ความคิดเห็นที่ 1 "ดาราวีดิโอ" เกิดขึ้นก่อนเกิดโทรทัศน์ไทยเพียงไม่กี่ปีเช่นกับกันตนา แต่น้องกว่ากันตนาเพียงปีเดียว  ก่อตั้งโดยศิลปินแห่งชาติที่ชื่อ "ไพรัช สังวริบุตร" หรืออาหรั่งของชาวดาราฯนั่นเอง เริ่มแรกใช้ชื่อว่า"สยามฟิล์ม" แล้วเปลี่ยนมาเป็น"ดาราฟิล์ม" รับทำภาพยนตร์จอเงิน   แต่ในอีกสามสิบปีถัดมาจึงเลิกทำภาพยนตร์ แล้วมารับงานด้านโทรทัศน์ เริ่มจากละครแนวพื้นบ้านเรื่อง ปลาบู่ทอง ออกอากาศทางช่อง ๗ สี เมื่อราวสี่สิบปีที่แล้ว  ต่อมาได้ทำภาพยนตร์โทรทัศน์อีกหลายเรื่อง  อาทิ ห้องหุ่น, ปอบผีฟ้า(จากบทประพันธ์ของ ประดิษฐ์ กัลย์จาฤก),ดาวพระศุกร์,ดอกโศก,ฯลฯ   จนมาถึงยุควีดิโอ ได้เพิ่มผลิตละครสมัยใหม่ขึ้นมาอย่างที่เห็นอยู่ทุกวันนี้ จึงเปลี่ยนเป็น... "ดาราวีดิโอ"   ละครที่หลายคนรู้จักกันดี อาทิ พลับพลึงสีชมพู,บ้านสอยดาว,บ้านทรายทอง,คู่กรรม,ความรักของคุณฉุย ภาค ๑ ๒ และ ๕,ตะวันชิงพลบ,ไผ่แดง,ริษยา,ภาพอาถรรพ์,หมูแดง,ผยอง(ไพโรจน์+แอน ทองประสม),ดาวพระศุกร์,ดาวพระศุกร์,คือหัตถาครองพิภพ,สายโลหิต,มนต์รักลูกทุ่ง,ลูกตาลลอยแก้ว, ลูกไม้ไกลต้น,ลูกไม้หลากสี,ด้วยแรงแห่งรัก,ฯลฯ  ส่วนมากเป็นละครจากนวนิยาย บ้างก็เป็นละครที่สร้างสรรค์ขึ้นมาเอง บางทีก็มีละครที่มาจากภาพยนตร์อีกด้วย ละครของค่ายโดยส่วนใหญ่ออกอากาศในช่วงหลังข่าวภาคค่ำ อีกทั้งยังได้ออกอากาศในช่วงเวลาอื่นๆที่ช่อง ๗ สีเช่าเวลาเองอีกด้วย ในขณะที่ละครแนวพื้นบ้าน หรือจักรวงศ์ ยังคงทำเพื่อออกอากาศทางโทรทัศน์อยู่เรื่อยๆจนถึงทุกวันนี้  เรื่องที่หลายคนรู้จักกันดี อาทิ สี่ยอดกุมาร,ขวานฟ้าหน้าดำ,สิงหไกรภพ,ดิน น้ำ ลม ไฟ, ดาบเจ็ดสีมณีเจ็ดแสง,เกราะกายสิทธิ์, ฯลฯ   นอกจากนี้ ยังได้ทำละครแนวซีรี่ส์ อาทิเช่น เหตุเกิดที่ สน.,ปากกาทอง,มะเมี๊ยะ,ละครวันพ่อ, ฯลฯ   ส่วนรายการประเภทอื่นๆ ก็มีบ้าง ปัจจุบันมีรายการ ซ่า...แซบ, ลีลาสุภาษิต, ฯลฯ ผลงานแทบทั้งหมดออกอากาศที่ช่อง ๗ สีเพียงแห่งเดียวนี้แหละ ปัจจุบัน  ไพรัช สังวริบุตร ยังคงดูแลดาราวีดิโอเช่นเดิมในอายุเจ็ดสิบกว่าๆ แต่มอบหมายให้บุตรที่ชื่อ สยาม สังวริบุตร รับหน้าที่ดูแลในนามดาราวีดิโอ มีบริษัทในเครือข่ายสังวริบุตรอีก ๕ บริษัท ได้แก่ สามเศียร(ทำละครจักรวงศ์), ดีด้าวีดิโอ(ดูแลโดยสยม สังวริบุตร ทำละครหลากหลายแนว รับทำเทคนิคพิเศษ), ดีด้าแฟนตาซี(ทำการ์ตูนแอนนิเมชั่นทางโทรทัศน์ ผลงานที่สร้างชื่อเสียงคือ สุดสาคร-จ๊ะทิงจา), จ๊ะทิงจาเซ็นเตอร์, และบริษัทที่ทำรายการทีวีอีกหนึ่งแห่ง ที่ตั้งในปัจจุบัน มีสำนักงานดาราวีดิโอที่ริมถนนประชาชื่น เขตบางซื่อ   มีสำนักงานดีด้าที่ซอยติวานนท์ ๔๐ นนทบุรี  และโรงถ่ายละครด้วยเนื้อที่กว่า ๑๐ ไร่ ที่ลาดหลุมแก้ว ปทุมธานี มีบุคลากรราวๆ ๓๐๐-๔๐๐ คน  ทุนจดทะเบียน...ผมเองไม่ทราบ โดยส่วนใหญ่แล้วดาราวีดิโอและในเครือจะบุกงานด้านโทรทัศน์เป็นหลัก และยังคงสัญญาใจที่ช่อง ๗ สีอยู่ตลอดและตลอดไป นี่คือ...ผลิตผลชนเผ่า "สังวริบุตร" จากคุณ : จขกท (คนหยังเขียด) - [ 2 มิ.ย. 49 16:54:24 ]

ความคิดเห็นที่ 2 "เจ.เอส.แอล." เกิดขึ้นเมื่อราวๆปี พ.ศ.๒๕๒๒  ชื่อบริษัทหรือคณะมาจากชื่อผู้ก่อตั้ง ๓ คน(ราวๆกับคณะดีทูบีอะไรทำนองนี้) คือ จำนรรค์ ศิริตัน,สมพงษ์ วิศิษฐ์วานิชย์(ในขณะนั้น) และ ลาวัลย์ กันชาติ มีทุนจดทะเบียนเพียงไม่กี่แสนบาท สำนักงานเริ่มแรกอยู่ในซอยอินทามระ ต่อมาจึงอยู่ที่ราชาวิลล่า และมาถึงลาดพร้าวซอย ๑๐๗ ในที่สุด เมื่อมีเพียงเจ กับ แอล     (ส่วน เอส นอกจากคุณสมพงษ์แล้ว ยังมีคุณสมพล สังขะเวส  นักเขียนนักแปลชื่อดังในยุคนั้นมารับหน้าที่ด้วยแต่อยู่มาได้สักพักก็ลาออกไป...ถ้าผมจำไม่ผิด)   เริ่มแรกรับผลิตรายการโทรทัศน์ เริ่มต้นมักจะเป็นรายการประเภทเกมโชว์แทบทั้งนั้น เริ่มที่ นัดบอด, เดาใจไขปัญหา, เกมล้มเค้า จนมาถึงรายการเกมโชว์ที่ได้รับการกล่าวขานมายาวนานนับสิบปีอย่าง เกมพลิกล็อค, คู่หูพลิกล็อค,พลิกล็อคเพชร, พลิกล็อคเหนือเมฆ   รายการประกวดความสามารถด้านการร้องเพลงทางโทรทัศน์  อย่างรายการ คอนเสิร์ตคอนเทสต์ รายการพบกันวันเสาร์-เกมชิงหลัก, ลุ้นละไม ในยุคแรกๆ รายการของเจ.เอส.แอล.ออกอากาศทางช่อง ๕ เพียงช่องเดียว พอ ๕ ปีหลังวันก่อตั้ง ก็เพิ่มรายการประเภทแมกกาซีน-สุริยาตาหวาน ออกอากาศทางช่อง ๓   ปีต่อมาได้ผลิตละครเรื่องเทวดาตกสวรรค์ ทางช่อง ๙  และปีต่อมาได้ผลิตรายการให้กับช่อง ๗ สี ชื่อว่า วิก ๐๗ เป็นละครเวทีโรงใหญ่แนวสนุกสนาน เริ่มต้นออกอากาศเพียงครั้งละครึ่งชั่วโมง แต่ในอีกปีครึ่งถัดมาได้เพิ่มเป็นหนึ่งชั่วโมง นอกจากนี้ยังได้ผลิตรายการทางโทรทัศน์ต่างๆมากมาย อาทิเช่น ยุทธการขยับเหงือก,จันทร์กะพริบ, จุดเดือด,๐๗ โชว์,ครบเครื่องเรื่องผู้หญิง,สืบสะเด็ด,แข่งร้อยได้ล้าน(ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อรายการแล้ว), ทายได้ให้เลย,ฮา ๗ ดาว,ลิเก ๕ ดาว,จันทร์เจ้าของ,จันทร์พันดาว,ฯลฯ รวมถึงละครโทรทัศน์ ซึ่งผลงานละครของเจ.เอส.แอล.ส่วนมากเป็นละครชีวประวัติ อาทิเช่น มุกมังกร,  พุ่มพวง ดวงจันทร์,จนถึง มิตร ชัยบัญชา มายาชีวิต  ที่เป็นที่กล่าวขวัญและรอคอยมาตั้งแต่ขณะถ่ายทำเมื่อ ๖ ปีที่แล้ว แต่มาออกอากาศจริงเมื่อปีที่แล้วนี่เอง และรายการที่ยืนอยู่นานกว่า ๑๕ ปีจนถึงวันนี้ ก็ได้แก่รายการ เจาะใจใส่จอ หรือ เจาะใจ   นอกจากนี้ เจ.เอส.แอล. ได้รุกธุรกิจสื่ออื่นๆอีกด้วย  ไม่ว่าจะสื่อเพลง อย่างคีตา(ยุคบุกเบิก)    ละครเวทีเรื่องโรสิตา  คอนเสิร์ตหัวหกก้นขวิด  เรื่อยมาจนถึงสื่อผสม เช่น การแสดง แสง สี เสียง   สื่อประชาสัมพันธ์  สื่อวิทยุ  และสื่ออื่นๆอีกมากมาย   ล่าสุดก็การแสดงเรื่อง พระมหาชนก  ในนิทรรศการฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปีฯ จากเริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน  เจ.เอส.แอล. มีรายการโทรทัศน์มากกว่า ๑๐๐ ชื่อ  ผลิตรายการให้กับสถานีเกือบทุกช่อง แต่ที่เป็นอยู่ในขณะนี้มีรายการที่กำลังออกอากาศอยู่เพียง ๙ รายการ ออกอากาศทางช่อง ๕, ๗ และ ๙ มีบริษัทในเครืออยู่สัก ๕ บริษัท  มีพนักงานราว ๕๐๐ คน  เน้นงานด้านโทรทัศน์เป็นหลัก แต่สิ่งที่ยังไม่ได้ทำก็คือ งานด้านภาพยนตร์   แม้จะบอกว่ายักษ์ใหญ่ในสายตาผู้ชมหลายคน  แต่ดูแล้วไม่ค่อยยักษ์ใหญ่นักในสายตาบางคน  สังเกตได้จากจำนวนรายการ  เกือบครึ่งหนึ่งที่มีอยู่ล้วนเป็นผลงานของบริษัทในเครือ   ทีวีบูรพาถือเป็นอีกรายหนึ่งที่อยู่กับเจ.เอส.แอล. แม้ออฟฟิศจะไม่ได้อยู่ที่เดียวกัน  แต่ก็ทำรายการจนเป็นที่ยอมรับมากขึ้น  จึงมีรายการของทีวีบูรพาถึง ๓ รายการ และออกอากาศเพียงที่เดียวคือที่ช่อง ๙  (สักวันอาจจะทำให้ช่องอื่นด้วย แต่ก็ต้องมีคำว่าโอกาสนะครับ) ยังมียักษ์ใหญ่อีกหนึ่งรายที่โตเร็วกว่า เจ.เอส.แอล. และผู้ก่อตั้งบริษัทฯส่วนใหญ่มาจากเจ.เอส.แอล. นั่นก็คือ เวิร์คพอยท์  ซึ่งจะกล่าวในส่วนถัดไป จากคุณ : จขกท (คนหยังเขียด) - [ 2 มิ.ย. 49 16:59:10 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อยากดูพลับพลึงสีชมพูที่พี่เบิร์ดเล่นจัง จากคุณ : เอ๊กกี่ - [ 2 มิ.ย. 49 17:22:43 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ยังไม่พอนะครับท่าน... "มีเดียออฟมีเดียส์" เกิดขึ้นเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๒๗ โดยมีคุณยุวดี บุญครอง เป็นผู้ก่อตั้ง  พนักงานเริ่มแรกมีเพียง ๓ คน ได้แก่ คุณณรงค์พล ทรัพย์สำรวจ,คุณธนัญญา โอสถจันทร์  ทุนจดทะเบียนเริ่มต้นที่สองแสนบาท  สำนักงานแห่งแรกอยู่ที่บ้านพักของคุณยุวดี  เริ่มแรกเป็นโบรกเกอร์ขายโฆษณาให้กับสื่อต่างๆ ที่เด่นๆได้แก่ รายการข่าว ๙ อสมท. ในยุคแปซิฟิค* รายการของบริษัท เจ.เอส.แอล.* หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ,เดลินิวส์, ฯลฯ   แล้วมาเป็นจริงเป็นจังในด้านโทรทัศน์ ออกอากาศมากมายหลายช่อง  เริ่มจากรายการภาพยนตร์จากต่างประเทศ  อันได้แก่ แผ่นฟิล์มวันศุกร์ ทางช่อง ๙, ฟิล์มหรรษา ทางช่อง ๕ จนถึงรายการเด็ดยอดกีฬามัน,เจาะโลกมหัศจรรย์ รายการที่ยืนหยัดเคียงข้างผู้ชมมานานเป็นปีที่ ๑๕ แล้ว...  บ้านเลขที่ ๕   รายการเกมโชว์ที่ส่งเสริมความเข้าใจอันดีต่อครอบครัว-เที่ยงวันกันเอง อีกทั้งยังมีรายการเกมโชว์เชิงการท่องเที่ยว ได้แก่ ลุ้นข้ามโลก,ท้าเที่ยวไทย รายการอื่นๆ เช่น ห้าฮ่าฮ่า,เฮฮาสภาประชาชน,กรุสมบัติ,เดอะแชร์ เก้าอี้ระทึก,เจาะเซฟ,ฯลฯ   รวมถึงภาพยนตร์ที่สั่งตรงจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่มีเดียออฟมีเดียส์ร่วมกันสร้าง-สามก๊ก ตามมาด้วย สามก๊กฉบับนักบริหาร และครั้งหนึ่งมีรายการเกมโชว์ที่แจกเงินรางวัลสูงสุดถึง ๕ ล้านบาท คือ ลุ้นแล้วรวย  ออกอากาศมาได้สักสองสามปีก็ยังไม่มีใครได้รับเงินขนาดนี้เลย  จึงต้องปิดฉากรายการนี้ไป   หลังจากนั้นก็มีรายการที่แจกเงินมากขนาดนี้และมากกว่าเสียด้วย อีกทั้งรายการที่ถูกกล่าวขวัญอย่างมากในขณะหนึ่ง  ที่นี่...ประเทศไทย   นอกจากนี้ยังมีรายการโทรทัศน์ประเภทละคร  โดยมีผู้อำนวยการแสดง  อันได้แก่ กิตติ อัครเศรณี, วีระประวัติ วงศ์พัวพันธุ์,นพพล โกมารชุน,ฯลฯ  ผลงานเด่นๆ ได้แก่ ผู้กองยอดรัก ยอดรักผู้กอง, แม่นาคพระโขนง,แสงเพลิงที่เกริงทอ,สาปนรสิงห์, ฯลฯ แล้วมาเป็นบริษัทมหาชนเข้าตลาดหุ้นในที่สุด เมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๘  ด้วยทุนจด ๒๖๐ ล้านบาท  โดยได้สามีของคุณยุวดี-คุณโฆษิต สุวินิจจิต เป็นประธานบริษัทฯ   สำนักงานตั้งอยู่ที่โครงการวิสุทธานีไฮเทคออฟฟิศปาร์ค ถนนลาดพร้าว บางกะปิ กรุงเทพฯ  จวบจนถึงปัจจุบัน จึงสามารถผลิตงานได้หลากหลายแขนง แม้แต่งานเพลงก็เคยสร้างชื่อ พงษ์สิทธิ์ คำภีร์, วงแบล็คเฮด, ตั๊ก ศิริพร อยู่ยอด, ฯลฯ ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น  จนถึงช่วงหลังๆ ก็มี ยอดรัก สลักใจ, สุรชาติ สมบัติเจริญ รวมถึง โจนัส และ คริสตี้ ศิลปินเลือดฝรั่งเต็มตัวแต่ร้องเพลงลูกทุ่งไทยได้ ได้รับการกล่าวขานในช่วงเวลานั้น   มีรางวัลการันตีความสำเร็จมากมาย จนมาถึงช่วงที่เกิดวิกฤติทางด้านเศรษฐกิจอย่างหนักหน่วง ในปี พ.ศ.๒๕๔๐   ทำให้บริษัทเกือบหลายรายต้องยุบตัวลง  แต่มีเดียออฟมีเดียส์ก็เป็นอีกแห่งหนึ่งที่เคยรับสภาพอย่างนั้น  แต่หลังจากช่วงทรุดตัวระดับชาติแล้วมีเดียส์ฯยังคงเดินหน้าผลิตสื่อเพื่อชีวิตที่ดีกว่าต่อไป   ปี พ.ศ.๒๕๔๙ สภาพของมีเดียออฟมีเดียส์ในปีนี้จึงเปลี่ยนไปจากที่เป็นอยู่อย่างมาก   ยุวดี โฆษิต และพนักงานประมาณเกือบกึ่งหนึ่งของบริษัทฯ จำต้องแยกร่างมีเดียส์ฯ  ไปตั้งรากฐานแห่งใหม่ คือ "บริษัท เอเชียเทเลวิชั่นแอนด์มีเดีย จำกัด" ส่วนการควบคุมดูแลกิจการของมีเดียส์ฯในยุคใหม่นี้  ได้คุณชาลอต โทณะวณิก จากธนาคารกรุงศรีอยุธยา มารับหน้าที่เป็นประธาน มีการแต่งเติมจนมีพนักงานมากกว่า ๓๐๐ คนเข้าไปแล้ว ปัจจุบัน ATM มีพนักงานกว่า ๑๐๐ คน  รายการโทรทัศน์ของ ATM  มาจากมีเดียส์ฯเดิมแทบทั้งหมด   ได้แก่ ชั่วโมงพิศวง(ออกอากาศทางช่อง ๗ สีเช่นเดิม),บ้านเลขที่ ๕,คอนเสิร์ตเวทีไท,เฮลท์สเตชั่น, ละครซิทคอม หัวลำโพงฯ,สารคดีบันทึกโลก และรายการสำหรับเด็กอีก ๕ รายการ  รวมแล้วมี ๑๑ รายการ   ในขณะที่มีเดียส์ฯ มีรายการโทรทัศน์ที่กำลังออกอากาศอยู่เพียงไม่กี่รายการ เช่น ชิงร้อยชิงล้าน...ชะชะช่า (ร่วมกับเวิร์คพอยท์) ออกอากาศทางช่อง ๗ สี  โดยรับขายเวลาให้กับช่อง ๗ สีอีกด้วย   อีกทั้งยังมี สถานีส่งเสริมวัฒนธรรมไทย "ที แชนแนล" อีกหนึ่งช่องทาง  รับจัดงานคอนเสิร์ต และกิจกรรมต่างๆอีกด้วย   เช่นเดียวกับของ ATM  เดี๋ยวนี้เริ่มมีโครงการ ๖๐ ล้านความดีเพื่อในหลวง แล้ว ถึงจะแยกร่าง แต่ก็ยังคงพบกันอยู่เช่นเดิม ...ใช่ไหม จากคุณ : จขกท (คนหยังเขียด) - [ 2 มิ.ย. 49 18:28:19 ]

ความคิดเห็นที่ 5 "บอร์น" บริษัท บอร์น แอนด์ แอสโซซิเอท จำกัด  และ บริษัท บอร์น ออพเปอเรชั่น จำกัด "เกิด"สมชื่อ...เพราะเกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๒๗ ผู้ก่อตั้งก็ไม่ใช่ใครอื่นไกล คุณไตรภพ ลิมปภัทธ์ และคุณก่อเกียรติ ลิมปภัทธ์ เงินทุนจดทะเบียนเริ่มแรกอยู่ที่ ๑ ล้านบาท เริ่มแรกมีพนักงานเพียง ๔-๕ คน มีสำนักงานเล็กๆ อยู่ในซอยทางเข้าช่อง ๙ อ.ส.ม.ท. ถนนพระรามเก้า ต่อมาได้ย้ายมาอยู่ในซอย ส.ธรณินทร์ ๒ ถนนประชาอุทิศ เขตห้วยขวาง เป็นตึกแถวสูง ๔ ชั้นเล็กๆ  พื้นที่ ๓๓ ตารางวา  หลังนี้ไม่ได้เปลี่ยนไปเป็นออฟฟิศที่ใหญ่โต หรูหรา ตามอาคารหลังใหญ่กลางกรุง อย่างที่หลายคนคาดคิด โดยเฉพาะห้องทำงานของไตรภพอยู่บนชั้น ๓ เป็นห้องเล็กๆ มีโต๊ะทำงานสีดำตัวใหญ่วางอยู่ ด้านหนึ่งมีชุดรับแขกเล็กๆ บนชั้นมีหนังสือจำนวนหนึ่งที่กำลังอ่านวางอยู่เช่น พ่อแม่ ครูอาจารย์ ของพระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ฌาณสัมปันโน) วิธีฝึกสมาธิ วิปัสสนา ฉบับสมบูรณ์โดย พุทธทาสภิกขุ ธรรมะรอบกองไฟ ศาสตร์แห่งศัพท์ หนังสือ เหล่านี้ คือ "งาน" ของเขาที่ต้องอ่าน หนังสือประเภทเดียวกันนี้ ส่วนหนึ่งยังวางกองอยู่กับพื้น และอีกมากอยู่ในลังที่บ้าน หลังโต๊ะทำงานมีข้าวของวางอยู่เต็มไปหมด เช่น หนังสือ อาจจะแตกต่างกับผู้บริหาร คนอื่นๆ ตรงที่ในห้องทำงานมีของกุ๊กกิ๊ก เช่น ตุ๊กตา แต่ไม่มีถ้วยรางวัลเกียรติยศใดๆ วางไว้เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่า บริษัทเล็กๆ แห่งนี้คือเจ้าของรางวัลต่างๆ มากมาย มีเพียง โล่รางวัลของการทำโฮลอินวันได้ ของสนามกอล์ฟแห่งหนึ่งเท่านั้นเอง ปัจจุบัน บอร์นฯ มีพนักงานประจำออฟฟิศ เป็นทีมงานผลิตรายการ และทีมงานครีเอทีฟ ประมาณ ๕๐ คน  ไม่นับพนักงานไซด์ไลน์ ทีมงานเทคนิค(ช่างกล้อง ช่างตัดต่อ ช่างเสียง) ซึ่งบริษัทได้จ้างบุคลากรของบริษัท กันตนากรุ๊ป จำกัด(มหาชน) อีกเป็นจำนวนมาก ในช่วงเกิดวิกฤติทางการเงินของประเทศ บริษัทส่วนใหญ่แก้ปัญหาด้วยการลดคน ลดเงินเดือน แต่ที่นี่กลับขึ้นเงินเดือน ๑๐ เปอร์เซ็นต์ ด้วยเหตุผลที่ว่า ต้องการให้เกิดขวัญ กำลังใจ และเป็นการให้รางวัลในสิ่งที่ทำดีมาโดยตลอด ผลงานของทางบริษัทฯนี้เน้นไปแทบทั้งหมดคืองานด้านโทรทัศน์ ส่วนงานด้านอื่นๆก็มีอยู่บ้าง เช่น รับจัดสรรบ้าน จากปี ๒๕๒๗ จนถึงปัจจุบัน บริษัท บอร์นฯ ได้ผลิตรายการมาแล้วทั้งหมดประมาณ ๓๐ รายการ ในยุคแรกๆรายการแทบทั้งหมดของบริษัทฯมีคุณ "ไตรภพ" เป็นพิธีกร แต่มาถึงปัจจุบันมีพิธีกรรายการของบริษัทฯอยู่เพียบ ทำให้ไตรภพรับงานเพียงสองรายการ นับตั้งแต่ เอาไปเลย(ของเซ็นทรัล),เกมละครปริศนา(ร่วมกับกันตนา),อะไรเล่า,เกมห้าสิบ ห้าสิบ(ซึ่งในยุคต่อมามีผู้จัดที่เคยเป็นเพื่อนกันใช้ชื่อนี้เป็นชื่อรายการ),รวยอุตลุด(สะมาลาแฮ๊ป...), คุณขอมา(รายการสารคดีแนวเดียวกับท้าพิสูจน์ซึ่งเขาเคยเป็นพิธีกรมาแล้วในยุคแรกๆ หรือไม่ก็ตามไปดู),ฯลฯ   รายการที่คนทั่วทั้งประเทศรู้จักชายคนนี้- ฝันที่เป็นจริง รายการปกิณกะที่ออกอากาศยาวนานกว่า ๑๕ ปี เริ่มแรกฉายยามบ่ายวันอาทิตย์ที่ช่อง ๓ แต่มาบัดนี้ฉายอยู่ในยามค่ำคืนวันจันทร์ที่ไอทีวี - ทไวไลท์โชว์ รายการควิซโชว์รายแรกในยุคมิลเลเนี่ยมใหม่ แม้ว่าในปัจจุบันนี้ได้เปลี่ยนรูปแบบการแข่งขันไปบ้างแล้วและสามารถออกอากาศต่อเนื่องทุกวัน - เกมเศรษฐี มวยมันวันอาทิตย์,สนามนักสู้(ยุคแรกๆ),เกมคู่รัก,เพลงต่อเพลง  ซี่งออกอากาศทางช่อง ๕   จูคบอกซ์เกม,ไคลแมกซ์เกม,ลับเฉพาะคนรู้ใจ,เกมอัจฉริยะ,เท่าไหร่,อะไรกันนี่,ทไวไลท์ไทยลูกทุ่ง,ก๊อก ก๊อก ก๊อก,ฯลฯ   รายการที่กำลังออกอากาศอยู่ในปัจจุบันมีทั้งหมด ๗ รายการ  ออกอากาศทางไอทีวีเพียงที่เดียว บอร์น เคยยิ่งใหญ่อยู่ที่ช่อง ๓ ตามชื่อจริง   มาบัดนี้ยิ่งใหญ่อยู่ที่ไอทีวี  เรื่องการเข้ามามีส่วนร่วมในสถานีฯไอทีวีนั้นคงไม่ต้องสาธยายนะครับ ผู้ถือหุ้นบริษัทปัจจุบันนอกจาก ตัวเขาและภรรยาแล้วก็คือ แม่และพี่น้องลิมปพัทธ์ทุกคน ยังไม่มีผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นคนนอกตระกูลเลย(ทว่ามีอยู่บ้างแล้วมั้ง) และได้กลายเป็นบอร์นฯ ผู้ยิ่งใหญ่ เจ้าของรายการโทรทัศน์ ที่ผู้คนทั่วประเทศรู้จักกันดี ในอนาคต โครงการใหม่ทุกรายการ ยังจะคงแนวคิดหลักที่ว่า จะต้องเป็นรายการที่มีสาระ ไม่ทำร้ายสังคม ถ้าเกิดไม่เป็นไปตามความฝันที่จะเป็นจริงของนายต๋อยล่ะก็  ....จะเป็นไปตามความรู้สึกผู้ชมที่วิพากษ์วิจารณ์(ด้านด้อย)กันอยู่ในเว็บนี้นั่นแหละ ที่มา: http://www.gotomanager.com แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 49 18:41:11 แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 49 18:40:15 จากคุณ : จขกท (คนหยังเขียด) - [ 2 มิ.ย. 49 18:34:13 ]

ความคิดเห็นที่ 6 "เวิร์คพอยท์" บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ จำกัด(มหาชน) เกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๒ ผู้ก่อตั้งคือ คุณสมพงษ์ วิศิษฐ์วานิชย์(บริหารได้ ๒ ปีครึ่งจึงแยกตัวทำทีวีธันเดอร์ แต่ยังคงคุยกันอยู่นะครับ),คุณปัญญา นิรันดร์กุล(เด่นที่สุดเลย) และ คุณประภาส ชลศรานนท์(นักคิดระดับสยามประเทศ) ทุนจดทะเบียนเริ่มแรกอยู่ที่ ๒ ล้านบาท พนักงานเริ่มแรกอยู่ที่ ๑๒ คน สำนักงานเริ่มแรกอยู่ที่ซอยศูนย์วิจัย ๒ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ กับบริษัทคีตาฯ แล้วย้ายมาอยู่ที่อาคารเทพพนม ถนนรามคำแหง จนถึงปี พ.ศ.๒๕๓๗ ได้ย้ายมาอยู่ในอาคารพานิชย์ ในซอยทางเข้าโรงพยาบาลเซ็นทรัลเยเนอรัล ถนนพหลโยธิน สะพานใหม่ กรุงเทพฯ นับตั้งแต่วันที่ ๗ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๓๒ วันออกอากาศวันแรกของรายการแรกของเวิร์คพอยท์-เวทีออง จนถึงปัจจุบันนี้มีรายการโทรทัศน์ที่ออกอากาศแล้วประมาณ ๕๐ รายการ มีหลากหลายรูปแบบรายการ รายการสดก็เคยทำมาบ้างแล้ว แต่ที่กำลังออกอากาศอยู่ในปัจจุบันมีถึง ๑๗ รายการ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เกือบทุกช่อง นอกจากงานด้านโทรทัศน์อันเป็นหัวใจหลักของบริษัทชื่อสากล"เวิร์คพอยท์"แล้ว ยังได้ทำสื่อต่างๆออกมามากมาย นับตั้งแต่งานเพลงในยุคแรกๆ ซึ่งในอนาคตน่าจะกลับมาทำอย่างสมบูรณ์, งานคอนเสิร์ตหรือกิจกรรมต่างๆ เช่น งานสู้เพื่อแม่ งานแก้จน, งานสิ่งพิมพ์ โดยได้เปิดเวิร์คพอยท์พับลิชชิ่ง, งานไตเติ้ลและแอนิเมชั่น จนถึงงานด้านภาพยนตร์ที่เรื่องแรกทำรายรับได้เป็นกอบเป็นกำนับหลายร้อยล้านบาท สิ่งที่สังเกตได้ในปัจจุบันนี้ รายการเกือบทุกรายการมักจะใช้ชื่อไทย แต่เดี๋ยวนี้เริ่มมีรายการที่ใช้ชื่อสากลหรือภาษาต่างๆด้วย อีกประการหนึ่ง รายการเกือบทุกรายการมักจะถ่ายทำในสตูดิโอที่ถูกรับจ้าง ซึ่งมีบางรายการที่ถ่ายทำนอกสถานที่ และกำลังรอทำรายการที่ถ่ายทำนอกสถานที่ทั้งรายการในวันข้างหน้า อีกอย่างหนึ่งที่ขาดเสียมิได้ก็คือVTRผู้สนับสนุนรายการเกือบทุกรายการ มักจะตัดด้วยลูกเล่นหรือโลโก้รายการมาคั่นผู้สนับสนุน ซึ่งอาจเป็นต้นแบบที่รายการของผู้จัดรายอื่นๆมักจะทำตามด้วยแต่ก็มีไม่ค่อยมาก เพราะรายการทีวีโดยส่วนมากมักจะตัดVTRผู้สนับสนุนรายการแบบปกติ (มีรายการชิงช้าสวรรค์เพียงรายการเดียวที่ทำในลักษณะปกติแต่ใช้ภาพในจอหนังกางแปลง) รางวัลที่ได้รับมีทั้งรางวัลในระดับประเทศ ระดับทวีป และสิ่งที่จะล่าฝันให้จงได้คือ ระดับจักรวาล ปัจจุบัน แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด ได้มีทุนจดทะเบียนเริ่มต้นที่ ๒๐๐ ล้านบาท มีบุคลากรกว่า ๓๐๐ คน และอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้สำนักงานจะย้ายอยู่ที่ย่านรังสิต-ปทุมธานี   ขอให้โชคดีนะครับ รักรัฐบาลชุดเวิร์คพอยท์ด้วย(แอบพูดเล่นๆ) จากคุณ : จขกท (คนหยังเขียด) - [ 2 มิ.ย. 49 19:37:49 ]

ความคิดเห็นที่ 7 "รัชฟิล์ม"   ถือเป็นตำนานแห่งหนึ่งของวงการโทรทัศน์ไทย   เป็นผู้จัดรายหนึ่งที่ขึ้นต้นด้วย"ห้างหุ้นส่วนจำกัด" เกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๐๗  ทุนจดทะเบียนเริ่มแรกอยู่ที่ ๓๐๐,๐๐๐ บาท ผู้ก่อตั้งก็คือ นายชาญ มหสรรค์  และพันเอกพยุง ฉันทศาสตร์โกศล(พึ่งศิลป์) พนักงานเริ่มแรกอยู่ที่ ๔-๕ คน สำนักงานตั้งอยู่ที่สุขุมวิทซอย ๙ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ  และมีโรงถ่ายทำอยู่ที่ซอยเกตุนุติ ถนนลาดพร้าวซอย ๖๔   ชื่อรัชฟิล์ม เป็นภาษาอังกฤษ (แต่โลโก้เขียนเป็นภาษาไทย) แปลว่าการซื้อขายฟิล์มถ่ายภาพอย่างรวดเร็ว   จากอาชีพคนขายฟิล์มและคนซื้อฟิล์ม กลายมาเป็นองค์กรที่รับผลิตภาพยนตร์และงานด้านโทรทัศน์ เริ่มงานทางด้านโทรทัศน์ ด้วยการนำภาพยนตร์ชุดจากสหรัฐอเมริกา เรื่อง "จอมเพชรฆาต 707 The man form U.N.C.L.E." มาฉายในเมืองไทย  ด้วยความยาว ๙๐ ตอน ออกอากาศทุกคืนวันพฤหัสบดี  จากนั้นก็มีภาพยนตร์ชุดหนูน้อยบีเวอร์,โลมาเพื่อนรัก,ฯลฯ ...