ความคิดเห็นที่ 1 เอ่อ จะต่อโททำไงบ้าง ดูได้ตามเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยที่จะต่อเลยครับ ต้องสอบเค้ามั้ย บางที่ก็สอบ บางที่ก็ไม่สอบ ที่ไหนดีบ้าง แล้วแต่สาขาอะไร ใช้เงินประมาณเท่าไหร่ แล้วแต่ที่ แล้วแต่สาขา แล้วแต่ว่าเป็นอินเตอร์หรือไทย เรียนกี่ปี ปกติจะมีแบบ 1-2 ปี แต่ทั้งนี้บางคนก็เรียนเต็มแม็ก 4 ปี เกรดเฉลี่ย บางที่ก็ดู บางที่ก็ไม่ดู ที่ที่ดู ปกติก็ควรจะเกิน 2.75 สรุป... ให้ข้อมูลมาน้อยไปหน่อย จากคุณ : ชาเขียว - [ 5 ก.พ. 49 21:28:40 ]

ความคิดเห็นที่ 2 บอกก่อนสิคับ ว่าอยากต่อโท คณะอะไร จะได้แนะถูก ส่วนคำถาม ก็ตอบคร่าว ๆ ได้ดังนี้ 1.ต้องสอบเข้ามั๊ย ตอบ - ส่วนใหญ่ต้องสอบเข้าครับ ยิ่งถ้าเป็นม.รัฐ จะต้องสอบแน่นอน แต่จะเป็นการสอบแบบข้อเขียน + สัมภาษณ์ หรือ สอบสัมภาษณ์อย่างเดียว + ส่งโครงร่างการวิจัย อันนี้แล้วแต่คณะคับ 2.ที่ไหนดีบ้าง ตอบ - ถ้าให้แนะก็ ม.รัฐดังๆ  อย่าง ธรรมศาสตร์ จุฬา หรือ ไม่ก็ นิด้าคับ แต่ใช่ว่าเอกชน จะไม่ดี แต่อันนี้ขึ้นกับคณะที่อยากสอบ และชื่อเสียงของ ม. เอกชนที่จะเข้าด้วยนะ ถึงได้ถามว่า จขกท อยากเรียนอะไร จะได้แนะถูก 2. ค่าเรียนเท่าไหร่ ตอบ - ขึ้นอยู่กะที่เลือกเรียนว่าเป็น ม.รัฐ หรือเอกชน ถ้ารัฐ ก็ถูกหน่อย แต่รัฐ ก็ต้องดูว่าที่เรียนเป็นภาคปกติ หรือภาคพิเศษที่เป็นโครงการเลี้ยงตัวเอง ตามปกติ ถ้าม.รัฐ ภาคปกติ ค่าเรียนจะคิดเป็นหน่วยกิต ๆ ละ 1000-1500 บาท ตกเทอมนึงก็ประมาณ 15,000 - 25,000 แต่ถ้าเป็น ม.รัฐภาคพิเศษ ก็มักจะเหมาจ่าย หมายถึงคำนวนตลอดหลักสูตรมาให้เลย ประมาณ 200,000  บาทขึ้นไปครับ แบ่งจ่ายเป็นเทอม ๆ ไม่ใช่เป็นก้อนใหญ่ ส่วน ม.เอกชนดัง ๆ เช่น เอแบค, ม.กรุงเทพฯ ตลอดหลักสูตรมักไม่ต่ำกว่า 200,000 คับ 3.เรียนกี่ปีจบ ตอบ- โดยมาก 2 ปี จบ ถ้าจุฬาฯ จะ 2 ปีจบค่อนข้างแน่เพราะเรียนน้อย 36 หน่วยรวม thesis แต่ ธรรมศาสตร์ จะเรียน 45-48 หน่วยกิตครับ (แทบทุกคณะ ทั้งภาคปกติและพิเศษ) แต่ถ้าไม่จบใน 2 ปี ก็สามารถเรียนต่อได้ตามข้อบังคับของคณะนั้น ๆ เช่น จุฬาฯ ให้เรียนได้ 4ปี มธ. บางคณะ บางสาขาวิชา ให้ได้ถึง 7 ปีเป็นต้น 4. ดูเกรดเฉลี่ยนมั๊ย ตอบ - บางคณะและบางสาขาดูคับ แต่บางที่ก็ไม่สน แต่ถ้าไม่ให้น่าเกลียดมาก ก็ไม่ควรจะต่ำกว่า 2.5 นะครับ อย่างน้อยก็มีส่วนในการพิจารณาตอนสัมภาษณ์คับ ให้ข้อมูลมาน้อย คงตอบได้แค่นี้นะ... จากคุณ : keiji - [ 5 ก.พ. 49 22:41:41 ]

