ความคิดเห็นที่ 1 แฟรงกี้ อะวาลอน ( Frankie Avalon ) , Francis  Thomas  Avallone เกิด  18 กันยายน 1939  ที่  ฟิลาเดลเฟีย เพนซิวาเนีย  เป็นอิตาเลี่ยนอเมริกัน   เพลงที่ฮิตสุดๆ คงเป็น  Venus อันดับ 1  billboard chart  9 มีนาคม 1959  ซึ่งเดิมทีจะให้  Al Martino ร้องถูกปฎิเสธ และ Why  อันดับ 1  วันที่ 28  ธันวาคม 1959   ปัจจุบันยังคงมีความสุขกับภรรยาที่แต่งงานมากว่า  40 ปี และมีลูกด้วยกัน 8 คน  และยังคงแสดงร่วมกับ Fabian  และ Bobby Rydell เป็นบางที จากคุณ : sofatboy - [ 1 ต.ค. 48 14:58:43 ]

ความคิดเห็นที่ 2 Cilff Richard  คนนี้ไม่ต้องพูดมากคงจะเอามะพร้าวห้าวไปขายสวน  เกิด  14 ตุลาคม  1940  ชื่อจริงชื่อ   Harry Rodger Webb  เกิดที่เมือง Lucknow , India  คุณแม่เป็นชาวอังกฤษ  ส่วนคุณพ่อเป็นชาวอินเดีย เพลงที่ทำให้เกิดคือ เพลง Living Doll แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 48 21:54:06 จากคุณ : sofatboy - [ 1 ต.ค. 48 15:34:38 ]

ความคิดเห็นที่ 3 Tab Hunter ต้นตำหรับเพลง Young  Love  ก่อนที่ถูกนำมาร้องใหม่โดยนักร้องหลายๆคนต่อมา ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูดี  ผมสีทอง ตาสีฟ้า  หุ่นนักกีฬา เล่นหนังมากมาย  จึงชนะใจสาวๆได้ไม่ยาก เพลง Young love  สามารถเขี่ยเพลงของเอสวิสให้ตกจากอันดับ 1 ได้   และเป็นเพลงที่ดังมากในปี 1957  หนุ่มคนนี้จะออกหนังสือเล่าถึงประวัติส่วนตัวในตุลา    และที่สำคัญเขาประกาศว่า....  เขาเป็นเกย์ จากคุณ : sofatboy - [ 1 ต.ค. 48 16:16:50 ]

ความคิดเห็นที่ 4 Patty Duke , Anna Marie Duke นักแสดงสาวที่มากไปด้วยความสามารถจากเรื่อง  The Miracle Worker เล่นเป็นเด็กหญิงตาบอด  หูหนวก และเป็นใบ้  ในบทของ  Helen  Keller  จึงคว้ารางวัลออสการ์ในปี 1962 ช่วงที่เป็นผู้ใหญ่มาดังอีกที เรื่อง  วังน้ำวน ... เออ...  Valley of The Dolls   สาวนิวยอร์กผู้นี้มีผลงานเพลงที่เป็นที่ รู้จักที่สุด คือ  Don't Just  Stand There  ทำได้สูงสุดอันดับ 8  ปี 1965  ออกเมื่ออายุ  18 ปี โดย  United Artist เพราะว่ากดดันจากการเป็นดาราช่วงเด็ก ทำให้มีปัญหาทางจิตช่วงปี 1980s  อาการ bi - polar  ซึมเศร้าสลับกับสนุกสนาน    เมื่อหายได้เขียนหนังสือออกมาเกี่ยวกับโรคนี้    ลูกชายเธอ คือ  Sean Austin ที่เล่นลอร์ดออฟเดอะริงนะครับ จากคุณ : sofatboy - [ 1 ต.ค. 48 16:59:25 ]

ความคิดเห็นที่ 5 Lesley Gore สาวน้อยที่เกิดในนิวยอร์กแต่ไปเติบโตที่นิวเจอร์ซี่   อายุ 15 ปี ได้รับการสนับสนุนจากผู้ปกครองไปทดสอบเสียงที่  นิวยอร์ก และในวันที่ 30 มีนาคม 1963  ได้อัดเสียง 4 เพลง ที่  Mercury , Bellsound  Studio นิวยอร์ก  หนึ่งในนั้นคือ  It's my party  ติดอันดับใน บิลบอร์ดท๊อป  100  ทันที ในอันดับ 60 วันที่ 11 พฤษภาคม 1963   และหลังจากวางตลาดอย่างเป็นทางการ  1  อาทิตย์ในวันที่  1  มิถุนายน  1963 ได้อันดับ 1  เป็น ซิงเกิ้ลอันดับ 1  อันเดียวของเธอ  /  You don't own me  #2  US  /  Judy's  Turn To Cry # 5 US เพลงของ Lesley Gore  สาวน้อยผมสวอน เนื้อหาจะต่อเนื่องกันและมีพระเอกชื่อ Johnny   เธอมีฉายาว่า  The Teen Queen น่าแปลกที่เพลง Just Let Me Cry ดังระเบิดในบ้านเรา ..... ปัจจุบันเธอเป็นเลสเบี้ยนและอยู่กับหุ้นส่วนชีวิตเธอ แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 48 20:23:55 จากคุณ : sofatboy - [ 1 ต.ค. 48 18:20:03 ]

ความคิดเห็นที่ 6 Little Peggy March  สาวน้อยที่ไม่ต้องบอกว่าดังเพลงอะไร ...  I Will Follow Him ต้นฉบับมาจากเพลงภาษา ฝรั่งเศส  Chariot แต่งโดย Paul  Mauriat และ  Frank  Pourcel   ในบ้านเราดังหลายเพลงมาก เช่น I'll  never forget last night ,   I wish  i were a princess  และอื่นๆอีกมากมาย   ส่วนเพลงเก่งของเธอนั้น ออกวางเมื่อ 22 มกราคม 1963   ครองอันดับ 1  นาน 3 สัปดาห์  และเธออายุเพียง  15 ปี ต้องใช้เวลาถึง 35 ปี ในการทำลายสถิติศิลปินอายุน้อยที่สุดที่ขึ้นอันดับ 1  ดังขนาดต้องร้องใหม่หลายภาษาแม้กระทั้งภาษาญี่ปุ่น ปัจจุบันเป็นศิลปินวาดภาพสีน้ำที่มีชื่อเสียงมีงานแสดงในแกลลอรี่ จากคุณ : sofatboy - [ 1 ต.ค. 48 19:08:35 ]

