| ชอบมาก ห้ามพลาด (21 คน) |
| ชอบ (22 คน) |
| เฉยๆ (7 คน) |
| ไม่ชอบ (2 คน) |
| ไม่ชอบมาก เสียดายตังค์ (0 คน) |
| จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 52 คน |
... เลือกอ่านเรื่องนี้พร้อมรูป + ฟังเพลงประกอบ + อ่านความเห็นอื่นๆ และ ชวนไปแสดงความเห็นเพิ่มเติมที่ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=07-2006&date=30&group=1&blog=1
ผมเสียใจที่ไม่สามารถใส่กระโปรงให้แม่ได้
ไดอารี่ของเด็กชายฮุยชานวาดรูปแต่ภาพที่ไม่มีคนยิ้ม เด็กชายในชั้นเรียนประถมที่ไม่เคยพอใจกับแม่ที่ง่วนอยู่กับงาน แล้ววันหนึ่งอุบัติเหตุทำให้สองแม่ลูกมีโอกาสได้ปรับตัวเข้าหากัน ลูกค้นพบความลับที่แม่แอบซ่อนไว้ มันทำให้เขาได้เข้าใจสิ่งที่แม่เป็นและเห็นแม่ในมุมที่ไม่เคยมอง เขาและแม่พยายามจะสร้างวันดีๆขึ้นมาร่วมกัน แต่โลกนี้บางครั้งก็แปลก ที่วันดีๆเหล่านั้นมักจะอยู่ไม่ยั่งยืน
"เมื่อเธอมีรักใหม่ก็อย่าหยุดยั้งเธอ ภาวนาให้เธอไปได้ดี และ เธอก็หวังว่า คุณจะหารักใหม่ได้เช่นเดียวกัน"
จังฮาซก ฉายาหนุ่มกระสอบทราย เขาหารายได้จากการเป็นเป้าซ้อมในค่ายมวย ชีวิตรักของเขากำลังจะจบลง เมื่อคู่รักของเขา ซอยซุกฮุน ต้องการบอกลา ด้วยเหตุผลที่ว่าสามปีที่ผ่านมาของเขาและเธอต่างฝ่ายต่างก็ยังอยู่นิ่งอยู่ที่เดิม จังฮาซก ขวนขวายหางานใหม่เพื่อพิสูจน์ว่า เขามีอนาคต เขาค้นพบงานใหม่คือการเป็น พนักงานรับจ้างบอกเลิกให้กับคู่รัก เขาเชื่อว่า การมีงาน จะทำให้เขามีความมั่นคงและทำให้ชีวิตรักของเขาและเธอกลับมาเติบโตใหม่ได้อีกครั้ง แต่โลกนี้บางครั้งก็แปลก ที่วันดีๆบางวันผ่านไปแล้วไม่เคยยอมหวนกลับมา
"เมื่อคุณมองคนที่คุณรัก คุณต้องไม่มองในกระจก แต่ต้องมองด้วยหัวใจ"
ซูอุน หญิงสาวผู้มีรอยแผลเป็นบนใบหน้าจากอุบัติเหตุไฟไหม้ เธอทำงานสวมชุดเป็นตัวการ์ตูนสโนไวท์ประจำสวนสนุก วันหนึ่งเธอพบกับ จิตกรหนุ่มที่มาวาดรูปในสวนสนุก เธอตกหลุมรักเขา แต่เธอก็อายเกินกว่าจะเผยใบหน้าที่แท้จริงให้เขาเห็น จะสื่อสารก็ยากเย็น เพราะเธอเป็นใบ้และไม่ได้ยินเสียงคนอื่นพูดคุย แล้ววันหนึ่ง เขาอยากที่จะวาดภาพเธอที่ไม่มีหน้ากากของตัวการ์ตูน เขาอยากจะรู้จักเธอมากขึ้น แต่โลกนี้บางครั้งก็แปลก ที่ให้โอกาสเราได้มาพบวันดีๆในเวลาที่เหลืออยู่อีกไม่นาน
"ผมสบายดี ผมไม่ได้เจ็บอะไร"
"ฉันนี่แหละที่เจ็บ"
ลีจุงอู นักดับเพลิงหนุ่ม รักในงานของตัวเอง แม้จะถูก ซูจุง คนรักนักพยากรณ์อากาศภาษามือ ทัดทานงานของเขาหลายต่อหลายหน เธอหวังให้ทุกๆวันเป็นวันฝนตก เพื่อคนที่เธอรักจะได้ไม่ต้องเสี่ยงชีวิตผจญเพลิง เธออยากให้เขาขอแต่งงานเพราะเธอเชื่อว่า เธอจะทำให้เขาเปลี่ยนแปลงได้และไม่ออกไปทำงานภาคสนาม แต่เขาก็ไม่มีทีท่าต่อการแต่งงานแต่อย่างใด เธอไม่รู้เลยว่าแหวนที่เขาตั้งใจจะเก็บไว้ขอแต่งงานหล่นหายไป เขาตัดสินใจจะขอเธอแต่งงานในวันที่ฝนเริ่มโปรยปรายในวันแรกของการย่างเข้าฤดูฝน แต่โลกนี้บางครั้งก็แปลก ที่ไม่ยอมให้ความรักสมหวังดังตั้งใจ
