CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ดู{หนัง} วิธ มายเซลฟ์ ; Miami Vice ... หนังมัน(ส์)ชวน"หลับ" [SPOILER]

      เกรด A > 9-10 คะแนน (5 คน)
      เกรด B > 7-8 คะแนน (4 คน)
      เกรด C > 5-6 คะแนน (7 คน)
      เกรด D > 3-4 คะแนน (0 คน)
      เกรด E > 1-2 คะแนน (0 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 16 คน

     31.25%
     25.00%
     43.75%
     0.00%
     0.00%


    ไม่อยากเชื่อตัวเองเลยว่า หนังเรื่องต่อมาของผู้กำกับ ไมเคิล มานน์ ถัดจาก Collateral ที่ผมประทับใจเอาอย่างมาก จะกลายเป็นงานหนังที่ผมอยากลืมมากที่สุด

    ผมคาดหวังว่า Miami Vice จะให้ความสนุกถูกใจผมได้ในระดับเทียบเคียง กับ Collateral แน่ๆ ...เอาแค่เครดิตชื่อผู้กำกับก็รับประกันความน่าจะคุ้มอยู่แล้ว (ผลงานก่อนหน้าแต่ละเรื่องก็ไม่ธรรมดาแทบทั้งนั้น ...Heat , The Insider เป็นอาทิ) แล้วกับการที่เคยร่วมหัวจมท้ายใน Miami Vice ฉบับละครทีวีมาก่อนด้วย มันก็เลยกลายเป็นว่าการนำผลงานตัวเองสร้างมารีเมคเองกำกับเอง ก็คงน่าไว้ใจกว่าเอาใครอื่นที่ไม่เคยรู้จัก MV มาทำงานให้...

    ผมไม่เคยได้ดู หรือรู้จัก Miami Vice บนจอทีวีเลยแม้แต่น้อย ...ความรู้สึกแรกที่มีต่อหนังเรื่องนี้ ก็เหมือนกับที่เคยรู้จัก Mission Imposible , Charlie's Angels ฉบับหนังโรง โดยที่ไม่เคยรู้เลยว่าทีวีก็มีหนังชุดนี้ออกมาก่อนหน้าแล้ว ...มันก็เริ่มต้นจากศูนย์ ความที่ไม่รู้จักอะไรเลย มันก็ไม่น่าจะมีอะไรให้คาดหวังอยู่หรอก หากเพียงแต่ว่า ถ้าไม่ใช่ชื่อ ของ ไมเคิล มานน์ ที่เข้ามาเป็นผู้กำกับแล้ว มันก็คงไม่อาจทำให้ผมอยากรู้จักกับ MV มากนักหรอก

    Miami Vice ...เรื่องราวของสองตำรวจคู่หูมือเก๋า แห่งไมอามี่ "ซันนี่ คร็อกเกตต์" และ "ริคาร์โด้ ทับส์" ที่ต้องเข้ามารับหน้าที่เป็นสายลับพิเศษให้กับหน่วยงานปราบปรามยาเสพติตของ เอฟบีไอ โดยบังเอิญและจำเป็น ...หลังจากเพื่อนรักของเขาทั้งสอง ต้องฆ่าตัวตายเพื่อหนีการตามล่าจากการโดนเปิดเผยตัวว่าเป็นสาย ซันนี่ และริคาร์โด้ ถูกขอกำลังให้มาช่วยสานต่องานสืบสวนนี้ ...ทั้งสองคนต้องปลอมตัวเป็นสายเพื่อเข้าไปล้วงลูกผู้ร้ายตัวอันตราย โฮเซ่ เยโร่ พ่อค้ายารายใหญ่ที่มีอำนาจจะสั่งการทำลายชีวิตของคนทุกคนที่เขาเห็นว่าเป็น อันตรายต่ออาชีพของเขา ...ซันนี่ ริคาร์โด้ แนบเนียนเข้าไปอยู่ในวงจรอุบาทว์ด้วยการแปลงกายเป็น คนส่งของอันตรายมือดีแห่งไมอามี่ ที่ไม่มีคำว่า "ผิดพลาด" ในสารบบการขนส่งของพวกเขา งานแรกที่ทั้งสองทำให้นั้น ผ่านไปได้ด้วยดี งานต่อๆมาจึงตามมา ยิ่งทั้งสองถลำลึกในหน้าที่สายลับนี้มากแค่ไหนก็ทำให้ชีวิตของพวกเขา มีแต่เสี่ยงมากยิ่งขึ้น อีกทั้งตัวแปรสำคัญที่เข้ามามีบทบาทต่อชีวิตชายโสดของ ซันนี่ ...นักธุรกิจสาว "อิซาเบลล่า" ก็พร้อมจะทำให้ เงื่อนไขของคำว่า รัก มาเกี่ยวพันกับการปกปิดตัวตนของซันนี่ลำบากยากเย็นมากขึ้น ส่วน ริคาร์โด้ เองก็ต้องเจออุปสรรคเพราะความรักไม่ต่างไปจากคู่หู เมื่อหญิงคนรักของเขา "ทรูดี้" ต้องเข้ามาเสี่ยงกับภารกิจอันตรายนี้ร่วมไปกับพวกเขาด้วย ...