กล่าวได้ว่า เป็นผู้จัดโทรทัศน์รายแรกของเมืองไทยที่ริเริ่มนำรายการจากต่างประเทศเข้ามาฉายในเมืองไทย ซึ่งต่อๆมายังมีผู้จัดทั้งทางสถานีฯเองและทั้งผู้จัดผู้ผลิตรายการทั่วไปที่นำรายการลักษณะนี้เข้ามาฉายในเมืองไทย แม้ว่าจะมีอยู่ไม่มากนักก็ตามในปัจจุบันเมื่อเทียบกับอดีตแล้ว... แล้วหันมาทำภาพยนตร์ชุดโดยฝีมือคนไทย  ผลงานเรื่องแรกและเริ่มเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายก็คือ  "พิภพมัจจุราช"  ฉายตั้งแต่ ๒ มกราคม ๒๕๑๑  จนถึง พ.ศ.๒๕๑๘  แล้วกลับมาในปีพ.ศ.๒๕๒๐-๒๕๒๒  ด้วยความยาว ๓๖๘ ตอน จากนั้นจึงมีภาพยนตร์ไทยชุด ชุมทางชีวิต และที่โด่งดังอีกเรื่องคือ "หุ่นไล่กา" ฉายตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๑๒ จนถึง ๒๕๒๒ ด้วยความยาว ๕๕๕ ตอน   ถือเป็นซีรี่ส์ที่ออกอากาศยาวนานที่สุดเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์วงการโทรทัศน์ไทย ซึ่งหาดูที่ไหนไม่ค่อยจะได้อีกแล้ว เหลือแต่เพลงประกอบและจุดเด่นที่สุดของเรื่องที่ถูกนำไปสืบทอดร้องและเล่นกันจนถึงทุกวันนี้ โดยในยุคแรกๆรัชฟิล์มผลิตรายการให้กับช่อง ๕ เพียงแห่งเดียว ขณะเดียวกันนั้นเอง รัชฟิล์มยังคงทำภาพยนตร์จอเงินควบคู่ไปด้วย   จากนั้นจึงหันมาทำละครทีวีอีกหลายเรื่อง ออกอากาศให้กับสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆด้วย  มีดาราที่มีชื่อเสียงคับแก้ว โดยส่วนใหญ่แล้วผลงานละครโทรทัศน์ของรัชฟิล์มมักจะถ่ายในสตูดิโอของตัวเองแทบทั้งสิ้น และยังได้เคยทำละครร่วมมือกับบริษัทกันตนา*  คือละครเรื่อง "คนทะเล"  เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๗  ซึ่งปัจจุบันได้นำมาทำใหม่อีกครั้ง  ฉายทางไอทีวี ขณะเดียวกันรัชฟิล์มยังคงนำภาพยนตร์ชุดจากต่างประเทศมาฉายในบ้านเราอีกด้วย แต่งานต่อไปนี้เป็นของเอเชีย เริ่มจากภาพยนตร์ฮ่องกงชุด"เทพบุตรชาวดิน"  แต่ที่เริ่มเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายที่สุดก็คือ ภาพยนตร์ญี่ปุ่นแนวชีวิตชุด "โอชิน"  จากนั้นก็มี ภ.ญี่ปุ่นชุด "แด่คุณครูที่รัก" ตามมา แล้วหันมาทำรายการโทรทัศน์ประเภทอื่นๆบ้าง  เริ่มปฏิวัติรายการเกมโชว์ให้เป็นที่รู้จักในช่วงกลางคืนด้วยรายการ "มาตามนัด"  เริ่มออกอากาศเมื่อ ๕ มิถุนายน ๒๕๒๗   ถือเป็นรายการที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดของทางสถานีฯ อยู่มาได้ ๑๑ ปีรายการนี้จึงเหลือเพียงตำนาน   อันนี้คงไม่ต้องพูดถึงกันมากนัก นอกจากนี้ยังมีรายการ "น่ารักน่าลุ้น"  ที่มาจากรายการวากุ-วากุ แต่นำมาออกอากาศเฉพาะในVTR คำถาม-คำเฉลย ส่วนการแข่งขันเป็นผลงานของคนไทย เริ่มออกอากาศเมื่อ พ.ย.๒๕๓๐  ดำเนินรายการโดยคุณนิรุตติ์ ศิริจรรยา  จนถึงคุณเศรษฐา ศิระฉายา  และดวงตา ตุงคะมณี ในยุคสุดท้าย อีกทั้งยังนำรายการที่สั่งตรงจากต่างประเทศมาฉายในเมืองไทย  รายการที่คนเกือบทั้งประเทศรู้จักกันมากที่สุดแม้แต่ในปัจจุบันก็คือ "โหด มัน ฮา" หรือ ทาเคชิ คาสเทิล  เริ่มทางช่อง ๕ เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ.๒๕๓๑   ,การ์ตูนญี่ปุ่นชุด "เออิชิสมองกล" ที่มาราวๆกับโดราเอม่อน   ส่วนของไทย  มีรายการลุ้นระเบิด,แข่งกันก๊าก ,ฮาตามนัด ,ยุทธภูมิกระทะเหล็ก ,กาลิเลโอเกม(ร่วมมือกับกันตนา)  ซึ่งอยู่ในยุคเข้าสู่ระบบดิจิตอลก่อนที่จะเกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจอันหนักหน่วงในปี พ.ศ.๒๕๔๐   รัชฟิล์มสู้กับภาระไม่ไหวสักเท่าไร จึงต้องปิดตัวลงในส่วนของการผลิตรายการ จนถึงปัจจุบันนี้  รัชฟิล์มทีวีไม่ได้รับผลิตรายการอีกเลย(และกำลังรอรับความศรัทธาจากผู้ชมผู้ถวิลหาอดีต)  ยกเว้นแต่เพียงสตูดิโอถ่ายทำรายการที่ยังคงรับอยู่จนถึงทุกวันนี้  โดยมีบริษัทในเครือของรัชฟิล์มที่ชื่อ โพลีคอม ส่วนนายชาญ และ ผู้การพยุง  ปัจจุบันนี้อยู่ในวัยล่วงเลย ๗๐ ใกล้จะ ๘๐ เข้าไปแล้ว แก้ไขเมื่อ 04 มิ.ย. 49 10:41:18 จากคุณ : จขกท (คนหยังเขียด) - [ 2 มิ.ย. 49 19:41:44 ]