... หากความรักเป็นเหมือนหนังเรื่องหนึ่ง ความรักของคุณอาจเป็นหนังรักที่จบแบบ Happy ending ที่คนรักกันได้อยู่เคียงคู่กัน หรือก็อาจจบลงอย่างเศร้าสร้อยน้ำตามท่วมจอ แน่นอนว่า เราในฐานะผู้กำกับหนังชีวิตของตัวเองย่อมอยากใหความรักของตัวเองจบลงอย่างสมหวัง แต่ แม้เราจะพยายามจัดการอย่างไร ก็ยังมีบางสิ่งเป็นปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุม ที่ทำให้เราจบหนังชีวิตของเราไม่ได้ดังตั้งใจ เช่นเดียวกับตัวละครในเรื่อง ที่สุดท้ายทุกคู่ต้องพลัดพรากจากกันด้วย ความตายอันเป็นสัจธรรมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ , เงื่อนไขของเวลาที่จังหวะชีวิตไม่ได้มาตรงกัน , ความรู้สึกรักที่หมดสิ้นลง
การจบด้วยการพลัดพรากไม่ได้จำเป็นว่า คนสองคนต้องเดินจากกันด้วยความรู้สึกเชิงลบเสมอไป เพราะ พวกเขาทั้ง 8 ชีวิตใน Sad movie ไม่ได้ลาจากกันด้วยความเคียดแค้น โกรธขึ้ง หรือ รู้สึกเกลียดกัน ตรงกันข้าม พวกเขายังหลงเหลือความรู้สึกดีๆและมีความเป็นห่วงเป็นใยให้แก่กันจนกระทั่งวันสุดท้ายที่แต่ละคนเดินจากมา
นั่นบ่งบอกว่า บางครั้งเราเลือกไม่ได้ที่จะกำหนดให้ความรักมีบทสรุปลงตัวด้วยดีเหมือนอย่างที่ตั้งใจ แต่เราเลือกได้ว่า จะฝากความรู้สึกเช่นไรไว้ให้แก่กัน เราจะสร้างความทรงจำเช่นไรระหว่างกันและกัน
ในเวลาที่ยังมีโอกาสอยู่ร่วมกัน เราได้ทำดีที่สุดแล้วหรือยังสำหรับความสัมพันธ์ของเรากับคนที่เรารัก เราต่อสู้เต็มที่แล้วหรือยังเพื่อจะบอกอีกฝ่ายว่าเรารู้สึกอย่างไร เราได้บอกรักเขาหรือยังเมื่อมีโอกาส เราได้ขอโทษเขาหรือยังเมื่อเราทำผิดพลาดไป เพราะเมื่อถึงวันที่ต้องร่ำลา บางครั้งอาจเป็นการลาจากกันโดยไม่ทันตั้งตัว ไม่มีโอกาสที่จะได้ทำสิ่งที่อยากจะทำได้แต่เก็บไว้ในใจ กว่าเราจะคิดได้หรือคิดจะตัดสินใจทำ ในเวลานั้นมันก็อาจสายเกินไป
...ใน Sad movie แม้ตัวละครทั้งหมดมีจุดเริ่มต้นด้วยความไม่เข้าใจ และ แม้ทั้งแปดคนในหนังไม่สมหวังและเจ็บปวดกับความรักที่จบด้วยการแยกจาก แต่พวกเขาและเธอ ไม่ปล่อยให้เวลาที่มีโอกาสใช้ชีวิตร่วมกันผ่านเลยไปอย่างไร้ค่า ทุกคนได้มีโอกาสพยายามทำสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อความรัก พวกเขาได้เยียวยาความรักที่บาดเจ็บ พวกเขาได้พยายามต่อสู้เพื่อที่จะรักษาความรักไว้
แม้สุดท้ายหนังรักของพวกเขาต้องจบลงเหมือนหนังเศร้าเรื่องหนึ่ง แต่สิ่งที่เก็บไว้ถัดจากนั้น ล้วนเป็นความทรงจำที่งดงามของความรัก
Spoiler area : ข้อเขียน ตัวเอียง ถัดจากนี้ บอกเล่าเนื้อความสำคัญในฉากสุดท้าย
