ความคิดเห็นที่ 1 .........  พรรคคอมมิวนิสต์ความหวังอันแสนเรืองรอง  ก่อเกิดเกียรติก้องเมื่อ หนึ่ง ธันวา  พรรคคือประทีปชี้นำทางแห่งสัจจา  สว่างเจิดจ้ากลางใจประชาไปตลอดกาล                                             ...............                                            เพลง อรุโณทัย จากคุณ : พุกไม้ - [ 1 ธ.ค. 48 13:27:38 ]

ความคิดเห็นที่ 2 สุรชัย   จันทิมาธร เป็นคนนำเพลงนี้ออกมาจากราวป่า  และบันทึกเสียงครั้งแรกในนามวงคาราวาน กับอัลบัมชุด " บ้านนาสะเทือน "  เมื่อปี พ.ศ.2526   คิดถึงบ้าน ( เนื้อเพลงฉบับดั้งเดิม )           เดือนเพ็ญแสงเย็นเห็นอร่าม เย็นยิ่งหนอยามเมื่อลมพัดมา คิดถึงถิ่นที่จากมา นภาแจ่มดวงดูงาม   แสงจันทร์นวลชวนใจข้า คิดถึงท้องนาบ้านเรือนที่เคยเนา           กองไฟสุมความตามคอก จันทร์เอยช่วยบอกให้ลมช่วยเป่า พัดไล่ความเยือกเย็นหนาว คงยังไม่มอดดับดอก โหมไฟให้แรงเข้า ให้พี่น้องเฮานอนหลับอุ่นสบาย          เรไรร้องฟังดังว่า ลมช่วยพัดมากระชิบข้างกาย ไม่เลือนเคลื่อนคลาย เสียงเจ้าที่เฝ้าคอยหา ข้ายังคอยอยู่ไม่หน่าย คิดถึงมิวายที่เราจากมา          ลมเอยช่วยเป็นสื่อให้ ของข้านี้ไปบอกเขานำนา ไม่นานลูกที่จากมา น้ำรักจากห้วงดวงใจ ให้เมืองไทยรู้ว่า จะไปซบหน้าในอกแม่เอย.   http://www.geocities.com/thaifreeman/pe/naipe1.MID จากคุณ : EyE[s] - [ 1 ธ.ค. 48 14:01:34 ]

ความคิดเห็นที่ 3 การเผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์ในประเทศไทยเริ่มขึ้นตั้งแต่ยุคก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี  2475 โดยคณะผู้เริ่มก่อตั้งเป็นชาวจีน ใช้ชื่อว่า "พรรคคอมมิวนิสต์ไทย" และเคลื่อนไหวอยู่เฉพาะในกลุ่มชาวจีนด้วยกันเป็นเบื้องแรก...ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น "พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.)" เมื่อวันที่ 1  ธันวาคม   2485  ...หนึ่งในสมาชิกพรรคยุคแรกๆที่ได้กลายมาเป็นตำนานของเพลงคิดถึงบ้าน หรือเพลงเดือนเพ็ญก็คือ อัศนี พลจันทร หรือ นายผีแห่งแวดวงวรรณกรรมการเมืองในยุคนั้นนั่นเอง... หากจะติดตามดูประวัติชีวิตของนายผีไล่มาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ..ก็นับได้ว่า นายผีเกิดมาท่ามกลางกองเงินกองทอง เป็นศักดินาที่สมบูรณ์แบบคนหนึ่ง...บิดานั้นมียศฐาบรรดาศักดิ์เป็นถึงคุณพระ ชื่อว่า พระมนูญกิจวิมลอรรถ ( เจียร  พลจันทร ) ..