ความคิดเห็นที่ 7 สุดยอดครับ ชอบมาก ๆ จากคุณ : 45 rpm. - [ 1 ต.ค. 48 19:53:34 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ต่อมาคนนี้ถือว่าเป็นเป็น Teen Idol  ตัวจริงเสียงจริง  Fabian  Forte แม้ทางต้นสังกัดจะดันอย่างไรก็ไม่ดังเปรี้ยง ปร้าง  ที่คุ้นหูบ้านเราคงเป็น Turn Me Loose ,  Tiger บางคนว่าเขาร้องเพลงไม่เป็น  Fabian มีงานแสดงมากมาย แต่ที่ว่าดีที่สุดคือ บทบาทใน North  to Alaska  กับ John Wayne Fabian เกิดเมื่อ 6 กุมภาพันธ์  1943  มีชื่อจริงว่า   Fabiano Anthony  Forte อยู่ในย่านเดียวกับ Frankie Avalon และ Bobby Rydell  ยังคงเป็นเพื่อนกันจนถึงปัจจุบัน   เขาเป็นขวัญใจสาวๆ   เมื่อขึ้นปกนิตยสารก็จะขายดีจนเกลี้ยงแผง จากคุณ : sofatboy - [ 1 ต.ค. 48 20:02:14 ]

ความคิดเห็นที่ 9 .....เอาภาพมาให้ดูว่าแต่ก่อนหล่อ จนสาวหลงเป็นอย่างไร.. จากคุณ : sofatboy - [ 1 ต.ค. 48 20:09:19 ]

ความคิดเห็นที่ 10 fabian forte จากคุณ : sofatboy - [ 1 ต.ค. 48 20:09:57 ]

ความคิดเห็นที่ 11 .... จริงๆ หาเรื่องอู้เลยแปะภาพแทน เดี่ยวมาต่อวันหลังครับ จากคุณ : sofatboy - [ 1 ต.ค. 48 20:13:05 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ข้อมูลเยี่ยม ภาพสุดยอด อยากกลับเป็นเด็กอีก จากคุณ : ซาติ๊ด (satitp) - [ 1 ต.ค. 48 21:37:39 ]

ความคิดเห็นที่ 13 สาว ๆ ในห้องนี้ดู North to Alaska แล้วกรี๊ดไม่ยอมเลิก กับเพลงที่ Fabian ร้องในเรื่อง จากคุณ : satitp - [ 1 ต.ค. 48 21:40:09 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เอ ... ผมรู้สึกว่าน้า cliff richard เนี่ย แกน่าจะเกิดวันที่ 14 ตุลาคม 1940 น่ะครับ เพราะถ้าแกเกิด 1957 ปีนี้อายุแกยังไม่ถึง 50 เลยน่ะครับ ... แต่ขอชมเชยเรื่องที่เอามานำเสนอครับ อ่านเพลินเลย ขอบคุณครับ จากคุณ : desafinado - [ 1 ต.ค. 48 21:41:06 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ไม่อยากเชื่อว่าพระเอกขวัญใจหนุ่มในสมัยโน้นจะเป็นคนชอบไม้ป่าเดียวกัน นอกจาก Young love แล้ว You butterfly  ก็ยังติดหูอยู่นี่ และมีอีกเพลงที่แฟน ๆ ในไทยชอบกัน นึกชื่อไม่ออกแฮะ จากคุณ : satitp - [ 1 ต.ค. 48 21:50:04 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ....ขอบคุณมากครับ  พอดีเบลอไปหน่อย  แก้ไขแล้วครับ พอดีเห็นท่านเซอร์ดึงหน้ามาตึงเลยเข้าใจผิด.... จากคุณ : sofatboy - [ 1 ต.ค. 48 21:53:29 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ข้อมูลอย่างนี้ผมว่าต้องถูกใจดีเจเจียงใหม่แน่ ๆ เลยครับ เก็บเอาไว้เล่าก่อนเปิดเพลง ทำให้เพลงนั้น ๆ ขลังขึ้นอีกเยอะเลย เพลงของ Tap Hunter อีกเพลงนึกออกแล้วครับ Apple blossom time I'll be with you in apple blossom time I'll be with you to change your name to mine One day in May I come and say Happy the bride The sun shine on today What a wonderful wedding day will be What a wonderful day for you and me Church bells will chime you will be mine In apple blossom time นอกจากนี้ยังมี Ninetynine ways และ Don't get around much anymore พอนึกได้มันก็มาเป็นสายเลยครับ แบบเข้าหาข้อมูลตรงช่อง จากคุณ : satitp - [ 2 ต.ค. 48 01:25:55 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ข้อมูลอย่างนี้ผมว่าต้องถูกใจดีเจเจียงใหม่แน่ ๆ เลยครับ เก็บเอาไว้เล่าก่อนเปิดเพลง ทำให้เพลงนั้น ๆ ขลังขึ้นอีกเยอะเลย เพลงของ Tap Hunter อีกเพลงนึกออกแล้วครับ Apple blossom time I'll be with you in apple blossom time I'll be with you to change your name to mine One day in May I come and say Happy the bride The sun shine on today What a wonderful wedding day will be What a wonderful day for you and me Church bells will chime you will be mine In apple blossom time นอกจากนี้ยังมี Ninetynine ways และ Don't get around much anymore พอนึกได้มันก็มาเป็นสายเลยครับ แบบเข้าหาข้อมูลตรงช่อง ในส่วนตัวของผม เสียงและเพลงของนักร้องคนนี้ทำให้คิดถึงบรรยากาศ 60s ได้ดีกว่าคนอื่น ๆ จากคุณ : satitp - [ 2 ต.ค. 48 01:27:04 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ...แวะมาแปะรูปก่อนนะครับ Tab Hunter จากคุณ : sofatboy - [ 2 ต.ค. 48 07:57:13 ]