ความทรงจำสุดท้ายก่อนจากกัน คือ ภาพความทรงจำที่จะอยู่ในใจของทั้ง 8 คนไปตลอดกาล ไม่ว่าจะเป็น
ภาพวาดสุดท้ายที่จิตรกรหนุ่มตัดสินใจหยิบยางลบมาลบรอยแผลเป็นบนใบหน้าซูอุน คือ ความงามแท้จริงที่จิตรกรหนุ่มมองเห็นจากหญิงสาวตรงหน้า และ การโอบกอดก่อนอำลาของหญิงสาว
เสียงนกหวีดจากชั้นบนของโรงพยาบาลเป็นการบอกลูกว่าแม่รักลูกแค่ไหน
ร่มชำรุดที่สังเกตเห็นกลางถนนที่ฝนโปรยปรายบอกซุกฮุนว่า ฮาซกยังคงรักและเป็นห่วงเธอไม่เสื่อมคลายแม้ต้องจากกัน
และ เทปม้วนสุดท้ายของนักดับเพลิงหนุ่มเป็นการยืนยันว่า เขาจะรักเธอตลอดไป
.... Sad movie ไม่น่าจะพลาดเป้าในการเรียกน้ำตาคนดู แต่ในด้านการเรียกความรู้สึกร่วม หนังน่าจะทำได้ดีมากขึ้นกว่านี้อีก หากหนังลดความจงใจรีดน้ำตาลงบ้าง เพราะหลายฉากเป็นเหมือนหลักสูตรความเศร้าภาคบังคับ และ ดูประดิดประดอยมากไป
ความสวยงามในเรื่องบางตอนก็ดูจัดแสงจัดองค์ประกอบสวยงามเหมือนฝันมันไปลดความรู้สึกจริงของหนัง และ มันดูไม่เป็นธรรมชาติ ยิ่งบางฉากที่ใส่เพลงเข้าไปด้วยเหมือนกับดูมิวสิควิดีโอไม่มีผิด ด้วยเหตุนี้ คู่หนุ่มนักดับเพลิงและสาวพยากรณ์อากาศ จึงเป็นคู่ที่ผมรู้สึกอินไปกับเรื่องราวน้อยที่สุดทั้งที่คู่นี้ดูเหมือนจะเป็นคู่หลัก
ในขณะที่คู่ในสวนสนุกดูอ่อนด้อยสุดในแง่ของเนื้อเรื่อง แต่กลับมีความน่าติดตามในความน่ารักของตัวละครและรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ เช่น ชุดตัวละคร , ใบหน้าที่แท้จริงกับใบหน้าภายนอก เป็นส่วนขัดแย้งเล็กๆที่ทำให้คู่นี้น่าติดตามด้วยความน่ารัก
คู่แม่-ลูก เป็นคู่ที่แสดงพัฒนาการความสัมพันธ์ได้ดีอย่างค่อยๆเป็นค่อยๆไป จึงทำให้เรามีโอกาสรู้สึกผูกพันร่วมไปกับตัวละคร ดังนั้นแม้ฉากสุดท้ายของคู่นี้จะเป็น หลักสูตรความเศร้าภาคบังคับโดยผู้กำกับ แต่ก็ไม่ทำให้เรารู้สึกขัดขืนเกินไปนัก และ เรียกน้ำตาได้ดี
คู่สุดท้ายระหว่างความรักสามปีที่กำลังจะจบลง แม้จะมีเนื้อหาไม่ซับซ้อนไม่มากมาย แต่ซาแตฮยอน กับบุคลิกนายเจี๋ยมเจี้ยมก็ยังเล่นได้ใจคนดูอีกแม้ว่าบุคลิกจะซ้ำๆมาแล้วไม่รู้กี่เรื่อง ฉากพูดหน้ากระจก ยืนยันว่าเขายังเหมาะกับหนังรักที่ต้องการรอยยิ้มคลุกความเศร้าเคล้าน้ำตา เรื่องราวความรักของทั้งคู่นี้ดูจริงและใกล้ตัวกว่าสองคู่แรก นั่นทำให้ ทำให้ร่มชำรุดในฉากสุดท้ายเป็นบทสรุปของ Sad movie ที่ผมอินและเศร้ามากที่สุด
....การเล่าเรื่องมีกลิ่นอายของหนังที่มีรูปแบบ Love actually มาอยู่บ้าง กับ การเล่าความสัมพันธ์หลายคู่ที่มีจุดเชื่อมโยงกัน แต่ หนังก็แค่ใช้จุดร่วมบางอย่าง ภาพรวมที่ออกมา ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าคือการลอกเลียนแบบแต่อย่างใด หากไม่นับการจงใจบังคับให้ซึ้งแล้ว บทของหนังเรื่องนี้นับได้ว่าเล่าเรื่องได้ดี มีรายละเอียด มีประเด็นร่วมของการจบความรักที่ต้องพลัดพรากได้มีข้อคิดน่าสนใจ
