ความคิดเห็นที่ 1 การแสดงความเห็นดังกล่าวมีทั้งบอกว่าไม่เชื่อ และผิดหวังในสิ่งที่เกิดขึ้น บางคนท้าให้มาสาบานว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง ซึ่งผู้ที่มาแสดงความเห็นส่วนใหญ่จะเป็นแฟนเพลงของวงชาตรี ที่ติดตามผลงานมานาน นายไชยเชษฐ์ พุทธเลิศรัตนมณี เจ้าหน้าที่ธนาคารนครหลวงไทย หนึ่งในชาตรีแฟนคลับซึ่งเป็นกลุ่มแฟนเพลงของวงชาตรีที่เหนียวแน่น เปิดเผยกับ "คม ชัด ลึก" ว่าตนได้อ่านหนังสือ "ไอ้หน้าโง่" ที่พระนราธิปแถลงข่าวและบอกว่าเป็นบันทึกของตัวเองตั้งแต่สมัยก่อนบวชแล้ว และรู้สึกข้องใจมากว่าหนังสือเล่มนี้ใครเขียนกันแน่ เพราะปกติแล้วคนที่แต่งเพลง เขียนเพลงอย่างพระนราธิปน่าจะเป็นคนที่ใช้คำที่สละสลวย น่าติดตาม ไม่ใช่ใช้ข้อความและสำนวนที่แข็งกระด้างและก้าวร้าวแบบที่ปรากฏในหนังสือเล่มนี้ นายไชยเชษฐ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีข้อความที่กล่าวถึงอดีตผู้หญิงที่ใกล้ชิดในทางที่ไม่ดี ถึงแม้ว่าจะไม่เอ่ยชื่อแต่คนที่เป็นแฟนวงชาตรีรู้ดีว่าหมายถึงใคร อีกทั้งยังยกย่องผู้หญิงที่ใกล้ชิดอีกคนหนึ่งอย่างชัดเจน นายไชยเชษฐ์บอกอีกว่าเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ ระบุถึงความไม่พอใจต่ออดีตผู้หญิงที่ใกล้ชิดกับนายนราธิปอย่างชัดเจน ซึ่งตนเองและแฟนเพลงวงชาตรีอีกหลายคนก็ข้องใจว่า มันเป็นเช่นนั้นจริงหรือ เพราะว่าก่อนที่จะบวชพระนราธิปได้มอบลิขสิทธิ์เพลงทั้งหมดซึ่งมีเป็นร้อยเพลงให้แก่ผู้หญิงคนนี้ ถ้าโกรธ เกลียดกันมากมายขนาดนั้นแล้วจะมอบลิขสิทธิ์ให้ทำไม จากคุณ : ไอบีม - [ 6 พ.ย. 48 09:32:55 ]

ความคิดเห็นที่ 2 "แต่ต่อมาท่านก็เรียกลิขสิทธิ์ที่ให้ไปกลับคืนมาแล้วก็มอบให้ ผู้หญิงที่ชื่อกุ๊กไก่ดูแล จากนั้นก็มีหนังสือเล่มนี้ตามมา ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นอกจากนี้เรื่องระหว่างพระนราธิปกับอดีตหญิงที่ใกล้ชิดก็น่าจะจบลงไปตั้งนานแล้ว ท่านบวชมาตั้ง 16 ปีไม่เข้าใจว่า จู่ๆ ไปเคียดแค้นอะไรนักหนาถึงเอาเรื่องที่ไม่ดีทั้งนั้นมาเสนอในช่วงนี้ ซึ่งเรื่องนี้ผมว่าไม่เหมาะสมเพราะตอนนี้ท่านเป็นพระ" นายไชยเชษฐ์ กล่าว นายไชยเชษฐ์กล่าวอีกว่า หลังจากวงชาตรียุบวงเมื่อปี 2528 จากนั้น นายนราธิป กาญจนวัฒน์ ได้ออกผลงานเดี่ยวของตัวเองและมีเพลงที่ร้องคู่กับ "เอ่เอ๊" ซึ่งท่านเคยบอกว่าเป็นผู้ร่วมแต่งเพลงกับท่านหลายเพลง แต่ตอนนี้กลับมาบอกว่าคนที่ร่วมแต่งเพลงคือ "กุ๊กไก่" "ผมข้องใจมากเรื่องที่แต่งเพลงร่วมกัน เพราะก่อนหน้านี้แฟนเพลงวงชาตรีซึ่งเคยสนทนากับกุ๊กไก่ บอกว่า กุ๊กไก่เกิดเมื่อปี 2510 แล้วในหนังสือเล่มนี้บอกว่า กุ๊กไก่ร่วมแต่งเพลงรักแล้วรอหน่อย ซึ่งเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ชื่อเดียวกัน เพลงนี้เผยแพร่เมื่อปี 2519 ซึ่งตอนนั้นกุ๊กไก่ก็น่าจะอายุไม่เกิน 10 ขวบ ด้วยอายุขนาดนั้นแต่งเพลงได้แล้วหรือ เรียนชั้นไหน และหัวหน้าวงชาตรีที่ดังมากในตอนนั้นไปเอาเด็ก 10 ขวบมาช่วยแต่งเพลงหรือ ยิ่งมาบอกในหนังสือว่าเป็นขุนพลคู่ใจที่ร่วมแต่งเพลง ผมว่ายิ่งไปกันใหญ่" นายไชยเชษฐ์ กล่าว ส่วนเรื่องผลงานเพลงชุด "รักเหนือเมฆ" ที่มีอยู่ 10 เพลงและนำเผยแพร่ต่อสาธารณชนโดยบอกว่าเป็นเพลงเก่าที่อดีตหัวหน้าวงชาตรี บันทึกเสียงด้วยเทปคาสเซ็ทเอาไว้แล้วนำมาใส่ดนตรีภายหลังด้วยการใช้เทคโนโลยีบันทึกเสียงสมัยใหม่นั้น นายไชยเชษฐ์ บอกว่า ตนเองได้มีโอกาส ได้ฟังเพลงในชุดนี้ หนึ่งเพลงก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2547 ตอนนั้น พระนราธิป มากรุงเทพฯ กับ นางบุษบา หรือกุ๊กไก่ ตอนนั้นก็บอกว่าเป็นเพลงเก่าที่แต่งและบันทึกเสียงเอาไว้นานแล้ว แต่เท่าที่สังเกตดู เทปคาสเซ็ทที่ใช้เปิดไม่เก่าเท่าไร นอกจากนี้ หากใครฟังในซีดีชุดนี้ลองสังเกตดูจะพบว่า เสียงร้องใส ชัดแจ๋ว ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าเทคโนโลยีการบันทึกเสียงที่ถึงแม้ว่าจะทันสมัยมากในยุคนี้จะทำได้ จากคุณ : ไอบีม - [ 6 พ.ย. 48 09:33:12 ]

ความคิดเห็นที่ 3 "ไม่รู้ว่าตอนที่อัดเสียงร้อง อัดที่ไหนอัดด้วยเครื่องอะไร ถ้าเป็นเพลงที่แต่งขึ้นมาแล้วกลัวลืมก็น่าจะอัดด้วยเครื่องบันทึกเทปธรรมดา เสียงจากต้นฉบับก็ไม่น่าจะชัดเจนมากนัก และยิ่งเป็นเทปคาสเซ็ทด้วยแล้วเก็บอย่างไรถึงคุณภาพยังดี ทั้งๆ ที่เวลาผ่านไปอย่างน้อย 16 ปีแล้ว เรื่องนี้ผมว่าเพื่อความโปร่งใสชัดเจนน่าจะตรวจสอบกันได้" แฟนเพลงตัวกลั่นของวงชาตรี กล่าว นายไชยเชษฐ์ยังกล่าวถึงเรื่องหนังสือ "ไอ้หน้าโง่" นราธิป กาญจนวัฒน์ อีกว่า ตนสงสัยว่าคนที่เขียนหนังสือเล่มนี้คือพระนราธิปจริงหรือไม่ หรือว่าเป็นคนที่พระนราธิปพูดคุยเล่าเรื่องราวในอดีตให้ฟังแล้วเอาไปสรุปเขียนใหม่ "แฟนเพลงของวงชาตรี มีไม่ใช่น้อย ตอนนี้เพลงของวงชาตรีเงียบไปก็เป็นไปตามยุคสมัย แต่แฟนเพลงวงชาตรีที่อายุไม่ต่ำว่า 35 