PANTIP.COM : C3988920 @@@ Vol. 70 Hello Baby+ JBC แบบสำรวจข้อมูลเกี่ยวกับคอนเสิร์ตF4 โดย เว็บไซต์เสี่ยวจือ @@@{แตกประเด็นจาก A3946491} [F4 Forever]

ความคิดเห็นที่ 19

อะนะพี่ปิ๊บมีแซว เด๋วชวน "ออกมาเต้น" เสียเลย

มาส่งงานแล้วค่ะ...เพิ่งปั่นเสร็จ เป็นข่าวที่คุณย่าแปะในทู้เก่าค่ะ

สารภาพว่าแปลไปงงไป เพราะภาษาอังกฤษมีแปล 2 เจ้า แต่ทำม๊าย ทำมาย บางอันแปลไม่เหมือนกันเลย สับสนค่ะเลยเอามาทั้งสองเจ้ารวม ๆ กันแล้วกัน ผิดพลาดประการใดขออภัยค่ะ

เจอร์รี่ปฏิเสธที่จะพูด แม้ว่าเขาจะถูกเข้าใจผิด เจอร์รี่ก็ยังเลือกที่จะไม่โต้ตอบ

เมื่อยังไม่โด่งดังมีชื่อเสียง เจอร์รี่ รู้สึกหวาดกลัวกับความโดดเดี่ยว เขาจึงเกลียดการต้องเดินคนเดียวเวลาออกไปข้างนอก เพื่อที่จะเอาชนะความกลัวนี้ แทนที่เขาจะออกไปไหนมาไหน เขาจะอยู่บ้านกับเพื่อน ๆ แทน เพื่อน ๆ ของเขาก็จะไม่ไปรบกวนตอแยเขา คนที่ไม่รู้จักเขาดีก็จะเข้าใจผิดไปว่าเขาเป็นคนเย่อหยิ่ง แต่สำหรับเพื่อนดี ๆ ที่รู้จักเขาดีต่างก็รู้กันว่าเจอร์รี่เพียงแค่ไม่อยากจะพูดอะไรออกมา เพราะกลัวว่าคำพูดของตัวเองจะทำให้เรื่องไปกันใหญ่ ถึงแม้ว่าจะเกิดความเข้าใจผิดต่าง ๆ เจอร์รี่กลับเลือกที่จะไม่โต้ตอบอะไร

ในนิตยสารฉบับ 1323 ก่อนหน้านี้ เรารายงานข่าวว่าเขาแสดงความเกรี้ยวกราดออกมาในห้องบันทึกเสียง ขว้างไมโครโฟนทิ้ง และตำหนิโปรดิวเซอร์ และข่าวลือทั้งหลายต่าง ๆ นา ๆ ทำให้ทั้งบริษัทต้นสังกัดและตัวเขาเองรู้สึกโมโหขึ้นมา บริษัทต้นสังกัดรู้สึกว่าเรื่องที่เขียนลงไปนั้นไม่เป็นความจริง พวกเขาคงไม่สามารถโทษได้ว่าเป็นความผิดของเจอร์รี่ คนที่ไม่รู้จักเขาก็จะกล่าวหาเขาทันที ดังนั้นแล้วไม่มีความจำเป็นใดที่จะต้องถามอะไรอีกถ้ามันไม่ไปสร้างความเดือดร้อนให้กับคนที่เกี่ยวข้อง ข่าวลือเหล่านั้นแท้จริงแล้วไม่เป็นความจริง และเราก็ขอโทษด้วย

นับตั้งแต่เขากลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงทั่วเอเชีย เขาก็ยิ่งมองหาความสมบูรณ์แบบมากขึ้น ใช้เวลามากมายในการเบรนสตอร์ม และปรึกษากับทีมงาน ในบางครั้งเขาก็มีความกังวลมากไปจนกระทั่งแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา การตั้งเป้าให้ตัวเองไว้สูง ทำให้เจอร์รี่ต้องยกระดับสปิริตของตัวเองเพื่อที่จะไม่ต้องมาพบกับความเจ็บปวด แต่หลังจากที่ได้ร่วมงานกับหลิวเต๋อหัว และ แซมมี่ เขาก็ได้เรียนรู้ถึงความสำคัญด้านอื่นด้วย และตอนนี้เขามีเสียงหัวเราะที่เพิ่มมากขึ้น มากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งทำให้อารมณ์ของเขาเองก็พลอยดีขึ้นไปด้วย