การขมวดปมที่ทิ้งระเบิดอารมณ์ตอนท้ายได้อย่างเหมาะเหม็ง สามารถเรียกน้ำตาคนดูได้ไม่มากก็น้อยแน่นอน สุดแล้วแต่ความคล้อยตามของคนดู (ซึ่งหากคนดูที่ไม่ได้รู้สึกขัดกับ อารมณ์หนังที่เป็นภาคบังคับแบบนี้ อาจต้องเตรียมทิชชู่ไว้ซักสองห่อ) อาวุธสำคัญของหนังที่ใช้รีดน้ำตาคนดูได้ดีอย่างไม่รู้ตัว คือ ดนตรีประกอบและเพลงที่ไพเราะและเศร้าสร้อยเป็นอย่างยิ่ง
สิ่งที่ชอบ
1.คู่ร่มชำรุด ... อินจัด
2.เสียงนกหวีดของแม่ ... รู้ว่าต้องดังก็ยังน้ำตาไหล
3.นางเอกในสวนสนุก ... น่ารักมากๆๆ ตัวชุดตัวละครที่ใส่ก็น่ารักมากๆ
4.ข้อคิดเรื่องความรัก... การกระทำของตัวละครที่ทุกคนทำเต็มที่เพื่อความรักที่ยังมีชีวิตอยู่
สิ่งที่ไม่ชอบ
1.หลักสูตรความเศร้าภาคบังคับ ... หนังน่าจะลดความจัดแต่งประดิดประดอยลงไปบ้าง ทั้งจากบทที่จงใจบีบน้ำตาชนิดหักให้เศร้ากันเห็นๆ หรือ ภาพที่สวยเกินจริง(ตัวอย่างชัดเจนคือ คู่นักดับเพลิงตอนจบ)
สรุป ... แม้จะเขียนอยู่หลายรอบว่าหนังเรื่องนี้มีความจงใจ มีความจัดแต่งจนไม่เป็นธรรมชาติ ที่เป็นเหมือนจุดอ่อน แต่ ก็ยังเชียร์ให้คนชอบหนังรัก ชอบหนังเกาหลีได้ไปดูอยู่ดี เพราะข้อดีหลายๆอย่างของหนังสร้างความประทับใจให้ในขณะดูจนมองข้ามจุดอ่อนเหล่านั้นไปได้ และ หนังเศร้าที่ให้ความรู้สึกดีเรื่องนี้ก็ให้ข้อคิดอะไรดีๆกลับไปแก่คนดูหลังดูจบ
ป.ล. ... ใครดูตู้ซ่อนผีคงจำกันได้ว่าเรื่องนี้ พี่สาวคนสวย กับ แม่เลี้ยง กลับมาเจอกันอีกแล้ว ทั้งคู่ไม่ได้มาตบตีกันแต่อย่างใด เพราะแต่ละคนก็ง่วนกับการปฏิบัติภารกิจชีวิตของตัวเอง (คนหนึ่งคอยพยากรณ์อากาศ อีกคนก็นอนรพ.)
ดู(อ่าน)หนัง(สือ) ให้ข้อคิด ชวนคุณคลิกไปอ่าน ไปคุย และ ร่วมเป็น 1 ความคิดเห็นในหนังที่คุณเคยดู ที่ http://aorta.bloggang.com
The Break-Up , วิธีทำลายชีวิตคู่ตัวเองให้ย่อยยับ
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=07-2006&date=25&group=1&blog=1
Always: Sunset on Third Street , บางสิ่งที่ไม่อาจเห็นได้ด้วยตา แต่สัมผัสได้ด้วยใจ
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=05-2006&date=13&group=1&blog=1
Perhaps love , รักซ้อนรัก หนังซ้อนหนัง อดีตซ้อนปัจจุบัน
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&group=1&month=04-2006&date=29&blog=1
Christmas in August , เธอคือภาพถ่ายสุดท้ายในใจฉัน คุณคือแสงสว่างสุดท้ายในใจผม
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=12-2005&date=15&group=2&blog=1
จากคุณ :
"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
- [
1 ส.ค. 49 15:40:43
]