ความคิดเห็นที่ 1 ยังไม่ได้ดูเยย จากคุณ : EastCoast - [ 15 ส.ค. 49 18:43:47 ]

ความคิดเห็นที่ 2 วันนี้กะว่าจะดูแล้ว แต่ก็ขี้เกียจรอ ก็เลยไม่ดูอ่ะ จากคุณ : pichet152 - [ 15 ส.ค. 49 19:07:31 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ไปอุดหนุนมาแล้วจ้า ไม่ชอบเลยครับ ไม่ขำ ไม่สนุก ไม่ตลก น่าเบื่อมากๆ ดูไปหาวไป อยากจะเดินออกก่อนหนังจบ ก็เกรงใจคุณอาที่ออกค่าตั๋วให้ หนังแปลกดีนะ แต่ก็เป็นความแปลกที่ ... ไม่ค่อยให้ผลลัพธ์ที่ดีเท่าไหร่ เน้นตลกท่าทางซะเยอะ ซึ่งมันไม่ขำอ่า แต่คนในโรงส่วนใหญ่เค้าก็ขำกันกระจาย สงสัยเราจะไม่ถูกโฉลกกับหนังตลกน่ะนะ ผมไม่ได้แอนตี้หนังไทยนะครับ เพราะตอนนี้หันมาดูหนังไทยมากกว่าหนังฝรั่งด้วยซ้ำ ล่าสุดก็ปลื้มและชื่นชอบเหล่า ห้าสาวแก็งค์ชะ นีมาหมาด ๆ แต่ผมไม่ชอบ โกยเถอะโยมจริงๆอ่ะ ให้ทำไง แต่อย่างน้อยก็มองเห็นความพยายามของผู้กำกับนะครับ ไม่เหมือนหนังไทยบางเรื่อง ที่ตีหัวเข้าบ้านจริงๆ จากคุณ : sixthsense - [ 15 ส.ค. 49 20:45:31 ]

ความคิดเห็นที่ 4 แลหนังไทย พน โกยเถอะโยม : (พยายามจะ)ตลกตกใจผี ปีล่าสุด เพียงเห็นตัวอย่าง สมองผมคิดถึงคำพาดหัวอย่างที่เห็น ครั้นหลังฉายรอบสื่อฯ ซึ่งผมยังไม่สะดวกไปดู แว่วบางความเห็นโน้มไปทางชมๆ ว่า ไม่ใช่แค่วิ่งหนีผีธรรมดา แต่ผู้กำกับฯ ใช้รูปแบบหลวงพ่อนั่งฟังความอยู่บนศาลาวัด ให้ชาวบ้านทยอยกันเล่าว่าใครโดนอะไรมาอย่างไร ผมมีความหวังวูบขึ้นมาว่า หรือจะได้เปลี่ยนพาดหัวเป็นไม่มีในวงเล็บ แล้วเปลี่ยนท่อนท้ายเป็น เฉียดราโชมอน ผมค่อนข้างมีฉันทาคติกับจตุรงค์ เห็นเขาตั้งแต่ยังไม่มีคณะ ไปร่วมกับคณะของคนอื่น ตระเวนเล่นตลกให้ความบันเทิงทหารเกณฑ์ตามกรมกองต่างๆ แล้วถ่ายทำมาออกรายการตะลุยตลาดตลกตอนบ่ายๆ ทางจอแก้ว ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบใจมุข ไม่เอา ไม่พูด ด้วยท่าล้อดาราหญิงหนังจีน มุขที่ทำให้เขาได้เกิดในวงการแล้วดีขึ้นเรื่อยๆ จนโด่งดังเป็นอีก 1 ในตลกแถวหน้า ต่อมาเมื่อมีชื่อเสียงแล้ว เวลาให้สัมภาษณ์ในรายการใดๆ รวมทั้งบางครั้งพาคุณแม่มาออกรายการด้วย ผมมักจะเพลิดเพลินเป็นอันดี แม้จะไม่ได้บันเทิงกับฝีมือตลกของเขาในระยะหลังๆ อีกแล้ว ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองออกจะมีฉันทาคติต่อเขา เมื่อแว่วๆ ว่างานของเขามีวี่แววจะเข้าท่ารวมทั้งอยากเห็นหนังไทยไม่เลวร้ายอย่างที่พบมานักต่อนักให้ได้กลุ้มใจกับวิจารณญาณแห่งการลงทุนไปหลายครั้งแล้ว จึงเกิดความหวังในทิศทางเอาใจช่วย แต่เมื่อดูผลงานเขียนและกำกับฯ บนจอใหญ่ครั้งแรกครั้งนี้จนจบ ก็ไม่มีคำอื่นใดจะตรงไปกว่าที่ผุดขึ้นมาในความคิดแต่แรกนั้น เฮ้อ ตัวอย่างทำให้นึกถึง บ้านผีปอบ แม้ผมจะไม่เคยดูเลยสักภาคก็เถอะ ที่ไม่เคยดูก็ดังเคยเล่าสู่แล้วว่า ผมเคยชื่นชอบ สารวัตรปืนฝืด จากบทบาทของ ปีเตอร์ เซลเลอร์ ในครั้งกระโน้น ครั้นสัก 30 ปีให้หลัง บังเอิญได้ดูอีก ความรู้สึกเดิมไม่มีอะไรเหลือเลย ผมจึงคิดว่า บ้านผีปอบคงอยู่ในอีหรอบเดียวกันนั้น วันเวลาที่ผมจะรู้สึกเฮฮาไปกับอะไรพรรค์นี้ ล่วงเลยไปแล้ว จึงไม่เคยคิดจะลองดูบ้านผีปอบว่ จะบันเทิงบ้างไหม ได้แต่ผ่านตาวลีที่หลายผู้ร่วมงานบอกว่า หนังที่สร้างต่อมากภาคที่สุดในประเทศไทยเรื่องนั้น ได้รับความสำเร็จเพราะตลกวิ่งหนีผี ทำให้สมองคิดถึงคำพาดหัวดังว่า หลังเห็นตัวอย่างของโกยเถอะโยมคราวนี้ ช่วงแรกๆ จตุรงค์มีมุขที่ทำให้ผมหัวเราะได้ ยกเว้นมุขที่เอามาให้ชาวบ้านเห็นเป็นตัวอย่างจนเฝือไปหมดแล้ว ผมจึงยังคงมีความหวังอยู่ แต่ไม่ถึงครึ่งเรื่องได้กระมัง ความหวังผมเริ่มเลือนลง เรื่องราวที่โดนผีเด็กหลอกของชาวบ้าน 2-3 รายเท่านั้นที่มีมุขให้ขำ หลังจากนั้นไป ฝืดและหนืด เสียงหัวเราะจากเพื่อนร่วมโรงที่ยังเฮฮากับหลายมุขที่ผมผ่านช่วงเวลานั้นมาแล้ว หลังหนังเลิกผมลองหยั่งสถานภาพ พบว่าไม่ใช่ชาวบ้านทั่วๆ ไป ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษา ส่วนที่ไม่ได้ใส่เครื่องแบบ ก็ดูทีท่าไม่ได้แตกต่างจากคอหนังฝรั่งทั่วๆ ไป แสดงว่าตลกตกใจผี ไม่ได้ให้ความบันเทิงเฉพาะตลาดรอบนอกเท่านั้น ที่บ้านผีปอบหลังจากสักภาค 3 ไปแล้วไม่ได้ฉายในกรุง นั่นเพราะว่ามุขซ้ำย้ำจนเน่ามากกว่า หากเว้นช่วงห่างสักหน่อย พอให้คนคิดถึง การทำหนังตลกตกใจผี จึงยังเรียกคนดูได้อย่างน่าพอใจ เพียงแต่ว่า หากผลรวมออกมา คนรู้สึกว่าไม่คุ้มค่าดู เห็นทีรายได้จากโรงใหญ่คงไม่น่าพอใจนัก เร็วๆ นี้แว่วเสียงจากประชาชนคนเดินดินกินข้าวปุ้นว่า ต้องหนังถึงระดับ ทั้งเรื่องทั้งระบบเสียงน่าเชื่อว่าคุ้มค่า จึงจะยอมเสียเงินซื้อตั๋ว นอกนั้นไว้รอเช่าแผ่นเอาดีกว่า วงการหนังใหญ่ต้องทุ่มเทความคิดกันหนัก หากหวังให้สินค้าคุ้มค่าการลงทุน