เจอร์รี่ตอบรับการให้สัมภาษณ์ในวันนั้น และเป็นคนเริ่มต้นพูดเรื่องตลก มีบางคนชื่นชมเขาว่า “ตอนนี้คุณก็ไม่สบายอยู่ แถมยังนอนน้อย กินก็ไม่ค่อยได้ ไม่น่าเชื่อว่าคุณไม่มีสิวฝ้าเลย” เราไม่คาดคิดว่าเจอร์รี่จะตอบกลับมาแบบไม่ลังเลว่า “เพราะผมหน้าหนา” เจอร์รี่มีความหล่อที่เป็นธรรมชาติ ไม่ว่าเขาจะกินอาหารรสเผ็ดร้อน รสจัด ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผิวของเขา ทำให้ผู้หญิงแถวนั้น ๆ อิจฉาตาร้อนกันเป็นแถบ ๆ

เพื่อตอบแทนคำชมที่ไม่หยุดหย่อน เจอร์รี่ไม่เพียงแต่พูดเล่นตลกเท่านั้น เขายังพูดเรื่องส่วนตัวของเขาด้วย ซึ่งทำให้ข่าวเรื่องที่ว่าเขาเย่อหยิ่งเปลี่ยนไปเป็นอีกด้าน เจอร์รี่เปรียบตัวเองว่าเป็นเหมือนคนโบราณ เพราะว่าเขาไม่มีอินเตอร์เน็ตใช้ ไม่ออกไปเที่ยวไหน ไม่อ่านข่าว และอีเมล์ก็ไม่ได้เปิดมาปีหนึ่งแล้ว ในที่สุด เขาก็เลยไปปิดเบอร์โทรศัพท์เสียเลย ล่า ๆ นี้ เขาเพิ่งจะเริ่มใช้ไอพอด ชีวิตของเขาต่างจากวัยรุ่นในยุคนี้ เขาเพิ่งเดินทางไปทำงานที่กรุงเทพฯมา เจอร์รี่ยังคงยุ่งอยู่มาก และนั่นก็ขโมยเวลาพักผ่อนของเขาไปด้วย อารมณ์ของเขาก็ยังคงดีอยู่ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขาเอาแต่ส่งมุข เรียกเสียงหัวเราะไปทั่ว

ในงานล่าสุดที่กรุงเทพฯ เจอร์รี่ถูกถามว่าอะไรที่คิดว่าเป็นสิ่งที่บ้าที่สุดที่เคยทำมา เขายอมรับเป็นครั้งแรกว่า “ผมไปเที่ยวเกาะมา และผมก็แก้ผ้าล่อนจ้อนว่ายน้ำ” คำตอบของเขาเล่นเอาแฟน ๆ ระเบิดเสียงกรี๊ดกันออกมา เผยให้เห็นเสน่ห์ของความเป็นซุปเปอร์สตาร์ที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นในตัวเขา

เจอร์รี่และ Leon Dai ครั้งหนึ่งใช้เวลาในการถ่ายทำถึง 4 –5 ชั่วโมงเพียงแค่ฉาก ๆ เดียว

ถ้าหากว่าเกาหลีมีเบยองจุน ในไต้หวันคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเจอร์รี่ การเดินทางมาเมืองไทยของเขาเป็นบททดสอบความชื่นชอบจากแฟน ๆ ในตัวเขา ซึ่งเห็นได้จากความโกลาหลวุ่นวายที่สนามบิน และการดึงดูดนักข่าวจำนวนถึง 130 คนมาในงานแถลงข่าว สร้างความประหลาดใจเกิดขึ้น

ในชาร์ตเพลง HMV ของญี่ปุ่น เพลงของเขาติดหนึ่งในสิบอันดับแรก เอฟ 4 เองได้อันดับที่สาม วิค และแวนเนสติดอันดับที่ 6 และ 9 ตามลำดับ แต่เพลงของเจอร์รี่มีผลงานที่ดีที่สุด เพลงของเขาติดอันดับ 2 เพลง ในลำดับที่ 2 และ 5 แซงหน้าศิลปินเกาหลีเบยองจุนซึ่งได้ลำดับที่ 3 และ Song Seung Hun ในลำดับที่ 10 เจอร์รี่นับได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งถ้านับเป็นศิลปินที่มาจากต่างประเทศที่ไม่ใช่ญี่ปุ่น แฟน ๆ เอฟ 4 เป็นกังวลว่า เขาจะพัฒนางานตนเองต่อไปคนเดียวโดยไม่มีเอฟ 4 เจอร์รี่ไม่อยากให้แฟน ๆ มากังวลในเรื่องนี้ ถึงแม้ว่าแต่ละคนก็ยุ่งกับงานของตนเอง ตอนนี้เขาก็กำลังยุ่งอยู่กับการถ่ายละครเรื่อง The Hospital แต่ก็จะมารวมตัวกันเพื่อถ่ายทำงานโปรโมทต่าง ๆ