ปีในตอนนี้ยังไม่ได้หายไปไหน หลายคนข้องใจแบบผม บางคนถึงขนาดไม่พอใจอย่างรุนแรง เรื่องนี้จำเป็นต้องอธิบายกันให้ชัดเจนโปร่งใสมากกว่านี้ ถ้าเป็นเรื่องจริงทั้งหมดก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นเรื่องที่กระทบต่อพุทธศาสนาอีกด้วย ยิ่งต้องชี้แจงกันในทุกประเด็น" นายไชยเชษฐ์ กล่าว ด้านนางบุษบาที่อ้างว่าเป็นพี่น้องร่วมมารดาของพระนราธิป ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว "คม ชัด ลึก" ทางโทรศัพท์ว่ามีหลายคนสงสัยว่าตนเป็นน้องสาวหรือแฟนของพระนราธิปกันแน่ แต่โดยนิสัยของตนเองไม่ชอบแก้ตัวหรือต้องอธิบายอะไรให้คนอื่นเข้าใจทุกคน แค่บอกว่าเป็นน้องสาวก็คือน้องสาวใครจะเข้าใจอย่างไรก็ช่าง เรื่องพ่อแม่ไม่อยากขุดกระดูกมาเผา ใครไม่เชื่อก็โง่ต่อไป แต่สุดท้ายคนเหล่านั้นก็จะมาขอโทษตนเพราะเข้าใจผิดไปเอง จากคุณ : ไอบีม - [ 6 พ.ย. 48 09:33:30 ]

ความคิดเห็นที่ 4 "ความสงสัยเป็นธรรมชาติของมนุษย์ แต่จะไม่ขอเล่าชีวิตส่วนตัวดีกว่า ซึ่งก็เป็นตามอย่างที่หนังสือ พระไม่โกหกเป็นเรื่องจริง และไม่โกรธที่ถูกถามเรื่องนี้ แต่เรื่องของพ่อแม่ไม่อยากจะขุดกระดูกมาเผา เนื่องจากพ่อเป็นคนเจ้าชู้มีภรรยาหลายคน ใครไม่เชื่อก็โง่ต่อไป" นางบุษบา กล่าว ทั้งนี้ นางบุษบา กล่าวถึงการมีส่วนร่วมในการแต่งเพลงว่า ก็แต่งเพลงไปตามอารมณ์ เก็บตกจากวงสนทนาของเพื่อนบ้าง ของพี่ชายบ้าง เนื้อหาก็เกี่ยวข้องกับคนใกล้ชิด อย่างเพลงสัญญาใจ ก็ได้พี่มือเบสที่แอบปิ๊งสาวหาดใหญ่ เนื้อหาสาระก็ไม่มีอะไรมาก และซีดีเพลงชุดรักเหนือเมฆก็เป็นคนเอาเทปคาสเซ็ทไปอัดเป็นซีดีมาให้หลวงพี่ ซึ่งหลวงพี่ก็รู้สึกปลื้มจนน้ำตาซึม เช่นเดียวกับหนังสือที่หลวงพี่เขียนไว้ก่อนบวชมีเนื้อหาเยินยอตนมากจนน้ำตาซึมเช่นกัน "ฉันแต่งเพลงร่วมกับร่วมหลวงพี่ตั้งแต่เมื่ออายุ 10 ขวบกว่าๆ ซึ่งไม่ได้แต่งทั้งเพลง เพียงแต่เพิ่มเติมช่วงต้นกับช่วงท้ายบางเพลงเท่านั้น ส่วนเรื่องลิขสิทธิ์เพลงของหลวงพี่ตอนนี้เป็นผู้ดูแลเองทั้งหมด เพราะที่ผ่านมาคนดูแลลิขสิทธิ์เอาเพลงดีๆ ไปขายถูกๆ เสมือนว่าถึงเวลาที่แม่จะต้องดูแลลูกที่ตนคลอดออกมา และเรื่องที่ทำซีดีเพลงรักเหนือเมฆขึ้นมาจำหน่ายก็อยากหาเงินบริจาคช่วยสร้างมณฑปครอบรอยพระพุทธบาท และศาลาขนาดใหญ่ให้พระ 300-500 รูปมาสอบที่นี่ ซึ่งในการจำหน่ายซีดีบทเพลงได้รับการตอบรับดีมากมีคนร่วมทำบุญซื้อซีดีชุดละ 1,000 บาทก็มี" นางบุษบา กล่าว นางบุษบา กล่าวถึงเรื่องการจัดตั้งสถานีวิทยุภายในวัดว่า หลวงพี่อยากให้มีรายการวิทยุดีๆ ที่ไม่มีโฆษณาสินค้าของบริษัทห้างร้านต่างๆ จึงตั้งวิทยุชุมชนขึ้นมาเพื่ออ่านข่าวสารจากกรมประชาสัมพันธ์ บางครั้งก็นิมนต์หลวงพี่ออกรายการ ซึ่งรูปแบบรายการจะไม่ใช่รายการสดแต่เป็นเทป และใช้นามปากกาว่า "กุ๊กไก่ กาญจนวัฒน์" ซึ่งไม่ได้มีความหมายลึกซึ้งเป็นเพียงใช้แค่นามปากกาหรือนามแฝงเท่านั้น จากคุณ : ไอบีม - [ 6 พ.ย. 48 09:33:51 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เชิญอ่านคำวิจารณ์เด็ดๆของแฟนคลับได้ที่ http://wongchatree.com/forum/index.php?showtopic=1255&st=0 จากคุณ : ไอบีม - [ 6 พ.ย. 48 09:35:27 ]

ความคิดเห็นที่ 6 บวชแล้วยังละไม่ได้ตัดไม่ขาด ตะกอนในใจเอามากวนให้มันขุ่นขึ้นมาอีกทำไม จากคุณ : ซีฟู๋ - [ 6 พ.ย. 48 10:03:51 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ทำไมท่านไม่สึกออกมาให้มันรู้แล้วรู้รอดหว่า จะได้ไม่มีใครว่าอีก จากคุณ : 30ยังแจ๋ว - [ 6 พ.ย. 48 11:27:17 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ผมได้อ่านในหน้าหนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก เมื่อเช้านี้  ผมมีความเห็นอย่างนี้ครับ ข่าวที่ออกมาเกิดจากกระแสของหนังสือ "ไอ้หน้าโง่..นราธิป กาญจนวัฒน์" และ งานเพลงชุด "รักเหนือเมฆ" ซึ่งมีการแสดงความคิดเห็นไปในทางลบเป็นส่วนมาก เรื่องคำวิจารณ์ต่างๆนานามาจากสมาชิกแฟนเพลงวงชาตรี ที่โพสต์เข้ามาในเว็บฯ นั่นคือการให้ความสนใจในตัวพระนราธิป และ กุ๊กไก่ เป็นอย่างมาก   ผมกลับมาคิดว่า ทางสื่อมวลชนรีบสรุปเร็วเกินไปนิดหนึ่ง ผมไม่นึกว่าจะเร็วขนาดนี้ครับ  ควรหาข้อมูล พยานหลักฐานให้แน่นอนก่อนออกมาชี้ชัดลงไปครับ ใช้เวลาสักนิดหนึ่งซึ่งก็ไม่มีใครรู้ว่าเท็จจริงเป็นอย่างไร เป็นไปได้ทั้งสองทาง หากเรามองแบบเป็นกลาง เรื่องราวอาจจะซับซ้อนเหนือเมฆ หรือหักมุมอะไรปานนั้น ก็เป็นได้ เพราะข้อสังเกตุในแง่ที่ว่า การกล้าออกมาแสดงตัวของคุณกุ๊กไก่แบบเปิดเผย นั่นย่อมมีอะไรบางอย่างที่ทางฝ่ายนั้นกล้ายืนยันได้ ตรงนี้ผมก็ไม่กล้าลงความเห็นอะไรไป ส่วนในแง่คำวิจารณ์ถึงความเหมาะสม ก็เป็นไปได้ที่กฏระเบียบสงฆ์บัญญัติไว้ในข้อปฏิบัติสำรวม ตรงนี้ควรให้ท่านตอบคำถามเองจะดีกว่าไหม ว่าสาเหตุที่มีการตั้งประเด็นสงสัยของแฟนเพลง พระท่านจะมีความเห็นประการใด เป็นการทำไปเพื่อการศาสนาที่แท้จริงหรือไม่ ตรงนี้พิสูจน์ได้ไม่ยาก ส่วนในภาพรวม ผมว่า แฟนเพลงของชาตรี ควรให้เวลาในการสรุปข้อเท็จจริงนะ พยายามต่อจิ๊กซอว์ทีละน้อย แล้วจะเห็นเป็นรูปเป็นร่างเอง  นี่คือความเห็นของผมครับ จากคุณ : ต.