CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ดู{หนัง} วิธ มายเซลฟ์ ; Running Boy ... รักยิ่งใหญ่จากหญิงคนหนึ่ง

      เกรด A -> 9-10 คะแนน (1 คน)
      เกรด B -> 7-8 คะแนน (6 คน)
      เกรด C -> 5-6 คะแนน (0 คน)
      เกรด D -> 3-4 คะแนน (0 คน)
      เกรด E -> 1-2 คะแนน (1 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 8 คน

     12.50%
     75.00%
     0.00%
     0.00%
     12.50%


    ความรักไหนเล่าจะมีค่ามากเท่า ความรักของแม่ที่มีต่อลูก ก็เห็นจะไม่มีอีกแล้ว ...แม้ลูกของตัวเองจะออกมาไม่ปกติเหมือนใครคนอื่นเขา แม้ต่อจะให้ลูกต้องเกิดมาแต่ไม่ครบ 32 ประการก็ตามที แม้ลูกตัวเองจะกลายเป็นคนที่คนอื่นรอบข้างมองว่าเป็น "เด็กปัญญาอ่อน" แม้ว่าโรคที่ลูกเป็นมันจะไม่มีวันได้หายขาด แต่ใจของแม่ที่แอบเจ็บปวดก็ยังคงรักในสิ่งที่เขาเป็น สิ่งที่เขามี แม้สิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่คนอีก 999 คนเขาจะไม่เป็นกัน ...แต่ลูกน้อยที่เป็นเด็กออทิสติกส์ก็เป็นอีกหนึ่งคนพิเศษของแม่ของเธอและเขา ไม่ได้เห็นแตกต่างไปกับคนธรรมดาอย่างเราๆเลย

    ในวัยเยาว์ของ "จุงวอน" เขาเป็นเด็กออทิสติกส์ที่นิ่งเงียบ เฉยชา ดื้อรั้น ทำตัวให้เป็นใบ้ ไม่ยอมพูดไม่ยอมจา แม้กับแม่ของเขาเอง ซึ่งพยายามเสี้ยมสอนให้เขาพูดตามใจเธอไม่เคยได้ เขายังไม่เคยได้แสดงตัวเองให้คนเป็นแม่ได้เห็นว่าเด็กออทิสติกส์มีความพิเศษกว่าคนอื่นเช่นไร ...แต่เมื่อจุงวอน โตขึ้น แม่ก็ได้พบว่า เวลาที่จุงวอนได้วิ่ง เขาสามารถทำสิ่งนี้ได้เป็นอย่างดี ...เลยเป็นโอกาสที่แม่ต้องการจะสนับสนุน ด้วยการพยายามผลักดันให้เขาได้เข้าวิ่งในการแข่งขันมาราธอน การที่จุงวอนสามารถคว้ารางวัลที่ 3 เท่ากับเป็นการพิสูจน์ให้แม่รู้ว่า นี่คือความพิเศษของจุงวอนนั่นเอง ...แม่ไม่เคยรู้ตัวเลยว่า ตอนนี้เธอกำลังประเมินค่าของจุงวอนสูงเกินไป ในความพยายามต่อมาที่อยากจะให้เขาได้เป็นนักวิ่งมืออาชีพ ก็ด้วยการขอแรงจากโค้ชผู้เคยเป็นนักวิ่งชื่อดังที่สำมะเลเทเมาไม่เอาไหนจนต้องเข้ามาบำเพ็ญประโยชน์เป็นครูพละในโรงเรียนสอนเด็กออทิสติกส์ ...

    ตอนแรกโค้ชคนนี้ ไม่เคยคิดอยากจะยุ่งไม่อยากจะข้องเกี่ยวกับเด็กออทิสติกส์ซะเท่าไหร่เลย (ใช้คำว่ารังเกียจก็คงไม่ผิด) แต่ไม่นานเท่าไร ด้วยความใสซื่อจริงใจอย่างบริสุทธิ์ของจุงวอน ก็สามารถเอาชนะความแข็งกระด้างของโค้ชโหดคนนี้เอาจนได้ ...แต่เมื่อยิ่งโค้ชคนนี้รู้จักกับจุงวอนมากขึ้นแค่ไหน มันก็ส่งผลให้ช่องว่างระหว่างแม่กับลูกคู่นี้ มีมากขึ้นเรื่อยๆ ...แล้วกับตัวโค้ชเองก็ไม่พอใจ ในการเลี้ยงดูปูเสื่อแบบผิดๆของแม่ และตัวแม่ก็ไม่ชอบใจ ที่โค้ชเข้ามาจุ้นจ้านกับชีวิตลูกชายจนเกินพอดี ...อีกหนำซ้ำในการแข่งวิ่งครั้งต่อมา ความพยายามมากเกินไปจนเป็นลมของจุงวอน ยังทำให้เขาโดนตัดสิทธิ์ออกจากการแข่งขัน ไม่ได้คว้าเหรียญใดๆ กลับบ้านอย่างที่เขาอยากจะให้ตัวเองทำสำเร็จ

    ผลแห่งความไม่ลงรอยของเธอและโค้ช และความพ่ายแพ้ของจุงวอน จึงทำให้แม่ ได้มีเวลามาตัดสินใจว่า สิ่งที่เธอได้ทำลงไปนั้น มันผิดจริงๆ อีกทั้งมันก็ทำให้เธอรู้ว่า สิ่งที่เธอคะยั้นคะยอให้จุงวอนทำ อาจไม่ใช่สิ่งที่จุงวอนต้องการ ...เธอเลยต้องพยายามกลับตัวกลับใจ และบงการชีวิตลูกชาย ด้วยการตัดขาดเขาออกจากโลกของกีฬามาราธอนเสียเลย ...แต่ทว่ากับความผูกพันที่มันฝังลงไปในสายเลือดของจุงวอนโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวนั้น ได้ทำให้เขาพร้อมจะคิดเองทำเองและ พร้อมจะขัดใจแม่เป็นครั้งแรกในชีวิต ด้วยการลงแข่งขันมาราธอน 40 กม. "เชี่ยนชุน" อันถือเป็นรายการใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้  

    Running Boy (aka Marathon) ...หนังสู้ชีวิตแนวดรามาเนื้อหาซึ้งกินใจ เป็นอีกหนึ่งหนังที่เคยได้รับความนิยมในเกาหลีใต้เมื่อปีที่แล้ว นี่เป็นเรื่องราวที่นำเอามาอ้างอิงจากชีวิตจริงของนักวิ่งออทิสติกส์ชื่อดังของเกาหลีใต้ ...เป็นโปรแกรมหนังเล็กๆลูกเมียน้อยที่ได้โอกาสลงฉายในช่วงเวลาที่มันพอเหมาะพอเจาะเหมาะแก่กาล วันแม่ ในตอนนี้ หวังให้คนดูคุณลูกได้อินในอารมณ์ไปพร้อมกับคุณแม่ (และเพื่อไม่ให้น่าน้อยใจยังต้องรวมไปถึง คุณพ่อ คุณพี่น้อง และคุณญาติๆรวมไปด้วย)

    ความรู้สึกแรกของผมกับหนังเรื่องนี้ เป็นความเฉย เฉยที่ไม่เคยรู้จักหนังเรื่องนี้ เฉยที่ไม่มีรู้สึกอยากกระหายจะต้องดูเลย และเฉยที่ไม่มีอะไรให้เกิดอาการเอะใจกับภาพโปสเตอร์ของชายหนุ่มและม้าลายที่ไม่เข้าใจในเจตนาของการสื่อสารนี้ แถมยังไปพาลพ้องกับชื่อหนัง "ปาฏิหาริย์รักจากแม่" ที่ทำให้ผมคิดไปเองว่าคงจะเป็นแนวแฟนตาซีแหง ที่มีคุณม้าลายบนโปสเตอร์นั้น เป็นแม่ของพระเอกซึ่งเข้าไปสิงร่างสัตว์ตัวนี้แทนหลังจากตายไปแล้ว (คิดไปได้นะนั่น) แต่ท้ายที่สุดแล้วกับหนังที่ผมไม่เคยเจตนาจะอยากดู ก็มีคอมเมนต์ของคนแถวนี้ชวนให้ผมได้ตีตั๋วจนได้ ...ถ้าคุณ "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" ไม่ยอมออกตัวสวมหัวม้าตั้งกระทู้ช่วยเชียร์หนังเรื่องนี้แล้วล่ะก็ ผมอาจจะต้องพลาดสิ่งๆดีในวันแม่ปีนี้ไปอย่างไม่น่าให้อภัยเลยทีเดียว ...

    Running Boy ...จงใจเกิดมาเพื่อขายความประทับใจกันโดยเฉพาะ เอาแค่ฉากหนึ่งในช่วงแรกๆของหนังก็พาอารมณ์เศร้าไปกระจุกตัวอยู่ที่ต่อมน้ำตาได้แล้ว แอบซึมๆเล็กน้อยแต่พองาม ...นี่ยังแค่แซมเปิลเบสิกที่หนังพยายามเล่นงานคนดูเท่านั้น ถ้าคุณได้ดูหนังเรื่องนี้ๆไปเรื่อยจนใกล้จะจบ คุณจะพบกับภาพที่ชวนให้ประทับใจได้อีกหลายชอต ...หนังเลือกจะเล่นงานคนดูด้วยวิธีการที่ไม่ต้องเจตนากันตรงๆ ใช้การเปิดช่องให้คนดูได้รับรู้ซึมซับด้วยตัวเองไปมากกว่า ปล่อยให้ทอดอารมณ์ไปกับภาพของหนัง และเรื่องราวของตัวละคร โดยใส่ฉากที่เอื้อเฟื้อประโยชน์กระตุ้นต่อมผลิตน้ำตาได้แบบไม่โจ๋งครึ้มจนเกินไป เล่นกันอย่างพอดีๆ มีจังหวะจะโคน ถึงแม้จะมีบ้างบางฉากที่ผมยังได้แค่รู้สึกตื่อๆ ที่น้ำตายังโดนกั้กเอาไว้ในถุงใต้ตา และหนังเองก็ไม่สามารถเร่งรัดตัวเองให้ไปถึงจุดที่ควักมันออกมาได้ แต่ด้วยความตื่อๆของผมนั้นมัน ก็ยังทำให้รู้สึกอินตามสถานการณ์ที่ตัวละครต้องพบเจอได้อยู่

    บทหนังทำออกมาได้ดีเยี่ยม ... แสดงได้ถึงความตั้งใจของผู้เขียนบทที่คงจะได้ศึกษาข้อมูลบ่งชี้ของเด็กออทิสติกส์มาดีไม่น้อย เขาสามารถตีความตัวละครจุงวอนที่เขาอยากจะให้เป็นได้อย่างสมบูรณ์ ใส่รายละเอียดของคนที่เป็นโรคนี้เข้าไปได้อย่างถูกต้อง คนดูสามารถรับรู้และเข้าใจในตัวละครจุงวอนโดยง่ายๆ ไม่ต้องคิดค้นหาให้ซับซ้อน ว่าทำไมจุงวอนถึงต้องทำอย่างนี้ เขาถึงเป็นอย่างนั้น ยิ่งรวมไปกับส่วนของเรื่องของแม่ ก็ทำให้คนดูรู้สึกว่าหนังมีความใกล้ตัวกับชีวิตเรามากขึ้นไปอีก มันเกิดความซึมซับได้โดยง่าย เหมือนเราดูหนังไปด้วยพร้อมกับกำลังมองจุงวอนเป็นตัวเราเองที่อยู่ในหนังเรื่องนั้น ...แล้วกับตัวละครอื่นๆที่เป็นส่วนเสริม ทั้ง โค้ช พ่อ น้องชาย ทุกคนถูกใส่เข้ามาเพิ่มความหนักแน่นและช่วยตอกย้ำความแข็งแรงของบทได้เป็นอย่างดี ผู้เขียนบทสามารถเฉลี่ยความสำคัญของตัวละครเหล่านี้ได้อย่างไม่น้อยใจ ...ขณะที่ จุงวอน และ แม่ เป็นตัวเดินเรื่อง อีกสาม ตัวละครที่เข้ามาข้องเกี่ยวชีวิตของตัวเดินเรื่อง ก็ถือเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยผลักดันให้หนังมีความลึกของตัวเรื่อง มีประเด็นความขัดแย้งที่น่าติดตามควบคู่ไปกับการได้เห็นพระเอกและแม่ที่ต่างก็พยายามจะสู้ชีวิตไปด้วยกัน ...

    การแสดงของคู่แม่ลูกทำได้เข้าเกณฑ์เยี่ยม ...และถือเป็นบทบาทที่น่าประทับใจยิ่งไปกว่า การเคยรับบทเป็นชายหนุ่มรักไม่สมหวัง ใน The Classic ของ "โชชองวู" เขาให้ความน่าเชื่อถือกับการเป็นคนออทิสติกส์ที่ดูจริง ด้วยแววตาอันใสซื่อ ท่าทางอันแอ๊บแบ๊ว และเสียงพูดกึ่งเด็กกึ่งโต ทำหน้าที่ของการบอกเล่าลักษณะของคนที่เป็นโรคนี้ได้โดยสนิทใจ ดาราที่สวมวิญญาณของความเป็นแม่ ตีบทได้แตกกระจาย ทำให้คนดูรู้สึกทั้งเห็นใจ ทั้งชิงชัง ในความพยายามที่ดี และไม่ดีต่อลูกชายของเธอ (ฉากที่ลูกชายจำเหตุการณ์เมื่อครั้งยังเป็นเด็กได้ ความรู้สึกผิดของคุณแม่เรียกน้ำตาผมได้เป็นเผาเต่า มากที่สุดของหนังแล้ว) ส่วนตัวประกอบอีกสามคน ต่างก็ทำหน้าที่ส่งเสริมหนังได้เป็นอย่างดี เหมือนที่บทหนังปรารถนาใส่เข้ามาเพื่อเติมเต็มความจริงจัง  

