เข้าใจว่า สมาชิกบางคนในที่นี้ ไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของบัตรผ่าน
ดังนั้นของแปะเว็บของผมไว้ด้วย เพื่อแสดงว่าผมมีตัวตนไม่ใช่ผีนะ
www.cgmercenary.com
อ่ะ เข้าเรื่อง
ขอเปิดใจหน่อย
(คงไม่สปอยอะไรแล้วล่ะ
เพราะเห็นหลายๆความเห็นก็รู้เรื่องกันหมดแล้ว)
กำลังว่าหนังมันเงียบๆไปหน่อย
อยู่ดีๆก็ได้พาดหัวข่าวตัวเบ้งซะยังงั้น
ว่าทางลาวไม่พอใจ ว่าหนังดูถูกคนลาว
เช็คกระทู้ในพันทิบวันเดียวขึ้นพรวดพราดเป็นสิบกระทู้เลย
ดังสมใจ
ในฐานะที่ผมเป็นโค้ช เอ๊ย!! ไม่ใช่
ในฐานะที่ผมได้อยู่คลุกคลีกับหนังเรื่องนี้มาตลอดตั้งแต่
pre-pro ยัน post-pro ของ post-pro อีกที
รวมระยะเวลาปีกว่าๆ (เชียวนะ!!)
เลยขอเล่าความรู้สึกที่มีกับ หมากเตะ ซักหน่อย
เริ่มแรกที่ พี่ปิ๊ง (ผู้กำกับ) ได้ติดต่อมา ให้ผมดูแลเรื่องการตัดต่อและช็อต CG ในหนัง
ผมเองก็อยากทำหนังฟุตบอลอยู่เหมือนกัน โดยมีพล็อตเข้าท่าๆอยู่ในหัวแล้วด้วย
แต่ถ้าทำเรื่อง หมากเตะ ไปแล้ว พล็อตของผมคงจะไม่มีค่ายไหนรับพิจารณาไปอีกหลายปีทีเดียว
ผมก็เลยต้องเรื่องมากหน่อย ว่าจะทำหรือไม่ทำดี
ความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้นกับผมหลังจากได้ฟังพล็อตของพี่ปิ๊งคือ
"ทำไมต้องทีมลาวอ่ะพี่"
"พี่เก้งเขาชอบตัวละคร ตัวนี้" (หมายถึงตัวเจ๊มิ่ง - แสดงโดย น้อย โพธิ์งาม)
ผมก็คิดในใจว่า พี่เก้งจะไปลาวอีกแล้ว... คราว 15 ค่ำ แกคงยังไม่สมใจ
ทำหนังดีแต่ไม่ได้ตังค์ สงสัยอยากจะแก้ตัวใหม่
ชื่อ จิระ มะลิกุล มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของผมพอสมควร
เพราะผมค่อนข้างเชื่อใจว่า คนคนนี้ไม่ทำหนังงี่เง่าแน่นอน
การที่เขาจะผ่านหนังซักเรื่องนั้น โดยเฉพาะเรื่องที่มีประเด็นล่อแหลมอย่าง
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างนี้ ก็คงจะคิดรอบคอบแล้ว
ผมรับบทร่างแรกมาอ่าน ด้วยใจที่เตรียมจับผิดเต็มที่
บทหนากว่าร้อยหน้า แต่อ่านได้ไหลลื่นมาก จบภายในสองชั่วโมง
แน่นอนว่า มีจุดที่ผมขัดใจหลายอย่าง
แต่ที่ค่อนข้างสบายใจ คือ มันไม่น่ามีปัญหาการมงการเมืองอะไรเลย
ก็เลยตกลงเข้ามาร่วมงาน
จากนั้นก็ ได้อ่านร่างสอง ร่างสาม ที่เริ่มบางลง นิดนึง
พี่ปิ๊งจะมีบทเล่มของตัวเอง ที่พิมพ์ทั้งหน้าซ้ายและหน้าขวาด้วย
ทำให้บทบางกว่าคนอื่น สองเท่า (เอาเปรียบกันนี่หว่า!!)
ในกองถ่ายเรา มีคนลาวเข้ามาร่วมแสดงด้วย
เป็นผู้รักษาประตูชุดเยาวชนทีมชาติลาว (ที่เขาบอกว่าทีมชุดนี้ ปั้นมาเพื่อล้มไทยโดยเฉพาะ!!)