ความคิดเห็นที่ 3 *~ พี่ๆเค้าตอบไปหมดแล้ว เพิ่มเติมนิดๆนะ สมัยนี้เรียนโททางเลือกมีเยอะเนอะ ต้องเตรียมตัวเองเยอะๆหาข้อมูลที่ต่างๆ ต้องศึกษาของแต่ละที่ว่าที่ไหน หรือในหลักสูตรไหนเหมาะกับเราที่สุด สำหรับผมเองจะเรียนโทที่ไหนผมมีความเชื่อว่าเรียนที่ไหนก็เหมือนกัน แล้วแต่ว่าคุณต้องการผลลัพธ์ หรือจะต้องการผลพลอยได้จากอะไรจากสถาบันไหน หรือต้องการอะไรจากการเรียนโท ? คุณเรียนโทแล้วต้องป้อนตัวเองเยอะๆ ต้องสรรหา ต้องดูแลตัวเอง ช่วยเหลือตัวเองเยอะๆ ไม่มีใครมาป้อนใส่คุณอย่างเดียว โตแล้วน่า ดังนั้นเรียนที่ไหนก็เหมือนกัน มันขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง แล้วอาจารย์ที่มาสอนส่วนใหญ่เป็นดร.,รศ.,ผศ.กว่าจะเรียนจบ กว่าจะได้มาสอนกว่าก็เก่งๆกันมาทั้งนั้น ต้องผ่าน Leader ของแต่ละสาขากันมาทั้งนั้น กว่าจะได้ทุกคนเท่าเทียมกัน ถึงอาจารย์จะสอนเราไม่รู้เรื่อง มันก็ขึ้นอยู่กับเราว่าจะพยายามทำให้รู้เรื่องมั้ย ถ้าไม่รู้เรื่องต่อไปก็อย่าไปโทษอาจารย์ เพราะเราโตแล้วแต่ถ้าทำดีที่สุดแล้วก็จงภูมิใจ หนังสือก็ต้องขวนขวายเพิ่มเติม ผมเรียนที่นึงก็ต้องอ่านเพิ่มเติมของหนังสืออีกที่นึง ฯลฯ คือ ต้องพร้อมนะครับ ตั้งใจ เอาใจใส่นะ เป็นกำลังใจให้ ~* จากคุณ : *~เจ้าชายแห่งสายลมอุ่น~* - [ 5 ก.พ. 49 23:07:35 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณมากๆเลยนะคะ พี่ๆที่ให้ข้อมูล พอดีเรียนมหาลัยเปิด(RAM) ในคณะมนุษย์-สื่อสารมวลชน คือกลัวจบแล้วจะหางานทำลำบาก เลยกะต่อโทไงคะ ที่เป็นปัญหาคือเกรดที่มีอยู่ และกังวลเกี่ยวกับเกณฑ์ในการสอบเข้าค่ะ(2.25อยู่ปี4แล้ว)  -*- มีใครแนะนำเพิ่มก้อบอกได้นะคะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : กระต่ายน้อยด๊อปปี้ - [ 6 ก.พ. 49 04:08:16 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เวลาสอบสัมภาษณ์ น่าจะเจอคำถามที่ว่า " ทำไมถึงมาสอบคณะนี้ " ซึ่งคำถามนี้ น้องต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อน...ก่อนจะตอบคำถามอาจารย์ ถ้าตอบว่า กลัวหางานยาก เลยอยากเรียนโท นั่นไม่ใช่คำตอบที่น่าพอใจนะคะ (ทั้งคำตอบสำหรับตัวเอง และ คณะกรรมการฯ) ยิ่งเรียนจบแล้วไม่ได้ทำงานมาก่อนเลย ต่อโททันที ก็ต้องตอบให้ได้ว่า มีเหตุผลอะไร บางคณะต้องการคนผ่านงานมาบ้าง... การไม่ทำงานมาก่อนเลย อาจเสียเปรียบได้ค่ะ บางคำถาม ไม่ต้องตอบตรงกับที่คิดจริงๆ ก็ได้ เอาแค่ใกล้เคียง...