CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ดูแล้วมาคุยกัน ... Superman Returns , ทำไมโลกใบนี้ยังต้องการ Superman ?

      ชอบมาก ห้ามพลาด (23 คน)
      ชอบ (29 คน)
      เฉยๆ (12 คน)
      ไม่ชอบ (1 คน)
      ไม่ชอบมาก เสียดายตังค์ (1 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 66 คน

     34.85%
     43.94%
     18.18%
     1.52%
     1.52%


    … เลือกอ่านเรื่องนี้พร้อมรูปพร้อมฟังดนตรีประกอบ + อ่านความเห็นอื่นๆ + เชิญชวนไปแสดงความเห็นเพิ่มเติมที่ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&group=1&month=07-2006&date=03&blog=1


    ideaข้อมูล: หนังมีความยาว 154 นาที , หนังได้รับเรท PG-13 , กำกับโดย Bryan Singer ,นำแสดงโดย Brandon Routh / Kate Bosworth / Kevin Spacey ฯลฯ , ใน IMDB.com ให้คะแนนเรื่องนี้ 7.9/10 ส่วนใน http://www.rottentomatoes.com ให้เรื่องนี้ Fresh ด้วยคะแนน 74%


    ... นับจากปี 1987 ที่ Superman IV: The Quest for Peace ออกฉาย Superman ก็ไม่เคยมีโอกาสออกมาวาดลวดลายบนจอใหญ่อีกเลย แถมครั้งนั้นยังเป็นการปิดฉากที่ไม่สวยงามเท่าไรนัก เพราะหนังไม่ประสบความสำเร็จจนน่าจะเรียกได้ว่าสองภาคสุดท้ายคือ สภาวะขาลงของ Superman อย่างแท้จริง

    ต่อมา Superman กลายเป็นอาถรรพณ์ที่ใครคิดแตะ ก็ย่อมมีอุปสรรคจนต้องถอยฉากออกมาทุกครั้ง หลายผู้กำกับที่มาวนเวียนในโครงการปลุกผี Superman ไม่ว่าจะเป็น Michael Bay , Mc G, Brett Ratner และโครงการที่ใกล้เคียงความจริงมากที่สุดคือ Superman Lives ของ Tim Burton กับแผนจะนำ Nicholas cage มาบินบนฟ้า แต่เพราะความเป็นโปรเจคต์ที่ยิ่งใหญ่และมาพร้อมกับความคาดหวังสูงลิบ ส่งผลให้ ใครที่มากุมบังเหียนต่างก็ต้องแบกรับความกดดันตามมา ปัญหาที่เกิดขึ้นกับทุกโครงการไม่ว่าจะเป็น บทที่ไม่ดีพอ , ทุนสร้างที่น้อยไป , นักแสดงไม่โดนใจ ฯลฯ ล้วนเป็นเหตุให้ทุกโครงการต้องพับเก็บไว้มาตลอดเกือบยี่สิบปี

    หากชีวิตของ Spiderman ในโลกความจริง เป็นอย่างที่ลุงเบนของเขาว่าไว้ว่า



    "อำนาจที่ยิ่งใหญ่ มากับ ความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง"


    ชีวิตของ Superman ในโลกเซลลูลอยด์ ก็ตกอยู่ในสภาพคล้ายๆกันนั่นคือ


    "หนังที่ยิ่งใหญ่ ก็ย่อมมาพร้อมกับ ความคาดหวังที่ใหญ่ยิ่ง"



    ...เชื่อว่าใครก็ตามที่เติบโตทันหนัง Superman เรืองอำนาจจากจุดเริ่มต้นเมื่อปี 1978 มันคงยากที่จะมีซูเปอร์ฮีโร่คนไหนๆมาลบภาพเขาไปจากใจ แม้ว่าตอนนี้เด็กรุ่นใหม่ๆจะหันกลับไปหยิบภาคแรกมาดูก็อาจสงสัยว่าทำไม รุ่นก่อนๆที่หลงรัก Superman ในเมื่อหนังออกจะเชยขนาดนั้น ความยิ่งใหญ่ของ Superman ไม่ได้มาจากความเป็นหนังฟอร์มใหญ่ทุนสูง แต่เพราะ Superman เป็นเหมือน บุคคลอุดมคติในหลายๆด้าน (ideal figures) ไม่ใช่แค่สำหรับชาวอเมริกา แต่ เขามีอิทธิพลกับคนทั่วโลก


    ความเป็นอุดมคติของ Superman


    ...แม้ว่าทุกวันนี้ผมจะชอบฮีโร่ที่มีความหมองหม่น ให้ลองคิดสมมติเล่นๆ ผมก็อยากเป็นเศรษฐีอมทุกข์สวมหน้ากากตอนกลางคืนอย่าง Batman แต่สุดท้ายแล้ว หากให้ผมบอกชื่อซูเปอร์ฮีโร่คนแรกที่นึกออก คนแรกที่เราอยากให้เขามาช่วยเหลือ คนๆนั้นย่อมเป็น Superman

    เพราะหากไม่นับอาการแพ้คริปโตไนท์ที่เป็นจุดอ่อนเดียวของเขา Superman เป็นเหมือนพระเจ้าของซูเปอร์ฮีโร่ในการรวบความสามารถทุกอย่างไว้กับตัวอย่างสมบูรณ์แบบ(ideal superhero)  เช่น ตามองทะลุ+ยิงเลเซอร์ ,หูทิพย์ได้ยินระยะไกล , ปากเป่าไฟดับ , ร่างกายเหล็กไหลยิงยังไงก็แค่คัน ฯลฯ

    ไม่ใช่แค่นั้น Superman ยังเป็นตัวละครที่เรียกได้ว่ามี ความดีพร้อม ในตัวชนิดไม่มีรอยตำหนิ เราแทบจะไม่เคยเห็นด้านมืดในตัวของเขาเลย เขายังเป็นเหมือนตัวแทนของความดีงาม(goodness) และ คุณธรรม(moral) เป็นเหมือน แสงสว่างนำทางดังที่ Jor-El พ่อของเขาบอกกับเขาไว้

    จากหลายๆคุณสมบัติข้างต้นทำให้ Superman กลายมาเป็นภาพลักษณ์ของ ผู้ปกป้องหรือผู้กอบกู้ในอุดมคติ (ideal savior) อยู่ในใจคนโดยไม่รู้ตัว เพราะในขณะที่ Batman ต้องรอให้ผู้คนที่เดือดร้อนส่องไฟขึ้นฟ้า แต่หูทิพย์ของ Superman สามารถได้ยินคนทุกข์ร้อนคร่ำครวญอยู่ทั่วโลกและพร้อมบินตรงมาช่วยเหลือโดยไม่มีข้อแม้ ยิ่งบวกกับในภาคนี้ในฉากที่เขาลอยตัวฟังเสียงคร่ำครวญของผู้คนอยู่เหนือโลกมนุษย์ จึงไม่น่าแปลกใจที่ใครต่อใครเปรียบเทียบเขาไปเป็นเสมือนกับสัญลักษณ์ของพระเจ้า

    ในจินตนาการ หลายๆคนจึงอาจไม่ได้อยากเป็น Superman เป็นอันดับหนึ่ง อาจเพราะในเชิงทฤษฎีทางจิตวิทยา เขามีความเป็นอุดมคติ(ego ideal)ที่คนดูรู้สึกว่าอยู่ไกลเกินกว่าจะไปถึง กระนั้นก็ดี คนส่วนใหญ่กลับนึกถึงเขาเป็นคนแรกเมื่อมีปัญหาก็เพราะเรารู้ว่าเขาจะมาแก้ปัญหาให้เราได้เสมอ เขาคือ ภาพของพ่อในอุดมคติที่เราอยากจะมี ภาพของพี่ชายที่เราอยากจะให้อยู่ข้างกาย ด้วยเหตุนี้ ภาพลักษณ์ที่เป็นอุดมคติของเขาจึงอยู่ในมโนสำนึกของผู้คนทั่วโลกโดยอัตโนมัติ เพราะอย่างน้อยในจิตใต้สำนึกคนเราทุกคนล้วนต้องการผู้ปกป้องและผู้ช่วยเหลือ

    เราอาจไม่ได้มีเขาอยู่ในโลกความจริง (reality) แต่การมีเขาในโลกจินตนาการ (fantasy) มันก็ทำให้เรามีความหวัง มีความเชื่อมั่น ในการสู้กับปัญหาที่เข้ามาในชีวิต

    ....ตำนานบทใหม่ของ Superman โดย Bryan Singer ทำให้เขาเริ่มขยับตัวเข้ามาใกล้ความเป็นมนุษย์ธรรมดามากยิ่งขึ้น ด้วยการใส่อารมณ์ความรู้สึกที่หลากหลายเข้าไปให้กับตัวละครโดยไม่ได้ทำลายภาพอุดมคติเดิมของ Superman

    ผู้กำกับ Bryan Singer คงรู้ดีว่า ยิ่งใส่ศัตรูที่เป็นมนุษย์ต่างดาวที่เก่งเพียงใดยิ่งทำให้ Superman อยู่ห่างไกลจากคนดูมากยิ่งขึ้น ใน Superman returns เขาจึงเลือกใส่ ศัตรูภายในที่มนุษย์ทุกคนล้วนต้องเผชิญ นั่นคือ ความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าว ที่เกิดจาก การสูญเสีย อันเป็นผลมากจาก ความรัก


    love ความรักของ Superman


    Superman จาก Lois Lane ไปเมื่อ 5 ปีก่อนโดยไม่มีแม้คำร่ำลา และเขากลับมาเพื่อพบกับความสูญเสีย เมื่อเขาพบว่า Lois Lane มีลูกแล้วและกำลังใช้ชีวิตอยู่กับผู้ชายอีกคน เธอกำลังจะ ได้รับพูลิตเซอร์จากงานข่าวที่เธอเขียนขึ้นว่า “ทำไมโลกนี้จึงไม่ต้องการ Superman”

    มันทำให้เราได้เห็น ความอ่อนแอในตัวผู้ชายที่เข้มแข็งและสมบูรณ์แบบอย่าง Superman จิตใจของผู้ชายที่แตกสลายเมื่อหญิงที่ตัวเองรักกำลังจะจากไป เขายืนอยู่ภายนอกบ้านของเธอเพื่อที่จะได้ยินเธอพูดขึ้นมาว่า เธอไม่ได้รัก Superman

    สำหรับผู้หญิงคนหนึ่งอย่าง Lois Lane มันคงเป็นความรู้สึกไม่มั่นคง หากชายคนที่เธอรักไม่มีความแน่นอนในชีวิต นึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป แถมครั้งนี้ยังเป็นการจากไปยาวนานโดยไม่ได้มีวี่แววว่าจะกลับมา

    เธอเองก็คงไม่รู้ว่า สำหรับ Superman แล้วมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกับการทำตัวเป็นชายคนรักที่ดีเหมือนคนทั่วๆไป แม้เขาจะอยากเป็นเพียงใดก็ตาม

    เขาไม่อาจบอกคำร่ำลาเพราะมันเป็นเรื่องยากลำบากสำหรับผู้ชายอย่างเขา เขาต้องมีความรักอยู่อย่างซ่อนเร้นไม่อาจเปิดเผยตัวตน เขาจะบอกเธอได้อย่างไรว่าก่อนหน้านั้น เขาไม่เคยอยู่ห่างกายเธอ เพียงแต่เขาอยู่ภายใต้ภาพลักษณ์ของชายชื่อ Clark Kent


    เวลาเดียวที่เขาแสดงความรักออกมากับเธอได้คือเมื่อเขาสวมชุด Superman แต่ช่วงเวลานั้นมันก็แสนสั้น เพราะเมื่อใดที่เขาสวมชุดนั้นมันหมายความถึง มีความทุกข์ร้อนของมนุษย์โลกและเขาต้องไปช่วยเหลือผู้คน



    love ความรักของ Lois Lane


    แม้เธอจะเขียนบทความว่าไม่ต้องการ Superman แม้เธอจะไม่สนใจข่าวของเขา แต่ความรักที่เธอตัดสินใจก้าวเดินต่อไปด้วยการเลือก Richard White ชายหนุ่มหลานเจ้าของ Daily Planet ผู้มีอาชีพขับเครื่องบิน มันสะท้อนส่วนที่เธอยังต้องการ Superman อยู่ในจิตใจเบื้องลึก

    อาชีพนักบินของ Richard เป็นการตอกย้ำของการที่เธอไม่สามารถลืม Superman เพราะการเป็นนักบินของเขา สามารถพาเธอขึ้นไปอยู่จุดเดียวกับที่ Superman และ เธอเคยอยู่ร่วมกัน นั่นคือ เวลาของทั้งสองคนบนท้องฟ้า เขาก็เป็นเหมือนตัวแทนของ Superman ที่ไม่เคยหายไปจากใจเธอ

    เธอหวังว่า เขาจะมาแทนที่ Superman แต่ เธอเองก็คงรู้ความรู้สึกในใจอยู่ดี ว่าการบินไปกับ Richard มันต่างจากบินไปกับ Superman

    แล้วเมื่อเขากลับมา ความรู้สึกลังเลใจก็ย่อมเกิดขึ้น ระหว่าง คนหนึ่งคือคนที่รักเธอและอยู่ในโลกของความจริงที่เธอใช้ชีวิตอยู่ด้วย กับ อีกคนหนึ่งคือคนที่เธอรักแต่เหมือนอยู่ห่างไกลคนละโลก

    ...เรื่องราวความรักสามเส้าครั้งนี้ต่างจากในอดีตที่ เป็น รักสามเส้าของคนสองคน คือ Clark Kent รัก Lois Lane ส่วน Lois Lane รัก Superman แต่ก็ยังก้ำกึ่งในความรู้สึกที่มีกับ Clark Kent

    ในภาคนี้เป็นรักสามเส้าของคนสามคน Richard เป็นตัวแปรใหม่ที่เข้ามาอยู่ตรงกลางระหว่าง เขา และ เธอ และ คนเขียนบทก็สร้างตัวละคร Richard ให้เป็นชายหนุ่มบุคคลที่สามแสนดี จนคนดูก็อดสงสารไม่ได้ เพราะแม้เขาจะดีเพียงใด แม้เขาจะรักเธอมากไม่แพ้ใคร แต่เราก็เห็นว่า Superman ก็ไม่เคยลบไปจากใจของ Lois Lane

    ...และด้วยความรักที่หนังสอดแทรกมาเป็นธีมหลักของหนังภาคนี้เอง ทำให้เดิมภาพอุดมคติของ Superman อยู่ในฐานะ ผู้ปกป้อง ผู้กอบกู้ ต้องเพิ่ม ภาพลักษณ์ใหม่ที่สาวๆส่วนใหญ่อยากจะมีข้างกาย นั่นคือ ภาพอุดมคติของคนรัก ไม่ใช่แค่ความหล่อของ Brandon Routh ที่จะทำให้สาวๆใจละลาย แต่ยังเป็น บทที่เขียนมาให้เขาเป็นชายหนุ่มที่มีความรู้สึกอ่อนไหว ชายหนุ่มที่พร้อมจะมาอยู่เคียงข้างคนรักเมื่อผจญกับปัญหา ชายหนุ่มที่อาจจะปากหนักกับการบอกลาแต่เมื่อถึงเวลาที่เขาต้องเอ่ยปากมันก็เป็นอีกหนึ่งฉากร่ำลาที่แสนเศร้า ยิ่งบวกกับ คำพูดหวานๆที่มีนัยยะซ่อนเร้นเผยตัวตนที่ว่า “I'll always around”  นี่คือภาพลักษณ์ใหม่ที่ Superman เวอร์ชั่นนี้ทำได้ดี

    ... ในอดีต Superman อยู่ห่างไกลจากคนธรรมดามาก ไม่ใช่แค่เพราะว่าเขามาจากดาวดวงอื่นหรือเขามีพลังเหนือธรรมชาติ แต่ ความดีพร้อมแบบอุดมคติของเขานี่เองเป็นดาบสองคม ที่ทำให้ตัวละครอย่าง Superman ขาดโอกาสที่จะแสดงอารมณ์ความรู้สึกในด้านอื่นๆเหมือนคนทั่วๆไป

    แต่หากจะใส่ด้านมืดเข้าไป ให้เหมือนกับ Batman หรือ ซูเปอร์ฮีโร่คนอื่นๆ ก็เชื่อว่า มันจะไปทำลายภาพอุดมคติของตัวละครอย่างเขา ดังนั้นสิ่งที่ Bryan Singer สร้างมิติให้ตัวละครในภาคนี้ นอกจาก ความรู้สึกจากการสูญเสียแล้ว เขายังทำให้เราได้เห็นภาพ Superman ที่ต้องได้รับความช่วยเหลือจาก Lois Lane ,ภาพของ Superman ต้องเข้าโรงพยาบาล มันแสดงให้เห็นว่า ในความเป็นซูเปอร์ฮีโร่อุดมคติของเขา เสี้ยวหนึ่งเขาก็มีความเป็นคนเหมือนกับเราๆ(แม้เข็มจะแทงไม่เข้าก็ตาม) และ การที่เราได้เห็นน้ำตาของเขาในฉากสำคัญตอนท้าย มันเป็นการเพิ่มมิติทางอารมณ์ให้มีความลึกซึ้งมากขึ้นและหลากหลายมากยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน


    (มีต่อ)

    แก้ไขเมื่อ 04 ก.ค. 49 11:37:06

    จากคุณ : "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" - [ 4 ก.ค. 49 11:27:59 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com