ความคิดเห็นที่ 6
อ่านโน๊ตเป็นหรือเปล่าครับ ถ้าอ่านโน๊ตเป็นมาก่อนรับรองว่าคุณไปเร็วแน่นอนครับ ที่ยามาฮ่าก็ดีครับ แต่ผมว่ายามาฮ่าบางที่ก็เลี้ยงไข้เหลือเกิน เพลงที่หัดเล่นช่วงแรกๆจะเป็นเพลงง่ายๆครับ เช่น ROMANCE D AMOUR , ODE TO JOY เป็นต้น แต่ส่วนใหญ่ถ้าไม่เป็นมาเลย จะต้องเริ่มที่เบสิคก่อนซึ่งมันจะยังไม่เป็นเพลงหรอกคุณจะต้องงมกับจุดเริ่มต้นนานมาก แต่ถ้าผ่านไปได้รับรองว่าคุณจะสนุกกับมัน แล้วเวลาไปเรียนอย่าหวังว่าอาจารย์จะสอนให้คุณเป็นได้ทันทีนะครับ สัปดาห์นึงเรียนแค่ชั่วโมงเดียวมันไม่ได้อะไรมากหรอกนอกจากบทฝึกซึ่งคุณก็ต้องมาหมั่นทบทวนที่บ้านเอาเอง อาจารย์เขาไม่มานั่งจับมือสอนคุณตลอดเวลาหรอก คุณจะเก่งหรือไม่เก่งก็อยู่ที่การขยันเอาบทฝึกจากโรงเรียนมาฝึกที่บ้านทุกวันนั่นแหละ
ส่วนเรื่องเป้าหมายผมอยากให้ปฏิบัติตามนี้นะครับ เป็นแนวการฝึกซ้อมที่ อ.หยิบ แห่ง รร.ดนตรีหาดใหญ่ เขาแปลมา ผมอ่านแล้วนำบางข้อไปใช้ก็ได้ผลดีครับ แต่บางข้อก็ไม่จำเป็นมากเท่าไหร่ บางข้อยิ่งอ่านยิ่งงง -_-" เอาเป็นว่าลองเอาไปอ่านดูครับ เป็นแนวทาง
+++++++++++++++++++++++++++++++++++ คำแนะนำทั่วไปสำหรับการฝึกซ้อมกีตาร์คลาสสิค จากหนังสือ Gitarren Technik Kompakt โดย คอนราด รากอสนิค (Konrad Ragossnig) * แปลเป็นอังกฤษจากเยอรมัน โดย Dieter Frisch, M.D., แปลและเรียบเรียงเป็นไทยโดย ครูหยิบ (รร.ดนตรีหาดใหญ่) 1.การฝึกซ้อมโดยนัยหนึ่งก็คือกิจกรรมที่ทำซ้ำๆ อย่างมีสติ ซึ่งจะนำเราจากสภาวะ ทำไม่ได้ ไปสู่ ทำได้ (Inability to Ability) 2.การรู้ (Knowledge) และ ความสามารถ (Ability) คือวิถีทางต่างกันสองทางที่กำจัด [จุดอ่อน] ความยากในการสร้างเสียงที่ถูกต้องสมบูรณ์แบบ 3.เทคนิคคือหนทาง ไม่ใช่จุดหมาย (Technique is the way, not the goal) มันเป็นเครื่องมือสำหรับความเข้าใจบทเพลงหรือดนตรี, เป็นเครื่องมือสำหรับส่องแสงนำไปสู่ความหมายของบทเพลงและสิ่งที่ซ่อนอยู่ในบทเพลง และเครื่องมือที่ใช้ในการนำเสนอบทเพลงตามกฎเกณฑ์ทั้งหมดทางศิลป์ โดยอาศัยภาษาและกฎเกณฑ์เฉพาะของบทเพลงนั้นๆ 4.การฝึกซ้อมเทคนิค คือ การตรวจเช็คเป็นระยะๆ ในส่วนของกลไกในการเล่นกีตาร์ ซึ่งก็คือการตรวจเช็คทุกระบบทางคุณสมบัติ (หรือสภาพ) ทางเทคนิค (ในการเล่นกีตาร์) ของเรา 5.เราจะต้องพยายามหาวิธีฝึกซ้อมที่เหมาะสม ซึ่งยังรักษาความสนุกในเล่นดนตรี ในขณะที่จะต้องฝึกซ้อมทางกลไกที่จำเป็นจำนวนมาก ด้วยวิธีนี้ระบบในการฝึกซ้อมก็จะเกิดขึ้น ซึ่งทำให้เกิดความรู้สึกสบายๆ ไม่เครียด 6.อย่าเริ่มฝึกซ้อมในขณะที่มือและนิ้วยังเย็น หากการวอร์มนิ้วโดย Finger-Gymnastics ไม่ได้ผล อาจจะเอาแขนแช่ในน้ำอุ่นสักหนึ่งนาที การวอร์มอัพนิ้วเย็นๆ บนฟิ้งเกอร์บอร์ดเป็นสิ่งที่เสียเวลาเปล่าๆ 7.ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อเสียงที่เต็มและมีพลังโดยปราศจากเสียงรบกวนจากเล็บ การรักษาเล็บอย่างถูกต้องเป็นที่สิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวดสำหรับคุณภาพเสียงสูงสุด (ซึ่งจะแตกต่างกันไปสำหรับแต่ละบุคคล) ทุกคนจะต้องค้นหาโดยตนเองว่าความยากเล็บ มุม รูปร่าง ของเล็บแบบไหนจะเหมาะสมสำหรับตนเอง ซึ่งขึ้นกับตำแหน่งของนิ้วบนสาย และวิธีการดีด และหากจำเป็นเราอาจจะปรึกษาอาจารย์ผู้สอนได้ 8.แสงสว่างและการระบายอากาศที่ดี อุณหภูมิไม่ร้อน และเสื้อผ้าแบบสบายๆ เป็นสิ่งที่จำเป็น เก้าอี้จะต้องปรับให้เหมาะสมกับรูปร่างและความยาวของขา เพื่อให้ส่วนบนของร่างกายไม่โค้งงอจนเกินไป (เก้าอี้เตี้ยนิดดีกว่าสูงเกิน และที่วางเท้า (footstool) สูงหน่อยดีกว่าต่ำไป) 9.ส่วนล่างของ Stand วางโน้ตไม่ควรอยู่สูงกว่าระดับเข่า และอยู่ด้านเดียวกับ fingerboard [อันนี้ใครที่เรียน รร.ดนตรีส่วนใหญ่ในประเทศไทยมักจะวางกันผิดมาก (รวมทั้งตัวผมเองก่อนที่จะเข้าอบรมกับการชมรมกีตาร์กรุงเทพฯ เมื่อปี 42) คือระดับมักจะวางกันอยู่ในระดับคอหรือหัวของนักเรียน และอยู่ตรงกลางตัวผู้เล่นหรือ Body กีตาร์ ซึ่งผู้ที่เคยเข้าอบรมกับทางชมรมฯ จะทราบดีถึงวิธีการวาง Stand ที่ถูกต้องอยู่แล้ว แต่คนส่วนมากที่ไม่เคยมาจะไม่ทราบเลย และกว่า 80-90% จากประสบการณ์ของผมเอง ยังเห็นวางกันผิดมาก ผมเองเข้าไปสอนต่อจากครูคนอื่นๆ ยังต้องปรับลงมาทุกครั้ง พยายามบอกแต่ครูคนอื่นๆ ไม่เชื่อ!!! รวมทั้งครูใน รร.ดนตรีชื่อดังที่มีสาขาและนักเรียนมากที่สุดในประเทศ วาง Stand ยังไม่ถูก จะสอนกีตาร์ถูกวิธีได้ยังไง? คิดแล้วกลุ้ม] 10.เก้าอี้ที่มีพนักเท้าแขน โซฟา หรือเตียง ไม่เหมาะสมที่จะใช้นั่งซ้อม การวางกีตาร์บนขาขวาก็ไม่เหมาะสม เว้นแต่เป็นการชั่วคราวเพื่อพักผ่อนไหล่และหลังของเรา 11.การพัก 15 นาทีหลังจากการซ้อมหนึ่งชั่วโมงเป็นสิ่งที่จำเป็น ในการพักควรจะนอนลงบนฟื้นเพื่อพักส่วนหลังของเรา อาจออกกำลังกายโดยการยืดตัวแบบง่ายๆ หรือไม่ต้องทำอะไรเลยก็ได้ (นอนเฉยๆ) 12.ตารางการฝึกซ้อมก็สำคัญ แม้ว่าบางครั้งเวลาที่ใช้ฝึกซ้อมจะมีจำกัด ซึ่งนำไปสู่คำถามที่ว่า ส่วนไหนของเทคนิคหรือบทเพลงที่ควรจะต้องฝึกซ้อมในยามที่เวลาที่มีจำกัด? 13.ขอเน้นเป็นอย่างยิ่ง ว่าการฝึกซ้อมแบบฝึกหัดที่เป็นระบบเพียงหนึ่งชั่วโมงต่อวันจะให้ผลดี มากกว่าการฝึกซ้อมเพียงกลไกเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ 14.