ซึ่งน้องคนนี้ก็ได้รับมอบหมายหน้าที่ให้เป็นที่ปรึกษาเกี่ยวกับลาวไปด้วย
ไม่ว่าจะเป็นภาษาพูด ตัวหนังสือตามป้ายต่างๆ บางทีก็มีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่เราไม่เคยรู้
ตอนที่ไปถ่ายที่หนองคาย (ซึ่งผมไม่ได้ไปด้วยหรอก)
น้องคนนี้ก็เป็นไกด์พาทีมงานข้ามไปเที่ยวต่อในฝั่งลาวด้วย
มาถึงส่วนโพสต์ สิ่งที่พี่ปิ๊งเน้นมาตั้งแต่แรกคือ อารมณ์ของหนัง
เขาอยากให้เหมือนกับการ์ตูนของ อาดาจิ มิทซึรึ
คือ หนังกีฬาที่อบอุ่น มีบทกุ๊กกิ๊กๆ ที่ไม่หวานจนเลี่ยน
มีการแข่งขันกีฬาที่สมจริง และตัวละครทุกตัวต้อง "น่ารัก"
แม้กระทั้งตัวร้าย ก็ยังมีแง่มุมน่ารักๆให้เห็น
ตอนตัดต่อออกมาร่างแรก ตัวละครหลายตัวค่อนข้างโอเคหมด ยกเว้น
โค้ชซึ่งเป็น พระเอก (อ้าว เวรแล้วมั๊ยล่ะ)
ทุกคนที่ดูร่างแรก บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เจ้าโค้ชคนนี้มันไร้หัวใจ
ดูแล้วไม่น่าเห็นใจเลย ก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนตอนหัวใหม่
ซึ่งผมก็ช่วยออกไอเดียว่า ลองยังงั้นมั๊ย ยังงี้มั๊ย
ก็ไฟท์กันอยู่ จนกระทั่งได้ไอเดียที่เราทุกคนพอจะยอมรับกันได้
(หลายคนที่เฝ้าติดตามผลงานของผู้กำกับกลุ่ม"แฟนฉัน"นี้
คงจะพอรู้กันบ้างว่าพี่ปิ๊งมีโปรเจ็คเรื่องหมากเตะ ซึ่งเป็นหนังตลก
แต่ไอ้ที่ตลกกว่า คือคนที่ดูร่างแรกออกมาแล้วให้ความเห็นว่า พี่ปิ๊งทำหนังดราม่าดีจังเลย...)
ตอนนี้เราไม่คิดไปถึงว่าจะมีใครว่าเราไปด่าคนลาวมั๊ยหรอก
สิ่งที่อยู่ในหัวมีอย่างเดียวคือ ทำยังไงให้หนังมันดีในตัวของมันเอง
ทำยังไงให้คนดูแล้วมีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละคร เห็นใจเขา เอาใจช่วยเขา
จนไปถึงตอนจบให้ได้ ทำยังไงให้คนดูลืมคิดไปว่า
"เฮ้ย!! นี่มันทีมลาวนะ มันจะมาเตะกับไทยนะ เราต้องเชียร์ไทยสิ!"
ต้องกล่อมให้คนดูจมไปกับอารมณ์ของหนังให้ได้
ซึ่งมันก็ผ่านการแก้กันหลายต่อหลายยกทีเดียว
จนกระทั่งคัตติ้ง ค่อนข้างลงตัวแล้ว ก็มาถึงในส่วนของซีจี
ที่พี่ปิ๊งตั้งป้อมไว้แล้ว ว่าจะใช้ซีจีลูกบอลให้น้อยที่สุด
ซึ่งสรุปสุดท้ายแล้ว เหลือแค่สองช็อตเท่านั้นเอง
(วันปิดกล้อง ผมตัดทีเซอร์ไปฉายให้คนที่มาร่วมงาน
คนชมกันใหญ่ว่า ซีจีเนียนสาดดด ... เอ่อ กรูไม่ได้ทำเว้ย เค้าเตะกันได้ยังงั้นจริงๆนะ)
ส่วนที่แก้กันไม่จบไม่สิ้น ก็คือเรื่องแปะคน กว่าหกหมื่น บนอัฒจรรย์ราชมังกีฬาสถาน
กับช็อตลูกบอลลอยเข้าประตู ที่แก้กันจนเกือบวินาทีสุดท้ายเลยก็ว่าได้
อันนั้นเป็นส่วนของ oriental post ทำ ซึ่งผมก็มีหน้าที่เพียงคอยดูและแนะนำว่า
ลองยังงั้นยังงี้มั๊ย ส่วนที่ผมต้องเอามาทำเองเต็มๆเลย ก็คือพวก
ไตเติ้ลซีเคว้นซ์ และกราฟฟิกหนังสือพิมพ์ต่างๆในเรื่อง
ซึ่งจะว่าไปมันก็ไม่ได้สลับซับซ้อนอะไร
แต่มันเป็นงานระดับฟิล์ม ความละเอียดสูงมาก
จะคอมโพสอะไรแต่ละทีก็รอพรีวิวกันน่าดู
งานนี้ ทำให้ผมต้องไปหาฟ้อนต์ลาวมาลง
ฝึกอ่านภาษาลาว หัดพิมพ์ลาว
ซึ่งไม่ได้แตกต่างจากภาษาไทย ซักเท่าไหร่หรอก
เป็นที่มาของไอเดียการใส่ตัวหนังสือลาวแทรกๆไปในชื่อไทย ในไตเติ้ล
ให้คนดูเห็นกันจะๆไปเลยว่า คุณเองก็อ่านภาษาลาวออก
ถ้าคุ้นกับมันซักนิด
บางช่วงขณะที่ทำงานอยู่ก็เกิดความรู้สึกแวบๆขึ้นมา
ว่านี่มันประเทศอีกประเทศนึงเลยนะ
ทำไมเราอ่านภาษาเขาเข้าใจ ทำไมเขาดูทีวีของเรารู้เรื่อง
ไม่นับถึงเรื่องพูดจากันที่เรียกว่าไม่ต้องแปลก็ยังได้
นี่มันคนละประเทศกันนะ
หรือว่าจริงๆแล้วเส้นแบ่งพรมแดนนั่นมันไม่มี
มันเป็นแค่เรื่องสมมติทางรัฐศาสตร์ เรื่องการปกครองเท่านั้นเอง
เกิดความคิดขึ้นว่า จริงๆแล้วคนลาวกับคนไทยก็ไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่หรอก
แต่เรารู้เรื่องเกี่ยวเขาน้อยเกินไปเท่านั้นเอง
ขณะที่เรารู้จักหมด ว่าไปยุโรป ไปอเมริกา ไปฮ่องกง สิงคโปร์ ต้องไปเที่ยวไหน ช็อปที่ไหน
พอพูดถึงลาว กลับทำเหมือนไม่รู้จักกันซะยังงั้น
(นึกไปนึกมา เหมือนเคยได้ยินพ่อบอกว่า คุณย่าของผมเป็นคนลาวแฮะ...)
อ่ะ นอกเรื่องหนังไปไกลแล้ว
สรุปว่า ทำหนังเรื่องนี้ นอกจากจะได้พอร์ตใหญ่ๆมาชิ้นนึงแล้ว
ยังได้เปิดหูเปิดตา มองเห็นประเทศเพื่อนบ้านใกล้ๆเรานี่ด้วย
ซึ่งผมว่า หลายคนที่ร่วมงานในหนังเรื่องนี้ก็คงมีความรู้สึกไม่ต่างกัน
คือเรา "มองเห็น" ลาวมากขึ้นกว่าเดิม
ผมไม่รู้ว่า เรื่องที่เป็นข่าวว่าลาวไม่พอใจหนังนี้
มีที่มาที่ไปอย่างไร แต่ผมรู้สึกอยู่อย่างหนึ่งว่า
คงไม่มีใครที่ดูหนังจบแล้วรู้สึกไม่ดีกับคนลาว(ในเรื่อง)
กลับจะชื่นชมเสียด้วยซ้ำไป
ซึ่งแค่นั้นก็น่าจะเพียงพอแล้วที่ทำให้หนังมีคุณค่าแก่การเผยแพร่ออกสู่สาธารณะ
ลองคิดในมุมว่าผมเป็นคนลาว
มีหนังเรื่องหนึ่งที่คนชาติอื่นดูแล้วเขาชื่นชมเรา
แม้เราจะไม่ชอบว่าคนสร้างมันล้อเลียนปมด้อยอะไรของเรา
แต่ชั่งน้ำหนักดูแล้ว ผมว่าได้มากกว่าเสียนะ
แต่ก็เป็นความคิดของคนไทยคนหนึ่งล่ะนะ
ที่มีส่วนร่วมกับหนังซะด้วยสิ
จะเชื่อหรือไม่เชื่อมันก็อยู่ที่วิจารณญาณของคุณๆแล้วล่ะ
จากคุณ :
boyle
- [
15 พ.ค. 49 18:04:53
A:10.101.240.6 X:203.155.94.129 TicketID:120359
]