CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    หนึ่งบุรุษ หนึ่งความรัก หนึ่งแสวงหา หนึ่งพันชีวิต เพื่อหนึ่งลมหายใจ (เรื่องสั้นแนววิทยาศาสตร์อีกเรื่อง)

    แล้วลมหายใจสุดท้ายของเธอก็หายไป…

        “คุณต้องการอย่างนี้แน่นะ” หมอชราเอ่ยถามชายหนุ่ม ซึ่งนั่งเงียบกุมมือร่างไร้ชีวิตที่นอนอยู่บนเตียง ความเงียบแทนคำตอบ หมอชราได้แต่ถอนหายใจ หวังว่าสักวันชายหนุ่มจะรู้ว่าสิ่งที่เขาทำนั้น เหมือนเช่นการไขว่คว้าเส้นฟางกลางน้ำเชี่ยว ไม่ประโยชน์ และสูญเปล่า


    ประตูห้องถูกปิดลงหมอชราเดินออกไป ทิ้งไว้แต่ชายหนุ่มกับร่างกายที่หมดลมหายใจนอนนิ่งไม่ขยับไหวอยู่บนเตียง


    เธอจากไปแล้ว หลายคนว่าไว้อย่างนั้น สำหรับชายหนุ่มนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นอันยาวนานและเกินกว่ามนุษย์คนใดในโลกนี้จะเข้าใจได้


    ประตูห้องถูกปิดลงอีกครั้ง เขาหายไป และประตูอีกบานหนึ่งกำลังจะเปิดขึ้น

    ++++++++++++++++++++++++++++++++

    ท่ามกลางซากปรักหักพัง ม่านหมอกเจือจางลง เผยให้เห็นเส้นทางเดินทัพของศัตรู ผู้บังคับหมู่สงสัญญาณมือบอกเหล่าทหารที่ซุ่มซ่อนอยู่ เป็นความหมายให้เคลื่อนตัวเข้าประจำตำแหน่ง


        “ทุกทีมเคลื่อนตัว” เสียงจากช่องสื่อสารดังไปถึงหน่วยที่อยู่ห่างไกลออกไป


        “หน่วยสะพานเข้าประจำตำแหน่ง“ สัญญาณส่งมายังผู้บังคับหมู่


        “พบเป้าหมายที่สามนาฬิกา” เสียงสุดท้ายจากช่องสื่อสารดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบไป


    เขายกนาฬิกาขึ้นมาดูเวลา อีกสามนาทีจะเริ่มปฏิบัติการตามที่คำนวณเอาไว้ เปิดดูแผนที่ทาง GPS อีกครั้ง เพื่อตรวจดูตำแหน่งปฏิบัติการ เมื่อทุกอย่างไม่ผิดพลาด จึงทำการปลดล็อกใยแมงมุม


    ใยแมงมุม เป็นชื่อเรียกของ เครื่องตรวจจับความเคลื่อนไหว พร้อมวัดระดับความร้อน มีความระเอียดเที่ยงตรงแม่นยำ พร้อมระเบิดแรงสูงเมื่อเป้าหมายมาถึงตำแหน่งที่ตั้งไว้ ในอดีตนั้นตัวเครื่องที่เป็นรุ่นเก่าจะตรวจจับได้แค่ความเคลื่อนไหว ซึ่งเกิดความผิดพลาดได้ง่าย ทั้งสภาวะอากาศหรือมีแมลงบินผ่านตัวจุดฉนวนก็จะทำงานทันที ต่อมาได้พัฒนาขึ้น โดยผนวกตัวจับความร้อนเข้าไปด้วย หากมีวัตถุเคลื่อนไหวเข้ามาในข่ายใยแมงมุม มันจะส่งคลื่นความถี่ต่ำ ซึ่งจะวัดค่าเบี่ยงเบนจากความร้อนของวัตถุ


    สำหรับการตั้งค่าความร้อนให้ใยแมงมุมทำงานนั้น เขาตั้งวัดให้มันทำงานเพื่อตรวจจับเครื่องจักรโดยเฉพาะ


