PANTIP.COM : A3996478 นิตยสาร "ไทม์" ซูฮก" หมานคร" หนังเยี่ยมระดับโลก [หนังไทย]

นิตยสาร "ไทม์" ซูฮก" หมานคร" หนังเยี่ยมระดับโลก

หนังไทยดังระดับโลกอีกแล้ว นิตยสาร"ไทม์ ยุโรป" ยกย่องหนัง"หมานคร" ของผู้กำกับหนุ่มไฟแรง"วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง" เป็น 1 ใน 10 หนังยอดเยี่ยมแห่งปี 2548 เทียบชั้นหนังดังจากฮอลลีวู้ด อย่าง"วอลเลซ แอนด์ กรอมิท" และ"เมมัวส์ ออฟ เกอิชา" คอลัมนิสต์ไทม์ระบุเป็นหนังแนวโรมานซ์ที่ซาบซึ้งจับหัวใจจนถึงแก่น ด้าน "วิศิษฏ์" ยอมรับว่างง เพราะหนังไม่ประสบความสำเร็จในเมืองไทย แต่อาจไปโดนใจคอหนังเมืองนอก ขณะที่บริษัทไฟว์สตาร์ เจ้าของหนังเตรียมนำออกฉายที่ฝรั่งเศส และเกาหลี ต้นปีนี้ เผย"หมานคร"ยังเข้ารอบเทศกาลหนังที่เนเธอร์แลนด์ และญี่ปุ่นด้วย

เมื่อวันที่ 2 ม.ค. นิตยสารไทม์ นิตยสารข่าวชื่อดังของโลกฉบับ "ไทม์ ยุโรป" รายงานผลการจัดอันดับภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปี 2548 จำนวน 10 เรื่องจากทั่วโลก โดยนายริชาร์ด คอร์ลิสส์ คอลัมนิสต์ข่าวศิลปะและบันเทิงของนิตยสารไทม์ ปรากฏว่าหนังเรื่อง "หมานคร" จากประเทศไทยติดอันดับด้วย โดยเป็นหนัง 1 ใน 2 เรื่องจากทวีปเอเชีย

ภาพยนตร์ที่ติดอันดับ 10 หนังยอดเยี่ยมในนิตยสารไทม์วางขายในภูมิภาคยุโรปฉบับนี้ส่วนใหญ่มาจากทวีปยุโรป ขณะที่หนังไทย "หมานคร" หรือในชื่อภาษาอังกฤษว่า "ซิติเซน ด๊อก" ของวิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง ติดอันดับที่ 6 คอลัมนิสต์ของไทม์เขียนถึงหนังไทยเรื่องนี้ว่า เป็นภาพยนตร์แนวโรมานซ์ของเอเชียที่ซาบซึ้งจับหัวใจอย่างถึงแก่น หลังจากวิศิษฏ์เคยมีผลงานเรื่อง"ฟ้าทลายโจร" หรือ "เทียร์ส ออฟ แบล็ก ไทเกอร์" มาแล้ว ส่วนผลงานใหม่นี้นำเสนอออกมาเป็นภาพยนตร์แนวตลก ผสมผสานจินตนาการที่บรรยายออกมาเป็นภาพ

"ถ้าเปรียบเทียบกับหนังฝรั่งเศสเรื่องดัง"อาเมลี" จะเหมือนกับว่าต้องเพิ่มการดื่มเบียร์กระป๋องเข้าไปสักโหล บวกกับการเคาะศีรษะอีกสองครั้ง หนังเรื่องนี้ยังมีฉากพบนิ้วที่หายไปในกระป๋องปลาซาร์ดีน มีนักฆ่าหมวกกันน็อก มีคุณยายที่เกิดใหม่กลายเป็นตุ๊กแก ถังขยะที่มีลูกหมาในชุดสีฟ้า และเป็นหนังเพลง เอาล่ะ คุณต้องเข้าไปอยู่ในนั้น ซึ่งรับประกันได้เลยว่าถ้าเข้าไปแล้วสักครั้ง คุณจะไม่อยากออกมาเลย" ริชาร์ด คอร์ลิสส์ กล่าว

สำหรับภาพยนตร์เรื่องหมานคร สร้างจากหนังสือนวนิยายขนาดสั้นในชื่อเดียวกันของ ศิริพรรณ เตชจินดาวงศ์ อำนวยการสร้างโดย ไฟว์สตาร์ โปรดักชั่น เป็นเรื่องราวของป๊อด รับบทโดย จีน มหาสมุทร บุญยรักษ์ หนุ่มต่างจังหวัดที่เข้ามาทำงานเป็นคนงานในโรงงานปลากระป๋องที่กรุงเทพฯ ก่อนจะตัดสินใจลาออกจากงานไปเป็นรปภ.ที่บริษัทแห่งหนึ่ง และได้พบกับนางเอกคือ จิน รับบทโดยจี๊ด แสงทอง เกตุอู่ทอง แม่บ้านทำความสะอาดที่ชอบถือหนังสือปกสีขาวเล่มเล็กๆ ที่ตัวเองอ่านไม่ออกติดตัวตลอดเวลา โดยฝันว่าวันหนึ่งจะอ่านหนังสือเล่มนั้นออก หนังบอกเล่าเรื่องราวของผู้คนในกรุงเทพมหานคร และการดิ้นรนค้นหาความสุข ในท่ามกลางโลกสมัยใหม่ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โลกที่อุดมไปด้วยความฝัน แต่แห้งแล้งความรักและความเข้าใจ

วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง ผู้กำกับฯ กล่าวว่า ยังงงๆ ที่หนังติดอันดับหนังเยี่ยมในครั้งนี้ เพราะหนังของเรายังไม่ได้ไปฉายต่างประเทศมากนัก แค่ฉายในเทศกาลภาพยนตร์ เลยไม่แน่ใจว่าการจัดอันดับครั้งนี้ใช้เกณฑ์อะไร แต่ว่าก็ดีใจ ตนไม่คิดว่าจะไปได้ไกล เพราะไม่ประสบความสำเร็จในบ้านเรา เลยคิดไปว่าหนังคงไม่ดี ส่วนตัวคิดว่าที่คอหนังเมืองนอกชอบ อาจเหมือนคราวที่"ฟ้าทลายโจร"เป็นที่ถูกใจผู้ชมต่างชาติ ตนคิดว่าคงเป็นเรื่องฟลุค คนดูที่นั่นคงมองว่าเป็นเรื่องแปลก ฝีมือของเราไม่ได้ดีอะไรมาก คงเป็นรสชาติที่แปลกใหม่สำหรับเขา ส่วนตอนนี้ตนกำลังเขียนบทเรื่อง "น้ำพริก" ที่ร่วมทุนกับทางฝรั่งเศส เป็นตำนานของศิลปะไทยโบราณ

ด้านน.ส.อภิรดี เอี่ยมพึ่งพร กรรมการบริหารบริษัท ไฟว์สตาร์ โปรดักชั่นส์ จำกัด ผู้ดูแลภาพยนตร์เรื่องนี้ กล่าวว่า สิ่งที่พยายามนำเสนอออกไปได้รับการยอมรับก็รู้สึกยินดี ไม่คิดว่าหนัง"หมานคร"จะมาได้ไกลขนาดนี้ คิดว่าทางคุณวิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง ก็คงจะดีใจเช่นกัน สำหรับจุดที่ทำให้หนัง "หมานคร" ถูกใจคอหนังต่างประเทศจนได้รับการจัดอันดับที่ 6 ของนิตยสารไทม์ นั้น ส่วนตัวตนคิดว่าการกำกับของคุณวิศิษฏ์เป็นลายเซ็นบางอย่างที่บอกว่าทำหนังไม่เหมือนใคร หนังทุกเรื่องของวิศิษฏ์ต้องมีอะไรที่จะสื่อสารไปยังคนดู แล้วตรงนี้คนดูหนังเรื่องนี้คงดูหนังเป็นจริงๆ เข้าใจจริงๆ เลยยอมรับตรงนี้ได้