ยิ่งกว่านั้น การฝึกซ้อมซ้ำๆ ซากๆ ไร้สติแบบ Single Tone-Sequences (เช่น การฝึกสเกลแบบเล่นเสียงเดียวตลอดไม่มีหนักเบาเลย เป็นต้น) เป็นอันตรายมาก ซึ่งมักจะมาคู่กับการฝึกแบบวันละ 8 ชั่วโมง เหมือนการทำงานของคอนเวเยอร์สายพานลำเลียงในโรงงาน วิธีแบบนี้เทคนิคจะกลายเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุด และในไม่ช้าแม้กระทั่งผู้ที่มีพรสวรรค์มากๆ ก็จะถูกทำลายไป
เมื่อความสามารถทางเทคนิคยิ่งสูงขึ้นมากเท่าไร ความเป็นไปได้ในการเล่นให้ให้ลึกซึ้งถึงดนตรีก็ยิ่งสูงมากเท่านั้น. หรืออีกนัยหนึ่ง ความเป็นดนตรียิ่งสูงเท่าไร ความไม่แน่นนอนทางเทคนิคยิ่งน้อยลงเท่านั้น
15.อย่าฝึกซ้อมอย่างเครื่องจักรกล ให้ซ้อมแบบฝึกหัดทางเทคนิคด้วยความไพเราะ มีดังมีเบา มีจังหวะที่ถูกต้อง 16.ทำเพียงอย่างไรอย่างหนึ่งคือฝึกฝน หรือ เล่น [เป็นเพลง] ถ้าหากทำสองอย่างพร้อมกัน จะไม่ได้อะไรสักอย่าง และส่งผลให้เล่นไม่เป็นเพลง หรือไม่ก็กลายเป็นการแอโรบิคแบบไร้สมอง 17.ความผิดหรือบกพร่องที่ซ้ำๆ จะแก้ได้ยากมากหรืออาจแก้ไม่ได้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เป็นเรื่องของจังหวะ นี่เป็นสิ่งที่สำคัญมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งนักกีต้าร์ที่ต้องการเล่นให้เก่งอย่างรวดเร็วและถูกต้อง อย่าฝึกซ้อมอะไรๆ ให้ผิดๆ เล่นให้ถูกตั้งแต่แรกเลย! นี่อาจจะทำได้โดยการเล่นช้ามากและให้ตรงกับจังหวะที่แม่นยำ(อาจจะโดยการนับดังๆ) 18.ควรอย่างยิ่งที่จะอ่านและศึกษาโน้ตเพลงอย่างถี่ถ้วนก่อนที่จะเล่น เหมือนกับวาทยากรศึกษาโน้ตเพลง 19.ในการฝึกซ้อม ควรก้าวเป็นขั้นๆ กล่าวคือ จาก อ่อนโยน ไปสู่ เข้มแข็ง, จาก เบามาก ไปสู่ ดังมาก, และจาก ช้า ไปยัง เร็ว - ไม่ใช่กลับกัน! 20.ในขณะที่กำลังฝึกซ้อม อย่าใช้สัญชาตญาณหรือความรู้สึกฉับพลัน เมื่อสมองของเรากำลังเต็มไปด้วยปัญหาทางเทคนิค เราไม่สามารถแก้ปัญหาด้านศิลปะการเล่นและความเป็นดนตรีได้ การทำแบบ รุกโดยฉับพลัน ส่วนมากแล้วมักจะต้องแก้ไขโดยใช้เวลานานมาก 21.การทำ Fingering และการแก้ไข ช่วยทำให้การฝึกซ้อมง่ายขึ้นและมีอิทธิพลต่อ Phrasing และ Articulation (การแบ่งท่อนวลีและแนวการเล่น) การทำ Fingering ที่ไม่ดีจะนำไปสู่การฝึกซ้อมที่ไม่ได้ผล 22.การฝึกทางเทคนิคเป็นการศึกษาเรื่องโทนเสียง ต้องการการเล่นที่เหมาะสมกล่าวคือ มีการควบคุมเสียงที่สมบูรณ์แบบ พร้อมกับเปิดใจอย่างเต็มที่ในรับการฟังเสียงที่ตัวเองเล่นการตรวจสอบและวิจารณ์ด้วยตนเอง 23.เพื่อที่จะได้การดีดที่ถูกต้องดังใจ ซึ่งได้ Tone Production (การสร้างโทนเสียง) ที่ใสไพเราะ คุณต้องระวังอย่างมากในตำแหน่งของมือขวาทั้งส่วนของนิ้วและแขนก่อนการสร้างโทนเสียงจะเกิดขึ้น [นั่นคือจะต้องรู้สึกถึงการควบคุมมือขวาก่อนที่จะดีด] 24.