CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    Narnia คือแรงขับดันของ The Lord และ Harry

    The Chronicles of Narnia. เป็นผลงานของนักเขียนที่ชื่อว่า ซี.เอส. ลูฮิส C. S. Lewis หรือ ชื่อจริงว่า Clive Staples Lewis เป็นนักเขียนยอดฝีมือในยุคนั้นและจนถึงยุคปัจจุบัน เขาเขียน  The  
    Chronicles of Narnia เมื่อตอนอายุ 52 ในปี 1950 แต่ชื่อเสียงของเขาในวงการน้ำหมึกเป็นที่รู้จักอยู่ก่อนแล้ว และไม่ใช้เป็นการเขียนแนววรรณกรรมแต่ ลูฮิสเป็นนักเขียนเรื่องศาสนาศริสต์ที่เขียนดี
    จนได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเขียนเรื่องศาสนาศริสต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในศตวรรษที่ 20 ผลงานด้านศาสนาของเขาติดพิมพ์มากมายหลายเล่มและเป็นที่นิยม และบางเล่มถูกยกย่องว่าเป็นหนังสือระ
    ดับคลาสสิค นอกจากนั้นยังมีนวนิยายวิทยาศาสตร์ไตรภาค ออกมาสามเล่มเป็นการผจญภัยไปดาวอังคาร ดาวศุกร์ ของด็อกเตอร์คนหนึ่งที่ตัวละครเอก ลูฮิส ถอดแบบมาจากเพื่อนสนิทของเขา ซึ่ง
    ก็คือ โทลคีน หรือที่เรารู้จักกันในนามของ เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน ผู้เขียน เดอะ ลอร์ด ออฟ เดอะ ริงส์

    ลูฮิส ได้รู้จักกับ โทลคีน ในระหว่างที่ทำงานเป็นอาจารย์สอนภาษาและวรรณคดีอังกฤษที่ มหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ด ทั้งคู่สนิทกันมาก โดยได้ก่อตั้งกลุ่ม'อิงคลิงค์'(Inklings)เป็นที่ชุมนุมถกเถียงกันด้าน
    วรรณกรรม โดยมีสมาชิกเป็นนักเขียนชื่อดังอีกหลายท่านของอังกฤษ ความคิดของกลุ่มอิงค์ลิงค์นั้นมีอิทธิพลต่อโลกแฟนตาซีและศริสเตียนเป็นอย่างมาก ร่างแรกของเดอะ ลอร์ด ออฟ เดอะ ริงส์ ก็
    ถูกนำมาอ่านในวงสนทนาของอิงค์ลิงค์ด้วย

    จุดเริ่มต้นของตำนานนาร์เนียเริ่มจากความทรงจำในวัยเด็กของเขากับตัว Faun สัตว์ในเทพนิยาย ซึ่งมีท่อนบนเป็นมนุษย์ ท่อนหลังเป็นแพะ แบกของ ถือร่มท่ามกลางหิมะโปรย บวกกับเหตุการณ์ใน
    สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ที่มีเด็กๆสี่คนมาอาศัยอยู่กับเขา และมีเด็กคนหนึ่งถามลูฮิสว่า มีอะไรอยู่ในตู้เสื้อผ้า

    ตอนแรกที่เขาเขียนเรื่องนี้ เพื่อนฝูงในกลุ่มอิงค์ลิงค์ ต่างพากันทักท้วงเพราะกลัวว่าลูฮิสเพื่อนรักจะเอาชื่อเสียงที่สั่งสมมาทิ้งเสียเปล่าๆ(โทลคีน บอกว่า มีสัตว์พูดได้ แม่มด ซานตาคลอส และก็เด็ก เนี้ยนะ และยังใส่เรื่องศาสนาเต็มไปหมด เดียวโดนคนอ่านด่าหรอกไอ้เกลอเอ๋ย) แต่  The Chronicles of Narnia.เล่มแรกก็ถูกตีพิมพ์ออกมาใน
    ชื่อ  The Chronicles of Narnia: The Lion, the Witch and the Wardrobe.ผลในได้รับความนิยมอย่างลนลามเป็นหนึงในนิยายของศตวรรษที่ 20 ที่ผู้คนหลงไหลและจับจองเป็นเจ้าของมากที่สุด ถ้า
    เปรียบกับปัจจุบัน ผู้คนเป็น "นาร์เนียฟีเวอร์" กันทั่วบ้านทั่วเมืองไม่ต่างจาก "แฮร์รี่ฟี่เวอร์" ในสมัยนี้สักเท่าไร ทำยอดขายร่วมได้ 100 ล้านชุดทั่วโลกเป็นรองคัมภีร์ไบเบิ้ล(คัมภีร์ไบเบิ้ลเป็นหนังสือที่ถูก
    พิมพ์มากที่ ทำยอดขายได้มากที่สุด และถูกขโมยมากที่สุดด้วย!) กับแฮร์รี่ พ็อตเตอร์ (แต่แม้ก็แฮร์รี่ พ็อตเตอร์ ถูกพิมพ์ตอนที่ประชากรโลกเพิ่มขึ้นและอยู่ดีกินดีไม่อดยากและนี่) แต่ผลของลูฮิสก็ถูก
    วิจารณ์ว่าเต็มไปด้วยการแฝงเรื่องศาสนาศริสต์ลงไปเป็นจำนวนมากแม้ลูฮิสจะปฏิเสธว่าไม่ได้ตั้งใจจะสอดแทรกเรื่องทางศาสนาลงไป(แต่คนเราเขียนหนังสือศาสนา หนังสือธรรมะมาตั้งครึ่งชีวิตก็ต้องเผลอใส่หลักธรรมข้อคิดทางศาสนาของไปอย่างไม่รู้ตัวเป็นแน่) หลังจากที่ The Chronicles of Narnia: The Lion, the Witch and the Wardrobe ถูกตีพิมพ์ออกมาได้รับความนิยมอย่างถล่มทลาย เดอะ ลอร์ด ออฟ เดอะ ริงส์ จึงถูกตีพิมพ์ออกมาในภายหลัง

