พอได้ดูแล้ว อึ้งอีกจริงๆ แต่ชอบมาก มาดอนน่าแรดได้ใจมากๆครับ ชอบตนจบที่เธอวิ่งออกมา มีทำเป้นอายกัดนิ้วตัวเองนิดหน่อย  นะ ไม่ค่อยเลยนะเจ๊ ฮ่าๆๆๆๆๆ ชอบมากๆครับ ปีนี่เป็นปีที่มาดอนน่าเหนื่อยมาก ทั้งเงินและชื่อเสียงหลั่งไหลเข้ามาอย่างท่วมท้น ผมไม่รุ้ว่ามันจะทำให้เธอกล้ามากจนเกินไปมั้ยจนเกิดอัลบั้มต่อมา แต่ผมก็ชอบนะ ชอบที่เธอกล้า push the envelopeครับ ชอบมาตลอดเลย ไม่ว่าจะยังไง จากคุณ : พ่อน้องโจ - [ 28 ก.ย. 48 21:58:09 ]