ความคิดเห็นที่ 20 หนังสือที่เปิดเผยตัวเองหมดเปลือก ทั้งเรื่องส่วนตัว งานแสดง  งานเพลง Tab Hunter Confidential : The Making Of The Movie Star จากคุณ : sofatboy - [ 2 ต.ค. 48 08:03:47 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เข้ามาดูครับ  ขอแปะ ขวัญใจวัยรุ่น อีกคนนะครับ ไม่ได้ร้องเพลง    หล่อตรงๆ  ไม่เกย์ครับ  troy donahue จากคุณ : J K 9 - [ 2 ต.ค. 48 08:18:33 ]

ความคิดเห็นที่ 22 อ่านกระทู้นี้..ในแง่มุมของ "เพศที่สาม" เนื่องด้วย..ดาราคนโปรดหลายคน...มีส่วนเกี่ยวข้อง... ไม่ได้รังเกียจหรอก... แต่...อยากเล่าว่า... ในฐานะที่เคยทำงาน NGO ด้านเอดส์มาร่วมสิบปี... ช่วงที่มาทำงานใหม่ๆ ต้องปรับตัวน่าดูเลย... และต้องทำความเข้าใจอย่างมากกับ.. "ชายรักชาย" "หญิงรักหญิง".. "เกย์" "กระเทย"ฯลฯ ที่เกี่ยวข้อง... และรับรู้ว่า...เดี๋ยวนี้ทุกอย่างเปิดกว้างมากกกกกกก แม้กระทั่งคนที่ทำงานด้วยมีลูก... เวลาใครถามว่า ลูกผู้หญิงหรือผู้ชาย... คำตอบ.... ตอนนี้เป็นผู้ชายครับ....ส่วนอนาคต.... แล้วแต่เขาจะเลือก... อือ....เราก็ต้องทำ(ความเข้า)ใจนะ..ทำงานอยู่ตรงนั้นน่ะ เพราะไม่งั้น..ก็ไม่เข้าถึง...ทำงานร่วมกับเขาไม่ได้ ก็เลยจะเป็น..ผู้อาวุโสที่ร่วมสมัยใหม่กะเค้าหน่อยนึง คงไม่ว่ากระไรนะเจ้า... ที่เอาประสบการณ์เล็กๆ น้อยๆ มาเล่าสู่กันฟัง จากคุณ : ชาวเหนือ - [ 2 ต.ค. 48 08:46:54 ]

ความคิดเห็นที่ 23 แฮะๆๆ  ผมมาจาก old school    เชื่อว่า พระเจ้าสร้าง  adam and  eve   ไม่ใช่  adam and steve  ครับ     ล้อ เล่นนะครับ  ใครจะชอบป่าโปร่ง หรือ ป่า ชายเลน  ผมไม่เกี่ยว  แฮะๆๆ จากคุณ : J K 9 - [ 2 ต.ค. 48 09:06:08 ]

ความคิดเห็นที่ 24 กล่าวถึงสองหนุ่มในเดอะโกลเด้นบอย (  the golden boys )  จะไม่อีกหนึ่งหนุ่มได้อย่างไร   Bobby  Rydell  เป็นทีนไอดอลอีกคนที่ต้องพูดถึง  แสดงภาพยนตร์อยู่หลายเรื่อง แต่ที่ติดตาคงเป็น Bye, Bye, Birdie  ที่มี Ann - Margaret แสดงด้วยนั้นเอง ส่วนเรื่องผลงานเพลงก็มีที่ดังเป็นอันมากมาย เช่น Volare , Wild One , Swingin' School I'll never Dance Again , The Cha - Cha - Cha  ..... เพลงแจ้งเกิดจริงๆน่าจะเป็น Wild one และ Volare เป็นการเปิดตลาดสู่ผู้ใหญ่ Forget Him เป็นอีกซิงเกิ้ลหนึ่งทีมียอดขายสูงมาก Bobby Rydell เกิดวันที่  26 เมษายน 1942 ชื่อเดิมชื่อ  Robert Louis  Ridarelli อยู่ย่านชุมชนชาวอิตาลี   ในฟิลาเดลเฟียตอนใต้  เริ่มทำงานการแสดงตั้งแต่เด็ก นามสกุล Ridarelli ถูกเปลี่ยนเป็น Rydell  ด้วยเหตุผลของการออกเสียง Bobby Rydell สามารถนำเพลงขึ้นบิลบอร์ด  34 เพลงใน ท๊อป 40 จากคุณ : sofatboy - [ 2 ต.ค. 48 14:45:29 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ... Bobby Rydell , Frankie , Fabian ไม่รู้ยังเรียกว่า golden boys ไหวหรือเปล่า ? จากคุณ : sofatboy - [ 2 ต.ค. 48 14:50:32 ]

ความคิดเห็นที่ 26 Where The Boy Are .... Stupid  Cupid สาวอิตาเลี่ยนอีกคนที่ต้องพูดถึงคือ Connie Francis เกิดในนิวเจอร์ซี่ วันที่ 12 ธันวาคม 1938 ชื่อเดิมคือ Concetta Rosa Maria Franconero แสดงภาพยนตร์ในยุค 1960s   สี่เรื่อง .. Where the Boys Are (1960) , Follow the Boys (1963) , Looking for Love (1964) When the Boys Meet the Girls (1965) เพลง Everybody's Somebody's Fool  ขึ้นอับดับ 1 ในปี 1960  / My Heart Has A Mind Of Its Own went  # 1  1962  /  Don't Break The Heart That Loves You  #1  1962 แม้จะประสบความสำเร็จในเรื่องงานแต่ชีวิตจริงของเธอน่าเห็นใจมาก  เธอถูกข่มขืนที่โรงแรม Howard Johnson  หลังจากการแสดงที่ Westbury, New York ในวันที่  8  พฤษจิกายน 1974  มีผลทำไม่สามารถทำการแสดงได้อีกในหลายปีต่อมา  และส่งผลให้เธอมีอาการทางจิตแปรปรวน  bi - polarเธอยอมรับว่าเคยผ่านการบำบัดด้วยการช๊อตไฟฟ้า  แต่เธอผ่านมันไปด้วยดี   และยังคงมีงานคอนเสิร์ตในปัจจุบัน จากคุณ : sofatboy - [ 2 ต.ค. 48 15:57:52 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ค่ะ...นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผล ที่เข้ามาเป็นสมาชิกห้องนี้อย่างที่คุณ อาจารย์ซาติ๊ดแนะไว้ คือปกติ จัดรายการเลือกเพลงไม่เหนื่อยแต่ ..เหนื่อยมาก...มากกกกกกกกก กับการหาข้อมูลนี่แหละ จนผู้ช่วยเค้าลาออกไปคนหนึ่งแล้ว บางเพลงกว่าจะเปิดได้ต้องอ่านข้อมูลทั้งหน้า เพื่อที่จะเอามาคุย สองสามประโยค  หรือบางเพลงต้องอ่านหนังสือ หลายเล่ม  เข้า web โน่นนี่  เพื่อที่จะได้อะไรที่ up date ไม่ซ้ำซาก น่าเบื่อ   ขอบอกว่าชอบค่ะ ที่คุณ sofatboy ทำ เพราะตรงที่ ไม่น่าเบื่อ นี่แหละ  ต้องขอบคุณปิดท้ายด้วยนะคะ ....... อ้อ...แล้วที่ Paul  Anka  เขียนเนื้อภาษาอังกฤษให้กับ My way แล้วมีคนให้ ลุง Frank Sinartra นำมาร้องจนเป็นเพลงลายเซ็น นี่  ถือว่าเป็นความดีความชอบด้วยหรือเปล่าคะ ชอบหลายคนที่นำมาเสนอค่ะ มิได้เป็นโก๋หลังวังกะเค้าด้วยหรอก  แถมให้อีกนิดนะคะ กับ  คห 26  อ่านเจอมาว่าหลังจากที่ Connie ถูกข่มขืนคราวนั้นแล้ว  โรงแรมต่างๆในอเมริกาเริ่มให้มีการ เจาะรูที่หน้าประตูห้องพักเพื่อให้ คนในห้องได้มองดูผู้ที่มาเคาะก่อนเปิดประตูให้  จนเป็นไปทุกโรงแรมทั่วโลก ค่ะ..... จากคุณ : ไฮเดรนเยีย - [ 2 ต.ค. 48 16:47:03 ]

