ความคิดเห็นที่ 1 ซึโตมุ มิยาซากิ (1962) ผู้เป็นที่รู้จักกันในนามของ ฆาตกรโอตาคุ , ผีดูดเลือด ฆาตกรฆ่าเด็ก เขาเป็นทารกคลอดก่อนกำหนดที่มีคลอดมาพร้อมกับความพิการมาแต่กำเนิดคือ..มีข้อมือที่เชื่อมติดกัน ทำให้การขยับแขนของมีความผิดปรกติต่างจากเด็กคนอื่นๆ เดิมทีผลการเรียนของเขาจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ดีแต่ต่อมาเมื่อขึ้นชั้นประถม ความพิการของเขาได้กลายมาเป็นเรื่องล้อเลียนของเพื่อนๆในวัยเดียวกัน นับจากนั้นเขาก็เริ่มเก็บตัวและในที่สุดเขาก็หันไปอ่านการ์ตูนอย่างหมกมุ่น จนผลการเรียนตกต่ำลงเรื่อยๆ จากเดิมที่เขาคาดหวังว่าจะเรียนภาษาอังกฤษเพื่อเป็นอาจารย์ ก็ต้องหันเหไปเรียนในมหาลัยท้องถิ่นในสาขาเทคนิคการถ่ายภาพ ช่วงปี 1988-1989 มิยาซากิได้ก่อคดีฆาตกรรมเด็กหญิงถึงสี่คน โดยอายุของเหยื่อจะอยู่ในช่วง 4-7 ปี หลังจากเหยื่อเสียชีวิตแล้ว เขาจะลงมือข่มขืนศพจนสำเร็จความไคร่ และในเหยื่อบางรายเขาจะนำชิ้นส่วนของศพมาปรุงเป็นอาหาร ในยามกลางวัน มิยาซากิ-ลูกจ้างที่มีมารยาทสงบเสงี่ยมและพูดน้อยจะทำการเลือกเหยื่อมาสนองตัณหาของเขา มิยาซากิข่มขู่ครอบครัวของเหยื่อโดยส่งจดหมายที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องที่เขาได้กระทำกับเหยื่อของเขาไปให้แก่ครอบครัวนั้นๆ เช่นครอบครัวของเหยื่อคนหนึ่ง "เอริกะ นัมบะ" มิยาซากิส่งไปรษณียบัตรที่ใช้คำจากนิตยสารมาเรียงร้อยเป็นประโยคว่า "เอริกะ-หนาว-ไอ-คอ-เงียบ-ตาย" "มาริ คนโนะ" เหยื่อรายแรกของเขายังนับว่ายังโชคดีที่ได้ตายแบบมีหลุมฝังศพ มิยาซากิฝังเธอเอาไว้ในเนินเขาใกล้ๆบ้านแต่กระนั้นเขาก็ยังสับเอามือและเท้าของเธอมาเก็บไว้ในลิ้นชักที่บ้าน ซึ่งถูกค้นพบในตอนที่เขาโดนจับกุม ส่วนกระดูกที่เหลือนั้นเขาเผามันจนกลายเป็นขี้เถ้าและส่งมันกลับคืนไปยังครอบครัวของเหยื่อ พร้อมกับเศษฟัน และภาพถ่ายเสื้อผ้าของเธอ พร้อมทั้งไปรษณียบัตรที่มีคำว่า "มาริ-ณาปณกิจ-กระดูก-สืบสวน-พิสูจน์" ในปี 1989 มิยาซากิถูกจับขณะกำลังพยายามสอดกล้องวีดีโอเข้าไปในช่องคลอดของเด็กชั้นประถมคนหนึ่งในสวนสาธารณะใกล้บ้านของเธอ พ่อของเด็กตรงเข้ามาทำร้ายเขา มิยาซากิวิ่งหนีตัดผ่านสวนสาธารณะ เพื่อกลับไปที่รถของเขา และถูกจับ ณ ที่นั้น เมื่อตำรวจไปเข้าค้นที่ห้องพักของเขาและได้พบกับงานอดิเรกของมิยาซากิ นั่นคือ หนังสือโป๊ การ์ตูนโป๊และอนิเมชั่นกว่า 6000 ชิ้น รวมไปถึงภาพถ่ายขณะกำลังลงมือจัดการกับเหยื่อของเขา และท่ามกลางวีดีโอเทปมากมายในห้อง..มีอยู่ห้าม้วนที่เป็นวีดีโอบันทึกขณะทดลองหาวิธีฆาตกรรมที่เหมาะสม และมิบาซากิได้เลือกวิธีการในวีดีโอม้วนที่สองมาเป็นรูปแบบฆาตกรรมมาตรฐานของเขา ในที่สุดมิยาซากิผู้สงบเสงี่ยมแต่มีพฤติกรรมที่ตัดกับภาพพจน์ของเขา ก็ถูกจับและได้รับฉายาเป็น "โอตาคุฆาตกร" มานับตั้งแต่นั้น กรณีของมิยาซากิได้ทำให้เกิดกระแสต่อต้านโอตาคุและอนิเมชั่นไปทั่วญี่ปุ่น ต่อมาในปีช่วง 1990s มิยาซากิซึ่งยังถูกคุมขังอยู่ขณะที่เจ้าหน้าที่ของไซตามะ พาเขาเข้ารับการตรวจสอบทางด้านจิตวิทยา ในปี 1997 ผลปรากฏว่าทีมจิตแพทย์จากมหาลัยโตเกียวลงความเห็นว่าถึงแม้มิยาซากินั้นมีหลายบุคลิกภาพ และมีอาการของโรคจิตเภทขั้นรุนแรงแต่กระนั้นเขาก็สามารถรับรู้ถึงความรุนแรงของการกระทำของตน และรู้ถึงผลที่ตามมาจากการก่ออาชญากรรมของเขา ไม่นานหลังจากนั้น มิยาซากิถูกพิพากษาให้ประหารชีวิตโดยการแขวนคอ แต่หลังจากนั้นเขาก็ยังคงใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในคุกระหว่างรอยื่นอุธรณ์เพื่อลดโทษประหารเป็นจำคุกตลอดชีวิต ชีวิตของเขาดูไม่ต่างกับยามอยู่นอกคุกมากนัก เขาใช้เวลาวันหนึ่งๆหมดไปกับการอ่านหนังสือการ์ตูนและดูอนิเมชั่นในทีวีส่วนตัวเครื่องเล็กๆของเขา 17 มกราคม 2006, ศาลฎีกาได้พิพากษายืนโทษประหารชีวิตตามเดิมแต่ยังไม่กำหนดวันประหารชีวิต แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 49 20:50:39 แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 49 20:16:51 แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 49 20:10:22 จากคุณ : จ่าพิชิต ขจัดพาลชน - [ 5 มิ.ย. 49 19:48:32 ]

ความคิดเห็นที่ 2 จะว่ายังไงดีล่ะฮะ ...ทั้งน่ากลัว ...ทั้งน่าขยะแขยง ทำได้ขนาดนั้น...ยังเป็นคนอยู่รึเปล่า จากคุณ : +Cygnu$+ - [ 5 มิ.ย. 49 19:57:16 ]

ความคิดเห็นที่ 3 บทความเรื่องมิยาซากิ ตัวเต็ม! เร็วๆนี้!! [อันนี้แค่ preview เรียกน้ำย่อย] แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 49 20:57:16 แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 49 20:16:32 แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 49 20:04:06 จากคุณ : จ่าพิชิต ขจัดพาลชน - [ 5 มิ.ย. 49 19:58:17 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เคยได้ยินเหมือนกัน ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นทั้งข้อง ว่างั้นเหอะ เราต้องแยกแยะ จิตนาการกับความจริงให้ออกน้อ อย่างผมเนี่ย ทำงาน งกๆๆๆ ทั้งวัน หาตังไปซื้อการ์ตูน อนิเม 9ฯ9 แถมหลังๆเนี่ย พี่แกออกถี่เหลือเกิน จะไม่มีกินอยู่แล้วเนี่ย ^^ ปล. ขอบคุณสำหรับเกร็ดความรู้หวังว่า บ้านเราคงไม่มีเหตุการ์ณแบบนี้นะไม่งั้น มีหวัง โดนแบนแน่ๆ อนิเมทั้งหลาย จากคุณ : Ice-man - [ 5 มิ.ย. 49 20:00:26 ]

ความคิดเห็นที่ 5 โรคจิตสุดๆ - -" หมอนี่เอง ตัวการใหญ่ที่ทำให้ภาพพจน์โอตาคุมันเลวร้ายถึงขีดสุด... จากคุณ : TRipLE - [ 5 มิ.ย. 49 20:02:49 ]

ความคิดเห็นที่ 6 นี่ไง...โอตาคุขั้นเทพ อยากเป็นกันมากสินะ ? จากคุณ : เหมา มาสเตอร์ - [ 5 มิ.ย. 49 20:07:50 ]

ความคิดเห็นที่ 7 แต่กระนั้นเขาก็ยังสับเอามือและเท้าของเธอมาเก็บไว้ในลิ้นชักที่บ้าน นึกถึงคิระ โยชิคาเงะ จากโจโจ้ภาค 4 ขึ้นมาทันที เป็นพนักงานบริษัท เจี๋ยมเจี้ยมคล้ายๆกันอีก ว่าแล้วก็ไปเอาโจโจ้มาอ่านอีกรอบ จากคุณ : Bombay Sapphire - [ 5 มิ.ย. 49 20:08:11 ]

ความคิดเห็นที่ 8 คนบ้ามันก็คือคนบ้าอ่ะ ต่อไปใครจะเป็นคิระเนี่ย จากคุณ : หนุ่มหน้าใสหัวใจติดดิน (Engl'_มาโพสต์) - [ 5 มิ.ย. 49 20:15:13 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เท่าที่อ่านตอนนี้ดูเหมอืนยังไม่จบ (จ่ายาวอยู่แล้ว) ถ้าขัดREPก็ขอโทษครับ แต่แนะนำว่าให้พิมพ์สั้นๆเอา REPไปก่อนแล้วค่อยมานั่งเขียนทีหลังจะดีกว่าครับ จะได้ต่อเนื่อง(แบบREP3) ปล แล้ววิธีฆ่ามันเกี่ยวกะโอตาคุตรงไหนอ่ะ  เลียนแบบการ์ตูน? คลั่งลัทธิ DJ? เห็นสาวๆในการ์ตูนแล้วอยากฆ่าเลยมาระบายกับเด็กที่อิมเมจคล้ายๆกัน?(แบบข่าวคนที่ฆ่าเด็กเพราะอยากฆ่าซากุระในCCS) หรือแค่เป็นพวกบ้าการ์ตูนแล้วเป็นฆาตกรด้วยเลยเรียกว่าโอตาคุฆาตกร(แต่มันก็ไม่น่าเกี่ยวกับการแอนตี้การ์ตูนสิ) ตรงนี้ยังไม่เคลียร์แฮะ รออ่านต่อ แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 49 20:22:25 จากคุณ : Greaty O-U!! - [ 5 มิ.ย. 49 20:22:02 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ^ ^ ^ กำลังแปลอยู่เดี๋ยว Edit เพิ่มครับ แต่คงได้วันหลังเพราะมันยาวมากๆ อันนี้เอาตัวที่พูดถึงคดีนี้แบบคร่าวๆมาให้ดูก่อน แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 49 20:48:45 จากคุณ : จ่าพิชิต ขจัดพาลชน - [ 5 มิ.ย. 49 20:25:43 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อ่านอยู่น่าสนใจดี แต่ฆาตกรบนโลกมีเยอะแยะไป ถ้าฆาตกรเป็นผู้ชายทำงานbank ไม่ต้องมาต่อต้าน คนทำงานbankหรือไร ผมว่ามันอยู่ที่ตัวบุคคลที่ไม่รู้จักคิดว่าอะไรผิด ถูกมากกว่า แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 49 20:50:23 จากคุณ : ZeroEnna - [ 5 มิ.ย. 49 20:46:07 ]

ความคิดเห็นที่ 12 รออ่านจ้า จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย - [ 5 มิ.ย. 49 20:52:45 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ู^ ^ ^ ไอ้คนนี้ถ้าจะว่าไปผมว่ามันไม่ได้ก่ออาชญกรรมอะไรเพราะการ์ตูนหรอก เพราะประวัติเขามีตัวกระตุ้นให้กลายเป็นอาชญากรเยอะมาก แต่ผมเอามาให้อ่านเพราะคิดว่าคงผ่านตาหลายๆคนมาแล้วน่ะครับ จากคุณ : จ่าพิชิต ขจัดพาลชน - [ 5 มิ.ย. 49 20:55:45 ]

ความคิดเห็นที่ 14 สงสัยจะเป็นต้นแบบคิระในโจโจจริงๆแฮะ จากคุณ : นายเบียร์ - [ 5 มิ.ย. 49 20:58:38 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ท่านจ่า  ชี้ใครนะท่าน  ชี้ผิดคนแล้ว T-T จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย - [ 5 มิ.ย. 49 20:59:16 ]

ความคิดเห็นที่ 16 หนังสือโป๊ การ์ตูนโป๊และอนิเมชั่นกว่า 6000 ชิ้น ------ ผมว่าผมมียิ่งกว่ามัน ทำไมผมไม่เคยมีความคิดวิปริตแบบมันน่ะ....การถูกเพื่อนล้อเลียนในวัยเด็กจนเกิดปมปัญหาในจิตใจนี่น่ากลัวจริงๆแฮะ จากคุณ : luv - [ 5 มิ.ย. 49 21:04:06 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ผมว่าจะอยู่สายอาชีพไหน มีความชอบส่วนตัวแบบไหน โรคจิตมันไม่เข้าใครออกใครอ่ะครับ เพียงแต่พฤติกรรมหมกมุ่น คุยกับตัวเองคิดเองสรุปเองขาดการติดต่อสังคมกับคนภายนอก  มีส่วนจะไปเป็นตัวกระตุ้นให้ สภาวะทางจิตที่มีอยู่แล้วมันมี%เกิดขึ้นมากกว่าปกติเท่านั้น จากคุณ : ~STEP-PANDA~ - [ 5 มิ.ย. 49 21:32:48 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ไม่แปลกมากมายหรอกครับ ฆาตกรที่เป็นโอตาคุ จากจำนวนฆาตกร จำนวนนับสิบล้านบนโลกนี้จะนับเป็นกี่ % เคยได้ยินชื่อเสียงของเอ็ดกีนไหมล่ะครับ รายนี้ก็มีพฤติกรรมเก็บตัว ไอรีน วูฟเบอร์ ฆาตกรต่อเนื่องหญิงคนแรกก็ฆ่าเพื่อความแค้นและเงินตรา เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ ชายวิปริต รักร่วมเพศ ฆ่า ทรมาน กิน และข่มขืน(เหยื่อเป็นเด็กชาวเอเซีย) ผู้ต้องคดีฆาตกรรม 15 ราย (11 รายพบเป็นเครื่องประดับในห้องเขา)ก็มิใช่กลุ่มรักร่วมเพศทุกคนจะเลวร้าย รวมไปถึง เฮนรี่ ลี ลูคัส และ อ็อตติส ทูเล่ ผู้ที่ต้องคดี ข่มขืนแล้วฆ่าไม่เว้นเด็ก ผู้ชาย หรือผู้หญิงเพื่อความสนุกรวมสองราย ก็ตั้งแต่ 300 -689 คดี(เฮนรี่ 300 - 600 ราย ทูเล่ 65 ราย )ซึ่งปกติก็เป็นคนธรรมดา เท็ดบัดดี ชายหนุ่ม หน้าตาดี มีการศึกษา(ถ้าจำไม่ผิดศึกษากฎหมาย)ฆาตกรต่อเนืองโรคจิต ลักพาตัว ฆ่า ข่มขืน เด็ก-หญิงสาว จำนวน 30 กว่าคนก็ เป็นตัวอย่างให้เห็นได้ว่า หล่อก็ไม่ได้หมายความว่าดีเช่นกัน ครับ จากคุณ : davil amature - [ 5 มิ.ย. 49 22:04:21 ]

ความคิดเห็นที่ 19 แง... น่าสงสารเด็ก... พวกล้อเลียนเพื่อนในชั้นเรียนนี่ก็ตัวปัญหาสำคัญเหมือนกันนะ ตอนเด็กๆเราวิ่งช้า เพื่อนผู้ชายมันเลยชอบแกล้งล้อว่า เต่าๆ จากนั้นเลยเกลียดวิชาพละ กับกีฬาไปเลย... จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ - [ 5 มิ.ย. 49 22:12:23 ]

ความคิดเห็นที่ 20 โอตาคุเก็บตัวนี้บ้านเราไม่ค่อยหรอกนะครับน้อยๆๆๆจริงๆๆ ที่ญี่ปุ่นมีมากเพราะสังคมแบบตัวใครตัวมันน่ะครับ เขาเลยมีโอกาศเก็บตัวมากๆๆพวกที่โดนแกล้งก็จะเก็บตัว และหันไปหาเกมส์การ์ตูน ที่เก็บตัวเพราะเป้นโอตาคุนี่มีไม่มากหรอกครับส่วนใหญ่จะมีปัญหาเลยเก็บตัวครับ จากคุณ : Thanathoz - [ 5 มิ.ย. 49 22:14:15 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ^ ^ น้อยไม่ใช่แปลว่าไม่มีครับ  และมีโอกาศเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วย จากคุณ : Aya+EVE - [ 5 มิ.ย. 49 22:31:33 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เคยผ่านตามาเหมือนกัน เดี๋ยวขอแบบเต็ม ๆ เลยนะครับจ่า จากคุณ : ผมร้อยตำรวจเอกสมชายปลอมตัวมา - [ 5 มิ.ย. 49 22:37:19 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ของเต็มๆนี่ยาวโคตรเลยครับ ยังกะเรียงความสิบหน้ากระดาษ นั่งย่ออยู่เนี่ย จากคุณ : จ่าพิชิต ขจัดพาลชน - [ 5 มิ.ย. 49 22:39:48 ]

ความคิดเห็นที่ 24 อยากอ่านครับ ยาวก็อ่าน เก็บฉบับเต็มไว้นะครับ จากคุณ : norm - [ 5 มิ.ย. 49 22:48:02 ]

ความคิดเห็นที่ 25 โอตาคุ ก็ส่วนโอตาคุ คนบ้าก็คือคนบ้า ไม่เกี่ยวกัน เพียงแต่เจ้านี่เขาเป็นโอตาคุ ที่เป็นบ้าด้วย เพราะงั้นเป็นโอตาคุก็ไม่ได้แปลว่าบ้า คนบ้าก็ไม่ได้เป็นโอตาคุทุกคน เปรียบเทียบง่ายๆ ถ้ากะเทยคนหนึ่งชอบฆ่าคนกะเทยคนอื่นๆต้องชอบฆ่าคนด้วยรึเปล่า มันก็เปล่า ก็แค่นี้เอง สมองมีก็หัดคิดหน่อย จากคุณ : ดาวซัลโว - [ 5 มิ.ย. 49 22:55:41 ]

ความคิดเห็นที่ 26 หึหึหึ รออ่านด้วยคับ จากคุณ : verjil - [ 5 มิ.ย. 49 22:55:46 ]

ความคิดเห็นที่ 27 รอเซฟเก็บเป็นข้อมูล จากคุณ : slamer - [ 5 มิ.ย. 49 23:14:06 ]

ความคิดเห็นที่ 28 จริง ๆ  แล้ว ซึโตมุ มิยาซากิ เป็นคนป่วย เป็นจิตเภทแบบหนึ่ง เป็นคนที่ต้องรักษาพยาบาล และต้องระแวดระวัง แต่เขาไม่ใช่ โอตากุ ย้ำ เขาไม่ใช่ โอตากุ ซึโตมุ มิยาซากิ เป็นเพียงคนที่ถูก สื่อมวลชนญี่ปุ่น  ให้คำ "นิยาม" ว่าเป็น โอตากุ เท่านั้น การนิยาม โอตากุ โดยไปผูกพัน หรือ represent กับคนป่วยจิตเภทแบบ ซึโตมุ มิยาซากิ ทำให้ภาพลักษณ์ของ โอตากุ ในสังคมญี่ปุ่นเป็นแง่ลบตั้งแต่นั้นมา ในทางวิชาการด้านสื่อมวลชน และสังคมศาสตร์ หรือรัฐศาสตร์ เรียกปรากฎการณ์ "นิยามความเป็นจริง" แบบนี้ว่า "วาทกรรม" (discourse) และเรียกปรากฎการณ์ นิยามความเป็นจริงโดยสื่อมวลชนว่า "วาทกรรมสื่อมวลชน" (mass media discourse) ไว้ว่าง ๆ ผมจะเขียนเรื่อง discourse ให้อ่านกัน แต่ตอนนี้อยากให้ทุก ๆ คนที่เข้ามาอ่าน กระทู้นี้แยกแยะความแตกต่างระหว่าง "ความเป็นจริง" กับ "ความเป็นจริงที่ถูกสื่อสร้างขึ้น" ให้ได้ก่อน เพราะการที่ ซึโตมุ มิยาซากิ ป่วยเป็นจิตเภท สาเหตุส่วนหนึ่ง (ซึ่งเราไม่รู้) อาจมาจากการบริโภคสื่อแบบเกินพอดี แต่มันก็เป็นคนละเรื่องกันกับความหมายที่แท้จริง ของคำว่า โอตากุ ที่ถูกใช้ในความหมายของ "แฟนพันธุ์แท้" เท่านั้น อยากให้เข้าใจว่า ผู้ที่บัญญัติความเป็นจริง โดยผูกคำว่า โอตากุ กับ ความก้าวร้าว รุนแรง คือ "สื่อมวลชนญี่ปุ่น" ปล. ถ้าใครเรียนมาทางรัฐศาสตร์ สังคมวิทยา มานุษยวิทยา จะมาช่วยผมอธิบายคำว่า discourse ก็จะขอบคุณมาก ๆ นะครับ จากคุณ : keiji - [ 5 มิ.ย. 49 23:25:02 ]

ความคิดเห็นที่ 29 รออ่านค่ะ ขอบคุณคุณจ่าฯ จากคุณ : Thebrightestsunisthepurestgun - [ 5 มิ.ย. 49 23:25:22 ]

ความคิดเห็นที่ 30 มารออ่านครับ จากคุณ : cookiecompany - [ 6 มิ.ย. 49 00:05:03 ]

ความคิดเห็นที่ 31 มารออ่านค่ะ ติดใจสำนวนแปลของจ่ามาหลายกระทู้ละ เขียนได้น่าติดตามมากเลยค่ะ ^w^ จากคุณ : coolancelot - [ 6 มิ.ย. 49 00:33:29 ]

ความคิดเห็นที่ 32 พูดลอยๆนะ "ไม่ยอมรับความจริง" จากคุณ : ผักขมอบชีส - [ 6 มิ.ย. 49 00:53:30 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ลองคิดว่าถ้ามันมี death note ในมือหละ เออ........ จากคุณ : Qmansama - [ 6 มิ.ย. 49 01:01:08 ]

ความคิดเห็นที่ 34 อืม...คำว่า "วาทกรรม" นี่ก็น่ากลัวนะ เพราะมันทำให้คนเพียงหยิบมือเดียว สามารถสร้าง "ความเป็นจริง" ขึ้นมาเพื่อชักใย เพื่อบงการ เพื่อครอบงำคนหมู่มากให้มองเห็นไปตามนั้นได้ และอาจทำให้คนหมู่มากยอมทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น ตั้งแต่การตื่นกลัว รังเกียจชนกลุ่มน้อยกลุ่มนึง จนไปถึงสนับสนุนรัฐบาลในการก่อสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ----------------------- "เดิมทีผลการเรียนของเขาจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ดีแต่ต่อมาเมื่อขึ้นชั้นประถม ความพิการของเขาได้กลายมาเป็นเรื่องล้อเลียนของเพื่อนๆในวัยเดียวกัน นับจากนั้นเขาก็เริ่มเก็บตัวและในที่สุดเขาก็หันไปอ่านการ์ตูนอย่างหมกมุ่น จนผลการเรียนตกต่ำลงเรื่อยๆ" จากข้อความนี้ เราจะกล่าวว่ารากเหง้าที่สำคัญของปัญหาสังคมมาจากไหนกันแน่? 1. คนที่มีความผิดปกติ แตกต่างไปจากคนส่วนใหญ่ 2. คนส่วนใหญ่ที่ถือว่าตัวเอง "ปกติ" แล้วมักจะสอดส่ายสายตาไปหาคน "ผิดปกติ" เพื่อจะรุมทำร้าย ในทางกายและทางวาจา คอยกดและเหยียบย่ำให้ต่ำลงกว่าตัวเองเสมอ สมาชิกของกลุ่มคนใน ข้อ 1 ไม่แปลกที่เมื่อทำผิดอะไรแล้วถูกจับได้ ก็จะได้รับผลและถูกซ้ำเติมอย่างสาหัสเสมอ และมักจะถูกเหมารวม เพ่งเล็งไปถึง "ความเป็นกลุ่มนั้นๆ ทั้งกลุ่ม" ได้ง่ายๆ แต่สำหรับกลุ่มคนและการกระทำในข้อ 2 นั้น แทบไม่เคยมีใครกล้าลุกขึ้นมากล่าวโทษเลย เพราะการเป็นคนกลุ่มใหญ่ ที่ทำอะไร "เหมือนๆ กัน" จนกลายมาเป็น "มาตรฐาน" ของความเป็น "คนปกติ" และเกาะกลุ่มกัน ทำให้มีอำนาจมากกว่า ในขณะที่ "ชนกลุ่มน้อย" เป็นผู้ด้อยสิทธิ์เสียงและอำนาจ ทำให้ตกเป็นเป้าในการถูกกระทำย่ำยี หาเรื่องกล่าวโทษ ออกกฏมาบังคับข่มเหงได้อย่างสนุกสนานใช่หรือไม่? สรุปว่า ใครกันแน่ที่ "ปกติ"? ใครกันแน่ที่ "วิกลจริต" มากกว่ากัน? ...นี่เป็นคำถามที่ผมยังไม่อาจตอบได้ แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 49 08:40:27 จากคุณ : QuaOs - [ 6 มิ.ย. 49 08:39:06 ]

ความคิดเห็นที่ 35 สรุปว่า กะจะเอาจน คนที่ไม่เหมือนกัน ไม่มีที่ยืนในสังคม ถึงว่าสิ เขาถึงได้แยกตัวออกจากสังคม ทำให้สังคมนี้มีปัญหา เอากันเข้าไป จากคุณ : .eAT - [ 6 มิ.ย. 49 10:57:48 ]

ความคิดเห็นที่ 36 คิดเหมือน#6ครับ อนาถใจพวกงี่เง่าโปโมทว่าตัวเองเป็นโอตาคุจัง จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน - [ 6 มิ.ย. 49 11:15:10 ]

ความคิดเห็นที่ 37 สรุปว่าเราควรเห็นใจนายคนนี้ที่ตอนเด็กโดนสังคมรังเกียจ หรือเห็นใจเหยื่อ ของเขาที่ถูกฆ่า ข่มขืน กันดีล่ะ - -a จะอ้างอะไรก็อ้างได้ พ่อแม่ไม่รัก เพื่อนไม่คบ แฟนทิ้ง พิกลพิการ แล้วไง มันทำให้คุณมีสิทธิ์ไปทำร้ายคนที่คุณไม่รู้จักได้เหรอ ใครอยากเป็นโอตาคุ ก็เอาให้มันพอดี ๆ ละกัน จากคุณ : ซินเดอเรล่า - [ 6 มิ.ย. 49 11:28:29 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ผมว่าเรื่องนี้มันไม่ค่อยจะเกี่ยวอะไรกะคำว่า"โอตาคุ"นะ มันก็แค่สื่อญี่ปุ่นเอาคำนี้ไปใช้กะฆาตกรโรคจิตแค่นั้น เห็นด้วยกะ#17 #34 ครับ ป.ล.ท่านluvมีของมืดขนาดนั้นเลยรึเนี่ยถ้าไม่อยากเก็บเมื่อไร บริจาคผมก็ได้นะท่าน ^ ^ จากคุณ : .................... (ghost in the anime) - [ 6 มิ.ย. 49 11:40:04 ]