สืบย้อนขึ้นไปถึงระดับท่านผู้เป็นต้นสกุลในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น... ก็มีความกล้าหาญสามารถรบได้ชัยชนะเหนือพม่า จนได้รับปูนบำเหน็จเป็นพระยาผู้รั้งเมืองกาญจนบุรี ....แม้เมื่อกลายเป็นกำพร้าตั้งแต่อายุได้เพียง 3 เดือน เนื่องด้วยมารดาตายจากไป   ชีวิตของนายผีก็มิได้ลำบาก  เพราะปู่และย่าก็ถึงพร้อมด้วยทรัพย์สมบัติ เป็นเจ้าของกิจการโรงสีมีที่นาให้เช่าและธุรกิจการค้าอื่นๆจัดอยู่ในระดับเศรษฐีเลยทีเดียว... ...แล้วอะไรกันเล่าที่ทำให้ศักดินาผู้นี้คืนสู่สามัญ.. หยัดยืนเป็นหนึ่งในนักรบแถวหน้าของสงครามปฏิวัติเพื่อประชาชน...เป็นเจ้าของบทกวีที่สะท้อนได้อย่างถึงแก่นของความยากไร้และพลังแห่งชนชั้นกรรมาชีพอย่าง " อีศาน "  ...ลองมาติดตามดูด้วยกันในบทต่อไป... ในฟ้าบ่อมีน้ำ                      ในดินซ้ำมีแต่ทราย น้ำตาที่ตกราย                     คือเลือดหลั่งลงโลมดิน สองมือเฮามีแฮง                 เสียงเฮาแย้งมีคนยิน สงสารอีศานสิ้น                  อย่าซุด,สู้ด้วยสองแขน พายุยิ่งพัดอื้อ                     ราวป่ารื้อราบทั้งแดน อีศานนับแสนแสน               สิจะพ่ายผู้ใดหนอ? จากคุณ : แม่ของจิตร - [ 1 ธ.ค. 48 14:01:59 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ....ขอพักสักครู่...ขอบคุณพี่พุกและอรรถ ที่มาช่วยเข็นกระทู้...ท่านใดมีประเด็นต้องการแลกเปลี่ยนกันยินดีค่ะ...ขอให้ถือเสียว่าเป็นการเล่าสู่กันฟัง...มีเพลงมาฝากเช่นเคย....ขี้กียจแกะเนื้อ....ฟังเอาเองนะคะ แด่เดือนเพ็ญ  http://www.sarnfun.com/myplaylist.php?play=2&sname=3045 ลุงไฟ  http://music.siamza.com/music.php?k=32K&id=1866 ถั่งโถมโหมแรงไฟ  http://music.siamza.com/music.php?k=32K&id=2339 จากคุณ : แม่ของจิตร - [ 1 ธ.ค. 48 14:36:58 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เพิ่มเติมอีกนิด ปี 2528 ยืนยง โอภากุล (แอ๊ด คาราบาว) นำมาบันทึกเสียงอีกครั้งในนามแอ๊ด คาราบาว กับอัลบั้มชุด "กัมพูชา" และได้เปลี่ยนชื่อเพลงเป็น 'เดือนเพ็ญ' แต่ตอนนี้จะจัดเพลง    พลจันทร์ เดือนเพ็ญ   ^^ Intro:     *ลูกหลานร้องเพลง  บรรเลงเรื่อยไป  ผู้เฒ่าอยู่ไหนไม่เห็นชะตา นมนานมาแล้ว ท่านไปแนวหน้า กลับมา กลับมา ลูกหลานเป็นห่วง Solo:          **ใครหน่วงใครรั้ง  ใครขังเอาไว้ ก็เพียงร่างกาย หัวใจมีปีก  หลีกทางให้ทีที่ได้ขวางกั้น  ผีเสื้อตัวนั้น  พลจันทร์ เดือนเพ็ญ     เป็นผู้เฒ่าผู้ใหญ่ใจดี  เป็นลุงอัสนี พลจันทร์ ผู้นำความฝันกลั่นความ เป็นจริง ทิ้งฝากลูกหลานขับขานเพลงเดือนเพ็ญ สวยเย็น...