ที่จริงแล้วเพียงแค่ 1 มิลลิเมตร ของทั้งมือซ้ายและมือขวา ก็จะตัดสินว่าคุณเล่นได้ clear หรือไม่เคลียร [ผู้แปล: คิดแล้วกลุ้ม ไปเล่นเปียโนดีกว่ามั้ง!!!] 25.เพื่อหลีกเลี่ยงการซ้อมแบบซ้ำซาก (monotone) คุณไม่ควรฝึกซ้อมในแบบฝึกหัดเดียวกันนานๆ ควรจะเปลี่ยนไปฝึกอย่างอื่นบ้าง 26.แบบฝึกหัดทางเทคนิครวมถึงบทเพลงที่ใช้แสดงด้วย ต้องการการศึกษาอย่างช้าๆ และละเอียด พร้อมด้วยสมาธิสูงสุด อีกนัยหนึ่งคือ การเล่นที่รวดเร็ว ต้องฝึกจากช้าๆ ก่อน! จังหวะจะเพิ่มให้เร็วขึ้นได้เป็นขั้นๆ ก็ต่อเมื่อคุณสามาถเล่นได้อย่างสมบูรณ์แบบในทุกรายละเอียดแล้ว 27.เราแนะนำให้เลือกซ้อมในสิ่งที่ยากกว่าสิ่งที่จำเป็นต้องทำให้ได้เช่น ข้อสอบ, การแข่งขัน, หรือคอนเสิร์ต เพื่อว่าสิ่งที่จำเป็นต้องทำให้ได้ จะง่ายขึ้นที่เล่นให้ได้สมบูรณ์ 28.โปรดทำเครื่องหมายส่วนที่ยากๆ ในบทเรียนหรือบทเพลง แล้วรวบรวมไว้ทีละเล็กทีละน้อย คุณก็จะได้ชุดคอลเล็กชั่นของวลีหรือส่วนที่ยากๆ ที่มีคุณค่า 29.หลังจากที่เล่นในวลีหรือส่วนที่ยากๆ ได้แล้ว ก็อย่าลืมว่าจุดมุ่งหมายที่สำคัญที่สุดของนักดนตรีคือ การแสดงดนตรีอย่างมีศิลปะตั้งแต่ต้นจนจบ การเล่นดนตรีหรือการตีความบทเพลงทั้งหมด (หรืออย่างน้อยส่วนหนึ่งเช่น Movement หนึ่ง) คือสิ่งที่สำคัญที่สุดในการศึกษาและการฝึกซ้อม 30.แม้ว่าคุณจะมีเวลาทั้งวันในการฝึกซ้อม คุณไม่ควรจะใช้เวลามากไปกว่า 4 ชั่วโมงกับกีต้าร์ของคุณ [ผู้แปล: เซกโกเวียใช้เวลาฝึกซ้อมวันละ 5 ชั่วโมง แบ่งเป็น 2 ครึ่งๆ ละ 2.5 ชั่วโมง]
[ผู้แปล: จบแล้วครับ การแปลเรื่องนี้ยากมากทีเดียว เนื่องจากการแปลจากเยอร์มันเป็นอังกฤษ ก็ไม่ชัดเจน อาจจะมีบางส่วนที่ผิดพลาด หรือไม่ตรงตามต้นฉบับเยอร์มัน ก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย แต่ผมคิดว่าข้อคิดเหล่านี้จะเป็นประโยชน์มหาศาลต่อผู้ที่ฝึกซ้อมเพื่อที่จะเป็นนักกีต้าร์คลาสสิคมืออาชีพ เพราะการฝึกซ้อมที่ผิดๆ ก็จะกลายเป็นนิสัที่ผิดติดตัวไปตลอดและแก้ไขได้ยากมาก มีหลายๆ ข้อที่ผมเองอ่านแล้วก็รู้สึกละอายใจ ที่ถึงแม้จะไม้ได้เป็นมืออาชีพ แต่ก็ปฎิบัติผิดๆ มาตลอด บางข้อก็รู้ว่าผิดแต่ก็ยังทำ บางข้อก็ไม่รู้จริงๆ และท้ายสุดต้องขอขอบคุณ คุณ (หมอ) ไดเตอร์ นักเรียนกีต้าร์ที่หนุ่มน้อยที่สุด (เกือบ 60 แล้ว) ที่ผมเคยสอน ที่อุตสาห์แปลจากเยอร์มันเป็นอังกฤษให้] +++++++++++++++++++++++++++++++++++++
จากคุณ :
SSR
- [
22 ธ.ค. 48 15:46:52
A:61.114.254.19 X: TicketID:108240
]
|
|
|