    หนังแอ๊คชั่น ที่มีส่วนผสมของอารมณ์ทริลเลอร์ เคลือบความโรแมนติกเอาไว้บางๆ เรื่องนี้ ...ดูจากพลอตก็เข้าท่าไม่น้อย ถ้าไม่มองว่ามันดูเชยๆแล้ว เหล้าเก่าในขวดใหม่ขวดนี้มันก็น่าจะมอมเมาความสนุกให้คนดูได้อยู่

    งานกำกับ MV ของมานน์ ยังคงความเข้มข้น ขึงขัง แฝงไว้ในที ตามสไตล์ของเขาได้ ...ถ้ามองกันเป็นกลางแล้ว นับว่า เขาก็ยังคือส่วนดีที่สุดของหนังเรื่องนี้ได้อยู่ เขาสามารถคุมทางการนำเสนอให้อยู่กับร่องกับรอย เป็นสัดเป็นส่วนที่พอดีกัน ไม่ว่าจะแง่ของแอ๊คชั่นที่ไม่เน้นความวินาศสันตะโรตามแบบฉบับหนังซัมเมอร์ตลาดๆ หรือจะเป็นแง่ของทริลเลอร์ที่แฝงความระทึกได้พอดู และเมื่อเรื่องของความรักก้าวเข้ามามีส่วนร่วม ความโรแมนติก(บวกอีโรติกนิดๆ) ก็กลืนกันกับหนัง เป็นเนื้อเดียว ไม่รู้สึกถึงความโดดที่ไม่เข้ากันกับความดิบเถื่อนของหนัง

    ส่วนงานแสดงคุณภาพ ของดารานำทั้งสาม ก็ผ่านขั้นของคำว่า "กำลังดี" ...ไม่มีใครที่โดดเด่นกว่ากัน แต่ก็ไม่มีใครด้อยไปกว่ามาตรฐานที่ตนเองมี ซันนี่ ของ โคลิน ฟาร์เรลล์ ใช้แววตาแสดงได้ดี แฝงความดุดันในคราบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และแอบอ่อนโยน ในช่วงเวลาที่เขาเป็นแมวตัวเชื่องให้กับ อิซาเบลล่า , ริคาร์โด้ ของ เจมี่ ฟ็อกซ์ นิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว ทั้งสีหน้าและท่าทางที่ทำให้ดูเท่ห์ ผสมเหี้ยมน่าเกรงขาม การแสดงที่เล่นเพียงน้อยแต่ก็ยังให้อะไรที่มากเหมือนเดิม , อิซาเบลล่า ของ กงลี่ แม่เสือสาวแห่งเอเชียยังแฝงเสน่ห์ความร้ายกาจได้ในทุกฉากที่เธอปรากฏ ภาพที่พยายามเก็กท่าวางมาดเป็นนักธุรกิจอันสุขุม และลีลาร่ายสวาทเมื่อเธอถอดคราบความหรูเป็นเพียงผู้หญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่ง ดูเข้ากันได้อย่างลงตัว

    ถ้าจะถามหาความดี หรือกำลังดี ของหนังเรื่องนี้อีก นอกจากผกก.มานน์ กับนักแสดงนำ ก็ไม่มีอะไรให้พูดอีกแล้ว เหลือแต่ส่วนของอคติล้วนๆ...    

    เริ่มสาธยายมาตั้งแต่ จุดเริ่มต้นของหนัง ที่ไม่มีต้นสายปลายเหตุอะไรให้เกริ่นนำ ตัวเอกทั้งสองมาพร้อมกับการเปิดตัวที่แสนจะไม่มีอะไรให้ชวนเร้าใจ ภารกิจแรกเริ่มต้นแทนที่จะช่วยเรียกน้ำย่อยได้ดี ก็กลายเป็นว่า แค่ฉากแรกนั้นรสมันส์ก็กร่อยไปไม่น้อยแล้ว ...มันเหมือนกับว่า MV ฉบับหนังโรงของผกก.มานน์ ถูกจงใจมาให้สร้างความสนุกก็เอาเฉพาะแค่กลุ่มแฟนๆเดนตายที่เหนียวแน่นมาแต่เป็นหนังทีวีเน้นๆ ส่วนคนรุ่นใหม่ที่ไม่เคยได้รู้จักมาก่อนก็ได้แต่ ทอดม้วยในอารมณ์ นั่งชมอย่างซึมกระพือ และรู้สีกถึงความน่าเบื่อที่ถามหาตลอดเวลาฉาย 2 ชั่วโมงกว่า

    หนังไม่ได้ทำให้เรารู้จักพระเอกทั้งสองของเรื่องเลย ไม่มีโอกาสรู้ถึงความเป็นมา และไม่รู้ในเบื้องลึกเบื้องหลังของพวกเขา ทั้งๆที่ควรจะเกริ่นเอาแค่เล็กน้อยแต่พองามก็ยังดี แต่หนังก็ตัดบทนำออกไป เหลือไว้เพียงแค่เนื้อเรื่องล้วนๆ ส่วนของน้ำขลุกขลิกถูกเทลงท่อ เพื่อให้หนังได้ใส่เนื้อหนังได้เต็มๆส่วน ...เหมือนเข้าใจว่า คนดูแฟนเก่าหลายต่อหลายคนคงไม่อยากจำเป็นต้องเสียเวลาเพื่อการปูเรื่องที่เขารู้มาก่อนจะตีตั๋วดูอยู่แล้ว แล้วกับคนดูที่ไม่ใช่แฟนเก่าล่ะ MV น่าจะเห็นใจกันสักนิด เสียเวลาอีกสักหน่อย ถ้าคนที่ไม่เคยคุ้นเคยกับ MV มาก่อนแล้ว ต้องมาไม่รู้อะไรเลยในฉากแรกนี้ ถึงฉากต่อๆไปนั้นก็คงไม่มีความหมายสำหรับคนดูกลุ่มนี้ เพราะความอินมันไม่มีให้รู้สึก

    ส่วนของบทหนังก็ดูจะเหลวเปลวไม่น้อย ...จุดอ่อนของมัน ก็คือ จุดอ่อนที่หนังแอ๊คชั่นส่วนใหญ่เลือกที่จะเป็น ก็คือ ความไม่เนียน ความไม่ต่อเนื่อง การก้าวกระโดดข้ามละเลยในรายละเอียดบางเรื่องที่คนดูควรรู้ หนังอาจจะได้พลอตเรื่องที่มีความแข็งแรงอยู่ก็ใช่ แต่เนื้อเรื่องเต็มๆของดันแสดงความอ่อนแอ มีจุดบอดนู้นนี่ให้คนดูได้จับผิดกันสนุก แทนที่จะได้สุขไปกับหนัง คนดูอย่างผมต้องนั่งทุกข์กับการตามไม่ทัน ไล่ไม่ถูกซะนี่ ...แล้วหนักไปกว่านั้น ใน 135 นาทีของ MV คนดูที่คาดหวังความคุ้มค่าในเวลาที่เสียไป แล้วล้วนแต่อยากให้หนัง 135 นาทีเรื่องนี้ มีความน่าติดตามไปทั้งเรื่อง ...แต่เมื่อตัวหนังเองไม่ปะติดปะต่อแล้ว คนดูก็ต่อไม่ติดกับสิ่งที่หนังนำเสนอ ดูไปด้วยความอื่อทื่อ ...หนังแอ๊คชั่นจริงๆแล้วมันควรจะทำให้คนดูได้รู้สึกตื่นตัวตลอดเวลา อยากตื่นเต้นไปกับเหตุการณ์ในหนัง แต่ผมกลับพบว่าตัวผมเองอยู่ในภวังค์อาการที่จวนเจียนจะหลับแหล่มิหลับแหล่เป็นสิบๆครั้ง ยังดีที่สามารถเรียกสติชั่ววูบกลับคืนมาได้ทันอดทนดูหนังไปทุกฉากจนจบเรื่อง

    ความง่วงของผม จะไปโทษแต่บทหนังก็ไม่ถูก ผมอยากจะโทษไปที่ การถ่ายภาพของ MV ด้วย ...ผกก.มานน์ อาจจะเห็นว่าการเอาเทคนิคเดิมๆที่เคยทำให้กับ Collateral มาใช้ ก็คงดูดีได้ไม่ต่างกัน แต่ผิดถนัดเลย MV ไม่ใช่หนังที่มีโทนของความหม่นหมอง อึมครึม อย่างที่ Collateral เป็นสักหน่อย แล้วช่วงเวลาของ MV ก็คาบเกี่ยวกันทั้งกลางวันและกลางคืน ...ตอนกลางคืนก็อาจยังพอได้อรรถรสอยู่บ้าง แต่กับภาพที่ได้ออกมา ในตอนกลางวัน มันดูเฟค กลายเป็นภาพที่ดูมืด สีซีด ไม่คมชัด คุณภาพที่ได้ออกมาอยู่ในขั้นที่ย่ำแย่ กลายเป็นภาพจากกล้องเกรดต่ำ ที่ไม่ว่าจะถ่ายมุมไหนจัดวางองศาของวัตถุอย่างไร มันก็ไม่ช่วยทำให้ภาพสวยดูดีขึ้นมาได้เลย ...ถึงแม้ MV จะมีเทคนิคตัดต่อภาพที่ดูฉับไว ลื่นไหล ได้อารมณ์ก็ตามที แต่ผมก็ไม่ยินดีอนุโลมให้กับความเล็กน้อยในข้อนี้