อร่าม นำรัก จากดวงใจไปซบแทบอกแม่เอย Solo:       เป็นผู้เฒ่าผู้ใหญ่ใจดี  เป็นลุงอัสนี พลจันทร์ ผู้นำความฝันกลั่นความ เป็นจริง ทิ้งฝากลูกหลานขับขานเพลงเดือนเพ็ญ เดือนเพ็ญ  สวยเย็นเห็น อร่าม  นภาแจ่มนวลดูงามเย็นชื่นหนอยามเมื่อลมพัดมา    แสงจันทร์นวล ชวนใจข้า  คิดถึงถิ่นที่จากมา คิดถึงท้องนาบ้านเรือนที่เคยเนาว์  ลมเอย ช่วยเป็นสื่อให้  น้ำรักห่วงจากดวงใจ ของข้านี้ไปบอกเขานำนา ให้เมือง ไทยรู้ว่า  ไม่นานลูกที่จากมาจะไปซบหน้าแทบอกแม่เอย (ซ้ำ*,**) ผีเสื้อตัวนั้น  พลจันทร์ เดือนเพ็ญ   กลับมาซบหน้าแทบอกแม่เอย ผีเสื้อตัว นั้น พลจันทร์ เดือนเพ็ญ กลับมาซบหน้า..แทบอกแม่เอย Solo: http://www.geocities.com/thaifreeman/pe/naipe2.MID จากคุณ : EyE[s] - [ 1 ธ.ค. 48 14:38:30 ]

ความคิดเห็นที่ 6 นายผีคือใคร   นายผีใช่ภูตเพื่อ ผลีผลาม เพราะใช้ชื่อนายผี ผิดแท้ คือองค์อิศวรสาม เนตรนั่นนะพ่อ นายพวกผีเพื่อแก้ เก่งผี นายปวงปีศาจต้อง ภูเต ศวรแฮ ปีศาจบดีทวี ภูตไหว้ กบาลเหล่ากเล วรห้อย คอฮา รุทรากษเล็งร้ายให้ ฉิบหาย ผิเป็นผีเพื่อผู้ บาปผละ เป็นภาพผีฟ้าฝาย แผ่นฟ้า ผินโกรยแก่บุณยสะ สมบาป คือพวกผีข้าอ้า อดสู ทั้งยังมีคำอธิบายศัพท์ต่างๆ ไว้ในตอนท้าย ของโคลงว่า ภูเตศวร คือ ภูต(ผี) อิศวร(เจ้าฤานาย) ก็คือ นายแห่งผี ปีศาจบดี คือ ปีศาจ(ผี) บดี(เจ้าฤานาย) ก็คือนายแห่งผีอีก รุทรากษ คือ รุทร(พระอิศวรผู้เป็นนายผี) อักษ(ตา) ก็คือตาพระอิศวรที่มีอยู่สามตา หน่วยที่นลาตนั้น เปิดขึ้นเป็นไฟไหม้พิภพได้ จึงได้ชื่อว่าเป็นฤษีตาไฟ และเพราะเหตุที่ได้เผาพระกามมอดไหม้ไปเป็นพระอนงค์ จึงเสียงล้อกันว่า นายผีย่อมทำลายกาม แต่รูปกาม, อาตมันยังอยู่ http://togetherlines.com/thailandrecord/naiphee.asp จากคุณ : EyE[s] - [ 1 ธ.ค. 48 14:40:30 ]

ความคิดเห็นที่ 7 การก่อกำเนิดในแวดวงวรรณกรรม บทกวี ภายใต้นามปากกาว่า นายผี ได้เริ่มขึ้นเมื่อ อัศนี เรียนจบ ม. 8 จากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยและเข้าศึกษาด้านกฏหมายที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง... .เป็นช่วงที่อัศนีเริ่มให้ความสนใจในบทความและวรรณคดีต่างๆอย่างจริงจัง ผลงานชิ้นแรกที่โดดเด่นคือการเขียนบทความโต้ แย้งทัศน ะของ ส.ธรรมยศ เกี่ยวกับเรื่อง  นิราศลำน้ำน้อย ..