 |
++มีไรมาเล่าให้อ่าน++
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว (เมื่อวันพุธที่แล้วนี่เอง - -") ตอนเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าบีทีเอส ความสุขยกระดับของชีวิตคนเมือง คนมากมายเดินขวักไขว่รีบเร่งเคร่งเครียด แถวนั้นเป็นฟุตบาทแคบๆ ขนาดจะเดินสวนกันยังไม่ได้เลย บนพื้นก็มีผู้หญิงร่างเล็กผิวคล้ำนั่งอยู่ แต่งตัวมอซอ ขาดเก่าสกปรก พนมมือไว้แนบอก ในอ้อมแขนอุ้มลูกน้อยเอาไว้ เบื้องหน้ามีแก้วน้ำเซเว่นตั้งอยู่ สายตาละห้อยห่อเหี่ยว
ตอนที่ผมกำลังเดินเกือบถึงผู้หญิงคนนี้ อีกฝั่งหนึ่งที่เดินสวนมา ก็เป็นผู้ชาย แต่ทว่าทำไมเดินช้าจัง ทุกคนที่เดินตามหลังมาก็เดินแซงหน้าขึ้นหมด สะดุดใจอยู่สักพัก จนผมสังเกตเห็นว่าเขาสวมแว่นดำทึบ มือทั้งสองต่างยุ่งกับการแกว่งไม้ยาวสีเงิน และประคองแผงลอตเตอรี่ที่ใช้เชือกผูกคล้องเอาไว้กับต้นคออีกที
นักศึกษา แม่ลูกอ่อน คนตาบอด
3 คน จาก 3 ทิศทาง มาบรรจบพบกัน ณ จุดตัดแห่งหนึ่ง
แม่ลูกอ่อนสะดุ้งกับไม้เท้าของคนตาบอดที่แกว่งมาโดนเธอ คนตาบอดพูดขึ้นจนได้ยินชัดว่า ขอโทษคับ แม่ลูกอ่อนไม่ตอบอะไรสายตาจ้องอยู่กับแว่นตาดำในขณะที่คนตาบอดเดินผ่านเธอไปและกำลังสวนทางกับผมพอดี เธอมองตามคนตาบอดไปในขณะที่ผมมองเธอ
คนตาบอดได้เดินผ่านผมไปแล้ว แต่สายตาของเธอก็ยังตามเขาไป ผมเดินผ่านเธอมาแล้ว แต่สายตาผมก็ยังไม่พ้นแม่ลูกอ่อน
ผมหยุดเดินและหย่อนลงไป 5 บาทในแก้วเซเว่น การเข้าใกล้ของผมทำให้สายตาของเธอมาหยุดอยู่ที่ผมแทน เธอไหว้ผม 1 ทีและหันไปมองลูกของเธอต่อ ลูกของเธอไม่ใส่เสื้อผ้า มีเพียงผ้าผืนเก่าบางๆ ห่มเอาไว้ แต่ดูหลับสบายในอ้อมอกแม่ ปกติผมไม่ค่อยให้เงินคนจนริมถนนอย่างนี้หรอกก็อ่านมาเยอะเหมือนกัน นานๆ ทีถึงจะหย่อนลงไปสักเล็กน้อย ในวันนั้นผมอยากบอกว่าไม่ต้องไหว้ก็ได้ ไม่ใช่คนใจดีใจบุญอะไร แต่ก็ไม่ได้บอก แต่ถึงยังไงก็ยังดีกว่าในตอนนั้นที่ผมเดินผ่านแล้วก็เลยไป ไม่ได้ย้อนกลับมาหาเธอ
ในจุดตัดที่ทำให้ผมได้เห็นภาพดีๆ ของวัน
ผมได้เห็นภาพขอทาน ผู้มีชีตย่ำแย่กว่าเรา เธอก็คงได้เห็นว่า ในความยากจนทนทุกข์ของตัวเองนั้น ก็ยังโชคดีที่ดวงตาเธอไม่ได้ดับมืดลงไปด้วยอย่างเช่คนตาบอด ส่วนเขาเอง ถึงจะไม่เห็นอะไร แต่อย่างน้อยแขนขาก็ยังพาตัวให้มีอาชีพ เลี้ยงตัวเองได้ (พยายามมองโลกในแง่ดีที่สุด - -")
ในวันที่แย่ ยังไงก็ยังมีคนที่รู้สึกแย่กว่าเรา หากคิดว่าโชคร้าย เราก็ไม่ใช่คนที่โชคร้ายที่สุด
บรรยายไม่ถูกแฮะ...
จากคุณ :
++peter++
- [
17 พ.ค. 49 13:54:02
]
|
|
|
|
|