ยิ่งน้ำมันมีแต่ขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่มีทีท่าจะหยุดลงที่ตรงไหนอย่างนี้ด้วย ที่พอให้ไม่รู้สึกจำทนดูจนจบนักในคราวนี้ เป็นฝีมือทางด้านภาพและดนตรีประกอบ เรื่องราวมีวี่แววว่าเป็นเรื่องครั้งอดีต แม้จะไม่ชัดเจนนัก เพราะไม่มีตรงไหนระบุวันเวลา รวมทั้งเสื้อผ้าผมเผ้าไม่เน้นให้เด่นชัด บรรยากาศสถานที่ตลาดโบราณสัก 50 สัก 100 ปี ปัจจุบันก็ยังมีให้รำลึกถึงวันวารที่ผ่านมาอยู่หลายแห่ง แต่รูปถ่ายขาวดำและรูปแบบตัวอักษรชื่อเรื่องโน้มให้คิดว่า เรื่องนี้เป็นเหตุการณ์ไม่น้อยกว่า 30 ปีมาแล้ว ดนตรีที่ออกลีลาไปในทางแตรวง ใช้ส่งสรุปตบท้ายเรื่องราวที่ชาวบ้านแต่ละคนเล่า กระตุกให้คนดูไม่เบื่อหน่ายมากนักเป็นระยะๆ ได้ดี แว่วมาว่า ความคิดจะทำหนังเรื่องนี้ของจตุรงค์ แวบขึ้นมาจากชื่อน้องพี หนูน้อยลูกของผัวหนุ่มเมียสาวที่ช่วยงานในคณะตลก แล้วจตุรงค์เห็นไหวพริบปฏิภาณที่มีมากกว่าเด็กธรรมดาทั่วๆ ไป นำมาลองป้อนมุข จนได้รับความสำเร็จสร้างตลกเด็กตั้งแต่ยังไม่ 4 ขวบคนแรกของประเทศไทยขึ้นมาได้ ชื่อของน้องพี ทำให้จตุรงค์นึกจะทำหนังเรื่องเด็กผี หลังจากเห็น หม่ำ ลูกพี่เก่า ได้รับความสำเร็จ ตรงนี้มีความแตกต่าง หม่ำนั้นสะสมความคิดสำหรับหนังเรื่องแรกอยู่หลายปี เพราะเขาเคยเสนอจะทำตั้งแต่เพิ่งเริ่มมีชื่อเสียงใหม่ๆ แต่ไม่มีใครเชื่อน้ำหน้าลงทุนให้ ความคิดถึงเรื่องราวที่จะออกมา จึงใช้เวลาสะสมบ่มเพาะอยู่นาน ทำให้งานออกมาแน่น พอเรื่องที่ 2 เห็นได้ชัดว่าหลวมโพรกลงไปในระดับฟ้ากับเหว ถึงกับไปเอาโครงเรื่องมนต์รักลูกทุ่งมาดัดแปลงเอาดื้อๆ ในขณะที่ความคิดของจตุรงค์ ไม่ต่างจากโน้ตหรือป๋าเทพ เกิดขึ้นเพียงช่วงสั้นๆ ดูท่าว่าจะมีแค่ชื่อเรื่องเป็นตัวจุดประกายด้วยซ้ำ ชื่อที่มาเปลี่ยน ก็เพราะคำว่า โกย ฟังไปในทางมงคลหน่อย ในด้านโกยเงินโกยทอง มีที่มาจากเรื่อง อาจารย์โกย ในอดีต สาระที่พยายามให้มีอยู่ด้วย ไม่ได้ทำให้ประทับใจอะไร นอกจากว่าดูท่าจะรับแรงบันดาลใจมาจากเรื่อง กระสือวาเลนไทน์ (ฉ.1333) แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย ส่วนที่มีตัวแทนสภาองค์กรทางพุทธศาสนาประท้วง เมื่อดูหนังแล้วก็พอเข้าใจและเห็นใจตัวแทนเหล่านั้น พอๆ กับที่เข้าใจการประท้วงเรื่อง รหัสลับดาวินซิ ของคริสต์ศาสนิกชนบางกลุ่ม ถึงแม้ผมเองจะไม่เห็นด้วยว่าถึงกับจะต้องประท้วงห้ามฉาย เห็นว่ายังน่าจะมีเรื่องอื่นเหมาะควรกว่าที่สภาองค์กรฯ จะออกมาเคลื่อนไหว เช่น เปิดตู้ ป.ณ. ให้ชาวบ้านแจ้งเบาะแสการกระทำอันย่ำยีพระศาสนาต่างๆ ไม่ใช่รอให้ถึงกับจับได้คากุฏิว่าเปลือยเปล่าอยู่กับสีกา หรือบังเอิญกลับจากไปหลงระเริงราดเหล้าเคล้านารีมา แล้วตำรวจที่ตั้งด่านตรวจสารเสพติดเห็นผิดสังเกต ค้นจนเจอซุกจีวรไว้ให้จับได้ คงมีอีกมากที่ชาวบ้านแว่วพฤติกรรม แต่ยังไม่มีหลักฐานชัด หากมีที่ทางให้เขาเหล่านั้นได้แจ้งเข้าไป แล้วสภาองค์กรฯ มีเจตจำนงจะพิทักษ์พระศาสนา ส่งใครไปสอดส่อง ไม่ใช่จะหวังพึ่งแต่ตำรวจที่งานอื่นก็ล้นมืออยู่แต่ละวัน แม้จะไม่ถึงขั้นจับได้ แต่อย่างน้อยยังน่าจะปรามไม่ให้เลยเถิดกันไปใหญ่ หรือจะรณรงค์ ห้ามมีคอมฯ กันไว้ในกุฏิส่วนตัว ยกเว้นรูปที่รู้กันชัดแจ้งว่าท่านมุ่งศึกษาเป็นที่นับถือ ก็รู้อยู่ว่า รูปแลลีลาอันเป็นอันตรายต่อพรหมจรรย์นั้นแพร่หลายได้ง่ายในอุปกรณ์สมัยใหม่นี้ เอาแค่คนรักแมวจะลองหารูปแมวน่ารักๆ มาดูเล่น มันยังประเดแต่รูปอุจาดจนถึงอุบาทว์ (แต่ถูกใจวัยฉกรรจ์) ออกมาให้เต็มไปหมด ส่วนที่พอเข้าใจในการประท้วงนั้น ก็เพราะล้ำเส้นไปหน่อย นอกจากจะเผลอให้หลวงพ่อออกสีหน้าโน้มไปในทางตลก ออกนอกลู่ร่องรอยของสมณะไม่เหมือนอย่างครั้งป๋าต๊อกใน หลวงตา หรือ หลวงพี่เท่ง เอง เมื่อไม่นานมานี้ (ฉ.1285) ที่พยายามคงคราบของหลวงพ่อหลวงพี่ไว้ได้ไม่เกินเลย ต้องตรงกับสภาพของสมมติสงฆ์ พระแบบชาวบ้านๆ (ที่ไม่เลวร้าย) ในสังคมจริงๆ จตุรงค์ยังให้หลวงพ่อบอกใบ้ให้ลูกศิษย์คิดเอาเงินจากกล่องบริจาคไปซื้อของกินให้คนบ้าที่มาขอข้าววัด คนบ้านี่ก็โผล่มาดื้อๆ แม้จะเป็นตัวละครสำคัญก็เถอะ แต่ไม่มีชั้นเชิงต่อการปรากฏตัวเลย 10 ปีผ่านไป ไม่รู้วนเวียนอยู่แถวๆ นั้นตลอดหรือเปล่า ผีก็เหมือนกัน ทำไมต้อง 10 ปีผ่านไป จึงโผล่มา มุขที่ผูกให้ข้าววัดหมด เพราะหลวงพ่อบอกลูกศิษย์ว่าใครผ่านมาก็ชวนเขากินข้าวด้วย วันนั้นชาวบ้านมาเล่าเรื่องถูกผีเด็กหลอกกันเต็มศาลา ข้าวปลาเลยเหี้ยน นี่ก็ฝืด ก็เข้าใจได้ว่า ทำไมถึงมีประท้วง แม้ว่าหลวงพ่อจะไม่ได้ออกหน้านำชาวบ้านวิ่งหนีผี อย่างที่ชื่อโน้มให้คิดไปในทางนั้นก็เถอะ http://www.matichon.co.th/weekly/weekly.php?srctag=MDQxNDcxMTA4NDk=&srcday=MjAwNi8wOC8xMQ==&search=no จากคุณ : ว่างแวะ - [ 16 ส.ค. 49 06:08:09 ]