    งานกำกับควบคุมอารมณ์หนังได้ดีเยี่ยมอีกเช่นกัน ...ในช่วงเวลานั้นหนังต้องการสื่อสารอะไรกับคนดู ผู้กำกับก็รู้กลวิธีที่จะเรียกให้คนดูมารุมสนใจสิ่งที่หนังอยากจะบอกได้ ช่วงเวลาที่อยากจะให้ขำ ก็ทำมุขตลกให้ดูน่ารักกรุ่มกริ่มชวนยิ้ม ช่วงเวลาที่อยากจะชวนซาบซึ้ง ก็ทึ้งอารมณ์เศร้าจากคนดูพร้อมน้ำตาได้โดยไม่มีจุดจงใจให้ฟูมฟายให้เราสัมผัสความเกินพอดีได้เลย

    ความดีเยี่ยมของทั้งสามส่วนอาจช่วยให้ผมได้เกิดความประทับใจในความสวยงามของหนังเรื่องนี้ แต่มันก็ไม่ใช่ความสุดยอดที่หนังเรื่องนี้จะมีให้ผมได้ ...เพราะยังมีบางช่วงเวลาในตอนกลางเรื่องที่ผมแอบเกิดอาการเบื่อ ซึ่งเกิดมาจากความเนิบช้าราบเรื่อยที่ไร้แรงกระตุ้นความสนใจของผม ช่วงแรกผมติดตามการปูเรื่อง ช่วงหลังผมติดตามบทสรุป แต่ช่วงกลางๆผมเกิดอาการโหวงๆ หลุดจากการมองดูหนังไปเป็นระยะๆ หาวหน่อยๆ หนังช่วงนี้มีประเด็นมากมายก็จริงแต่มันไม่สามารถจับผมให้เกิดความอยากติดตามไปได้ต่อเนื่อง (เน้นความตลก ใส่ความน่ารัก และเริ่มพยายามจะปูพื้นเมคความเศร้า)      

    Running Boy ...เป็นหนังดีๆที่มาฉายได้ถูกจังหวะ โดนใจคนดู และเมื่อดูจบ ความดีความประทับใจที่คนดูได้รับไม่ใช่แค่หนังสามารถทำให้เรารู้จักความพิเศษอันยิ่งใหญ่ของคนออทิสติกส์ที่ชวนให้เห็นใจ เท่านั้น ...แต่หนังยังทำให้เราได้รู้จักกับความรักอันยิ่งใหญ่ของคนที่เป็นแม่ แม้ลูกจะเป็นอย่างไร ผู้หญิงคนนี้ที่ยังไงก็เต็มใจจะรักลูกได้เสมอ ...หนังเรื่องนี้ อาจทำให้ผมรู้สึกรักแม่เท่าเดิม แต่ที่มีมากขึ้น ก็คือ ความห่วงใยและเห็นอกเห็นใจ ที่ผมเคยมีกับเขาเพียงน้อยนิด

    ขอแนะนำ ...ครับ

    ดู{ดี} วิธ มายเซลฟ์ :
    1. งานบทที่ตีความแง่มุมออทิสติกส์ หลอมรวมกับความรักของคนเป็นแม่ ได้อย่างซาบซึ้ง
    2. งานกำกับที่สอดแทรก ดรามา คอมเมดี้ และความประทับใจได้ลงตัว
    3. คู่แม่ลูกเล่นได้จริงบาดใจ

    ดู{ด้อย} วิธ มายเซลฟ์ :
    อารมณ์เบื่อ ในช่วงกลางๆเรื่อง เป็นระยะๆ

    เกรด A-

    ขอบคุณครับ รักคนอ่าน

    แก้ไขเมื่อ 17 ส.ค. 49 18:42:11

     
     

    จากคุณ : OncE UPoN'-'a MaN - [ 17 ส.ค. 49 18:33:27 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com