แต่ ดูดี เช่น ...ลองหางานดูบ้างแล้วค่ะ แต่หายาก วุฒิตรี เขาต้องการคนมีประสบการณ์ไปทำงาน แต่ถ้าเรียนโท จะได้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะสาขา ถึงไม่มีประสบการณ์มาก่อน แต่จบโทเฉพาะด้าน น่าจะหางานได้ง่ายกว่า....อะไรทำนองนี้น่ะค่ะ จะแนะนำมากกว่านี้ก็ไม่ได้ เพราะพี่เรียนมาคนละสาขากัน แต่ตอนเลือกเรียนโท ขอให้เป็นสาขาที่เราถนัด และมีใจรักจริงๆ อย่าเลือกเพียงเพราะ "มันน่าจะหางานง่าย" เพราะถ้าเราไม่ชอบจริงๆ มันจะจบยาก เพราะแพ้ใจตัวเองไปเสียก่อน สวนใหญ่ คนเรียนโท เกรดจะไม่ต่ำกว่า 3 (หมายถึงตอนเรียนโทแล้วอ่ะนะ) เพราะว่า เราไม่ต้องไปเรียนไอ้ที่ไม่ชอบ ไม่ถนัด ฉะนั้น อย่าไปกังวลกับเกรดตอนป.โท ขอให้เลือกสิ่งที่ชอบจริงๆ ถนัดจริงๆ แล้วเราจะทำได้ดีค่ะ จากคุณ : Quasar - [ 6 ก.พ. 49 10:25:41 ]

ความคิดเห็นที่ 7 จขกท เรียนมนุษย์-สื่อสาร ม.ราม คิดว่าคงอยากต่อสายเดิม คือ วารสารศาสตร์ หรือ นิเทศศาสตร์ ถ้าจะให้แนะนำก็คงเป็น ที่คณะวารสารศาสตร์ฯ ธรรมศาสตร์ และ นิเทศศาสตร์ จุฬาฯ แน่นอนว่าสองที่นี้ ต้องสอบเข้าแน่นอน และข้อสอบทั้งช้อเขียน และสัมภาษณ์ก็ยากด้วย แต่ถ้า จขกท สอบติด ก็จะได้ความภูมิใจ และได้เรียนในสถานที่ ๆ มีคุณภาพและมีความพร้อมกว่า ม.เอกชนอื่น ๆ (อันนี้ยืนยัน) ปกติ ทั้ง มธ. และจุฬา จะมีกำหนดการสอบตั้งแต่ 1 ม.ค. - 31 มี.ค. ถ้าจะสอบปีนี้คงเตรียมตัวไม่ทันแน่ แนะนำว่าให้อ่านหนังสือรอล่วงหน้าได้เลย อย่าประมาท และแน่นอนทั้ง 2 ที่ต้องมีผลภาษาอังกฤษแนบด้วย ดังนั้นควรติวภาษาควบคู่กันไปด้วย ผลภาษาอังกฤษสามารถขอสอบได้ (เสียตัง) ที่สถาบันภาษาของทั้ง 2 ม. รายละเอียดลองโทรถามเอาเองนะ โทรไปที่ มธ. และ จุฬาฯ นั่นแหละ จากคุณ : keiji - [ 6 ก.พ. 49 20:34:38 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เพิ่มเติม สำหรับแนวการสอบของ คณะวารสารศาสตร์ฯ ธรรมศาสตร์ และ นิเทศศาสตร์ จุฬาฯ สามารถแนะได้ดังนี้ ข้อสอบของคณะวารสาร มธ. จะต่างจากจุฬาฯ มีสอบ 2 วิชา คือ ความรู้เบื้องต้นทางวารสารศาสตร์ และ ข้อสอบวิชาสังคม นอกจาก 2 วิชานี้ยังต้องส่งผลคะแนน TU-GET ประกอบด้วย ซึ่ง จขกท คงจะสอบเป็นที่เรียบร้อบแล้ว ความรู้เบื้องต้นคือการวัดการประยุกต์ใช้ ทฤษฎีทางวารสารฯ ทั้งหลาย