ความคิดเห็นที่ 28 Da-dum, da-da-da-da-da-da-da Da-dum, da-dum  Da-da-da-da-da-da-da-da Da-dum, Da-dum Da-da-da-da-da-da-da-da  Why haven't I told you  ........ I've tolds  every  little stars  ถูกนำมาประกอบในหนังหลายเรื่องในช่วงหลังนี้   ล่าสุดยังถูกนำมาใส่บีทเป็นเพลงแดนซ์ ... Linda  Scott  ( Linda  Joy  Sampson ) เกิด วันที่  1 มิถุนายน 1945 เกิดที่ ควีน, นิวยอร์ก และย้ายไปนิวเจอร์ซี่   สาวน้อยวัย 16 ปี นำเพลงนี้ดังเป็นพลุแตกในปี 1961 I've Told Every Little Star  (#3) 1961 Don't Bet Money Honey  (#9)  1961 I Don't Know Why  (#12)  1961 เธอตัดสินใจเลือกที่จะเรียนต่อมากกว่าที่อยู่ในวงการ จากคุณ : sofatboy - [ 2 ต.ค. 48 17:08:28 ]

ความคิดเห็นที่ 29 หวัดดีคับ เยี่ยมมากเลยคับ  ตอบแทนด้วย เย้นๆ ละกัน จากคุณ : 5150_b - [ 2 ต.ค. 48 20:40:50 ]

ความคิดเห็นที่ 30 มีอีกตำนานบทหนึ่งที่เข้าลักษณะเสียชีวิตตั้งแต่ยังหนุ่มยังสาว  ในช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตและคงอยู่เป็นอมตะตลอดกาล Ritchie Valens  ชื่อเดิมคือ  Richard Steven  Valenzuela เกิดวันที่  3 พฤษภาคม  1941 เกิดที่ Pacoima, Los Angeles  ย่านที่อยู่ของคนรายได้ น้อยชานเมือง  พ่อแม่เลิกกันตั้งแต่เล็กๆ  อาศัยอยู่กับพ่อจนพ่อเสียชีวิต  จึงได้ย้ายไปอยู่กับแม่และพี่น้องในภายหลัง  เมื่ออายุได้ 9 ปีได้รับกีตาร์ ตัวแรก  พออายุ 12 เริ่มแต่งเพลงเอง  เขาได้รับอิทธิพลจากเพลงพื้นเมืองเม็กซิโกและเพลงคนผิวสี   เมื่ออายุ 16 ได้เข้าร่วมวงดนตรีท้องถิ่น (  วง the Silhouettes ) ได้ไปสะดุดหู Bob Keane ประธาน  Del-Fi Records  ซึ่งต่อมาได้เป็นผู้จัดการส่วนตัวของเขา ต่อมาได้ทำสัญญากับ Gold Star Studios  ... ซิ้งเกิ้ลแรก Come On, Let's Go  ทำยอดขายได้ถึง  750,000 แผ่น  อันดับสูงสุดคือ 42  ปี 1958 และเพลงที่ทำให้เกิดอย่างเต็มตัวคือ Donna  ... เพลงที่เขาแต่งให้กับ Donna Ludwig  แฟนสาวที่โรงเรียน San Fernando High  ด้วยเนื้อหาที่ง่ายและกินใจจึงได้รับการตอบรับที่ดีมาก   ส่วน  La Bamba  อยู่เป็นหน้า b ของแผ่นเสียงได้รับแรงบันดาจใจจากเพลงพื้นเมืองเม็กซิโก และแล้วก็มาถึงวัน  The Day The Music Died  ที่ตาลุงดอนว่าไว้  วันที่  3 กุมภาพันธ์ 1959  เครื่องบินที่นำพา Buddy Holly ( 22 ปี ) Big Hopper ( 28 ปี) และสุดท้าย Richie Valens ( 17 ปี)  ประสบอุบัติเหตุตกลง  มีเกร็ดเล่าว่า  เพื่อที่จะไปให้ทันการแสดงที่นัดหมายไว้ เขาได้โยนหัวก้อย  กับมือกีตาร์ Tommy Allsop  เพื่อที่นั่งสุดท้ายบนเครื่อง...  เขาทายหัวและชนะและได้ที่นั่งนั้นไปในที่สุด Donna ทำได้สูงสุดอันดับ  2 ในอเมริกา  /   La Bamba อันดับสูงสุดคือ 22 .... มีหนังออกมาเกี่ยวกับชีวิตของ Ritchie เรื่อง La Bamba ( 1987 )  เพลง La Bamba  ได้ถูกนำเข้าสู่อันดับ 1  อีกครั้งโดย  Los Lobos ริชชี่  ได้เข้าสู่  Rock and Roll Hall Of Fame ในปี 2001    มีสแตมป์เป็นที่ระลืกปี 1993 จากคุณ : sofatboy - [ 3 ต.ค. 48 08:16:33 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ...สาวซึ่งเป็นแรงบันดาลใจ ให้มีเพลง Donna ออกมา Donna Ludwig จากคุณ : sofatboy - [ 3 ต.ค. 48 08:20:22 ]

ความคิดเห็นที่ 32 More Than I Can Say ... Wow wow yea yea I love you more than I can say... บ้านเราคงคุ้นหูกับเพลงนี้แต่ในสหรัฐทำอันดับได้เพียงอันดับ 61 ในปี 1961 จะพูดถึงอันดับเพลงเด่นๆของ Bobby Vee ก่อนแล้วกันนะครับ 8/7/60     Devil or Angel  # 6 12/4/60   Rubber Ball/Everyday #  6   8/13/61   Take Good Care Of My Baby  # 1 11/13/61  Run To Him  # 2 12/8/62   The Night Has A Thousand Eyes # 3 7/22/67    Come Back When You Grow Up # 3 ทั้งหมดล้วนแต่ได้รับแผ่นเสียงทองคำทั้งสิ้น จากคุณ : sofatboy - [ 3 ต.ค. 48 08:54:11 ]

ความคิดเห็นที่ 33 bobby vee นักร้องที่มาพร้อมกับบุคคลิกสุภาพเรียบร้อย  แต่งกายสุภาพสะอาดตา  ชื่อเดิม Robert Thomas Velline เกิดวันที่ 30 เมษายน 1943 ใน Fargo, North Dakota  ได้รับโอกาศแสดงแทน Buddy Holly และ  Ritchie Valens ใน Winter Dance Party เนื่องจากเรื่องเศร้าจากเหตุเครื่องบินตก   และนั้นทำให้ไปสะดุดตาแมวมอง  ได้อัดแผ่นครั้งแรกกับ Soma Records ที่ Kaybank Studio ใน Minneapolis "Suzie Baby" ได้ถูกนำขึ้นอันดับ 77  ในปี 1959 ... เขาแสดงหนังหลายเรื่องเช่น "Just for Fun" และ  "Play It Cool" เพลง Take Good Care Of My Baby  ได้ carole king กับ jerry goffin แต่ง เป็นอันดับ 1  เดียวของเขา ในปี 1963 เขาได้รัองเพลง The Night Has A Thousand Eyes  ในหนัง "Just for Fun" ปัจจุบันปู่บ๊อบบี้ยังคงเดินสายแสดงให้กับแฟนเก่าแฟนแก่อยู่อย่างมีความสุข จากคุณ : sofatboy - [ 3 ต.ค. 48 09:53:46 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ดาราสาวที่แสดงตั้งแต่อายุได้ 3 ปี เหมือนกับว่าโตมาพร้อมกับผู้ชม ผ่านงานแสดงมามากมาย  แต่ที่เป็นขวัญใจวัยรุ่นในสหรัฐคงเป็นบทบาทลูกสาววัยรุ่นใน The Donna Reed Show  เป็นเวลา 8 season  เรียกได้ว่าดังมาตั้งแต่เด็ก   เล่นหนังวัยรุ่นกับ fabian เรื่อง  Ride the Wild Surf  มีข่าวว่ามีความสัมพันธ์กับ elvis  และเล่นหนัง elvis ถึง 3 เรื่อง  Girl Happy 1965 ,  Spinout 1966 ,  Clumbake 1967 Shelley Fabares  ชื่อเดิม Michele Fabares เกิดวันที่  19 มกราคม 1944  ใน Santa Monica, California  ออกแผ่นเสียงมาหลายชุดแต่ที่ดังสุดๆ   คือ Johnny Angel  อันดับ 1  ในปี 1962  รองลงมาเป็น Johnny Loves Me อันดับ 21 ปีเดียวกัน  เธอป่วยจากการติดเชื้อและได้รับการปลูกถ่ายตับในปี  2000 ปัจจุบันเป็นตัวแทนรณรงค์เกี่ยวกับโรคอัลไซเมอร์ จากคุณ : sofatboy - [ 3 ต.ค. 48 11:32:23 ]

ความคิดเห็นที่ 35 Bobby Rydell มีคนเคยเล่าสาเหตุที่ทำไมเพลงเก่าต้นฉบับของเขาจึงหาฟังยากนักในระยะหนึ่ง เคยมีแผ่นรวมเพลงฮิตของเขามาขายในเมืองไทย แต่อนิจจา เป็นที่เขาเอามาร้องใหม่เองทั้งแผ่นเลย ที่มีเป็นต้นฉบับเดิมขณะนี้ก็ได้มาจากเน็ตทั้งสิ้น Ritchie Valens เป็นนักร้องที่มีภาพของเขาทางวีดิโอน้อยที่สุด แม้แต่ซีดีที่ทำเรื่องประวัติของเขาก็มีแต่เอาญาติมาเล่าเกี่ยวกับเขาทั้งนั้น เพลงหนึ่งที่เกี่ยวกับเขาหาดาวน์โหลดยากมากในระยะแรกของการแลกเปลี่ยนไฟล์ทางเน็ต มีช่วงหนึ่งที่ได้มาโดยบังเอิญมาก ๆ ก็คือเพลงที่เขาแต่งให้กับสามนักร้องที่ตายในอุบัติเหตุคราวเดียวกันนี้ หลายคนก็ลืมเพลงนี้ไปแล้ว Three Stars Look up in the sky up toward the north There are three little stars britghtly shining forth They're shining so bright from heaven above Gee! We're gonna miss you Every body send their love ............................... ผมเป็นคนฟังเพลงก็อยากให้คนจัดรายการเล่าเกี่ยวกับเพลงเหมือนที่คุณsofatboy หาข้อมูลมาเผื่อนี่แหละครับ หาเพลงมาเปิดให้ฟังใคร ๆ ก็ทำได้ แต่เล่าข้อมูลเกี่ยวกับเพลงนี่สิ ต้องมีกึ๋นหน่อยครับ ไม่ใช่ใครก็ทำได้ จากคุณ : ซาติ๊ด (satitp) - [ 3 ต.ค. 48 17:45:03 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เพลงที่เขาแต่งให้นักร้องทั้งสามคนที่ตายในคราวเดียวกันนี้ เคยมีคนเล่าเหมือนกันว่าใครแต่ง แต่ลืมไปแล้วครับ ผมชอบเพลง Turkish town ของ Ritchie ไม่ทราบว่าการเล่นกีตาร์เสียงแบบในเพลง (ไม่รู้เรียกอะไร Tremolo?) เป็นเสียงที่เป็นสัญลักษณ์ของชาติตุรกีหรือไงครับ เพราะฟังเพลงนี้ทีไรก็ให้นึกภาพคนตุรกีที่แต่งตัวรุ่มร่ามสีสัมสดใสทุกที Turkish town There across the sea wait my fair love one In a Turkish town waiting there for me And I know that some day we live and love And the mystic Turk say from the stars up above So wait there my love one I'm coming home To my little Turjish girl in a Turkish town ฟังดี ๆ จังหวะเหมือนฟ้อนเล็บของทางเหนือเลยครับ จากคุณ : ซาติ๊ด (satitp) - [ 3 ต.ค. 48 17:53:46 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ยินดีนะครับกับทุกความเห็น  มีอะไรก็มาพูดคุยได้นะครับ ... กลัวไม่มีคนอ่านนะครับ เอาใจไว้ก่อน ( ล้อเล่นนะจ๊ะ ) ผมจะเล่าถึง เพลงคอยเมีย ... Travelin' Man ทำไมถึงเรียกเช่นนั้น  เชิญอ่านต่อเลยครับ Travelin' Man  แต่งขึ้นโดย  Jerry Fuller ... มีสวนสาธารณะใกล้ๆกับที่ทำงานของภรรยาเขาซึ่งเขาต้องไปรับเธอทุกวัน  พี่แกหยิบกีตาร์มาแต่งเพลงแก้เซ็ง ระหว่างคอยภรรยาในสวน  เขาคิดถึงผู้ชายคนหนึ่งที่เดินทางไปรอบโลก  เพลงนี้เขียนเสร็จในเวลา 20 นาที  มันถูกนำไปเสนอให้ผู้จัดการของ Sam Cooke ในตอนแรก แต่ถูกปฏิเสธ   มือเบสของริค ( Joe Osborne )ที่อยู่ในห้องถัดไปในบริษัทได้ยินเข้า  และแล้วเพลงนี้ได้เป็นเพลงฮิตที่สุดของ  Rick Nelson และอยู่ในอันดับนาน 4 เดือน นอกจากนี้เขายังแต่งเพลง Young World  ให้กับ  Rick Nelson  ด้วย จากคุณ : sofatboy - [ 3 ต.ค. 48 19:53:09 ]

ความคิดเห็นที่ 38 อันนี้ถามคุณซาติ๊ดครับ ว่าจริงหรือเปล่าที่ Ritchie Valens ไม่สามารถพูดภาษาสเปนได้ จากคุณ : sofatboy - [ 3 ต.ค. 48 19:58:28 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ต้องขออภัยอย่างแรงที่ดูดีวดีของเขาแล้วจับความได้ไม่มากนักหรอกครับ ในหนัง La Bamba ก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าตอนเด็ก ๆ เขาพูสเปนหรือเปล่า ผมเคยมีแผ่นซีดีที่เขาบันทึกการอัดเสียงเพลงต่าง ๆ ของเขาทุก Take เลยละมั้ง มีเพลง In a Turkish town นี่แหละครับที่หลายเทคมาก เดี๋ยวว่าง ๆ คงต้องไปค้นดีวีดีประวัติของเขามาดูอีกสักรอบ เผื่อจะได้เอามาเล่ากันฟังบ้าง แต่มันน่ารังเกียจตรงที่ไม่มี Subtitle ภาษาอังกฤษด้วยนี่สิครับ ยิ่งการฟังไม่ค่อยจะแข็งแรง ถ้ามีสับมาช่วย แม้จะเป็นภาษาอังกฤษ ก็ยังพอกล้อมแกล้มได้ แต่ไม่มีนี่...บอกตามตรงว่า...ฝืด...ครับ จากคุณ : satitp - [ 3 ต.ค. 48 23:59:20 ]

ความคิดเห็นที่ 40 คนนี้ก็ teen idol เหมือนกันนะครับ  ernest evans   ที่เราๆท่านรู้จักกันในนาม  chubby checker  เพราะตอนวัยรุ่นออกจะท้วมๆ  แต่ว่าเต้นระเบิด  ชื่อนี้ ตั้งโดยภรรยาของ  dick clark นายทะเบียนแจ้งเกิดนักร้องเป็นพันๆคนเชียวหละ   เจ้าของรายการ american bandstand อั่นลือลั่นทั่วโลก  ต้นกำเหนิดของรายการอยู่นี้ philadelphia chubby คนนี้เกิดที่ south carolina   ย้ายไปอยู่  south philadelphia  ตั้งแต่ยังเด็ก  เรียนอยู่ south philadelphia high   เพื่อนร่วมชั้นมีรูปข้างบนสองคนแล้วนะครับ   frankie avalon (คิดเอาเองนะครับว่าชื่อนี้เอามาจากเมืองชายหาดเมืองนึงบน jersey shore ครับ ใกล้ atlantic city )  แล้วอีกคนก็  fabian forte ไงหละครับ  จนกระทั่งเดี๋ยวนี้วันดีคืนดีก็รวมกลุ่มโชว์แถวนั้นแหละ แถมมาอีกคนก็คือ เด็กอิตาเลียนเหมือนกัน  bobby rydell จากคุณ : J K 9 - [ 4 ต.ค. 48 08:23:53 ]

ความคิดเห็นที่ 41 yeah...yeah .. กระทู้ไม่เป็นหมัน สวัสดีทุกคนครับ  ผู้อ่านผู้อื่นเชิญแวะมาทักทายได้นะครับ Ricky Nelson หรือบางคนเรียกว่า  Rick Nelson  เกิดวันที่ 8 พฤษภาคม  1940  เกิดที่ Teaneck, New Jersey  ชื่อเดิม Eric Hilliard Nelson เรียกได้ว่าโตมากับผู้ชมเลยทีเดียว มีภาพพจน์ดีแบบว่าลูกสาวพาเข้าบ้านแล้วพอใจ พ่อแม่จับมาเล่นทีวีซีรี่  The Adventures of Ozzie & Harriet เป็นอุตสาหกรรมครอบครัว  เป็นลูกชายคนเล็กของครอบครัว  Ozzie & Harriet   และเขาก็ได้ภรรยา (Kristin Harmon ) จากซี่รี่ชุดนี้อีกต่างหาก แต่งงานเมื่อ เมษายน 1963  ซึ่ง Life magazine กล่าวว่าเป็นการแต่งงานแห่งปี   เขาได้เล่นหนังหลายเรื่องแต่ในที่นี้จะพูดถึงงานเพลงเป็นหลัก นะครับ   ชีวิตในด้านงานเพลงของเขาเริ่มขึ้นในปี  1957  มีซิ้งเกิ้ลเปิดตัวเพลง I'm Walkin  ของ Fats Domino  ในช่วงปลายยุค 50 ต่อต้น 60 ทั้งความดังและยอดขายเป็นรองเพียงแต่ Elvis เท่านั้น  โดยมีคุณพ่อเป็นกุนซือที่ปรึกษาวางแผน  เช่น เอาเพลง Travellin' Man มาใส่หนังชุด The Adventures of Ozzie & Harriet เป็นประกอบเรื่องราวเกี่ยวกับการท่องเที่ยวและใส่เป็นเพลงจบ  ผลคือยอดขายพุ่งพรวดทะลุเป้า หลังจากที่สัญญาของ Ricky หมดลงกับ Imperial Records ในปี 1962    คุณพ่อ Ozzie Nelson ได้ทำสัญญากับ Decca Records เป็นเวลา 20  ปี ... ไม่ได้พิมพ์ผิดนะครับ 20 ปีจริงๆ  คงเห็นคุณริคเป็นห่านทองคำ ...  เพื่อแลกกับเงินมากกว่าล้านเหรียญในสมัยนั้น   แต่ไม่เป็นดังที่คาด แม้คุณริคจะเปลี่ยนไปร้องเพลงหลากหลายสไตล์ในช่วง  1963 - 1967  แต่ไม่ประสบความสำเร็จดังเดิม อีกทั้งสัญญาก็ได้ผูกมัดอีกเรียกได้ว่า กินไม่เข้าคายไม่ออกเลยครับ  แต่ภาพลักษณ์เดิมๆของพ่อริคยังมีผลต่อเขาอีก  เมื่อเขาได้ไปเล่นคอนเสิร์ตที่ Madison Square Garden  ใน ตุลาคม 1971 ด้วยสภาพผมยาวรุงรัง  แต่งกายแบบเซอร์  ผู้ชมเกิดรับไม่ได้แสดงความไม่พอใจออกมาโดยตรง มีการโห่ร้อง ...  Rick  ได้สะท้อนความคิดของเขาและตัดพ้อต่อว่าไปในเพลง  Garden Party  ผลปรากฎว่ากลายเป็นเพลงฮิตที่ติดอันดับ 6 ในปี 1972  อีกทั้งมันเป็นเพลงฮิตสุดท้ายของเขาด้วย ตรงกันข้ามกับในช่วงก่อนปี 1965 เขามีเพลงติดอันดับในท๊อป 40  ถึง  34 เพลง   และแล้วในปี  1985  Ricky ได้ขึ้นเครื่องบินเล็กกับวงดนตรีของเขาเพื่อจะไปเล่นคอนเสิร์ต New Year's  Eve ที่ Dallas   เครื่องบินได้ตกลงที่ De Kalb , Texas  ....  หยุดอายุขวัญใจวัยรุ่นตลอดกาลไว้ที่เพียง 45 ปี ในวันที่  31 ธันวาคม 1985  มีข่าวลือว่าสาเหตุที่เครื่องบินตกเกิดจากการเสพโคเคน  แต่ทางครอบครัวออกมาปฏิเสธในภายหลัง จากคุณ : sofatboy - [ 4 ต.ค. 48 19:19:15 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เคยดูหนังเกี่ยวกับตัวเขาทางยูบีซี ไม่รู้ว่าแต่งเติมเสริมด้วยหรือเปล่านะครับ ชีวิตในหนังมันแย่จริง ๆ ในหนังก็สรุปว่าตายเพราะยาเสพติดนั่นแหละครับ ดูหน้าตาแล้วไม่น่าเชื่อว่าจะทำตัวเข้าไปมั่วกับสิ่งที่บั่นทอนตัวเองอย่างนั้นได้อย่างไร คอยตามดูประวัติของ Dorothy Dandridge นักแสดงและนักร้องผิวดำ ที่แสดงเป็นนางเอกในเรื่อง Carmen Jones คูกับ Hary Belafonte ทางช่อง Cenemax สิครับ ทำไมพวกดาราไม่ว่าไทยว่าเทศ จะต้องแวะเข้าไปข้องเกี่ยวกับยาเสพย์ติดทุกที น่าเสียดาย จากคุณ : satitp - [ 4 ต.ค. 48 19:26:16 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ภาพชัดแจ๋ว ข้อมูลแน่นปึ้ก เนื้อหาเหมาะกับวัย กระทู้ไม่เหี่ยวแน่นอนครับ จากคุณ : satitp - [ 4 ต.ค. 48 19:41:01 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ... บางทีชีวิตหน้าฉากกับเบื้องหลังก็แตกต่างกัน มากนะครับ อย่าง Dorothy Dandridge อาจได้ ออสการ์ ถ้าเธอไม่ใช่คนผิวสี  และการใช้ชีวิตในการ คาดหวังของผู้อื่นก็กดดันมากนะครับ สังเกตุจากดารา เด็กๆที่วุฒิภาวะไม่ดี โตขึ้นมา มักจะมีปัญหาชีวิต ทั้งนั้น... เอ...เนื้อหาเหมาะกับวัย..นี่วัยไหนหรือครับ ฮิ ฮิ จากคุณ : sofatboy - [ 4 ต.ค. 48 20:15:27 ]

ความคิดเห็นที่ 45 สวัสดีครับ...กระทู้นี้ แน่นปึ้กจริงๆหยั่งที่คุณลุง satitp ว่า ผมได้แผ่นข้างล่างนี่ จากร้านเปียหรือมิวสิควันก็จำไม่ได้.... ตอน Rick ไว้ผมยาวก็ไม่น่าเกลียดซักหน่อย ไหงโดนโห่ไปได้หนอ.... จากคุณ : Young At Heart (tateh) - [ 5 ต.ค. 48 00:56:15 ]

