ความคิดเห็นที่ 1 โคตรรักเอ็งเลย .... ใน The Break-Up เรื่องราวชีวิตคู่จะแบบแฟน แต่ในเรื่องนี้เรื่องราวจะเป็นชีวิตคู่ที่อยู่ด้วยกัน นั้นก็คือ ผัวและเมีย .... หนังเรื่องนี้พูดถึงผัวเมียคู่นึง ที่ความรักของพวกเขานั้น เริ่มที่จะหมดอายุเต็มที ต่างคนต่างก็จิตรใจที่ต่างกัน คนนึงเป็นตลกแต่มารยาททรามมากๆ คนนึงต้องการจะมีอิสระของชีวิตแต่ก็ไม่คิดถึงชีวิตคนอื่น .... แรกๆที่2คนอยู่ด้วยกัน มันก็เป็นรักที่ดี แต่พอเริ่มอยู่ไปเรื่อยๆ ผู้ชายก็เริ่มที่จะเผยนิสัยของตัวเองมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ ตอนแรกๆสำหรับผู้หญิงคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องตลกและอยู่ด้วยกันได้ดีได้ แต่พอไปพอมา มัน- เริ่มที่จะทนไม่ไหว แล้วเพราะคนนึงก็เริ่มเห็นแก่ตัว คนนึงก็เริ่มที่จะเบื่อหน่ายแล้ว เลยทำให้รักหมดใจ ก็กำลังมาผันเปลี่ยนเป็น "ในหมดรัก" แล้ว อีกอย่างผู้หญิงเองก็คิดว่า จะเจอคนที่ใช่แน่ๆ ซึ่งเธอก็พอใจกับ เขามากกว่าผัวตัวเองซะด้วยซ้ำ มันเลยทำให้ความสัมพันธ์ของเธอและผัวเริ่มร้าวไปเรื่อยๆ .... อย่างนึงคือ ผมว่าหนังมีประเด็นที่ดี พยายามจะเสนอได้ดีด้วยซ้ำ แต่หนังมีปัญหามากๆในช่วงครึ่งหลัง ไปแล้ว บวกกับการแสดงของพี่โน๊ต และ วิสา ที่ดูแล้วไม่เข้าคู่กันเลย และแสดงได้แข็งกันทั้งคู่ จึงทำให้รู้สึก ผมรู้สึกว่า ผกก.พยายามจะทำหนังอะไรของเขาวะ??? คือเอาแน่เอานอนกับหนังไม่ได้เลย และแถมหนัง จับทิศมางของตัวหนังเองไม่ถูกเลยซักนิด และหนังพยายามที่จะให้คนบีบน้ำตาไปกับมัน ทั้งๆที่มันไม่ เนียนเลยซักนิดอ่ะ .... ผกก.นั้น พิง ลำพระเพลิง เหมือนไม่ซื่อสัตย์กับคนดูซะเท่าไหร่ ผมรู้สึกว่า เขาพยายามจะหลอกคนดูไป เรื่อยๆ และเหมือนเขากำลังจะด่าคนดูว่า "ไม่มีสมองในการดู" หรืออีกอย่างคือ "โง่" โดยการที่หนังนั้นทำ เรื่องราวได้ไม่บิลท์ให้คนดูร่วมไปกับหนังเท่าไหร่ บอกกับการที่หนังนั้น ใส่อะไรแปลกประหลาดไม่ได้ เรื่องในหนังไม่ว่าจะเป็น ผี??? หรือแม้กระทั่ง ไอ้พวกมุขตลกที่ให้พี่โน๊ตแสดง ผมไม่ขำเลยซักนิด ผม- คนนึง ที่รู้สึกเบื่อกับไอ้มุขพวกนี้มากๆ เพราะเหมือนรู้สึกว่าหนังพยายามจะย่ำยี่อยู่ที่เดิม ไม่ไปไหนของ มัน และก็นี่ยังไม่รวมถึงการที่ไปก็อปวิธีการเล่าเรื่องจาก Be With You ด้วยนะทุเรศว่ะ ทำไปได้ไงวะ คือแบบว่าเป็นหนังไทยที่มีปัญหาอีกเรื่องนึงในปีนี้ได้เลยนะ ต่อจาก มอ.8 แต่ไม่ร้ายเท่าเรื่องนั้นนะ .... ผมรู้สึก พิง ยังมีปัญหานอกจากการกำกับ ให้ความรู้สึก และ ในเรื่องบทแล้ว ผมรู้สึกว่า เขายังทำหนัง ได้ไม่สร้างสรรค์พอ ผมไม่อินกับหนังเรื่องนี้ และ ผมไม่เชื่อว่าหนังเรื่องนี้ เป็น1ในเรื่องจริงของเขา ผมว่ามันดูเว่อร์ๆไปนะ จะมาบอกว่าเป็น1ในชีวิตจริงของเขา ผมเคยเห็นมากมายครับ ที่ผัวเมียเขามี ปัญหา แต่มันคงไม่มาจบแบบHappyแบบนี้หรอกครับ ผมว่าผกก.จงใจตรงนี้เกินเหตุ ผมว่าถ้าหนัง จบแบบ The Break-Up และไม่ไปก็อปวิธีการเล่าเรื่องจาก Be With You และไม่เอาผีใส่ รวมถึง เรื่องฉากฮาๆจากพี่โน๊ตที่ไม่ขำเลยซักนิด ผมว่า ผมจะชอบหนังเรื่องนี้นะ แต่แบบมันมีหลายๆส่วน ที่ขัดๆลูกกะตาเยอะมากๆ จนรู้สึกว่า พี่เขาน่าจะกลับไปเขียนละครอีกซักเรื่องนึง และหาเรื่องราว อะไรก็ได้ที่น่าจะทำให้ดูดีกว่าเรื่องนี้ ผมว่าพอพี่เขามาทำหนัง ผมรู้สึกว่าพี่เขาไม่รู้ตัวว่า พี่เขากำลัง ทำอะไรอยู่ครับ อีกอย่างอย่าบิลท์อารมณ์รักหนังเรื่องนี้มากเกินไปมันไม่ซึ้งเลยซักนิด .... พี่โน๊ต ดีกว่าเรื่อง กล่อง หน่อย แต่ก็น่ะครับ ผมว่าพี่เขาไม่เหมาะจะเล่นหนังซะด้วยซ้ำ เพราะ ผมว่า พี่เขายังแสดงแข็งและไม่เป็นธรรมชาติซะเท่าไหร่ ยิ่งไอ้ตอนที่จะจูบกับไอ้ตอนบีบน้ำตา ทั้งหลาย ผมอยากเอียนไปกับมันมากๆ ไม่รู้สึกว่า ตัวละครของพี่โน๊ต รักนางเอกจริงๆ จะมาจูบ ดื้อๆเลยมันก็ดูแปลกๆไป ผมว่าการแสดงของพี่เขา มันไม่ดีเท่ากับตอนเดี่ยวไมโครโฟนของพี่- เขาเลยอ่ะ ถ้าจะให้ดีพี่เขาน่าจะกลับมาไปเล่นเดี่ยวไมโครโฟนอีกซักครั้ง เพื่อทำให้ตัวพี่เขา กลับมาเจ๋งอีกครั้ง แต่อย่างว่าเดี๋ยวนี้ตัวพี่เปลี่ยนไปมากๆกว่าที่คิด ไม่จะเรื่องนิสัย หรือ ชีวิต ส่วนตัวก็ตาม มันทำให้เห็นว่า นี่แหละ คือคนที่กำลังจะหมดไฟจริงๆ คนรักก็ไม่มี เพื่อนก็ เริ่มทิ้ง นิสัยยังแย่อีก แถมผลงานก็มีไม่มาก และ ไอ้ที่ตัวเองมีดีด็หายไปหมด เรียกได้เลยว่า นี่คือตัวอย่าง ของคนที่หมดไฟจริงๆ (ผมหวังว่าซักวันพี่เขาจะกลับมาในเดี่ยวไมโครโฟน อีกครั้ง ไม่ว่าตอนนี้นิสัยหรืออะไรๆที่เกี่ยวกับพี่จะเปลี่ยนไปก็ตาม ผมยังคงรอคอยพี่โน๊ต คนเดิมเสมอครับ) .... นางเอก วิภา สารสาส นี่เป็นเรื่องแรกของเธอ และก็ยังแสดงได้ไม่ค่อยดี ก็ไม่เป็นไรครับ เราเข้าใจว่าการแสดงยังต้องพัฒนาไปอีกเยอะ แต่เรื่องที่จะบอกก็คือ มันไร้ความรู้สึกมากๆ เธอไม่มีความงามเลยซักนิด แถมแบบเล่นแข็งยิ่งกว่าพี่โน๊ตซะอีก และยิ่งเห็นเธอยิ่งเล่นไป เท่าไหร่ ผมรู้สึกเสียความรู้สึกมากๆขึ้น เพราะการแสดงเธอมันยังแบบว่า ไม่เข้าอารมณ์กับ ตัวหนังจริงๆ แถมยังคิดว่า เธอน่าจะทำได้ดีกว่านี้ แต่มันก็งั้นๆน่ะ เสียอารมณ์มากๆเลยอ่ะ ยิ่งไอ้ตอนที่เสียน้ำตายิ่งดูแล้วมัน FAKE สุดๆเลยล่ะครับ หวานมันส์ ที่มีรสชาติ - ครึ่งเรื่องแรกที่เล่าเรื่องได้น่าสนใจ และเกริ่นประเด็นได้ดี - เพลงประกอบเพราะดีครับ แต่ไม่เข้ากับตัวหนังเลญซักนิด -  พี่กอล์ฟ-อัครา อมาตยกุล เล่นเป็นชู้ของนางเอกได้ดีมากๆครับ ขอยอมรับ ถือว่าเป็นคนเดียวที่เล่นได้ไม่ Overครับ - มีอยู่มุขเดียวที่ผมขำ คือ มุขกัดลิ้นร้องเพลง อันนั้นเป็นมุขเดียวที่ผมขำมากๆ ฮาแตกจริงๆ หวานมันส์ ที่ยังจืดไป - ครึ่งเรื่องหลัง อะไรก็ไม่รู้ครับ - เอาผีมาทำไม ไอ้ที่เกลียดสุดคือมุขชัตเตอร์ครับ ไม่เนียนเลย - มุขตลกฝืดๆทั้งหลาย ของพี่โน๊ต - การกำกับ และ การเขียนบท ของผู้ชายที่ชื่อว่า พิง ลำพระเพลิง - การไม่เข้าคู่กัน และ การแสดงที่แข็งสุดๆของ พี่โน๊ต และ วิภา สารสาส - จงใจให้จบ แบบHappyเกินเหตุ - ฉากช่วงCreditมีเพื่ออะไรครับ ไม่ขำเลยซักนิด - การที่ไปก็อปวิธีการเล่าเรื่องจาก Be With You ที่ทำได้ไม่เนียนเลย จากคุณ : billy bob - [ 9 ส.ค. 49 00:07:56 ]

ความคิดเห็นที่ 2 SAD MOVIE .... ผมรักคุณ .... อย่าจากผมไป .... ขอให้ได้เจอกับคนที่โชคดี .... ฉันจะจดจำคุณตลอดไป .... 4ข้อความที่พึ่งกล่าวไปนั้น 4ข้อความ ที่มาจาก4เรื่องราว ที่รวมกันเป็นเรื่องราวเรื่องเดียวกัน อย่างน่า อัศจรรย์ 4เรื่องราวที่จบลงด้วยความซ้ำ แต่เป็นความทรงจำที่งดงามแบบไม่มีวันลืม .... SAD MOVIE เป็นภาพยนตร์ดีๆเรื่องนึงจากเกาหลี ที่เรียกได้ว่าตั้งแต่ The Classic นั้น เราไม่ได้เห็น มานานมาเป็นเวลานานมากๆแล้ว นี่เป็นหนังรักจะตรึงอยู่ในใจอีกนานแสนนานเลยทีเดียว .... เรื่องราวความรักครั้งนี้ เกิดขึ้นด้วย4คู่ 4เรื่องราว ที่มีความเกี่ยวข้องกันอยู่ นิดๆ หนังพยายามจะเล่าว่า เมื่อเรามีความรู้สึกดีๆแก่กันและกัน และวันนึงถ้าเราต้องจากเขาหรือเธอไป คุณจะเศร้ามากแค่ไหร??? .... จากคู่แรกเรื่องรักของหนุ่มดับเพลิง กับ สาวที่เป็นคนแปลภาษาใบ้ให้กับข่าวที่ออก จินวู และ ซูจุง ความรักของและเธอจะมีเวลาน้อยทั้งคู่ เพราะต่างคนต่างก็มีหน้าที่ของตัวเอง และต่างคนต่างก็ต้อง การที่จะรักกันไปนานๆ ถึงแม้ว่าเวลาและเป็นอุปสรรค แก่คนคู่นี้ก็ตาม .... คู่ที่2 เรื่องราวระหว่างแม่กับลูก ที่กว่าจะเข้าใจและรักกันนั้น มันก็ต้องมีเรื่องทำให้ต้องพลัดพราก จากกันในที่สุด จู-ยัง และ ฮวิชาน นี่คือเรื่องราวว่า เด็กคนนี้รักแม่ของเขามากแค่ไหน และแม่เองก็ อยากจะอยู่กับลูกมากแค่ไหน นี่คือเรื่องราวความรักระหว่างแม่กับลูก ที่ต้องการจะบอกกับคนดู คุณ รักแม่ของคุณมากเท่าเด็กคนนี้มั๊ย?? และ คุณอยากจะอยู่ใกล้กับลูกของคุณเอง แบบผูเหญิงคนนี้มั๊ย? .... คู่ที่3 เรื่องราวจริงๆจะไป Focus ที่ฝ่ายชายมากกว่า แต่อยากจะบอกว่านี่เป็นเรื่องราวคู่รัก ที่ความรัก กำลังจะดับไปเรื่อยๆๆๆ และก็คิดว่าในที่สุดมันก็จะสูญเสียรักไปในที่สุด แต่เรื่องราวของฝ่ายชาย เรียกได้ว่าไปเชื่อมโยงเรื่องราวกับคู่อื่นๆได้ลงตัวจริงๆ และเราก็รู้สึกกับฝ่ายชายว่า เขาเองก็ทำเต็มที่ แล้ว แต่มันก็คงต้องจบแบบนี้ .... คู่ที่4 เรื่องราวของคู่นี้ ค่อนข้างจะน่ารักเป็นพิเศษ มีเรื่องราวที่แฝงไว้ดีๆ ความรักที่หนนี้เป็นเหมือน 1ในความประทับใจที่จะไม่มีวันลืมอีกนาน ของหญิงคนนึง และ ชายคนนึง เธอกับเชา ต่างก็ชอบกัน ในแบบที่ต่างคนต่างคิด ฝ่ายชายที่ไม่เคยเห็นหน้าฝ่ายหญิงก็ฝันถึงว่าหน้าตาของเธอจะเป็นอย่างไร?? ส่วนฝ่ายหญิงเองก็อยากจะเปิดเผยตัวเองให้ฝ่ายชายได้รู้ว่า "นี่คือฉัน" .... ถึงแม้หนังจะเศร้ามากในตอนจบ แต่ก็อดที่จะประทับใจกับหนังเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะว่านี่เป็นเรื่อง- ราวรัก ที่ใครๆในโลกของความเป็นจริงเลี่ยงไม่ได้ ผมเชื่อว่าวันๆนึง คุณคงจะประสบเรื่องราวแบบ เดียว กับที่เขาและเธอได้เจอมา เป็นหนังที่ให้ความหมายของคำว่ารักในประเด็นของความเศร้าได้ดี มากๆเรื่องนึง ที่ได้ดูมาในชีวิต หวานมันส์ ที่มีรสชาติ - นักแสดงนำทั้ง8คนครับ แสดงได้ดีจริงๆ - ความน่ารักของ ชิน มินอาร์ และ ทะเล้นก่วนๆของ ชา แตฮยุน - ฉากเป่านกหวีดของจู-ยัง ครั้งแรก และ ครั้งสุดท้ายชวนซึ้งมากๆ - ภาพสวย (อันนี้ตามสไตล์หนังเกาหลี) - ฉากเรียกน้ำตาที่ทำได้ดีมากๆ และทำให้น้ำตาไหลเป็นช่วงๆเลย - จุดจบของคู่ร่มหัก ทำได้ดีครับ เป็น1ในตอนที่ผมน้ำตาไหลท่วมท้นเลย - ตุ๊กตาที่ ซีอึน ใส่ น่ารักครับ - มุขตลกที่พยายามจะสอดแทรกทำได้ดี - Soundtrack ของหนังเพราะครับ - บทแปลโดย พี่พัชชา หรือ ธนัชชา ศักดิ์สยามกุล ที่ชวนให้นึกถึง หนังอย่าง The Classic ที่พี่เขาเคยแปล หวานมันส์ ที่ยังจืดไป - ตามสูตรไปนิด จากคุณ : billy bob - [ 9 ส.ค. 49 00:08:47 ]

ความคิดเห็นที่ 3 The Lake House .... ยังจำได้ดี ในครั้งแรกที่ได้ดู Il Mere ที่โรง Lido อยากบอกว่านี่คือหนังเกาหลีเรื่องแรกที่ได้ดูใน โรง ก่อนจะได้ดู My Sassy Girl และ The Classic ในปีต่อมา ที่ชอบๆของหนังเรื่องนี้ คือความเย็น ในภาพยนตร์ ดูเยือกเย็นเหลือเกิน ชอบครับเป็นหนังเรื่องแรกที่ทำให้ผมรู้สึกว่า ไม่จำเป็นต้องให้ พระเอกกับนางเอกอยู่ในจอเดียวกัน ก็สามารถเป็นหนังรักดีๆเรื่องนึง .... ความรู้สึกดีๆจากสมัยนั้น จนถึงสมัยนี้นั้น ตั้งแต่ที่เขาประกาศจะ REMAKE หนังเรื่องนี้ ผมก็ สันนิษฐานว่า ขอให้พระเอกเป็น Paul Walker และ นางเอกขอให้เป็น Kate Hudson หรือไม่ก็ Bryce Dallas Howard แต่พอเอาเข้าจริงพระเอกกลับเป็น Keanu Reeves และนางเอกเป็น Sandra Bullock พระเอกน่ะผมไม่ว่า แต่นางเอกผิดคาดอ่ะ .... และเมื่อผมได้พิสูจน์กับตัวหนังฉบับนี้นั้น กลับกลายเป็นว่าหนังกลับให้ความรู้ดีๆแบบเดียวที่ Il Mere เคยเป็น ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินเรื่อง และเยือกเย็นของหนังทำที่ได้จริงๆจนนึกถึงต้นฉบับ ถึงแม้ในฉบับใหม่นี้จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงเยอะมากๆ แต่เนื้อหาหนังยังคงเหมือนเดิม และก็ไม่ ซ้ำกว่าที่คิดไว้อีกด้วย .... จำได้ว่าในต้นฉบับนั้นเรื่องราวเกิดในระหว่างปี 1998 กับ ปี 2000 ในฉบับนี้เรื่องราวเกิดขึ้น ในช่วงระหว่างปี 2004 กับ ปี 2006 ซึ่งบอกได้ว่า2ปีนี้เขากับยุคสมัยมากๆครับ ในต้นฉบับเนื้อหา บางชาวงชวนงงเยอะมากๆ ไม่ว่าจะเรื่องการดำเนินเรื่อง การจบของหนังที่ชวนงงเล็กๆ แต่พอมา ในฉบับนี้ หนังไม่ได้เหมือนกับต้นฉบับเลยนะ หนังยังคงซื่อสัตย์อยู่ แต่หนังได้เหลี่ยนสไตล์ ของหนังมาเป็นแบบพวก American ค่อนข้างชอบใจที่หนังมีสไตล์เย็นๆของมันเอง .... ไม่ใช่แค่เปลี่ยนในการดำเนินเรื่อง แต่หลายๆสิ่งจากต้นฉบับและฉบับใหม่นี้นั้น มันดูแตกต่าง ไปอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น ขนาดบ้านของทั้ง2ฉบับ ต่างกัน, ได้เปลี่ยนเรื่องราวคนที่นางเอกและ พระเอกสนิท ของนางเอกนี่ จากต้นฉบับที่เป็นเพื่อน ก็ถูกเปลี่ยนมาเป็นแม่นางเอก ของพระเอก จากต้นฉบับที่เป็นเพื่อนก็เปลี่ยนมาเป็นน้องชายซะงั้น, ของที่นางเอกลืมจากของเก่าที่เป็นเทปอัด มาเป็นหนังสือ ของ Jane Austin ที่จริงมีอีกเยอะแต่ขี้เกียงแต่อยากบอกว่า เอาเรื่องราวประยุกข์ได้ดี นะ มันทำเรื่องราวได้คล้ายกัน แต่แตกต่างกันได้ดีจริงๆ ต้องชมว่าผขบ.ดัดแปลงจากหนังอีกเรื่องนึง มาสู่หนังอีกเรื่องได้เหมาะเจาะและลงตัวมาก .... แถมเรื่องราวยังมีการเสริมอะไรเล็กๆน้อย หรือบางอย่างมีบทบาทมากขึ้น อย่างเช่น พระเอกมีกิ๊ก, น้องหมามาเร็วในช่วงของพระเอกกว่ากำหนด, แฟนนางเอกบทบาทเยอะขึ้น, ชีวิตของงานที่พ่อและ น้องของพระเอกทำ, เรายังได้เห็นบทสนทนาของพระเอกและพ่อที่ทำได้ดีอีกด้วย, แถมเรื่องราวใน ฉบับใหม่ ยังบอกอีกว่าบ้านหลังนี้ แท้จริงเป็นบ้านหลังเก่าที่พ่อพระเอกเคยสร้าง ซึ่งผมรู้สึกว่าส่วน ที่เพิ่มมาในหนังนี้ ไม่ได้เป็นส่วนที่เกินของหนังเลยล่ะครับ .... ในฉบับนี้ผมรู้สึกว่าพระเอกรักนางเอกจริงนะครับ มากกว่าต้นฉบับ ที่เป็นหนังให้คนคิดเองตลอด เวลา ในฉบับใหม่นี้โยงเรื่องราวได้ดี และก็ให้เห็นถึงความสัมพันธ์พระเอกกับนางเอกได้มากกว่า ต้นฉบับ ถึงแม้จะไม่มีฉากSpagettiนั่นก็ตาม .... ผกก.Alejandro Agresti ก็กำกับเรื่องนี้ได้ดี ถึงแม้ผมเองจะไม่เคยดูหนังที่เขากำกับมาก่อน .... ที่ชอบคงเป็นการกลับมาอีกครั้งของคู่พระ-นาง Keanu Reeves และ Sandra Bullock หลังจากที่ไม่ได้พบกันมา นานตั้งแต่สมัย Speed แล้ว ผมรู้สึกว่าเรื่องนี้เล่นได้ดีแบบที่สมัยนั้นที่พวกเขาเล่น .... ที่ไม่ชอบก็คงเป็นฉบับนี้พระเอกกะนางเอกเจอะเจอกันแบบอยู่ในจอเดียวกันบ่อยเกินไป จึงขาดเสน่ห์แบบเดียว กับที่ Il Mere เคยนำเสนอ แต่อยากบอกว่าหนังใช้ส่วนนี้เป็นประโยชน์มากๆครับ หวานมันส์ ที่มีรสชาติ - การดัดแปลง จากหนังรักเรื่องนึงสู่หนังรักอีกเรื่องนึง ที่ทำได้ลงตัวมากๆ - Keaun Reaves ฮีโร่ในดวงใจยังคงแสดงแนวเฮียเขาได้ดีอยู่ แต่อยากบอกว่า อยากให้ เฮียแกเขาเล่นหนังรักเยอะๆครับ ถือว่าเรื่องนี้เฮียแกทำได้ดีพอๆกับตอนที่เล่น Sweet November เลยล่ะครับ - ความน่ารักแบบต้นฉบับของ Sandra Bullock ที่ตอนแรกคิดว่าเธอคงเล่นไม่ดีแน่ๆ เพราะ ว่าบทที่เธอเล่นไม่ได้หวังซักนิดให้เธอมาเล่น แต่สุดท้ายเธอทำได้นะครับ จึงทำให้นึกถึงหนังรักเก่าๆที่เธอเคยฝาก ฝีมือเอาไว้ครับ - การกำกับภาพของ Alar Kivilo ที่เย็นได้ใจแบบต้นฉบับมากๆครับ - ความเคลียร์ในตอนจบของเวอร์ชั่นใหม่นี้ ทำได้ดีกว่าต้นฉบับหน่อยนึง ถึงแม้เว่อร์ชั่นนี้ จะยัดเยียดให้มัน Happy Ending เกินไปก็ตาม - บทบาทพ่อของพระเอก ที่นำแสดงโดย Christopher Plummer ที่ดูดีกว่าต้นฉบับหน่อยนึง - เพลง This Never Happened Before โดย Paul McCartney และการประพันธ์เพลงของ Rachel Portman ช่างเป็น ภาพยนตร์ที่ทำให้นึกถึงต้นฉบับมากๆ ถึงแม้มันจะเปลี่ยนไปเยอะก็ตาม หวานมันส์ ที่ยังจืดไป - หนังยังหลวมๆบางจุดอยู่ - ตอนจบ ดูเหมือนจะจงใจให้ Happy เกินเหตุ - เสน่ห์ของIl Mere หายไปเยอะเลยครับ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม ที่รู้สึกผิดหวังเล็กๆคือ ฉาก Spagetti ฉบับใหม่นี้ ไม่มีอ่ะ สรุปแล้ว: .ในบรรดาหนังรักทั้ง4เรื่องนั้น แตกต่างกันคนละอารมณ์เลย แถมให้ความรู้สึกที่แตกต่างด้วย ตั้ง- แต่เรื่องแรก ที่ทำให้เหมือนกับได้เรียนรู้ในเรื่องชีวิตคู่หลังจากที่ดู เรื่องที่2เสียความรู้สึกเต็มๆกับหนัง และรู้สึกว่า ไม่สามารถเอาแน่เอานอนกับหนังได้ เรื่องที่3ถึงจะเศร้า แต่มันเป็นความเศร้าที่ประทับใจ และเรื่องสุดท้ายไปนำ เรื่องที่เคยสร้างความประทับใจ กลับนำมาตีความในรูปแบบใหม่ได้ดีกว่าที่คิดไว้ โดยรวมแล้วแต่ละเรื่องก็ทำได้ดี นะ แต่มีเพียงบางเรื่องที่ผมรู้สึกว่า ถ้าผู้กำกับให้เวลากับการพัฒนาบทหน่อยจะดีมากๆครับ ซึ่งต่อไปนี้ผมก็จะให้ คะแนนกับหนังทั้ง4เรื่องนะครับ The Break-Up 7.5/10, โคตรรักเอ็งเลย 5/10, SAD MOVIE 9.5/10 และ The Lake House 8.5/10 ก็คิดว่าชอบ SAD MOVIE มากที่สุด และก็ชอบ โคตรรักเอ็ง น้อยที่สุดครับ คราวหน้า ตอนนี้กำลังเร่งเครื่องเขียน United 93 กับ โกยเถอะโยม ให้เสร็จให้ทันภายในวันพรุ่งนี้อยู่ แต่อยาก จะบอกว่า ช่วงนี้หนังที่น่าดูจริงๆ ไม่ค่อยมีเลยอ่ะ You,Me and Dupree ก็ไม่น่าสนใจพอ Garfield 2 ก็กระจอกไป และ มนุษย์เหล็กไหล ก็ทำได้ไม่น่าดูซะเท่าไหร่  ที่น่าดูจริงๆตอนนี้มีแค่ Snake On The Plane, The Gig และ Season Change จริงๆอ่ะครับ จากคุณ : billy bob - [ 9 ส.ค. 49 00:09:26 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อ่านแล้วยิ่งอยากดู the lake house จากคุณ : patsypacky - [ 9 ส.ค. 49 00:22:56 ]

ความคิดเห็นที่ 5 พ่อนีโอยังแอบคิดถึงทรินิตี้อยู่รึป่าว จากคุณ : marantz - [ 9 ส.ค. 49 00:38:29 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ผมชอบ Lake House กับ โคตรักฯ นะครับ อีกสองไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ โดยเฉพาะ SAD Movie ผมว่าหนังมันยัดเยียดความซึ้งมากไปอ่ะครับ รู้ว่าชื่อหนังเศร้า แต่ไม่เห้นต้องเศร้าขนาดเลย ผมกลับไปชอบโคตรรักฯ มากกว่า คือผมเห้นต่างกับคุณ billy นะครับเรื่องที่หนังเอาแน่เอานอนไม่ได้ ผมว่าบางคนคงจะเป็นแหละ คนที่ตลกมากๆ มันก็ตลกอยู่วันยังค่ำ (เช่นผมเป็นต้น อิอิ) ฉากนึงที่รู้สึกว่ามันสมจริงดีก็คือฉาก "ไปคุยกันข้างล่าง" แล้วก็ทำท่าลงบันไดเลื่อนไป ในขณะที่นางเอกบอก "ไม่ตลกเลยนะ" ผมว่าคนเล่นมุขทุกคนเจอแบบนี้ก็คงเจื่อนแหละครับ โดยส่วนตัวชอบนะ ส่วน LAkehouse ตอนจบมันแฮปปี้ไปจริงๆแหละ (สงสัย Happy DTAc เป็นสปอนเซอร์(ฮา)) แต่ชอบโทนภาพในหนังครับ หนังฝรั่งก็ดีตรงนี้แหละ โลเกชั่นเค้าสวยกว่าเรา อิอิ ชอบในแง่ของเรื่องราวการรอคอยด้วย เมื่อพระเอกเห็นนางเอกแล้ว แต่นางเอกจำพระเอกไม่ได้เลย กับเรื่องราวของความตั้งใจสร้างบ้านของพ่อพระเอก ที่ถึงแม้จะ "สร้าง House ไม่ได้สร้าง Home" แต่ก็ก่อให้เกิดประกฏการณ์เหนือธรรมชาติขึ้นจนเป็นเรื่องราวให้ชื่นใจกัน จากคุณ : CARAGIO - [ 9 ส.ค. 49 00:39:37 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เขียนถึง the break-up กับ sad movie ได้ดีนะคะ จัดหน้าได้ดี อ่านง่ายขึ้นมากแล้วด้วย จากคุณ : แก่นแก้วกายกรรม - [ 18 ส.ค. 49 15:16:16 ]