ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนนะคับ ว่านี่คุณอยู่ห้องนอกเรื่องแน่นอน แต่ที่ผมมาตั้งกระทู้เนี่ย แค่อยากให้เข้าใจบ้าง อย่าด่าความคิดเห็นนักวิชาการบางคนว่าขายชาติเสียหมด ผมคิดว่ามันใกล้ตัวชาวไทยมาก มากขนาดตั้งกระทู้บอกห้องไหนก็ได้
เรื่องที่พูดเกี่ยวกับว่า เรื่องที่สิงค์โปร์เข้ามาไทย บวกกับเรื่องการเปิดการค้าเสรี(อย่างแท้จริง)นี่ล่ะคับ ก่อนอื่นเรื่องสิงค์โปร์เข้ามาซื้อหุ้นชินคอร์ปเนี่ย ผมอยากบอกว่ามันไม่ใช่ครั้งแรก หลายๆธนาคารที่คุณใช้บริการอยู่ ผู้ถือหุ้นหลายรายก็เป็นคนสิงโปร์ทั้งนั้น เงินที่เค้าเอามาซื้อชิน ก็ได้มาจากการกู้ดอกเบี้ยต่ำของธนาคารที่เค้าเป็นหุ้นส่วนอยู่ทั้งนั้น สิงโปร์ยังมีหุ้นในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยอยู่เยอะ รวมทั้งธุรกิจสร้างบ้านทั้งหลาย อย่างแลนด์แอนด์...
เค้าเข้าไปถือหุ้นในลักษณะนี้ ในสี่สิบเมืองใหญ่ทั่วโลก ไม่ใช่แค่ไทยหรอกครับ แล้วถ้าราคาหุ้นในเมืองอย่างลอนดอน นิวยอร์คตก คุณคิดว่าเค้าจะเทขายหุ้นไหนไปอุ้มหุ้นของเมืองที่ราคาตก ถ้าไม่ใช่ในเมืองที่เค้ามองว่าสำคัญน้อยกว่า จะเป็นที่ประเทศไทยไหม? เทขายหุ้นแล้วเกิดอะไร คงทราบกันว่าเกิดอะไรขึ้นปี1996
สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นเหล่านี้ ผมคิดว่ามันถึงเวลาแล้ว ที่ไม่ว่าจะยังไง ประเทศเราก็ต้องรับมือกระเสการเปิดประเทศ เปิดเสรีทางการค้า globalizationว่างั้น ผมเลยอยากให้เข้าใจถึงเหตุผลที่เราจำเป็นต้องเปิดเสรีแล้ว เพื่อมาคานอำนาจทางการค้าของประเทศใดประเทศหนึ่ง การทำFTAไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่คิด แต่อาจต้องมองในแง่ระยะยาว แต่ผมเห็นด้วยที่รัฐบาลควรบอกประชาชน และให้ความรู้ว่าควรรับมือยังไง
สรุปว่าคือตอนนี้ถึงจะด่ากันไป ว่าใครผิดก็ไม่ทันแล้วคับ มันใกล้ตัวคุณมากแล้ว แทนที่จะด่ากัน ผมว่าเวลาแบบนี้ คงต้องเปลี่ยนเป็นหาทางรับมือกับมันแล้วล่ะครับ สิ่งที่จะเกิดขึ้นในเร็ววัน คือการเข้ามาของต่างชาติ ผมไม่ได้บอกว่าอย่าใช้สินค้าของชาติเค้า ผมว่ามันถึงเวลาแล้วที่ต้องเจอกับคำว่าglobalizationแบบเต็มตัว แล้วแทนที่จะด่ากัน ผมว่ามานั่งช่วยกันรับมือกับมันดีกว่า แทนที่จะมานั่งด่ากันแล้วก็เสียเปรียบพวกที่เข้ามา หาคนผิดกันไปไม่จบไม่สิ้น แล้วก็โดนกระแสglobalกลืนไป แทนที่จะมานั่งคิดหาวิธีแก้ไข
จากคุณ :
Hard-call
- [
30 ม.ค. 49 12:14:53
]