ความคิดเห็นที่ 39 /me เหลือบมองของหื่นที่กองเต็มเกือบเท่าผนัง ผมเป็นโอตาคุรึยังเนี่ย 5555 จากคุณ : มันอยู่ที่ความอึด - [ 6 มิ.ย. 49 12:17:40 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ผมว่าหลายคนยังอ่านจับใจความ และ วิเคราะห์ไม่เป็นนะเนี่ย แต่หลายความเห็นได้ให้มุมมองที่น่าสนใจมาก คุณภาพความเห็นที่แสดงออกมา มันแสดงให้เห็นถึงคุณภาพของคนที่ออกความเห็นนั้นด้วย จากคุณ : ขอตามอ่านต่อไปละกัน - [ 6 มิ.ย. 49 14:05:45 A:168.120.102.210 X: ]

ความคิดเห็นที่ 41 รออ่านแบบเต็มๆค่ะ  ยาวก็ไม่เป็นไร จากคุณ : Lastquarter - [ 6 มิ.ย. 49 16:38:04 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เข้ามาดู ... แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 49 18:53:30 จากคุณ : b4lmung - [ 6 มิ.ย. 49 18:52:58 ]

ความคิดเห็นที่ 43 คห.40ตอบถูกใจจัง >< จากคุณ : Aya+EVE - [ 6 มิ.ย. 49 19:47:50 ]

ความคิดเห็นที่ 44 เรื่องที่มันเกิดไปแล้วเราจะไปแก้อะไรได้ครับ มีแต่เป็นบทเรียนสำหรับอนาคตเท่านั้น คนตายแล้วก็ไม่สามารถพื้นขึ้นมาได้ อย่างเช่นแม่ผมถูกคนเมารถชนแล้วหนี จนผ่านไปหลายเดือนโดย สามารถตามหาคนที่ขับรถชนแม่ผมได้ ถามว่าผมควรจะทำยังไงกับเค้าครับ ขับรถชนเค้าแล้วแม่ผมก็ไม่สามารถฟื้นขึ้นมาได้ เพราะฉะนั้นก้เลยต้องไปแก้ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ขึ้นมา เราก็มาวิเคราะห์กันว่าสาเหตุที่เค้าเป็นฆาตกร เพราะอะไร แล้วอาจจะมีคนอีกมากขนาดไหนที่อาจจะมีพฤติกรรมใกล้เคียง กันบ้าง แล้วเราก็ลองคุยดู เราสังเกตุคนใกล้ตัวเราบ้างขนาดไหนว่าเค้ามีปัญหาบ้า่งหรือเปล่า หรือทุกวันเรามองถึงแค่ประโยชน์ส่วนตัวเท่านั้น คนใกล้ตัวเราจะเป็นยังไงก็ช่าง ทุกอย่างมาจากปัญหาครอบครัวครับ ถ้าพ่อแม่เอาใจใส่ไม่มีใครอยากให้ลูกเป็นโจร เป็นฆาตกรหรอกครับ ( หรือมีแต่เราไม่รู้ฟะ T_T ) ครอบครัวบางครอบครัวเอาแต่ทำงานแล้วหาเงินมาเลี้ยงเด็กโดย ไม่มีใครดูแล แล้วเด็กจะสามารถคิดเองได้หรือครับว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด ก็ถูกชักนำโดยสื่ออีกแหละครับ จากคุณ : Halogenmaster - [ 6 มิ.ย. 49 22:23:22 ]