ภายใต้นามปากกาว่า " นางสาว อัศนี " ...ภายหลังจากจบการศึกษา อัศนีได้ใช้เวลาช่วงหนึ่งในการผลิตผลงานออกสู่ผู้อ่าน โดยเริ่มเขียนลงในนิตยสารรายสัปดาห์"เอกชน "...และเป็นการเริ่มที่มาของนามปากกา "นายผี".... ช่วงนี้แนวคิดของอัศนีที่มีต่อสังคมยังเป็นไปในลักษณะกว้างๆโดยทั่วไป ไม่มีประเด็นที่เด่นชัดเกี่ยวกับด้านการเมืองโดยตรง....จนกระทั่งมาถึงจุดพลิกผันอีกก้าวหนึ่งของชีวิตเมื่อได้รับการบรรจุเป็น ข้าราชการ ตำแหน่งอัยการฝึกหัด  ชั้นจัตวา อันดับ 7   ที่กองคดี กรมอัยการ.... บททดสอบบทแรกของการเรียกร้องความเที่ยงธรรมเกิดขึ้นจากคดีญาติของผู้มีอิทธิพลทางการเมืองคนหนึ่งกระทำผิด...ถูกจับส่งฟ้องศาล...บุคคลอื่นในกรมฯไม่กล้าเสี่ยงทำคดีนี้จึงโยนมาให้อัศนีเป็นผู้ดำเนินการ...และลงเอยด้วยการชนะคดี....ผลที่ได้รับคืออัศนีถูกสั่งย้ายให้ไปรับราชการที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งในสมัยนั้นจัดว่าเป็นการเนรเทศให้พ้นไปจากความศิวิไลซ์ทั้งปวงนั่นเอง.... หลังจากนั้นก็ถูกย้ายไปอยู่ที่จังหวัดปัตตานี...ที่นี่ อัศนีได้ใช้ชีวิตคลุกคลีอยู่กับชาวบ้านผู้้ด้อยโอกาสในระดับรากหญ้า เงินเดือนที่ได้รับจากการทำงานต้องใช้อย่างจำกัดจำเขี่ยเนื่องจากขณะนั้นอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง...สถานการณ์ที่เรียกว่าข้าวยากหมากแพงระบาดไปทั่ว...ทำให้ต้องหันมาเลี้ยงไก่เลี้ยงแพะ ทอดแหหาปลามากินประทังชีวิต มีเหลือก็แบ่งปันแจกจ่ายแก่บ้านใกล้เรือนเคียง.... อัศนีใช้ชีวิตการทำงานที่ปัตตานีไปพร้อมๆกับการศึกษาวิถีชีวิตของชาวบ้านและวัฒนธรรมชุมชน ...เรียนรู้ไปจนถึงการฝึกอ่านคัมภีร์อัลกุรอ่านของมุสลิมเจ้าของพื้นที่และยึดแนวปฏิบัติตนอย่างการไม่กินหมู และสวมหมวกแบบที่ชายชาวมุสลิมสวมกัน ... จากคุณ : แม่ของจิตร - [ 2 ธ.ค. 48 14:10:44 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ....ตลอดระยะเวลาสองปีที่จังหวัดปัตตานี ...เขาได้ยืนหยัดทำหน้าที่ของผู้รักษากฏหมายเพื่อความเป็นธรรมแก่ประชาชนผู้ด้อยโอกาสหลายต่อหลายคดี..ที่ได้รับความสนใจกล่าวขวัญกันมากก็เมื่อสั่งยกฟ้องคดีจับกุมชาวบ้าน 50 คนที่ขัดขืนการไม่สวมหมวกตามนโยบายของจอมพล ป. ในสมัยนั้น.... อัศนีถูกย้ายออกนอกพื้นที่อีกครั้งเมื่อถูกเพ่งเล็งว่าจะรวมกลุ่มก่อการกบฏกับชาวบ้าน...ในปี 2487 อัศนีได้ใช้ชีวิตคู่อยู่กับ วิมล พลจันทร และให้กำเนิดลูกสาวในปีถัดมา...การดำเนินชีวิตตามวิถีของข้าราชการที่ใจซื่อมือสะอาด ไม่เอื้ออำนวยชีวิตที่สุขสบายให้กับครอบครัวเท่าไหร่นัก ต้องอยู่กันแบบกระเบียดกระเสียรพอสมควร.... ผลงานทางด้านวรรณกรรมของอัศนีหยุดชะงักไปบ้างด้วยภาระหน้าที่ทางราชการ แต่ต่อมาก็ยังเขียนออกมาเรื่อยๆ...เป็นบทกวีที่วิพากษ์นโบายสร้างชาติของจอมพล ป. ในแนวที่ส่อเสียดเย้ยหยันจนกระทั่งบทกวีของเขาถูกสั่งห้ามตีพิมพ์จากเจ้าหน้าที่ของรัฐ...แต่อำนาจมืดก็ไม่สามารถหยุดยั้งความคิดที่ร้อนแรงของเขาไว้ได้....อัศนียังคงเดินหน้าท้าทายความไม่ถูกต้องผ่านตัวหนังสือต่อไป โดยเขียนกวีบทหนึ่งตอบโต้กลับไปว่า..          ใครใดในโลกนี้          เป็นไฉน ใช่พ่อนายผีไย                     ขยาดเว้น ทำชั่วบ่ชอบใจ                    จักด่า ทำชอบชนเชยเต้น               แต่งแกล้งกลอนสวย จากคุณ : แม่ของจิตร - [ 2 ธ.ค. 48 14:42:26 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เนื้อหาของบทกวีและเรื่องสั้น ของอัศนีในระยะหลังๆมุ่งเน้นมากขึ้นถึงความอยุติธรรม การกดขี่เอารัดเอาเปรียบที่ชนชั้นล่างเป็นผู้ถูกกระทำ...การปลุกระดมกลุ่มกรรมาชีพให้ตระหนักถึงศักยภาพของตนเองและรวมพลังกันลุกขึ้นมาต้านความไม่เป็นธรรมที่ได้รับ ดังเช่นบทกวี อีศาน ในความ คคห ข้างบนที่ยกมานั้น ต่อมา จิตร ภูมิศักดิ์ ได้นำกวีบทนี้ไปเขียนวิจารณ์และยกย่องอัศนีให้เป็น "มหากวีของประชาชน"....ผลงานทางด้านวรรณกรรมที่โดดเด่นของอัศนีในช่วงนี้มีอยู่หลายชิ้นดังเช่น " ทารุณกรรมกลางที่ราบสูง " , " สันติภาพก่อนเพื่อ " , " ความร้อนกำลังอยู่ที่ไหน" เป็นต้น....ในช่วงปลายปี 2495 ได้เกิดเหตุการณ์ที่เรียกว่า กบฏสันติภาพ จอมพล ป. มีคำสั่งให้ติดตามจับกุมและกวาดล้าง นักการเมือง นักคิดนักเขียนจำนวนมาก.... อัศนีก็เป็นหนึ่งในบุคคลที่ถูกหมายหัวจากทางผู้มีอำนาจ ทำให้ต้องหลบหนีซ่อนตัวไปตามที่ต่างๆในเขตกรุงเทพฯ และเป็นจุดจบของอาชีพราชการไปโดยปริยาย....ช่วงนี้เองที่เขาได้เข้าไปเป็นสมาชิกของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย และได้รับชื่อจัดตั้งว่า" สหายไฟ".... ต่อมาในสมัยของ จอมพลสฤษดิ์    ธนะรัชต์  ซึ่งเป็นยุคเผด็จการทางทหารเต็มรูปแบบ...หนึ่งในผู้บริหารระดับสูงของ พคท. ได้ถูกจับกุมและสำเร็จโทษด้วยการประหารชีวิต...ทำให้สมาชิกที่เหลือเริ่มระส่ำระสาย...ต้องโยกย้ายศูนย์การนำของพรรคออกนอกประเทศโดยมุ่งหน้าไปสู่ประเทศจีน...สหายไฟซึ่งเป็นหนึ่งในยี่สิบคนของคณะกรรมการกลางของ พคท. จึงเดินทางพร้อมสหายลมผู้เป็นภรรยาออกจากแผ่นดินเกิด ในเวลาต่อมา... จากคุณ : แม่ของจิตร - [ 2 ธ.ค. 48 15:54:09 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ไม่มีอำนาจใดในโลกหล้า ผู้ปกครองต่างมาแล้วสาบสูญ ไม่มีใครล้ำเลิศน่าเทิดทูน ประชาชนสมบูรณ์นิรันดร์ไป เมื่อยืนหยัดต่อสู้ผู้กดขี่ ประชาชนย่อมมีชีวิตใหม่ เมื่อท้องฟ้าสีทองผ่องอำไพ ประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน วิสา คัญทัพ จากคุณ : แม่ของจิตร - [ 2 ธ.ค. 48 16:07:30 ]

ความคิดเห็นที่ 11 มาร่วมด้วยช่วยอ่านนะจ้ะ พี่มิน ชมพู่ไม่มีความรู้เรื่องคอมมิวนิสต์เลย... เห็นท่อนนี้เมื่อวาน ในฟ้าบ่อมีน้ำ                      ในดินซ้ำมีแต่ทราย น้ำตาที่ตกราย                     คือเลือดหลั่งลงโลมดิน เลยไปนั่งฟังเพลง คาราวาน สิบกว่านาที.. เคยฟังเพลงนี้ที่ร้านเรนทรีเล่น จะบอกว่า เพราะมาก.. ถ้าพี่มินมาเมืองไทยเมื่อไหร่ คงได้ไปฟังกัน จากคุณ : ชมพู่มะเหมี่ยว - [ 2 ธ.ค. 48 16:31:46 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบใจจ้ะ ชมพู่...สักวันเราคงได้พบกัน จากคุณ : แม่ของจิตร - [ 2 ธ.ค. 48 16:53:09 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ปลายกระบอกปืนอาจปล้นชิงชีวิตและอิสรภาพทางร่างกายของคนเราไปได้...แต่ไม่อาจหยุดยั้งการเรียกร้องของมหาชนได้ตลอดกาล...การปกครองระบอบเผด็จการเบ็ดเสร็จ...ได้ถูกตั้งคำถามและวิพากษ์จากนิสิต นักศึกษา ปัญญาชนแขนงต่างๆตลอดจนถึงประชาชนทั่วไป.... ยิ่งมีการปราบปรามกวาดล้างรุนแรงขึ้นเท่าใด ปฏิกิริยาโต้กลับก็ทวีมากยิ่งขึ้นเช่นกัน ประกอบกันเข้ากับกระแสเรียกร้องสิทธิเสรีภาพในระดับสากลของช่วงเวลานั้น เติมเชื้อเข้าไปด้วย ..โศกนาฏกรรมที่คนไทยลุกขึ้นมาเข่นฆ่ากันเองเป็นจลาจลกลางเมืองอย่าง 14 ตุลาฯ และ 6 ตุลาฯ ได้ส่งผลให้ผู้คนจำนวนหนึ่งต้องหลบหนีเข้าป่าไปร่วมกับ พคท. ด้วยความหวังว่านั่นคือหนทางที่จะค้นพบคำตอบและคลี่คลายปัญหา..... ช่วงปี 2518  ลาว  ตกอยู่ภายใต้การปกครองระบอบคอมมิวนิสต์เป็นที่เรียบร้อย.. ประเทศไทยเป็นเป้าหมายหลักต่อไป...แต่ในระดับแกนนำของ พคท ขณะนั้นก็มีความคิดที่แตกแยกกันเป็นสองสายคือ สายแรกแนวนิยมโซเวียต ที่ยึดหลักการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงโดยใช้กองกำลังจากต่างชาติเข้ามาแทรกซึมและยึดอำนาจดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นกับประเทศเกาหลีและเวียดนาม.... อีกสายหนึ่งคือแนวนิยมแบบจีนที่เน้นการรณรงค์ทางด้านความคิด..ปลุกเร้าทางอุดมการณ์ของมวลชน รอจนกระทั่งสถานการณ์สุกงอมแล้วจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงในประเทศนั้นเอง....ทั้งสองฝ่ายต่างคุมเชิงซึ่งกันและกันและพยายามช่วงชิงการนำ...ใครเพลี่ยงพล้ำก็จะถูกลดความสำคัญและจำกัดบทบาทลงไป ดังเช่นที่ได้เกิดขึ้นกับสหายไฟ ผู้มีความเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงในไทยควรเกิดจากเงื่อนไขของสังคมไทย และเป็นความต้องการของคนไทยด้วยกันเองมากกว่าจะเกิดขึ้นโดยการใช้กองกำลังจากต่างชาติเข้ามารุกรานโจมตี.... ในขณะนั้นสหายไฟและภรรยาพำนักอยู่ที่ประเทศลาว ซึ่งเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยคอมมิวนิสต์สายโซเวียตมี เวียดนามเป็นม้าทรง...ต่อมาเกิดเหตุการณ์ที่เวียดนามใช้กองกำลังเข้ายึดกัมพูชา ซึ่งเป็นประเทศที่จีนให้การสนับสนุนอยู่...และส่งผลกระทบถึง พคท.ที่อยู่ภายใต้อาณัติของจีนด้วยเช่นกัน.... เวียดนามตัดการช่วยเหลือ พคท. ..ประเทศลาวที่อิงอยู่อย่างแนบแน่นกับสายโซเวียตจึงขับ พคท. ให้ออกจากลาว...การเคลื่อนย้ายพลพรรคกลับเข้าไทยจึงเกิดขึ้นตามมา จากคุณ : แม่ของจิตร - [ 2 ธ.ค. 48 17:43:41 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณจ้ะ เล่าได้กระชับ ได้ใจความมากๆ เลย จากคุณ : นางสาวอาร์ต - [ 2 ธ.ค. 48 20:29:24 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ชมหรือประชดละนั่น...เล่นกระทู้นี้อย่างเดียวสามวันแล้วยังรวบรัดปิดกระทู้ไม่ได้สักที...จะพยายามให้จบภายในวันนี้ ก่อนจะอ้วกเสียก่อน...เนื้อหาเยอะพยายามจะรวบเข้าด้วยกัน แต่ก็ยังยืดยาวอยู่ดี จากคุณ : แม่ของจิตร - [ 3 ธ.ค. 48 01:27:06 ]

ความคิดเห็นที่ 16 แผนกแปะเพลงมารายงานตัวแล้วครับ ฝากเพลง ชื่อเดียวกับกระทู้นะครับ ตอบเดือนเพ็ญ  โดย น้าหงา สุรชัย ในอัลบั้ม ลุงไม้ไทย http://upload4.putfile.com/videos/33513320590.wmv จากคุณ : LONESOME COWBOY - [ 3 ธ.ค. 48 02:49:06 ]

ความคิดเห็นที่ 17 หงะ ไม่ได้ประชดจ้า ฮ่วย..จั๊กก้ออิหยังเล่าเหว่ยเฮย - -" แล้วเมื่อไหร่จะมาแปะต่อหละนี่ จากคุณ : นางสาวอาร์ต - [ 3 ธ.ค. 48 19:32:54 ]

ความคิดเห็นที่ 18 อ่านจบแย้ว มารออ่านต่อ... จากคุณ : ชมพู่มะเหมี่ยว - [ 4 ธ.ค. 48 02:48:14 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ติดสอบอยู่เน้อ ขอเวลานิดแล้วจะมาต่อให้จบ จากคุณ : แม่ของจิตร - [ 4 ธ.ค. 48 17:21:47 ]