ความคิดเห็นที่ 46 พอดีเลยครับพูดถึงร้านเปีย วันนี้ลองเดินไปทางถนนดินสอหน้าที่ทำการ กทม. ไปดูร้านเปียให้หายสงสัย เจออาหมวยน่ารัก อายุรุ่นราวคราวเดียวกับสาว ๆ ในห้องนี้แหละ ถามถึงร้านเปียที่โซโกราชประสงค์ว่าหายไปไหน ปรากฏว่าหมวยคนอยู่ที่ร้านบอกว่าไม่รู้เรื่องเลยเพราะวันนี้มาเฝ้าร้านให้เขาทำบุ้ยปากว่าร้านของเธอก็อยู่ใกล้ ๆ นี่แหละ ก็เลยยังไม่ได้ข่าวคราวเปียที่ราชประสงค์ที่เคยหาแผ่นมาบริการได้ถูกใจ คงต้องไปพบปะกันสักครั้งนะครับจึงจะรู้ว่าเหมาะกับวัยน่ะ วัยของผม หรือวัยของคุณน้อง คคห.ข้างบนหัวผมนี่ จากคุณ : satitp - [ 5 ต.ค. 48 01:53:07 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ฮั่นแน่..แอบมาซุ่มตอนดึกๆเหมือนกันเลย (ความจริงเน็ตผมยังเป็นตราเต่าอยู่หน่ะครับ แฮ่ะแฮ่ะ...เลยต้องมาดึกๆ) รบกวนถามคุณลุง satitp นิดนึงครับ... ร้านเปียตรงถนนดินสอนี่ มีแผ่นเหมือนกับร้านเปียที่โซโกราชประสงค์หรือเปล่าครับ ผมว่าจะไปดูก็ไม่มีเวลาซักที... จากคุณ : Young At Heart (tateh) - [ 5 ต.ค. 48 02:13:27 ]

ความคิดเห็นที่ 48 Matthew and Gunnar Nelson  ลูกชายฝาแฝด ได้เจริญรอยตามคุณพ่อเช่นกัน ในชื่อ Nelson มีเพลงขึ้นอันดับ 1 billboard chart เพลง ( I Can't Live Without Your ) Love and Affection จากคุณ : sofatboy - [ 5 ต.ค. 48 07:42:26 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ... ดูแล้วท่าทางจะจบยากขอ อนุญาติต่อภาค 2 ก็แล้วกัน ขอขึ้นกระทู้ใหม่กลัวโหลดนานครับ ## ดูภาพ Ricky Nelson แล้วไม่สงสัย เลยทำไมถึง The Frist Teen Idol จากคุณ : sofatboy - [ 5 ต.ค. 48 12:55:22 ]

ความคิดเห็นที่ 50 อีกภาพหนึ่งมาฝากกี๋หลังวัง จากคุณ : sofatboy - [ 5 ต.ค. 48 12:57:34 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ป้าๆย้อนรำลึกถึงความหลัง จากคุณ : sofatboy - [ 5 ต.ค. 48 12:59:43 ]

ความคิดเห็นที่ 52 อีกภาพเพื่อฟื้นความหลัง จากคุณ : sofatboy - [ 5 ต.ค. 48 13:02:53 ]

ความคิดเห็นที่ 53 สุดท้ายแล้วครับ จากคุณ : sofatboy - [ 5 ต.ค. 48 13:05:06 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ร้านเปียที่ถนนดินสอไม่มีลักษณะเฉพาะของร้านเปียเหลืออยู่เลยครับ มีหนังสืออ่านเล่นเต็มร้านไปหมด มีชั้นวางซีดี อยู่แถบเดียวคือด้านขวางในสุดของร้าน ผมเลยไม่ได้เดินเข้าไปดูครับ จากคุณ : satitp - [ 5 ต.ค. 48 16:41:04 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ข้อมูลสุดยอดเลยค่ะ ป้ามดชักคันไม้คันมือแล้ว จะขออนุญาตคว้าไปทำเป็นเรื่องเป็นราว แบบที่ทำ oldies 101 ได้ไหมคะ เพราะที่แอบคว้าของคุณ 45.rpm ไปก็เพิ่งรู้ว่ามีคนสนใจ และไม่รู้ที่มาของเพลงอีกเยอะเลยค่ะ ปล.หลังๆนี้หัวหน้า ยังไม่เข้าไปตรวจการบ้านเลยนะคะ จากคุณ : ป้ามด - [ 6 ต.ค. 48 07:23:46 ]

ความคิดเห็นที่ 56 เข้าไปตรวจครับ แต่เห็นว่ายังไม่ทำ 102 ออกมา เลยเงียบ ๆ ไป กะว่า Do You Remember ครั้งหน้า จะทำ Eurovision ท่าจะดี แต่ว่า ตอนนี้ผมส่งคอมพ์ไปหาหมอ เพราะว่าโดน Spywere เข้ามาแฝงตัวในเครื่อง ทำเอาปั่นป่วนมาก ๆ ยกคอมพ์กลับมาเมื่อไหร่ ก็จะลุยต่อครับ จากคุณ : 45 rpm. - [ 6 ต.ค. 48 10:21:42 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ขออนุญาตตอบหัวหน้าตรงนี้นะคะ ป้ามดอยากทำ นสกรำห 102 และอื่นๆตลอดไปเลย มีความสุขมากที่ได้ทำเรื่องที่ชอบ แต่กลัวคนเบื่อและจะหมดข้อมูลเสียก่อน แต่ถ้าหัวหน้ามีข้อมูลป้อนมาเรื่อยๆ ป้ามดลุยแน่ค่ะ คุณ sofatboy กรุณาตอบอนุญาตตรงนี้ด้วยนะคะ กลัวคนไม่เห็นว่าคุณไปยินดีอนุยาตให้ทางหลังไมค์แล้ว เดี๋ยวจะหาว่าป้ามดชอบชุบมือเปิบ ... (อ๊ะ ก็ชุบจริงๆนี่นา) จากคุณ : ป้ามด - [ 9 ต.ค. 48 10:46:26 ]