ตอนนี้เขากำลังติดพันงานถ่ายละครเรื่อง Hospital เจอร์รี่กล่าวออกมาว่า “ผมยังคงต้องพัฒนาขีดความสามารถทักษะในงานแสดงต่อไปอีก เพราะผมอยากจะเปลี่ยนแปลง ผมจึงอยากร่วมงานกับผู้กำกับ Cai ผมถ่ายละครทุกวัน ผมร้องไห้ออกมาบ่อยๆ ในระหว่างการถ่ายทำ เพราะผมอินไปกับบท The Hospital สอนให้ผมเรียนรู้ที่จะเห็นถึงคุณค่าของชีวิต”

เจอร์รี่ได้ร่วมเล่นละครกับดารารางวัล Goldne Award Leon Dai และราชีนีหนัง รางวัล Golden Bell Saya และดาราอาวุโส Wu Meng Da และนักแสดงมากความสามารถอีกมากมาย สร้างแรงกดดันมากมายให้กับเขา แต่เขาก็ยังรู้สึกอยากที่จะแสดงอีกเพราะ การได้ร่วมงานกับผู้เชี่ยวชาญทางด้านการแสดงจะช่วยทำให้ทักษะการแสดงของเจอร์รี่พัฒนาไปสู่ความเยี่ยมยอด ในแต่ละฉากที่ได้ร่วมงานกันจะทำให้เขาก้าวกระโดดไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

เพื่อไม่ให้ทุกคนผิดหวัง มีอยู่ฉากหนึ่งที่ต้องเล่นกับ Dai Li Ren เขาใช้เวลาในการถ่ายถึง 4-5 ชั่วโมง และพรุ่งนี้เช้าตรู่เขาต้องเดินทางไปทำงานที่เมืองจีนต่อด้วย เขาทำงานไปจนถึงเช้า และกลับไปจนกว่าผู้กำกับจะพอใจ

ละครเรื่องนี้กินเวลาส่วนใหญ่ของเจอร์รี่ไป การถ่ายทำแต่ละวันใช้เวลายาวนานทั้งวัน เริ่มถ่ายตั้งแต่ตี 3 ไปเลิกเอาตอนดึก ๆ สต๊าฟพูดว่าก็ยังคงมีข่าวลือว่าเจอร์รี่ทำงานด้วยยาก แต่เขาก็ได้เห็นความเป็นมืออาชีพของเจอร์รี่ในการทำงาน ดาราที่ได้ร่วมงานกับเขาก็เห็นความเปลี่ยนแปลในตัวเขาอย่างเห็นได้ชัด เพราะว่าเขาไม่ได้โฟกัสแค่เพียงความสมบูรณ์แบบแต่เพียงอย่างเดียว บางครั้งผู้กำกับจะตะโกน cut เขาจะขอถ่ายใหม่ถ้าเขาคิดว่ามันยังไม่ดีพอ เขาเป็นนักแสดงที่เป็นมืออาชีพคนหนึ่ง

แก้ไขเมื่อ 30 ธ.ค. 48 19:58:58

จากคุณ : Jerryholic - [ 30 ธ.ค. 48 17:39:25 ]

ความคิดเห็นที่ 31

มาแล้วค่ะ วันนี้คงจะแวบไปแวบมานะคะ

ข่าวที่มีภาพหลินจื้อหลิง เป็นส่วนหนึ่งของข่าวรวมๆ เรื่องโกหกสุดยอดในวงการบันเทิงประจำปี 2005 ค่ะ มีข่าวของหลายคนค่ะ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเรื่องเจอร์รี่กับหลินจื้อหลิง

เป้าหลงเยี่ยมหลินจื้อหลิง (เป้ใบเดิม)

เหยียนเฉิงซวี่เยี่ยมหลินจื้อหลิง
เป้าหลงเหยียนเฉิงซวี่ชอบทำตัวลึกลับ แม้แต่เรื่องไปเยี่ยมอาการหลินจื้อหลิงที่ตกม้า ก็ต้องมีการตระเตรียม "ตัวปลอม" โดยให้ดีไซน์เนอร์สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงดำ หมวกแก๊ป แล้วก็แบกเป้ 1 ใบ แต่งตัวเหมือนเค้าในวันนั้นทุกกระเบียดนิ้ว หลังจากเหตุการณ์นักข่าวเขียนข่าวว่า "เป้าหลงเยี่ยมหลินจื้อหลิง" เขาก็ปฏิเสธออกตัวอย่างสิ้นเชิง แต่ต่อมาหลังจากนั้น เป้าหลงไปร่วมงานแถลงข่าวงานหนึ่ง ก็ได้แบกเป้หน้าตาแบบเดียวกับเป้ที่ต้าเหลียนใบนั้นเปี๊ยบเลย

*ขอเตือนเป้าหลง, คราวหน้าถ้าคิดจะทำเรื่องที่ไม่อยากให้ใครแฉ ต้องเรียนรู้วิธีการ "เผาหลักฐานไม่ให้เหลือซาก" ก่อนนะ

รักของโจว-โหว (ไม่ได้ดื่มกาแฟ แค่ดื่มโคล่า)

ความรักของโจวเจี๋ยหลุนและโหวเพ่ยเฉินถูกนักข่าวเปิดโปงเนื่องจากการเดินทางไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นด้วยกัน ทั้งคู่ต่างก็บอกว่า "แค่ได้เจอกัน แต่แม้กระทั่งกาแฟถ้วยเดียวก็ไม่เวลาดื่มด้วยกันเลย" ตีให้ตายก็ไม่ยอมรับ จนกระทั่งภาพที่โจาเจี๋ยหลุนโอบโหวเพ่ยเฉินโดนนักข่าวฮ่องกงตีพิมพ์ในแมกกาซีน ฝ่ายชายแม้จะแสดงความเป็นลูกผู้ชายกัดฟันยอมรับ แต่คนปากแข็งอย่างเขา ก็ยังอุตส่าห์เถียงน้ำขุ่นๆ อีกว่า "แต่ว่าพวกเราไม่ได้ดื่มกาแฟด้วยกันจริงๆ นะ ที่ดื่มกันคือโคล่า ไม่ได้ทานข้าวด้วยกันด้วย ทานแค่ kebab เอง"

*แหม โจวต่ง เรื่องโหวเพ่ยเฉินก็รับแล้ว จะมาจู้จี้อะไรกับเรื่องกาแฟถ้วยเดียวนะ

เรื่องนี้ก็มันส์ค่ะ

เรื่องท้องของเสี่ยวเอสถูกการบันทึกเทปแฉ
เสี่ยวเอสเป็นคนทันสมัยหัวก้าวหน้า แต่เรื่องท้อง เธอก็ยังคง "เคารพประเพณี" ไม่ยอมเปิดเผยเรื่องท้องมา 3 เดือน แต่แม้ว่าปากเสี่ยวเอสจะไม่ยอมรับ แต่ในใจระงับความยินดีที่จะเป็นแม่คนไม่ได้ ช่วงพักระหว่างอัดรายการคังซีไหลเลอ ก็พูดจาเสียงดังเปิดเผยกับไช่คังหย่ง โดยไม่ได้ระวังว่าไมโครโฟนยังไม่ได้ปิด เรื่องท้องเลยถูกเปิดโปง ทำเอาเธอโมโหจนกลับบ้านไปร้องไห้ยกใหญ่

*ยังไงก็ตาม วิธีเปิดเผยแบบนี้ มันช่างเหมาะกับบุคลิกอารมณ์เฮฮาของเสี่ยวเอสจริงๆ

อีกเรื่อง ไจ่ไจ๋ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์บนทางด่วน คนแรกที่ไปถึงที่เกิดเหตุไม่ใช่แฟนสาวสวี่เหว่ยหลุน แต่เป็นต้าเอส แม้ว่าตอนหลังผู้ช่วยสาวผมยาวจะมาออกหน้า "สวมรอย" แทน แต่ต้าเอสก็สวมสร้อยแทนใจอย่างเปิดเผย แถมยังมาเปิดเผยเรื่องทั้งหมดอีก

*การพบรักแท้เป็นเรื่องที่ดี แต่ต้าเอส การที่เธอมีความรวดเร็วกว่าตำรวจจราจร อาจจะมีผลเสียต่อการรายงานเรื่องประสิทธิภาพในการทำงานของพวกเขานะ
แก้ไขเมื่อ 31 ธ.ค. 48 13:33:12
แก้ไขเมื่อ 31 ธ.ค. 48 13:31:27

จากคุณ : Bam (Wen Wen) - [ วันสิ้นปี 13:04:10 ]