ลาดพร้าว - [ 6 พ.ย. 48 15:55:00 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ไม่แปลกใจที่ข้อเท็จจริงกระจ่างขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะตัวละครทั้งหมดโกหกได้แบบโง่ๆ ถ้าสื่อมวลชนได้เข้ามาอ่าน อยากให้แฉคนอยู่เบื้องหลังทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นคนที่ยุยงส่งเสริมพระให้ทำโน่นทำนี่ โดยที่ตัวเองอยากเด่นอยากดัง คนที่เอางานเพลงไปให้นักดนตรีชั้นนำของประเทศทำให้ แบบกึ่งบังคับ ให้เห็นกับหลวงพี่ คนเหล่านี้แหละ เป็นตัวการสำคัญทำให้ที่ทำให้ศาสนาเสื่อม แฉออกมาให้หมดเลยไหนๆก็ไหนๆแล้ว อย่าให้คนพวกนี้ลอยหน้าอยู่ได้ว่าเป็นคนดีของสังคม หลวงพี่น่ะ ไม่ทันคนพวกนี้หรอก คนที่บวชมานานขนาดนี้ถ้าไม่มีคนใกล้ชิดยุยงส่งเสริม ไม่มีทางหรอก ที่จะคิดการใหญ่ทำทั้งเทปทำทั้งหนังสือออกมาแบบนี้ แถมหนังสือก็ออกมาแบบอยากเด่นอยากดังซะด้วย ไม่รู้ว่าโดนคนอยากเด่นอยากดังยุขนาดไหนนะเนี่ย เลยเป็นแบบนี้ ใครทำอะไรไว้ ไม่นานกรรมสนองเองแหละ จากคุณ : :( - [ 6 พ.ย. 48 18:21:21 A:82.46.149.128 X: TicketID:080933 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ผิดหวังกับพระนราธิปเหมือนกัน แต่ไม่อยากเชื่อว่าหลวงพี่จะไม่ทันคนหรือถูกใครหลอก อย่างคห.9 ว่า เพราะตอนท่านออกบวชก็อายุไม่น้อยแล้ว เป็นนักดนตรีเดินทางทั่วประเทศ เจอคนเยอะแยะ ประสบการณ์ชีวิตทางโลกก็พอสมควร ไม่ใช่บวชตั้งแต่เด็ก ก็ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วท่านคิดอย่างไร เกิดอะไรกับท่านถึงได้มาทำแบบนี้ ไม่น่าเลย จากคุณ : keats - [ 6 พ.ย. 48 21:07:14 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ข้ารู้ข้าเห็นเช่นเดียวกับ คห.9 มาเช่นกัน โชคดีที่นักดนตรีชั้นนำของประเทศท่านนั้นไม่ได้ทำให้ มิฉะนั้นอาจติดร่างแหมัวหมองไปด้วย คนที่เคยยุยงปลุกปั่นหลวงพี่น่าจะรู้ตัวเองดี ตอนนี้ทำท่าจะเป็นจิ้งจกเปลี่ยนสี กลับไปกลับมา แน่จริงก็ยอมรับความจริงเสียว่ามีส่วนร่วมในการทำให้พระต้องเป็นแบบนี้ จากคุณ : ข้ารู้ข้าเห็น - [ 7 พ.ย. 48 03:21:54 A:203.118.85.119 X: TicketID:071657 ]