สืบเนื่องจากกระทู้ที่แล้วคะ
จริง ๆ ดิฉันกำลังจะไปตอบและเล่าเรื่องต่อจากเดิม ที่ยัง กระทู้เดิมแล้วละ
แต่เรื่องที่จะเล่าต่อนี่มันค่อนข้างต่างจากเดิม และอยากบอกว่าการปฏิบัติต่อเรา จากตำรวจสถานีลุมพินี ต่างจากทองหล่อมากกกกกกกกกกกก
เรื่องราวมีดังนี้ค่ะ
หลังจากที่ต้องย้ายสถานีและไปให้ปากคำใหม่ เนื่องจากผู้หมวดจาก สน.ลุมพินีที่โทรมา บอกว่าคำให้การไม่ละเอียดเลย เลยให้มาสอบใหม่ ดิฉันก็เซ็งแต่ก็โอเค เพราะไม่อยากให้คนร้ายหลุด เราอยากให้มันได้รับโทษถึงที่สุดตามที่มันกระทำนั่นแหละ
ตอนอยู่บนรถก็ตั้งใจว่า ถ้าไปถึงแล้วตำรวจมาถาม แบบถามเฉย ๆ ไม่จด ไม่พิมพ์ เราจะไม่เล่านะ เพราะเราเล่ามาเยอะแล้ว เราจะขอให้พิมพ์ปากคำไปเลย คือสอบจริงจังเลยทีเดียว
จากเดิมที่นัดคุณตำรวจไว้ตอนเย็นวันศุกร์ คุณตำรวจโทรมาขอเปลี่ยนเป็นวันเสาร์ เราก็โอเค วันเสาร์สามโมงตรงเวลาเย็น
ดิฉันไปก่อนเวลา คุณตำรวจมาตรงเวลา มาถึงเป็นตำรวจหนุ่มเลยนะ ยังเด็ก ๆ อยู่เลยแหละ คุณผู้หมวดเชิญดิฉันเข้าไปในห้อง ที่เป็นห้องสอบสวนเลย (ต่างกับที่ทองหล่อมาก เพราะทองหล่อ ไม่ว่าใครมาแจ้งเรื่องอะไร คดีเก่าหรือใหม่ หรือให้ปากคำเพิ่มเติม ก็มานั่งรวมกันอยู่ห้องเดียวกันหมด คือห้องด้านหน้า ทั้งนั่งรอ นั่งเล่น เด็กวิ่งไปมา ก็ตรงนั้นแหละ แถมสอบคนนึงอยู่ดี ๆ ก็หันมาถามเรื่องของอีกคนนึงเฉยเลย ทิ้งคนเก่าที่เล่าอยู่ให้ค้างอย่างนั้นแหละ ดิฉันเจอมาแล้ว ตำรวจสอบคนอื่นอยู๋ แต่พอดิฉันบอกว่ามาแจ้งความเรื่องอะไร ตำรวจที่สอบคนอื่นอยู่ก็ทิ้งเจ้าทุกรายนั้นแล้วหันมาฟังเรื่องของดิฉันแทน แต่ที่มาฟังเนี่ย คือฟังเฉย ๆ นะ ไม่ได้มาช่วยอะไรเลย
แต่ที่สน.ลุมพินี เค้าพาเข้าห้อง ตอนแรกก็นึกว่าเป็นห้องพักตำรวจ เหมือนห้องพักครูไง แต่ตอนหลังถึงรู้ว่า คนที่จะเข้ามาห้องนี้คือต้องแบบมาให้ปากคำ ข้างในห้องก็จะแบ่งเป็นคอก ๆ เวลานั่งลงแล้วจะไม่เห็นหน้าคนอื่น ก็เหมือนโต๊ะตามที่ทำงานของออฟฟิศทั่วไปแหละค่ะ ตำรวจแต่ละคนก็จะมีโต๊ะทำงานของตัวเองแล้วมีที่กั้นแยกจากกัน)
คุณตำรวจทำให้ดิฉันรู้สึกผิดคาดนะ เพราะว่าไปถึง ก็เปิดคอมเลย แล้วเอางานเก่า (เอกสารต่าง ๆ ) ของเดิมที่ตอนสอบปากคำกับทองหล่อออกมา แล้วคุยกับดิฉันว่า จะขอให้ดิฉันเล่าเรื่องให้ฟังอีกรอบนึง โดยครั้งนี้จะไม่พูดถึง ตำแหน่งที่เกิดเหตุว่ามันเกิดริมถนนหรือบนพื้นถนนกันแล้ว เอาเป็นว่า คดีมาจนถึงที่นี่แล้ว ก็ให้ดิฉันบอกไปเลยว่า เกิดตรงฟุทบาทก็ได้ จะได้ไม่มีปัญหาอีก คุณตำรวจยังเปรยด้วยว่า ไม่เข้าใจว่าทำไมคดีมันเพิ่งมาถึงเค้า ในคำให้การบอกว่าเรื่องเกิดตอน 13.00 แต่ที่ทองหล่อส่งเรื่องพร้อมส่งตัวคนร้ายมาให้ลุมพินี เวลาสองทุ่มกว่า ๆ ของวันนั้น ซึ่งช้ามาก ไม่รู้ว่าทำอะไรกันอยู่ สอบปากคำก็ไม่ละเอียด ใช้การไม่ได้ ส่งฟ้องไม่ได้เลย โดนตีกลับมาแน่ ๆ
ถึงตอนนี้ดิฉันเลยเล่าให้ผู้หมวดฟังด้วยว่า ดิฉันไปสถานีตั้งแต่ยังไม่บ่ายสอง จนถึงห้าโมง ตำรวจ สน. ทองหล่อ ยังไม่มีใครทำอะไรเลย นอกจากเวียนกันมาถามว่าเกิดอะไรกับดิฉัน ให้เล่าอย่างเดียว ไม่จดไม่พิมพ์อะไร พอจะเริ่มสอบจริงจัง ก็โยนกันไปมา แถมยังบอกด้วย ว่าเค้ารับทำคดีให้ได้นะ ถ้าเป็นอนาจาร แต่ถ้ามีชิงทรัพย์ด้วย มันจะยุ่งยากขึ้นเยอะ พอดิฉันบอกว่าจะเอาเรื่องตรงชิงทรัพย์ด้วย ตำรวจ ทองหล่อก็ทำเหมือนว่าจะไม่ทำคดีให้ ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ถึงโยนมาที่ลุมพินีนี่
หลังจากที่เล่าคร่าว ๆ ว่า สน. ทองหล่อทำอะไรบ้าง ดิฉันก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้คุณผู้หมวด สน. ลุมพินีฟัง ตลอดเวลาที่ดิฉันเล่า ตำรวจซักถามอย่างละเอียด และไม่หัวเราะเลยสักครั้งเดียว ผิดกับตอนที่ดิฉันเล่าให้ สน. ทองหล่อฟัง ทั้งที่เป็นการสอบปากคำ แต่ตำรวจ สน. ทองหล่อก็หัวเราะอยู่หลายครั้ง เวลาดิฉันเล่าว่าดิฉันกระชากผมคนร้าย และเตะคนร้าย (จริง ๆ ตอนแรกดิฉันไม่ได้ซีเรียสมากเรื่องที่ตำรวจสน. ทองหล่อหัวเราะเวลาดิฉันเล่าเรื่อง เพราะว่าตั้งใจแต่ว่าอยากให้การแจ้งความได้ผล คนร้ายถูกลงโทษ แต่พอมาเห็นการทำงานของผู้หมวด สน. ลุมพินี ดิฉันกลับรู้สึกว่า เค้าให้เกียรติดิฉัน ที่ไม่หัวเราะขำเรื่องที่ดิฉันถูกคนร้ายรังแก แม้ว่าจะไม่บาดเจ็บทางร่างกาย แต่ดิฉันบอกคุณผู้หมวดไปว่า ดิฉันนอนไม่หลับ แถมพองีบไป ก็ยังนอนกัดฟันและหน้าคนร้ายยังลอยขึ้นมาเลย จริง ๆ แล้วให้มันมาเอากระเป๋าเงินไปดีกว่า จะไม่เจ็บใจเท่านี้เลย --เรียกว่าวันนี้เจ็บใจทั้งคนร้าย ทั้งตำรวจ ตอนหลัง ๆ โกรธตำรวจมากกว่าคนร้ายเสียอีก (อย่าให้เจอนะ สน. ทองหล่อ)
เรื่องราวมันเกิดวันที่ 31 พ.ค. ก็จริง แต่เช้าอีกวันคือวันที่ 1 มิย. ดิฉันตื่นมายังคิดว่าจะนั่งรถไปสถานีทองหล่ออยู่เลย เพราะว่าแค้นมัน จะไปดูหน้าว่าตำรวจยังจับมันอยู่ใช่ไหม ถ้าปล่อยมันไปแล้ว จะได้ด่าตำรวจแทน (ตอนนั้นคิดอย่างนั้นจริง ๆ ข - -" ปล. แต่ตอนนี้ดิฉันใจเย็นและดีขึ้นเยอะแล้วค่ะ แหะ ๆ )
ในการสอบปากคำครั้งนี้ เสร็จสิ้นภายใน 20 นาทีเป๊ะ และเมื่อคุณผู้หมวดเอาเอกสารที่พิมพ์มาให้ดิฉันอ่าน ก็ปรากฏว่าได้ใจความที่มีรายละเอียดครบถ้วน อีกทั้งยังใช้ข้อความได้ดี (ตำรวจใช้คำว่าคลึง แทน ขยำ หรือบีบ อะไรเงี้ย) ดิฉันบอกว่าเสร็จเร็วจัง (ตอนแรกคิดว่า ไม่อยากให้เกินห้าโมง แต่ตำรวจบอกว่า สอบปากคำน่ะไม่นานหรอกครับ ปกติยังไงก็ไม่น่าจะเกิน 30 นาที ก็ไม่ทราบว่าคนก่อนเค้าทำงานกันยังไง)
สรุปว่า ดิฉันรู้สึกดีดี (ดีแบบมาก ๆ น่ะค่ะ) กับคุณตำรวจท่านนี้ และขอบคุณเค้าก่อนกลับออกมา (ก่อนกลับยังบอกเค้าซ้ำอีกว่าที่ทองหล่อให้ดิฉันรอกว่า 5 ชม. แหละ)
สรุปว่าคดีของดิฉัน คนร้ายก็สารภาพ ก็ต้องรอส่งฟ้องศาล คนร้ายก็คงถูกจำคุกไม่กี่เดือน (ตำรวจบอกไม่ทราบว่านานเท่าไร แล้วแต่ศาลตัดสิน)
ดิฉันกล่าวขอบคุณคุณผู้หมวดไปสองครั้ง (ก่อนออกจากห้องสอบและก่อนลงจากโรงพัก) ไหว้เค้าไป 1 ที ("แต่ในใจอยากจะจับมือ และบอกเค้าว่าขอให้ทำงานด้วยความตั้งใจแบบนี้ตลอดไป " --นึกภาพออกไหมคะ เหมือนแบบเวลาพวก ส.ส.ไปหาเสียงแล้วมีคนมาจับมืออะไรแบบเนี้ย ดิฉันอยากจะจับมือคุณผู้หมวดแบบนั้นมั่ง แต่ว่าไม่กล้า เลยได้แต่ไหว้ขอบคุณ)
สุดท้าย อยากรู้จังค่ะว่า ใครเป็นคนควบคุมดูแลการทำงานของตำรวจตามโรงพัก (หมายถึงทั้งโรงพักเลยนะ อย่าบอกว่า ผู้กำกับเป็นคนดูแลเลย เพราะที่ทองหล่อไม่ว่าจะผู้กำกับหรือสารวัตรก็ดูจะไม่ได้ช่วยอะไรประชาชนที่เดือดร้อนได้เลย)
ดิฉันไม่ทราบระบบการปกครองหรือการทำงานของโรงพักเท่าไหร่ แต่ถ้า 1 โรงพักเหมือน 1 บริษัท โรงพักลุมพินีก็เป็นบริษัทที่มีระบบการทำงานที่เป็นระเบียบ ทำงานได้ประสิทธิผล และดูจะเจริญรุ่งเรืองต่อไปในฐานะของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ตัวจริงเสียงจริง แต่โรงพักทองหล่อถ้าเป็นบริษัท คงจะอีกไม่นานที่คนทั้งประเทศจะรู้ว่า โรงพักนี้มีดีแต่ชื่อ ทำเลดี ตั้งแต่บนพื้นที่ที่แพงมากที่สุดแห่งนึงของกรุงเทพ แต่ทว่ามันก็เป็นตำรวจปลอม ๆ ที่ เพราะมันทำงานแบบปลอม ๆ เราหวังว่าตำรวจแบบนี้จะถูกย้าย (ย้ายไปอยู่กับท่านยมบาลในไม่ช้า เพราะไปโรงพักไหนก็มีแต่จะทำให้เค้าเสื่อมเสีย ไม่อยากทำงานก็ควรจะลาออกไปซะนะ)
ปล. ดิฉันอยากบอกให้คนทราบชื่อคุณผู้หมวด สน.ลุมพินีใจจะขาด แต่ไม่กล้าลง เพราะว่าไม่ได้ขออนุญาต
จากคุณ :
chan-rak-thong-fa
- [
4 มิ.ย. 49 20:42:01
]