ความคิดเห็นที่ 8 สุดท้าย...ท้ายสุดแล้วนะครับท่าน "แปซิฟิค" บริษัท แปซิฟิค อินเตอร์คอมมิวนิเคชั่น จำกัด ถือเป็นตำนานแห่งหนึ่งของวงการโทรทัศน์ไทย เกิดขึ้นเมื่อราวเดือนตุลาคม พ.ศ.๒๕๒๘ โดยมีนายปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา เป็นผู้ก่อตั้ง และแน่นอน มี "ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล" เป็นผู้บริหารอีกคน และอาจถือได้ว่าเป็นโลโก้ของบริษัทฯเลยก็ว่าได้ สำนักงานอยู่ที่ตึกสูงแห่งหนึ่งย่านนานา มีทุนจดทะเบียนเริ่มต้นเป็นล้านบาท(แต่ไม่รู้ว่าอยู่ที่เท่าไร) มีบุคลากรในบริษัทนับตั้งแต่สิบคนไปจนถึงร้อยคน แล้วลดมาอยู่ที่ระดับหลายสิบในปัจจุบันนี้แหละ...(แต่ไม่รู้ว่าอยู่ที่เท่าไรอีกเช่นกัน) เริ่มจับงานด้านโทรทัศน์เป็นครั้งแรกก็ "ข่าวร่วม ๓ กับ ๙ อ.ส.ม.ท." แต่พอช่อง ๓ ทำข่าวเอง ช่อง ๙ ก็ทำข่าวเองบ้างโดยมีแปซิฟิคทำหน้าที่ช่วยคุมรายการข่าวด้วย โดยนำเสนอข่าวหลากหลายรูปแบบ สะดวกต่อผู้ชมและตัวผู้ทำข่าวด้วย นี่แหละ...ที่ทำให้ข่าว ๙ อ.ส.ม.ท. ยุคใหม่ เป็นที่กล่าวขวัญของประชาชนที่ชอบติดตามข่าวสาร เมื่อเทียบกับในอีก ๑๐ ปีต่อมา  สุทธิชัย หยุ่น คือไอดอลในยุคเก้าศูนย์ ถ้าเป็นยุคสองพันก็ต้องสรยุทธ์ จากนั้นจึงขยายทำรายการประเภทอื่นๆด้วย เริ่มต้นที่รายการสารคดี จากนั้นจึงทำรายการประเภทวาไรตี้ที่ชื่อ "คืนนี้ที่ช่อง ๙" หรือที่นี่...กรุงเทพฯ ในปีถัดมา ออกอากาศรายการสุดท้ายของคืนวันศุกร์ เมื่อปลายปี พ.ศ.๒๕๓๑ ถือเป็นปฏิวัติรายการวาไรตี้รายการแรกๆของไทยในช่วงกลางคืน เกิดชายที่ชื่อ "วิทวัส สุนทรวิเนตร์" โดยในยุคแรกๆ ปักหลักทำรายการให้กับช่อง ๙ เพียงแห่งเดียว จนถึงได้เกิดข่าวคราวที่ถาโถมจนลงบนหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งแทบทุกวันในช่วงระยะเวลาปลายปี ๓๑ ถึงต้นปี ๓๒ เป็นเหตุที่จำต้องปลดแปซิฟิคออกจากช่อง ๙ และเป็นจริงในที่สุด แปซิฟิคจึงย้ายฐานการทำรายการให้กับสถานีช่องอื่นๆบ้าง เริ่มจากช่อง ๗ สี, ช่อง ๑๑ จนถึงช่อง ๕ กลับมาฮิตที่ช่อง ๕ ด้วยรายการข่าวภาคค่ำ, ข่าวฮอตไลน์อีกทั้งได้ตั้ง "อี.เอ็ม.นิวส์" เป็นกิจการในเครือของแปซิฟิค และเกิดบุคคลในรายการข่าวจนมีชื่อเสียงอยู่มากมาย ขนาดบางคนก็จำต้องออกจากบริษัทฯไปตั้งตัวเอง อย่างเช่น คุณสาธิต, คุณนิรมล เป็นต้น... ส่วนรายการประเภทอื่นๆยังคงมีเช่นเดิม และมีใหม่มากขึ้น อาทิ โลกสลับสี, สารคดีที่สั่งตรงมาจากต่างประเทศ อย่าง เนชั่นแนลจีโอกราฟฟิค, รายการที่นี่...กรุงเทพฯ ยุคที่คุณนิรุตติ์ ศิริจรรยา เป็นพิธีกร, สารคดีเผชิญหน้าสภาวะแวดล้อม(กิตติ สิงหาปัด),เช้าวันนี้-รายการปกิณกะเชิงข่าวรายการแรกๆของไทยที่ออกอากาศตอนเช้า เช่นเดียวกับรายการเรื่องเล่าเช้านี้, รายงานแปซิฟิค(กลับมาที่ช่อง ๙ อีกครั้ง),ฯลฯ และรายการ "ตามล่า...หาความจริง" สารคดีเชิงข่าวรายการแรกๆของไทยในยุค 1990 ดำเนินรายการโดย ประไพพักตร์ โขมพักตร์ โดยรวมแล้ว ผลงานส่วนใหญ่ล้วนเป็นผลงานที่ให้สาระแทบทั้งนั้น แต่มีความบันเทิงอยู่บ้าง แปซิฟิคฯ...ไม่ได้ทำละครหรือภาพยนตร์แต่อย่างใด เว้นเพียงดอกคิวเมนท์ดราม่าเท่านั้นแหละที่เคยทำมาบ้างแล้ว นอกจากทำงานด้านโทรทัศน์แล้ว ยังรุกงานด้านวิทยุ(ศูนย์ข่าวแปซิฟิค,จส.ร้อย) และสื่อสิ่งพิมพ์(นิตยสารดิฉัน) และกิจกรรมต่างๆ อีกด้วย ในขณะที่อีก ๑๐ ปีหลังวันก่อตั้ง ชื่อของ "ดร.สมเกียรติ" ก็ไม่ใช่โลโก้ของแปซิฟิคอีกต่อไป "แปซิฟิค" ยังคงทำหน้าที่ต่อไป แม้จะมีคนรุ่นใหมไฟแรงเข้ามาร่วมงานให้กับอดีตที่โลกมีข่าว-สาระที่ชื่อ "แปซิฟิค" จนถึงปัจจุบันนี้ "แปซิฟิค" ยังคงอยู่ ดังจะเห็นได้จากนิตยสารดิฉัน, จส.๑๐๐ และสารคดีเฉลิมพระเกียรติหรือเทิดพระเกียรติ ซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ทุกช่องเมื่อมีโอกาสอันเป็นมงคล ส่วนงานด้านโทรทัศน์เพื่อออกอากาศเป็นประจำนั้น โอกาสที่จะกลับมาเป็นแปซิฟิคที่มีนายสมเกียรติในวัยเกือบ ๖๐...คงไม่ยาก ถ้าเกิดมีคนศรัทธามาก...มาก ในเรื่องของข่าวทีวี แม้ว่าในปัจจุบันนี้ ยังมีบริษัทที่ช่วยทำข่าวให้กับทางสถานีฯด้วย แต่มีบ้างประปราย เพราะผลงานการทำข่าวในปัจจุบันโดยส่วนใหญ่แล้วเป็นหน้าที่ของสถานีฯ - - - - - ยังมีอีกผู้จัดบางกลุ่มที่ยืนยงคงกระพันมานานไม่ต่ำกว่า ๑๕ ปี แต่จะเป็นผู้จัดเล็กๆ เช่น ของคุณวิทวัส, คุณสิทธินี กิตติสิทโธ ซึ่งแต่ก่อนทำรายการออกมาหลากหลายรูปแบบ จนถึงวันนี้ทำรายการประเภทสารคดีเสียส่วนใหญ่ อย่างเช่นรายการความดีคู่แผ่นดิน, หรือจะเป็น ทรีเลี่ยนส์ ซึ่งผลิตรายการสารคดีที่อยู่คู่ช่อง ๗ สีมานานถึง ๒๓ ปี ที่ชื่อกระจกหกด้าน และรายการย่อยๆอีกหลายรายการ,บรอดคาซท์ไทยเทเลวิชั่น ที่ผลิตรายการให้กับช่อง ๓ ซึ่งแต่ก่อนทำรายการหลากหลายประเภท แต่เดี๋ยวนี้...ปักหลักทำแต่ละคร, ผู้จัดละครอีกหลายราย เป็นต้น... จึงพอสรุปไว้เพียงแค่นี้ เอาเฉพาะผู้จัดรายใหญ่ๆที่ได้มาอวดกันเพียงคร่าวๆแต่มันกินเนื้อที่ค่อนข้างมากแล้ว คุณชอบใคร คุณจะเชียร์ใคร คุณชอบฝีมือของผู้จัดรายใด ...เชิญโหวตมาได้ ณ ที่นี้ ? แก้ไขเมื่อ 04 มิ.ย. 49 10:44:39 จากคุณ : จขกท (คนหยังเขียด) - [ 2 มิ.ย. 49 20:13:24 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขยันโพสท์จังเลยครับ นับถือๆ จากคุณ : ปอ.2 - [ 2 มิ.ย. 49 20:26:36 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เจ๋งดีอ่ะ  ข้อมูลแน่นมาก บริษัทเหล่านี้ถือเป็นระดับตำนานของวงการโทรทัศน์เมืองไทยเลยอ่ะ โหวตให้ละกัน ขอบคุณจขกท. ที่หาข้อมูลความทรงจำดีๆมาให้อ่าน โหวตให้ เจ.เอส.แอลแหล่ะ  เพราะถืิอเป็นต้นกำเนิดบุคคลากรคนสำคัญๆในวงการ แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 49 22:12:30 จากคุณ : vacuum_car - [ 2 มิ.ย. 49 22:05:03 ]

ความคิดเห็นที่ 11 สุดยอด ...... จากคุณ : levee - [ 2 มิ.ย. 49 22:48:58 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เพลงหุ่นไล่กา (ฮิตมากๆสมัยโน้น) มองดูโลกซิเจริญไกล มีน้ำมีไฟอยู่ตึกงาม มองดูกายคนเด่นงามดี มองดูใจซีกลับเลวทราม... แก่งแย่งชิงดีกัน มาถึงก็จะทำ ห้ำหั่นกันวอดวาย ตัวฉันเป็นเพียงหุ่นไล่กา มีหญ้ามีฟางห่มร่างกาย ไม่มีสมองที่จะคิด ไม่มีชีวิตเช่นใครๆ.... ...... ...... เอ่อะ...แล้วร้องยังไงต่ออ่ะ จำได้แค่นี้ ถ้าเอามาทำเป็นร็อคก็เพราะดีนะ คิดถึงวัยเด็กนะ พ่อบอกให้ดูละคร บาปบริสุทธิ์ ดูตลอด รายการประจำจอคือ คอนเสิร์ตคอนเทสต์ ชอบมากๆ พอโตแล้วติดเพชรฆาตความเครียด ส่วนรายการฝันที่เป็นจริง ดูไปนานๆแล้วจะเริ่มไม่ชอบสามภพเพราะเฮียแกเริ่มเฟคไปเรื่อยๆ แล้วบรี๊ดก็แจกๆ แจกจริงๆ มีแต่รถเข็น แต่ก็เป็นไปตามต้องการของคนในรายการนะ แล้วถ้าดำรง พุฒตาล เป็นคนดำเนินรายการอะไรก็แล้วแต่ เราตามดูหมด จากคุณ : แดงเร็กเก้บาร์ - [ 2 มิ.ย. 49 22:59:52 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณ จขกท ด้วยเช่นกันค่ะ อ่านแล้วได้รู้อะไรมากขึ้น และยังคิดถึงรายการตอนเด็กๆ ด้วย.. จากคุณ : jam (jamjan) - [ 3 มิ.ย. 49 03:09:39 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ชอบ "ขายหัวเราะ"  โดย ต๊อกบูม ชอบละคร บ.รัชฟิล์ม นาทีทอง / ประตูดวง / นัดบอด เสาร์สโมสร / พบกันวันเสาร์ซะบ้าง มาตามนัด / ล้มเค้า / พลิกล็อค เปิดใจดารา จันทร์กะพริบ ฝันที่เป็นจริง ( ไม่ชอบ แต่ยอมรับว่า ดังมาก ) ต่อไปในอนาคต ทำนายได้ว่า ต้องมีคนพูดถึงรายการ ดังต่อไปนี้ คนค้นคน / กบนอกกะลา / ถึงลูกถึงคน / คุยคุ้ยข่าว / เรื่องจริงผ่านจอ และ...อันนี้ชอบมาก ทั้งขำทั้งกวน คือรายการ ตะลุยกองถ่าย ( โดยเจ้ตะลุย tv.3 ) แน่ๆ จากคุณ : ติดจอ - [ 3 มิ.ย. 49 05:02:08 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ยกนิ้วให้ในข้อมูล  และขออนุญาตเก็บข้อมูลนี้ครับ  เป็นข้อมูลที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้กันแล้ว ยังคิดถึงวันคืนเก่าๆ  โดยเฉพาะ รัชฟิล์มทีวี.... จากคุณ : ~ก้านกฤษณา~ - [ 3 มิ.ย. 49 05:41:03 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ตอนเด็กๆ ยังเคยฟังละครวิทยุกันตนาอยู่เลยค่ะ จากคุณ : วิสกี้โซดา - [ 3 มิ.ย. 49 08:01:02 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณสำหรับข้อมูลแน่นๆค่ะ จากคุณ : หางเปีย หูหมา - [ 3 มิ.ย. 49 09:57:28 ]