    เสียงครืนครางดังเข้ามาใกล้ หมอกสลัวเผยให้เห็นเงาจางๆ ของมัน และค่อยชัดขึ้นเมื่อมันเคลื่อนที่เข้ามาใกล้ เสียงสายพานบนก้อนกรวดบนถนน ดังขึ้นจากเส้นทางของยานยนตร์นั้น เสียงก้อนกรวดปลิวกระเด็นด้วยแรงบดนับสิบตัน คล้ายเสียงเปาะแปะของเม็ดฝนกระทบหลังคา


    แม้เขาจะมองเห็นเพียงเงาที่เลือนลาง แต่เขาก็มั่นใจว่าไม่มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น พริบตานั้นเพียงผงกหัวดูแล้วก้มหน้า เสียงระเบิดก็ดังสนั่นหวั่นไหวติดต่อกันลูกแล้วลูกเล่า แรงสั่นสะเทือนคล้ายมือยักษ์ที่โยกคลอนผืนแผ่นดินเขย่าไปมา ครู่หนึ่งก็เงียบสงบลง


    สัญญาณเสียงดังขึ้นอีกครั้งผ่านช่องสื่อสารบอกให้เคลื่อนกำลังเข้าประชิด ปฏิบัติการผ่านไปด้วยดีไม่มีการตอบโต้จากข้าศึก ทุกคนในหน่วยต่างลิงโลดใจ มุ่งไปยังกองซากเป้าหมายทั้งที่ควันยังไม่จาง เขาเหลือบตามองดูแผงควบคุมใยแมงมุม รายงานสุดท้ายถูกส่งมาก่อนจะระเบิด ถ้าเป็นคนอื่นต้องตื่นตระหนก สำหรับเขาแล้วเพียงก้มหมอบลงอีกครั้ง


    เสียงระเบิดดังกึกก้องสะท้านไปทั่วบริเวณ เสียงหวีดแหลมเตาเร่งพลังงานดังขึ้น เสียดแทงเข้าหัวใจ แต่สายเกินไป ในบางคนแล้วเสียงนี้เป็นเสียงสุดท้าย ก่อนที่ลมหายใจของพวกเขาจะสิ้นหายไป ควันจางลงทำให้เห็นเป้าหมาย มันไม่ใช่ยานเกราะทั่วไป และจากมาตรวัดอุณหภูมิที่ผ่านการจำแนกจากฐานข้อมูลบ่งบอกชัดเจน มันคือหุ่นโดรน


        “หุ่นโดรน ถอนกำลังก่อน “ เสียงดังมาจากหัวหน้าหน่วยผ่านช่องสื่อสาร ก่อนจะกลบด้วยเสียงร้องครางสุดท้าย นายทหารคนอื่นๆ ต่างวิ่งหลบหนีกันคนละทิศละทาง

        “เราจะหย.. หยุดมันได้ยังไง” นายทหารคนหนึ่งที่รอดชีวิตจากลำอนุภาคพลังงานสูง พูดหอบหายใจอยู่ข้างเขา

        “หุ่นโดรนรุ่นนี้ติดตั้งเกราะสะท้อนแรง อาวุธทางกายภาพไม่ส่งผลต่อมัน” พลางยื่นแผงบันทึกข้อมูลให้นายทหารคนนั้นอ่าน

        “ MT-23 หนักสามสิบสี่ตัน ติดตั้งเกราะสะท้อนแรง เคลื่อนที่ด้วยเตาพลังงานฟิวชั่น ปืนอนุภาคพลังงานสูง เชื่อมต่อกับระบบประสาทผู้ขับ เวรเอ้ย! หุ่นนี่ทั่วโลกมีไม่ถึงสามสิบตัว แล้วมันมานี่ได้ยังไง” เมื่ออ่านข้อมูลจนครบ นายทหารคนนั้นถึงกับสถบก่นด่าออกมา


        “เพราะนี่เป็นจุดยุทธศาสตร์ ห่างไปสามกิโลเป็นพื้นที่ให้ตั้งฐานสำหรับส่งกองหนุนได้อย่างดี” เขาบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับเรื่องราวเบื้องหน้าไม่มีความหมายใดๆ ต่อเขา แท้ที่จริงแล้วความสำคัญของมันอาจจะเปลี่ยนผลการแพ้ชนะในสงครามครั้งนี้ได้เลย


        “แล้วพวกเราเหลือกี่คนเช็คดูหน่อย ช่องสัญญาณถูกกวน” นายทหารพูดขึ้นหลังจากพยายามเปลี่ยนช่องสื่อสารสำรอง แต่ถูกสัญญาณจากหุ่นรบกวน


        “เหลือรอดเพียงเราสองคน”


        “เรียกกำลังเสริมได้ไหม” นายทหารพูดอย่างมีความหวัง แม้ว่าจะรู้อยู่แก่ใจว่าไม่อาจจะส่งสัญญาณไปได้ หรือถ้าพยายามจะส่งไปอาจจะถูกตรวจพบได้


        “นายก็รู้ว่ามันเสี่ยงเกินไป แต่ก็พอมีทางจัดการมันได้” พลางหยิบเปิดกล่องเครื่องมือหยิบของชิ้นหนึ่งยื่นให้นายทหาร

       
        “อีกา” นายทหารแค่เห็นอุปกรณ์ ก็อุทานด้วยสายตาวาดหวัง


        อีกา เป็นชื่อเรียกของระเบิด EMP ขนาดเล็ก ลำตัวเป็นรูปไข่สีดำวาววับ พร้อมทั้งมีปีกยื่นออกมาที่ปลายด้านทั้งสอง สามารถควบคุมให้มันบินไปยังเป้าหมายในระยะไกลได้ ระเบิด EMP จะส่งคลื่นแม่เหล็กออกมาก่อกวนและทำลายอุปกรณ์อิเล็กโทรนิคที่อยู่ในรัศมีทำการของมัน ระเบิดชนิดนี้ไม่มีผลต่อสิ่งมีชีวิต

        “แต่นายต้องเอาไปติด หรือเอาไว้วางไว้ใกล้ตัวมันที่สุด” ว่าแล้วก็ยื่นอีกาให้นายทหาร


        “มันบังคับจากระยะไกลได้นี่น่า” น้ำเสียงแสดงความหวาดกลัว หลังจากได้เห็นอนุภาพการทำลายล้างของหุ่นโดรน


        “ไม่ได้หรอก มันจะถูกยิงทำลายก่อนถึงเป้าหมายนะซิ ตอนนี้มีทางเดียวต้องลอบเอาไปวางไว้ใกล้ตัวหุ่น สำเร็จหรือล้มเหลวอยู่นี่นายแล้ว”


    พลางตบบ่าทหารนายนั้นให้กำลังใจและถือเป็นการลาครั้งสุดท้าย เนื่องจากเขารู้อยู่แล้วว่านายทหารคนนี้ต้องไม่รอดแน่ หุ่นโดรนมีเครื่องตรวจจับสิ่งมีชีวิตในรัศมีสามสิบเมตร พร้อมระบบเล็งยิงอัตโนมัติเมื่อเปิดเข้าสู่โหมดต่อต้านการลอบเร้น แม้นายทหารคนนั้นจะถูกฆ่าก่อนถึงตัวหุ่น แต่นั่นเพียงพอแล้ว เพราะอีกามีรัศมีทำการห้าสิบเมตร


    และเขาก็จะกลายเป็นผู้เหลือรอดเพียงคนเดียวในภารกิจครั้งนี้ นี่คือเหตุผลที่เขาไม่แจ้งเตือนหลังตรวจพบว่าเป้าหมายเป็นหุ่นโดรน กลับปล่อยให้ทหารในหน่วยถูกเข่นฆ่า


    เพื่อเป้าหมายหนึ่งเดียวเขากลับไม่เลือกวิธีใช้

    ++++++++++++++++++

    ปี พ.ศ. 2874 สงครามโลกครั้งที่สามพลันอุบัติขึ้น  แม้ยุทธวิธีเปลี่ยนแต่สงครามไม่เคยเปลี่ยน ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่สงครามครั้งนี้จึงรุ่นแรงและรวดเร็ว เพียงหกเดือนแรกของสงคราม เมืองใหญ่หลายเมืองพังพินาศเป็นเถ้าถ่าน ผู้คนล้มตายไปกว่าสามร้อยล้านคน ถึงกระนั้นผู้ที่ยังอยู่ก็มองไม่เห็นบทสรุปของสงครามครั้งนี้


        “แถวตรง!” เสียงเรียกแถวร้องขานแข็งขัน


    ภายใต้โดมสะท้องแรง หมู่ผู้นำทางทหารเรียงแถวเป็นทิวยาวนับพัน รอการมาเยือนของผู้นำที่ยิ่งใหญ่แห่งยุค จอมพลหวินปิง ไม่ช้ายานบินก็แล่นเข้าจอดกลางโดม คราครั้งนี้เป็นการเข้าบัญชาการที่ทัพหน้า เพื่อเสริมสร้างกำลังใจและปรับเลื่อนตำแหน่งเหล่าทหารผ่านศึก


    ภายใต้เวลาที่เดินไปอย่างเชื่องช้า นายทหารคนแล้วคนเล่าเดินเข้าไปรับมอบยศตำแหน่งใหม่ จนผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็ปรากฏตัวขึ้นบนแถวทางเดิน นายทหารผู้เหลือรอดเพียงคนเดียวในการรบชิงจุดยุทธศาสตร์ ที่สะพานลองกู๊ด


        “พันตรีพนม ศักดิ์ไชย” เสียงเรียกขานชื่อของเขาดังขึ้น


    หลังจากภารกิจเมื่อเดือนที่แล้ว ชื่อของเขาก็ถูกเสนอเข้าเลื่อนยศเป็นพันโท เขาสับเท้าเข้าไปใกล้ผ่านเครื่องตรวจจับอาวุธและวัตถุระเบิด การศึกครั้งนี้ฝ่ายตรงข้ามส่งข้าศึกเข้ามาลอบสังหารจอมพลหวินปิงนับครั้งไม่ถ้วน ดังนั้นน้อยครั้งที่จอมพลจะปรากฏกายขึ้นต่อหน้าชุมชน การป้องกันสารพัดแบบถูกวางไว้ ผู้ที่จะเข้าใกล้จอมพลได้ต้องถูกตรวจประวัติอย่างละเอียด


    อีกเพียงสามก้าวเขาก็จะเผชิญหน้ากับบุคคลที่กุมอำนาจครึ่งหนึ่งของโลกไว้ ใบหน้าของท่านเรียบเฉยดวงตาเปล่งประกายมุ่งมั่น มือก็ยังถือกระบี่ตบเข้าที่บ่าของนายทหารคนแล้วคนเล่า เพื่อแสดงสัญลักษณ์การมอบอำนาจยศตำแหน่ง ตามธรรมเนียมปฏิบัติ


    แล้วก็ถึงรอบของเขา กระบี่เหล็กมันวับตบเบาๆ บนบ่า เมื่อเขาคุกเข่าลง เสียงเรียกขานชื่อนายทหารคนอื่นดังต่อเนื่อง เขาค่อยลุกขึ้น


    พริบตานั้นเกินกว่าใครจะคาดคิด กระบี่ถูกดึงแย่งไปจากมือ แล้วส่งปลายแหลมกลับเข้าไปที่คอจอมพลหวินปิง ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วรวบรัดหมดจด ปืนนับสิบกระบอกส่งลำแสงอนุภาคพลังสูงผ่านเข้าร่างของเขา แต่สายไปเสียแล้วจอมพลผู้กุมชะตาโลกตกตายไปพร้อมด้วยชายหนุ่มผู้ลอบสังหาร

    <<อ่านต่อด้านล่างครับ>>

    จากคุณ : egotech - [ 13 ม.ค. 49 17:27:40 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป