CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    นางหมอผี 1/2 (เรื่องแฟนตาซีแบบไทยๆ แต่งเองเชิญทัศนา)

    สามเดือนก่อนเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒

        คบเพลิงถูกจุดขึ้นโดยรอบเนินเขาแห่งนั้น เปลวไฟที่ปลายยอดไหลวนประหนึ่งลมหายใจของนักเต้นล่องหนที่เริงระบำวนเวียนรอบคบเพลิงตามจังหวะชักนำของเสียงสวดจากความมืด สร้างบรรยากาศอันลี้ลับชวนขนลุก

        ที่น่าตระหนกยิ่งกว่านั้น กลับเป็นสิ่งที่ปรากฏอยู่บนเนินเขาแห่งนั้น ด้วยแสงคบเพลิงส่องให้เห็นเงาร่างวูบวาบเหมือนขยับไหวไปมา แต่เมื่อเดินเข้าไปใกล้แล้วจึงรู้ว่า เจ้าของเงานั้นเป็นเพียงกองซากศพที่ตกตายอย่างอนาถทั้งสิ้น

        เจ้าของเงาเหล่านั้นเป็นเพียงศพนับร้อยอันนอนทอดร่างนิ่งสงบอยู่กับที่ เมื่อแลมองผ่านไปก็พบว่าเกิดการต่อสู้อันดุเดือดขึ้น ฝ่ายหนึ่งย่อมกองด้วยซากศพชายฉกรรจ์แต่งชุดนักรบ ส่วนอีกฝ่ายกลับมิใช่มนุษย์ แม้รูปกายภายนอกจะยืนด้วยสองขาคล้ายมนุษย์ นอกนั้นกลับกลายเป็นคล้ายดั่งปีศาจจากขุมนรกตามภาพวาดในวัดวิหารโบราณ ดวงตากลมสีดำเหมือนกับสัตว์ป่า ขนปกคลุมทั่วร่างกาย มีเขี้ยวเล็บอันแหลมคมยาวผิดปกติ

        พวกมันมาต่อสู้กันด้วยเหตุผลใด

    “เข้ามาเลย กุไม่กลัวมืง อีหมอผี” ท่ามกลางกองซากเหล่านั้น พลันมีเสียงดังขึ้น เป็นชายหนุ่มสวมชุดนักรบที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือด มือยังกำดาบไว้มั่น สีหน้าคลั่งแค้นอย่างสุดประมาณ

    “ฮ่า ฮ่า ฮ่า นับร้อยพันปีความโง่เขลาก็ยังยืนอยู่คู่คนอย่างพวกเจ้า ช่างไม่สำเนียกนัก” เสียงเล็กแหลมบาดหูดังขึ้นมาจากร่างของหญิงสาวสวมมุงกฎสีทองรูปร่างเหมือนโครงกระโหลกสัตว์ ผมสีดำยาวสลวยปะบ่า เสื้อผ้าที่ใส่กลับเป็นชุดคลุมผ้าไหมสีแดงสดทั้งชุด ที่เอวคาดด้วยเข็มขัดสีเงินยวงสลักลวดลายเป็นรูปสัตว์ป่านานาชนิด ส่วนนัยน์ตาที่จ้องมองมานั้น ชั่วขณะหนึ่งเหมือนว่าตาสีน้ำเงินคู่นั้นจะเรืองแสงได้ ริมผิวปากกระชับได้รูปปรากฏรอยยิ้มชวนหวั่นไหวใจในดวงหน้าของเธอ

    “กุจะฆ่ามืง” สิ้นเสียงตะโกนลั่น ชายนักรบถั่งโถมแรงเฮือกสุดท้ายหมายปลิดชีพหญิงสาวตรงหน้า เสียงดาบแหวกอากาศส่งเสียงประหลาดเหมือนเสียงนกแสกร้อง ดาบนี้เข่นฆ่าสัตว์สมิงไปนับไม่ถ้วน ดาบซึ่งหล่อหลอมด้วยเลือดกาเผือกเก้าตัว ประจุอาคมแห่งพรหมจารี ไม่มีอาถรรพ์ใดที่ดาบนี้จะลบล้างมิได้

        พลันทันใดนั้น ทั่วบริเวณกลับไม่ปรากฏเสียงใดดังขึ้นมาอีก ดาบที่เงื้อง้างถูกฟันลง แต่ยังไม่สุดวา คมดาบวาววับกลับถูกหยุดด้วยปลายนิ้วชี้ของหญิงสาวชุดแดง แม้ว่านักรบหนุ่มจะออกแรงดึงสักเพียงใด ก็ไม่อาจถอนดาบจากปลายนิ้วหญิงสาวด้วย ดาบและนิ้วเสมือนเป็นเนื้อหนึ่งเดียวกันที่ไม่สามารถแยกออกได้

    “นับแต่นี้” เสียงทรงพลังดังกึกก้องมาจากปากของหญิงสาว ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจ้องมองไปยังนักรบหนุ่ม “ดาบและเลือดเนื้อของเจ้าจะคอยปกปักษ์รักษาข้า ชีวิตของเจ้าจะผูกพันธนาการไว้กับข้าชั่วนิรันดร์”

        สิ้นเสียงกล่าว ร่างของชายนักรบหนุ่มสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ตาที่แกร่งกล้าอ่อนแสงลง คมดาบยังคงสัมผัสกับปลายนิ้วของหญิงสาว แต่เข่าทั้งคู่กลับทรุดลงบนพื้นประหนึ่งแสดงความเคารพต่อนายคนใหม่

    ++++++++++++++++
    ปัจจุบัน

    “มาสิ” ดวงตาสวยหยาดเยิ้มคู่นั้นคล้ายจะส่งเสียงเรียกได้ เสียงอึกทึกรอบข้างแผ่วจางไป ขาทั้งคู่อันเคยภักดีกลับย่างก้าวไปหาหญิงสาวนางนั้นอย่างไม่รู้ตัว

    “อ่า…” ระจันส่งเสียงครางอย่างมีความสุข เมื่อเห็นรอยยิ้มเชื้อเชิญของเธอ เขาไม่เคยพบสาวคนไหนที่สวยงามน่าลุ่มหลงถึงเพียงนี้มาก่อน บัดนี้ผู้คนที่เต้นอยู่เป็นเหมือนฉากประกอบอันเลือนลาง เขาเอื้อมมือไปหมายสัมผัสเรือนร่างของเธอ หญิงสาวเบี่ยงตัวหลบไปอย่างเชื่องช้าประหนึ่งผีเสื้อที่โฉบเกสรดอกไม้ยามลมพัด

    “เต้นรำกับฉันไหม” เธอยื่นหน้าเข้ามาใกล้หู หัวใจเขาเต้นระรัวเหมือนเด็กหนุ่มที่เพิ่งเข้าสู่สังเวียนรัก แล้วเธอก็ใช้มือขาวเนียนโอบคอของเขา ขณะที่อีกมือหนึ่งก็ลูบไล้ลงไปบนแผงหน้าอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม แค่นิดเดียวเท่านั้นตัวเขาถึงกับอ่อนระทวย

    “หยุดนะจารี” เสียงพูดนี้ประหนึ่งมือมารผลักระจันตกจากสวรรค์ โดยไม่ได้สังเกตหญิงสาวนามจารีหันขวับไปต้นเสียง เธอหลี่ตามองไป วูบหนึ่งคล้ายดวงตาสีน้ำเงินจะเรืองแสงได้

    “แกอย่ายุ่งกับเธอ” ชายหนุ่มซึ่งดับมอดอารมณ์รักของระจันพูดเสียงเข้มสั่งสอนเขา นี่เองทำให้ความโกรธผุดมาแทน ระจันเดินตรงไปยังชายหนุ่มคนนั้นคะเนการตอบโต ซึ่งก็ไม่พบวี่แววใดๆ ทั้งสิ้น เขาขบฟันกรอดใหญ่ สำหรับเขาแล้วการถูกชายหนุ่มผู้อ่อนเชิงการต่อสู้พูดจาเป็นเชิงห้ามปรามเช่นนี้ เป็นเรื่องที่รับไม่ได้อย่างเด็ดขาด

    “อย่ามาสั่งกุ” เขาพูดขึ้นด้วยเสียงดุดัน ขณะที่มือซ้ายก็เหวี่ยงหมัดเด็ดเข้าไปที่ปลายคางของเป้าหมาย

    “เผี้ยะ !” เป็นเสียงตบ ไม่ใช่เสียงของกรามที่แตกหักของเป้าหมาย ระจันมึนงงอย่างยิ่ง หมัดของเขาตรงไปที่ปลายคางชัดๆ แต่นี่กลับโดนชายหนุ่มคนนั้นตบเข้าที่ข้อมือทำให้หมัดเขาเบี่ยงเบนต่อยวืดเข้ากับอากาศอันว่างเปล่า

        หมัดเหล็ก บางระจัน คือฉายาของเขาบนผืนผ้าใบ ซึ่งได้มาจากการล้มคู่ต่อสู้มานับสิบ นั่นไม่ใช่เพราะหมัดเขาแกร่งดั่งเหล็ก หากเป็นเพราะทุกครั้งในสังเวียนการต่อสู้ คู่ต่อสู้ทุกคนต่างถูกเขาน็อคด้วยหมัดที่รวดเร็วแม่นยำ ด้วยสายตาที่ดีเยี่ยม การหมุนเอวสอดรับกับการเหวี่ยงกำปั้น แม้มีช่องโหว่เปิดเผยมานิดเดียว เขาก็ส่งหมัดพาคู่ต่อสู้หลับไหลไปคาเวทีได้ไม่ยาก

        แต่นี่มันอะไรอัน กับชายหนุ่มที่ไม่มีท่าทางคุกคาม กลับตอบโต้หมัดเด็ดของเขาได้เพียงขยับมือ ระจันไม่เสียเวลาขบคิดมาก เขาเหวี่ยงหมัดที่สองตามไปติดๆ หมายจะล้มชายตรงหน้าเพื่อล้างอัปยศ

        เสียงโครมครามดังขึ้นครั้งหนึ่ง นักเที่ยวที่กำลังเต้นทั้งหลายจึงรู้ว่ามีเรื่องราวเกิดขึ้น กฎข้อหนึ่งสำหรับนักเที่ยวเหยี่ยวราตรีถูกนำมาใช้ ‘เผ่นไว้ก่อน ค่อยถามทีหลัง’ เท่านั้นแหละ เท้านับร้อยคู่ต่างมุ่งตรงสู่ประตูทางออก ทิ้งไว้แต่ร่างชายที่สิ้นสติเลือดกลบปากนอนหมดสภาพนามว่า ระจัน ไว้อย่างเดียวดาย

        ในกลางฝูงชนที่วุ่นวายอลหม่าน ดวงตาทุกคู่ประหวั่นพรั่นพรึงต่อเหตุที่เกิด ยังมีนัยน์ตาสองคู่ที่แตกออกไป หนึ่งนั้นเย็นชาไร้ความรู้สึก อีกหนึ่งมองดูลี้ลับชวนให้ขนลุก เป็นหญิงชื่อจารีและชายคนนั้นนั่นเอง ทั้งคู่ปะปนกับผู้คนที่ออกันอยู่หน้าประตู ก่อนจะลับหายไปในความมืดมิดของราตรีกาล

    +++อ่านต่อด้านล่างครับ+++

    จากคุณ : egotech - [ 20 ก.ค. 49 00:36:22 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com