มาวิเคราะห์สถานะการณ์ปัจจุบัน ดังนั้นจึงควรทำความเข้าใจ ทฤษฎีสื่อสารมวลชนทั้งหมดที่เคยรู้มาให้ดี และเอามาประยุกต์ให้ได้ เช่น ข้อสอบถามว่า "กรณีที่สื่อนำเสนอข้อมูลของนายกไปในทางลบต่าง ๆ เช่น หุ้น 75,000 ล้าน หรือข่าว CTX ท่านคิดว่าสื่อนำเสนอถูกต้องหรือไม่ จงวิเคราะห์ พร้อมใช้ทฤษฎีประกอบ" หรือ "กรณีของรายการโทรทัศน์บางรายการ ถ่ายทอดสดนายก 24 ชม. ในสายตาของท่านที่เป็นนักสื่อสารมวลชน คิดเห็นว่าอย่างไร" ส่วนข้อสอบสังคม ก็วัดความรู้รอบตัว อ่านหนังสือพิมพ์ให้มาก ๆ หุ้น 75,000 ล้าน, สนธิ, สมัคร, สรยุทย์, ชูวิทย์ อ่านให้หมด และแน่นอนตอนตอบก็พยายามโยงเข้าหาทฤษฎีด้วย ซึ่งตามหลักสถิติแล้ว ข้อสอบสังคมคณะวารสาร มักจะมีอะไรให้แปลกใจเล่นอยู่เสมอ ๆ ต้องจำไว้เสมอว่า คณะวารสารฯ เน้นการประยุกต์ใช้ทฤษฎีกับสถานการณ์จริง ดังนั้นการตอบ ควรจะมีหลักการด้วย อาศัยแค่ความรู้สึกอย่างเดียวไม่พอ และแน่นอน เวลาแค่ 3 ชม. กับการเขียนตอบอย่างน้อย 3 ข้อ น้อยมาก ต้องบริหารเวลาให้ดี ๆ อีกด้วย ไม่งั้นทำไม่ทันแน่ (ในกรณีที่เข้าสอบแบบมีความรู้ในหัวนะ) ไหน ๆ ก็แนะนำแล้ว แนะต่อไปเลยละกันว่า ถ้า จขกท. ผ่านข้อเขียนแล้ว ยังต้องเจอ ด่านสำคัญคือ การสอบสัมภาษณ์อีก คณะวารสารฯ มธ. ไม่เหมือนจุฬาฯ ตรงที่ไม่มีการ แบ่งสาขาก่อน ดังนั้นจะมีคนสอบผ่านสัมภาษณ์ และตกสัมภาษณ์อย่างละครึ่ง ๆ นั่นคือ โดยปกติทุก ๆ ปี จะมีคนผ่านสัมภาษณ์ 120 คน และจะคัดออก 60 คน ซึ่งก็คือ โอกาสผ่านและตกสัมภาษณ์ เป็นครึ่ง ๆ โหดพอสมควร ต่างกับจุฬาฯ ที่ แบ่งสาขาไว้เลยตอนสมัคร ดังนั้นจึงมักจะคัดข้อเขียนแบบพอดี ๆ เช่น สาขา นิเทศศาสตร์พัฒนาการ รับ 25 คน คนผ่านข้อเขียนก็มักไม่เกิน 30 คน เป็นต้น ดังนั้นการสอบสัมภาษณ์จึงต้องเตรียมตัวให้ดี แต่งตัวให้สุภาพที่สุด และต้องมั่นใจในการตอบ ทุกข้อคำถาม แม้จะตอบไม่ได้ แต่ต้องแสดงความมั่นใจออกมาก่อน เพราะคุณจะต้อง เจอกรรมการสอบถึง 4 คน มารุมถามคุณคนเดียว และแต่ละคนก็จะพยายามถาม ในสิ่งที่คุณยากจะตอบ อาจมีการพูดขู่บ้าง กดดันคุณบ้าง ดุบ้าง เพื่อวัดการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า สติปัญญา และความมั่นใจในการตอบคำถามของคุณ อ.ที่เป็นกรรมการสอบ ในห้องบางคนจะดูดุมาก แต่จริง ๆ แล้วยืนยันได้ว่า อ.ทุกคนในคณะใจดี เมื่อเข้าไปเรียนได้แล้ว ก็จะได้เห็นเอง จากคุณ : keiji - [ 6 ก.พ. 49 20:35:52 ]