    ความไม่กระชับของหนังก็อีกอย่างหนึ่ง ...โทษไปที่ ความยาว 135 นาที ที่มันมากเกินไป สำหรับหนังที่เรื่องราวควรจะทำให้เร้าใจได้ หนังพยายามเอาฉากที่ไม่จำเป็น มายัด มาอัดใส่เข้าไปในหนังอย่างไม่ลืมหูลืมตา เพียงเพื่อให้หนังมีระดับมีความลึกให้นักแสดงได้เล่นกันมากขึ้น ในบางฉากก็มีอะไรให้เล่นกันเลยเถิดมากเกิน (ฉากร่วมรักบนเตียง ฉากร่วมใคร่ในห้องน้ำ เป็นอาทิ) ไม่รู้จะหวังอะไรกับฉากเหล่านี้ได้ นอกจากจะหวังสาวความยาวต่อความยืดเยื้อกันเข้าไปโดยเปล่าประโยชน์ ...แทนที่จะเอาเวลาเหล่านั้นมาใช้เล่าเรื่องเก็บตกชีวิตของตัวเอก ยังจะดีเสียกว่าอีก

    จากจุดเริ่มที่ออกตัวได้แป้ก อีกสองชั่วโมงกว่าก็ต้องนั่งหน่ายใจ พอถึงจุดจบแล้วก็ยังไม่วายที่รู้สึกเสียดายเวลาเต็มประดา ...ฉากสุดท้ายของ MV แทนที่จะทำให้รู้สึกดีขึ้นสักนิดก็ไม่ได้ ดันมาปิดตัวลงด้วยความห้วนอีก ทั้งๆที่มันน่าจะมีอะไรให้สานต่ออีกนิดๆ ยังมีเหตุผลให้ต้องเดินเรื่องต่อไปได้อยู่ หนังกลับทิ้งฉากสุดท้ายเอาไว้ในใจ ด้วยภาพที่เหมือนจะสื่อสารกับคนดูว่า หลังจากนั้น ตัวละครเหล่านี้ จะเป็นอย่างไร โปรดติดตามภาคต่อไป ...ขนาดภาคแรกยังจบตัวเองไม่ลง แล้วคนดูอย่างผมจะหวังเอาอะไรกับหนังภาคต่อที่ต้นฉบับไม่หลงเหลืออะไร ให้น่าจดจำเลย  

    Miami Vice ... เหล้าเก่าในขวดใหม่ มีรสฝาด กระด้างลิ้น และกลิ่นหืน ตลอดเวลา 135 นาที หนังไม่สามารถมอมเมาความสนุกกับผมได้เลย แม้จะมีผู้กำกับดี ดาราคุณภาพก็ช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ ...อาจด้วยความที่คาดหวังมากเกินไปก็มีส่วนที่ทำให้ผมเสียดายเวลามาดูหนังเรื่องนี้ แต่ตัวหนังเองมันก็ควรจะน่าผิดหวังอยู่หรอก เพราะในแง่ของความบันเทิงแล้ว ไม่ยักกะมีให้เห็น เป็นผมที่ดูหนังไปเครียดไปว่าเมื่อไหร่หนังเรื่องนี้จะจบลงเสียที...

    ดู{ดี} วิธ มายเซลฟ์ :
    1. งานกำกับ ของ ไมเคิล มานน์ ที่ยังคงลายเซ็นตัวเองได้เป็นอย่างดี
    2. ดารานำทั้งสาม อาจไม่โดดเด่น แต่ก็ไม่ด้อยฝีมือ

    ดู{ด้อย} วิธ มายเซลฟ์ :
    1. จุดเริ่มต้นและจุดจบที่ห้วนๆ
    2. ความไม่กระชับ เยิ่นเย้อ ยืดยาด ใน 135 นาทีที่แสนอืด
    3. เทคนิคการถ่ายภาพ แบบ Collateral ที่ Miami Vice ไม่เหมาะจะใช้เอาเสียเลย
    4. บทหนังมีช่องโหว่ รายละเอียดก็หล่นหาย        

    เกรด C-
     
    ขอบคุณครับ รักคนอ่าน

    แก้ไขเมื่อ 31 ก.ค. 49 20:56:03

    แก้ไขเมื่อ 31 ก.ค. 49 17:57:35

     
     

    จากคุณ : OncE UPoN'-'a MaN - [ 31 ก.ค. 49 17:43:00 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com