น.ส.อภิรดีกล่าวด้วยว่า ทางบริษัทยูโรป้า ผู้จัดจำหน่ายมีแผนที่จะนำภาพยนตร์" หมานคร"ไปออกฉายที่ฝรั่งเศส ประมาณเดือนเม.ย. และในเดือนก.พ. หนังสือ"หมานคร" ที่แปลเป็นภาษาฝรั่งเศสไปแล้ว ที่ทางบริษัท ยูโรป้า ซื้อไปก็จะวางแผงก่อนที่จะโปรโมตหนัง ส่วนที่เกาหลีบริษัท ซี.เจ. เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ ที่จัดจำหน่ายหนังเรื่อง"ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ" ก็จะวางหนังหมานครในเดือนก.พ.นี้ และที่สำคัญคือในเดือนม.ค. หนังหมานครได้เข้ารอบในเทศกาลหนัง "รอตเตอร์ดัม 2006" ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นเทศกาลหนังที่ยิ่งใหญ่ที่ผู้กำกับหลายคนใฝ่ฝันจะไปเทศกาลนี้ให้ได้ และในเดือนก.พ.เราก็เข้ารอบในเทศกาลยูบาริ ฟิล์ม เฟสติวัล ที่ประเทศญี่ปุ่นด้วย

สำหรับภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ที่ติดอันดับท็อปเทนหนังเยี่ยมแห่งปีของนิตยสารไทม์ในครั้งนี้ ได้แก่

อันดับ 1 "เดอะ ไวต์ ไดมอนด์ แอนด์ กริซซลี แมน ของแวร์เนอร์ แฮร์ซ็อก" จากเยอรมนี อันดับ 2 เรื่อง "ซาราแบนด์" ของอิกมาร์ เบิร์กแมน จากสวีเดน อันดับ 3 "เดอะ สควิด แอนด์ เดอะ เวล" ของโนอาห์ โบมบาค จากสหรัฐอเมริกา อันดับ 4 คาเช่ (ฮิดเดน) ของมิเชล ฮาเนเก้ จากฝรั่งเศส อันดับ 5 "แบล็ก" ของสัญชัย ลีลา พันสาลี จากอินเดีย นำแสดงโดยอมิตาป ปัจจัน พระเอกระดับตำนานของวงการบันเทิง อันดับ 6 คือ หมานครของไทย อันดับ 7 "เดอะ คอนสแตนต์ การ์เดนเนอร์" หนังร่วมสร้างระหว่างอังกฤษ สหรัฐ บราซิลและเคนยา โดยเฟอร์นันโด ไมเรลส์ อันดับ 8 "วันซ์ ยูอาร์ บอร์น" ของมาร์โซ ตูลลิโอ จากอิตาลี อันดับ 9 หนังแอนิเมชั่นเรื่องดัง "วอลเลซ แอนด์ กรอมิท อิน เดอะ เคิร์ส ออฟ เดอะ แวร์-แรบบิต" หรือในชื่อไทยว่า "วอลเลซ & กรอมิท กู้วิกฤตป่วน สวนผักชุลมุน" ของนิก พาร์ก จากอังกฤษ และอันดับ 10 "เมมัวส์ ออฟ เกอิชา" ของร็อบ มาร์แชล จากสหรัฐอเมริกา แม้ว่าจะใช้ดาราสาวจีนนำแสดงเป็นสาวญี่ปุ่น ไม่ว่า จาง ซิยี่ กงลี่ และมิเชล โหยว แต่นักวิจารณ์ฝรั่งชื่นชมการแสดงของทั้งสาม โดยเฉพาะกงลี่

ที่มาจากหนังสือพิมพ์ ข่าวสด

จากคุณ : ไอซ์_เป็นคน - [ 3 ม.ค. 49 19:40:46 ]

ความคิดเห็นที่ 41

แลหนังไทย

พน

หมานคร : อีกหนึ่งหนังไทยที่อวดใครก็ได้ทั้งโลก

หนังคุณภาพอีกเรื่อง ที่ผมพลาดไม่ได้เอามาเล่าสู่เมื่อครั้งเข้าโรง ด้วยคุณภาพที่เกินมาตรฐานตลาดหนังไทย ทำให้หนังไม่ได้ฉายในกลุ่มโรงที่ผมดูประจำ เพราะเข้าชนกับหนังที่ตรงตลาดกว่าอีกเรื่อง และแม้ในโรงที่เข้า ก็อยู่เพียงเดี๋ยวเดียว

เดิมผมก็ไม่นึกว่าจะต้องเอามาเล่าสู่เมื่อออกเป็นแผ่น เช่นเดียวกับครั้งทวิภพ เพราะโดยส่วนตัวแล้ว ผมเฉยๆ กับ ฟ้าทะลายโจร งานกำกับฯ ลำดับแรกของ วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง ที่ไปได้รางวัลจากเทศกาลหนังที่แคนาดา ผมเห็นว่างานชิ้นนั้นสะดุดตาที่รูปแบบเท่านั้น เนื้อหาไม่มีอะไรประทับใจ

แต่เมื่อเอาเรื่องที่ 2 ของเขาเรื่องนี้มาดู ถ้าไม่เล่าสู่ เห็นทีจะตายตาไม่หลับ

เขาก้าวหน้าไปกว่าเรื่องแรกเยอะ ที่ทิ้งช่วงไป 4 ปี ไม่เสียเปล่า ไม่ก็อาจจะเพราะครั้งนี้ สร้างจากเรื่องที่มีรองรับในรูปนิยายสั้นอยู่ก่อนแล้ว จากฝีมือของ "คอยนุช" ศิริพรรณ เตชจินดาวงศ์ ภรรยาของผู้กำกับฯ เอง เป็นเรื่องแนวเสียดสีที่มีอยู่น้อยนักในประเทศนี้

เท่าที่ผมจำได้ วงการหนังไทยดูเหมือนจะกล้าทำเรื่องเสียดสีมาก่อนหน้านี้เพียง 2 ครั้ง ครั้งแรกท่านมุ้ยทำ รักคุณเข้าแล้ว เสียดสีการย่ำอยู่กับที่ของนิยายและหนังไทยที่ทำให้ถูกเรียกว่าน้ำเน่า ครั้งต่อมาเมื่อ ยุทธนา มุกดาสนิท นำ เงิน เงิน เงิน สุดยอดผลงานของละโว้ภาพยนตร์มาทำใหม่ ยุทธนาเปลี่ยนแนวทางให้ไปเป็นแนวเสียดสี ซึ่งทำได้ดีระดับเทียบเคียงเรื่องแนวนี้ของบ้านอื่นเมืองอื่นได้สบายมาก

สำหรับที่เคยมีการเอา มังกรหยก มาทำกันก่อนหน้านั้นไปตั้งแต่สมัย ปู่ล้อต๊อก ย่าชูศรียังหนุ่มยังสาว ผมไม่นับเป็นเรื่องเสียดสี เห็นเป็นเรื่องตลกธรรมดา

และสำหรับ กล่อง งานอีกชิ้นของท่านมุ้ยนั้น มุขเสียดสีออกจะเบาบางไป จนไม่อาจทำใจนับเนื่องเข้ากลุ่มด้วยได้

ส่วนฟ้าทะลายโจรนั้น ไม่รู้สึกเป็นเรื่องเสียดสีหรือล้อเลียน ออกจะไปในแนวหวนคะนึงถึงความหลังมากกว่า

ผู้เขียนเรื่องบอกเล่าว่า มีภาพของ ป๊อด โมเดิร์นด๊อก และ จินตหรา พูนลาภ เป็นแม่แบบพระนางของหมานคร นักร้องทั้งสองที่อยู่กันคนละขั้วแนวเพลง ต่างมีลักษณะซื่อสุดสุด พอๆ กัน ขณะที่น้องจินซื่อใสแบบพื้นบ้าน พ่อป๊อดซื่อในความเป็นตัวของตัวเองในความเป็นศิลปินล้ำยุคล้ำโลกไปเลย

น่าเสียดายที่หนุ่มป๊อด ธนชัย อุชชิน ไม่ได้รับเล่นหนังเรื่องนี้ คงเพราะรู้ตัวดีว่า เหมาะจะเป็นนักร้องมากกว่านักแสดง หากเขาแสดงนำ หนังเรื่องนี้จะได้คนดูกลุ่มที่เป็นแฟนของเขา และคนที่ชอบศิลปินอย่างป๊อดคงถูกใจหมานครไปด้วย

เท่าที่เคยเห็นเขาร้องเพลงและให้สัมภาษณ์ ป๊อดมีบุคลิกเฉพาะตัวเด่นชัด ลำบากต่อการเป็นนักแสดงที่ต้องเปลี่ยนบุคลิกไปรับบทบาทตามเรื่อง นอกจากจะรับบทเป็นตัวเขาเอง

ป๊อดและจินในหมานครเป็นหนุ่มสาว ตจว. ที่เข้ามาทำมาหากินในเมืองหลวงเช่นเดียวกับชาว ตจว. อีกมากของประเทศนี้ ต่างกันที่ป๊อดดูจะอยู่ไปวันๆ ลอยๆ ขนาดจะรีดผ้า แต่กลับเสียบปลั๊กพัดลม ขณะที่สาวจินมีความฝัน และชอบความเป็นระเบียบเรียบร้อย

วันหนึ่งมีหนังสือปกขาวภาษาต่างด้าวกระเด็นจากเครื่องบินมาตกบนชานบ้านข้างตัวสาวจิน ครั้งยังอยู่บ้านนอก จากนั้นเธอก็มีความฝันว่า สักวันเธอจะอ่านหนังสือเล่มนั้นรู้เรื่อง

การอยู่ไปวันๆ ของป๊อด สะดุดหยุดลงเมื่อเขาออกจากโรงงานปลากระป๋อง มาทำงานเป็น รปภ. แล้วพบเจอสาวจิน ที่เป็นแม่บ้านทำความสะอาดในตึกเดียวกัน

หนังกระตุกต่อมยิ้มคนดูตั้งแต่เปิดเรื่องด้วยเพลง ก่อน ของวงโมเดิร์นด๊อก จากนั้นก็มีลูกเล่นให้ขำหรืออมยิ้มได้เป็นระยะๆ เพียงแต่เป็นมุขเกินคาด เหมาะกับผู้ที่มีจินตนาการ ซึ่งดูจะเป็นชนกลุ่มน้อยทั้งในไทยและทั้งโลก

เรื่องเสียดสี (ที่ทำถึง) มักถูกใจผู้มีจินตนาการ ตรงที่นำอารมณ์ขันมาจูงให้สะดุดหยุดคิดถึงความไม่ชอบมาพากลในสังคม ทำนองเดียวกับการ์ตูนล้อการเมือง

แต่เรื่องเช่นนี้ต้องมีสติปัญญาค่อนข้างมากจึงจะสร้างสรรค์ออกมาได้ และขณะเดียวกันก็ดูจะเป็นของแสลงสำหรับผู้คนในกลุ่มไม่ชอบบริหารสมอง ทั้งงานเขียนและภาพยนตร์จึงมีออกมาประดับวงการเพียงน้อยนิด

หมานครไม่ได้เสียดสีการเมือง แค่สะท้อนภาวะชีวิตในเมืองใหญ่ โดยเฉพาะระดับเดินดิน ยกเว้นอยู่บทหนึ่ง คือน้องแหม่มเด็กหญิงผู้ไม่รู้อายุที่แท้ของตัว เป็นบทเสียดสีลูกหลานรุ่นใหม่ของครอบครัวมีฐานะ เป็นบทที่มุขขำน้อยจนทำให้ออกจะเป็นข้อด้อยของเรื่องนี้

คุณภาพที่ทำให้ผมคิดว่าหนังเรื่องนี้อวดใครก็ได้ทั้งโลก นอกจากด้านภาพที่ผู้กำกับฯ มีลักษณะเฉพาะตัวโดดเด่นตั้งแต่งานแรก การดำเนินเรื่องดังที่บอกว่า มีมุขให้ยิ้มและขำได้เป็นระยะๆ ลูกเล่นเหล่านั้นบ่งถึงความคิดสร้างสรรค์ของผู้เขียนและผู้กำกับฯ อย่างที่นักดูหนังระดับสากลน่าจะชื่นชม

ทั้งนี้ คำว่านักดูหนัง ผมหมายความถึงกลุ่มที่มีความเข้าใจอะไรๆ สักหน่อย ไม่ใช่ตลาดทั่วๆ ไป ดังที่มีข่าวรายงานจากเมืองคานส์ว่า หนังที่มีผู้สนใจถามหา ส่วนมากคือหนังสยองขวัญ ขนาดหนังผีแย่ๆ ที่พี่ไทยเราด้วยกันด่าให้ขรม ยังมีคนสนใจขอซื้อมากกว่า งานคุณภาพอย่างโหมโรงหรือจดหมายรัก

ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเล่าให้ชาวมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนฟัง ถึงการประชุมบุคคลระดับนำของโลก ที่อดีตประธานาธิบดีกอร์บาชอฟ เป็นเจ้าภาพ ที่ประชุมหารือกันข้อหนึ่งว่า หากเรามีผู้คนที่รู้คิดใฝ่ใจไยดีต่อโลกเพียงหนึ่งในห้า โลกก็ยังมีโอกาสรอดพ้นหายนะไปได้ หากท่านเคยอ่านที่ ศ.นิธิ เอียวศรีวงศ์ นำเรื่องนี้มาเล่าสู่ คงพอจะเข้าใจคุณภาพของพลโลก ดังข่าวจากเมืองคานส์สะท้อนแง่หนึ่งออกมานี้ได้

หมานครไปหนืดๆ เอาช่วงท้ายๆ ราวกับว่าเป็นความอ่อนล้าของทั้งผู้เขียนและผู้กำกับฯ ซึ่งเป็นธรรมดาของมนุษย์ แต่ก็ยกตัวขึ้นได้ในที่สุด และจบลงอย่างสวยงาม วงดนตรีที่มาเล่นร้องส่งท้ายเรื่อง ไม่ใช่เพลงเศร้า แต่ทำเอาน้ำตาซึม ทำไม ไปหามาดูกันเองครับ

เมื่อผมดูหนังจบนั้น ยังไม่มีข่าวที่ Luc Besson ผู้กำกับฯ คนดังของฝรั่งเศสซื้อเรื่องนี้ไปจัดจำหน่ายในยุโรปและอเมริกา เช่นเดียวกับฟ้าทะลายโจรและองค์บาก ผมจึงออกจะเศร้าใจที่ไม่ได้ข่าวความสนใจเรื่องนี้ในตลาดโลก

และรู้สึกว่าหากเป็นบ้านเมืองอื่นที่เขามีวัฒนธรรมถึงระดับแล้ว งานแห่งสติปัญญาเช่นนี้ รัฐคงโอบอุ้ม เพราะเขารู้จักเข้าใจว่าสิ่งใดที่เป็นอาหารต่อสติปัญญา ย่อมก่อประโยชน์ต่อลูกหลานและอนาคตประเทศชาติ

แต่สำหรับบ้านเมืองที่มีคณะผู้บริหารริเริ่มทำหอศิลป์ให้เมืองหลวง แล้วต้องสะดุดหยุดไปเมื่อเปลี่ยนผู้บริหารใหม่ ประชาชนก็คงได้แต่ทำใจ รอวันเวลาที่ผู้รู้คิดจะได้ขึ้นมาบริหารบ้านเมืองต่อไป

ก็ขนาดเหมืองแร่ที่นักดูหนังแซ่ซ้อง สมาชิกวุฒิสภาบางท่านเป็นห่วง ชักชวนเพื่อนๆ สมาชิกด้วยกันไปดูเป็นกำลังใจให้ผู้สร้าง กระทรวงวัฒนธรรมของเราไม่เห็นสนใจอะไรสักนิด เช่นเดียวกับครั้งโหมโรง ทวิภพ และแม้แต่สุริโยไทก็เถอะ

ดูจะเกร็งไปหมดว่า หากออกมาสนับสนุนงานเข้าท่าๆ ที่เอกชนผลิตออกมา จะกลายเป็นถูกหาว่ายอมเป็นเครื่องมือให้ผู้ลงทุนหรือไรก็ไม่ทราบ ทั้งที่โดยหน้าที่การงานแล้ว ผู้คนในกระทรวงนี้น่าจะมีสติปัญญาเพียงพอที่จะพิจารณาว่าสื่อใดน่าสนับสนุนให้เยาวชนได้เสพซึมซับเพื่อพัฒนาสติปัญญากัน

จินตนาการนั้นก็เช่นเดียวกับวิสัยทัศน์หรือที่เมื่อก่อนเรียกกันว่ารู้จักมองการณ์ไกล เป็นสติปัญญาที่รู้จักพินิจพิเคราะห์ใคร่ครวญมากกว่าแค่จะมองกันตื้นๆ

ผู้ขาดจินตนาการคงไม่ต่างจากขาดวิสัยทัศน์ มักมองโอกาสฉ้อฉลเอาประโยชน์เข้าตนและวงศ์วานด้วยตาลุกวาว ไม่มีสติปัญญาพอจะรู้คิดว่า เหตุเช่นนี้ก่อผลเสียหายต่อสังคมโดยรวม ซึ่งจะย้อนกลับมาส่งผลร้ายต่อวงศ์วานของตนในที่สุด

ปกติวิสัยมนุษย์ ล้วนแล้วแต่ปกป้องผลประโยชน์ของตน เป็นธรรมชาติวิสัยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต แต่ในเมื่อมนุษย์อยู่ร่วมกันเป็นสังคม หากหมู่มากถูกบางพวกบางเหล่าฉ้อฉลฉกฉวยสิ่งอันพึงก่อประโยชน์ต่อส่วนรวม ไปเป็นประโยชน์เฉพาะกลุ่มตน ผู้รู้คิดย่อมพิจารณาได้ว่า วันหนึ่งส่วนใหญ่ของสังคมที่ถูกเอาเปรียบไปนั้นจะไม่ทนอีกต่อไป แลเหล่าผู้ฉ้อฉลนั่นเอง ที่จะโดนผู้ถูกเอาเปรียบทั้งหลายลุกขึ้นรักษาผลประโยชน์ของตน ประวัติศาสตร์ในที่ทางต่างๆ ของโลกรวมทั้งในบ้านเมืองนี้ล้วนบันทึกไว้ตลอดมา แต่ก็เพราะมองได้แค่ตื้นๆ บางผู้คนที่หลงระเริงในอำนาจ ก็หน้ามืดตามัวสะสมความวิบัติให้วงศ์วานตัวเองทีละน้อยๆ

ตามข่าวนั้นหมานครลงทุนร่วม 60 ล้าน น้อยกว่าเหมืองแร่ไม่เท่าไร ส่วนมากน่าจะใช้ไปเพื่อคุณภาพของงานสร้าง โดยเฉพาะภาพ ซึ่งออกมาถึงระดับอวดใครก็ได้ไม่อายเขาดังกล่าวแล้ว นอกนั้นด้านเครื่องแต่งกายก็เห็นชัดถึงการทุ่มทุน หากสงสัยว่า อะไร หนังอย่างนี้จะต้องลงทุนด้านนี้สักเท่าไรเชียว ก็ต้องขอบอกว่าไปหามาดูกันเอง แล้วจะร้องอ๋อ

เมื่อผู้มีชื่อเสียงในวงการนี้แห่งอัสดงคตประเทศรับซื้อหนังไปจัดจำหน่าย ซึ่งคงจะมีผู้คนสนใจไม่น้อย ด้วยผลงานที่ผ่านมาของผู้จัดจำหน่ายนั้น ก็อุ่นใจขึ้นมาว่า น่าจะต่อเชื้อให้ผู้มีสติปัญญาอย่างผู้กำกับฯ และผู้เขียนเรื่องรวมทั้งผู้ลงทุนสร้างเรื่องนี้มีกำลังสร้างสรรค์งานดีๆ อีกต่อไป

ส่วนตัวผมนั้น หลังดูแผ่นที่เช่ามาแล้ว ก็ไปซื้อ DVD เก็บไว้ รวมทั้งซื้อเผื่อพรรคพวกที่อยู่ต่างแดนด้วย

http://www.matichon.co.th/weekly/weekly.php?srctag=0424150748&srcday=2005/12/30&search=no

จากคุณ : ว่างแวะ - [ 4 ม.ค. 49 05:06:58 ]