    ตลอดชีวิตของลูฮิสจะเขียนหนังสือเด็กเพียงชุดเดียว และแทรกคำสอนในศาสนาศริสต์ไว้โดยตลอด แต่คุณค่าของวรรณกรรมชุดนี้ก็มากพอที่จะทำให้งานของเขาเป็นอมตะไปตลอดกาล The Chronicles of Narnia เป็นแรงบันดานใจให้เด็กๆทั่วโลกมาเป็นศตวรรษแล้วเป็นแรงบันดานใจสำคัญให้กับนักเขียนรุ่นใหม่อย่าง แดเนียน แฮนเลอร์ (Lemony Snicket A Series of Unfortunate Events), เอิร์น คอลเฟอร์ (Artemis Fowl), เจ.เค. โรวลิ่ง(Harry Potter)  เจ.เค. โรวลิ่งพูดว่า "หนึ่งในแรกบันดาลใจสำคัญที่ทำให้เธอเริ่มต้นจับปากกาเขียนหนังสือชุดพ่อมดน้อย มาจากนิยายแฟนตาซีระดับคลาสสิกเรื่อง The Chronicles of Narnia.

    ในไทย หนังสือThe Chronicles of Narnia. ยังไม่เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขว้างมากนักทั้งที่ฉบับแปลภาษาไทยมีการว่าจำหน่ายมาอย่างยาวนานแล้วหลายสำนัก(ปัจจุบัน เป็น ลิขสิทธิ์ ของสำนักพิมพ์ผีเสื้อ) จะมาโด่งดังตอนที่สื่อภาพยนตร์ได้ลงโรง ถ้าจะเปรียบเทียมผลงานด้านวรรณกรรมของ Narnia กับ The Lord และล่ะก็ไม่มีทางจะเปรียบกันได้เลย เพราะสองเรื่องมีแนวทางและลายเซ็นต์ของผู้เขียนชัดเจนมากคือเลือกที่จะเขียน วรรณกรรมแฟนตาซีเหนือจริงที่ให้เด็กอ่านและมีสัตว์พูดได้ แม่มด ซานตาคลอส และก็เด็ก และแฝงคริสต์ธรรมลงไปอย่างชัดเจน แต่โทลคีน ชอบเรื่องรรณกรรมแฟนตาซีเหนือจริงที่สมจริงกว่าและถ้าหากนำไปเทียบกับ Harry Potter หรือเรื่องอื่นในยุคใหม่หรืออยู่ปัจจุบันยิ่งเทียบกันไม่ได้เพราะความเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกได้เปลี่ยนไปจากเดิมแล้ว และผลงานในแต่และชิ้นงานที่โด่งดังนั้นเมื่อนำมาเทียบกันแล้วผลที่ได้คือว่าเป็นเอกลักษณ์ของชิ้นงานที่ผู้เขียนได้บรรจงคิดและถ่ายทอดจากจินตนาการออกมาเป็นตัวหนังสือให้เราได้เพลิดจิตนาการกันต่อไป

    ส่วนคุณภาพของภาพยนตร์ก็คงต้องว่ากันต่อไป แต่นาร์เนียเป็นหนังสือที่ค่ายหนังแย่งกันซื้อลิขสิทธิ์กันไม่น้อย

    ป.ล.
    เดียวจะเป็นประเด็นของคนรัก เดอะ ลอร์ด อีกว่าถือข้างนาร์เนีย แต่แรงขับดันคือทำให้ เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน เข็น เดอะ ลอร์ด ออฟ เดอะ ริงส์ ออกมาพิมพ์ต่อจาก ฮอบบิก และ ลูฮิส เป็นคนติดต่อสำนักพิมพ์ให้เพื่อนรัก โทลคีน เพื่อพิมพ์ เดอะ ลอร์ด ออฟ เดอะ ริงส์ ออกมาด้วย

    แก้ไขเมื่อ 01 ม.ค. 49 07:50:38

    แก้ไขเมื่อ 01 ม.ค. 49 07:35:14

    จากคุณ : ปัทมราช - [ วันปีใหม่ 07:11:02 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป