CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ดู{หนัง} วิธ มายเซลฟ์ ; Seasons Change ... เพราะ'ชีวิต'เปลี่ยนแปลงบ่อย

      เกรด A -> 9-10 คะแนน (36 คน)
      เกรด B -> 7-8 คะแนน (10 คน)
      เกรด C -> 5-6 คะแนน (0 คน)
      เกรด D -> 3-4 คะแนน (0 คน)
      เกรด E -> 1-2 คะแนน (1 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 47 คน

     76.60%
     21.28%
     0.00%
     0.00%
     2.13%


    ผมเชื่อว่า ชีวิตของคุณๆทุกคน ล้วนแล้วแต่ต้องมีสักเสี้ยวเวลาหนึ่งที่เคยผ่านทางแยกมาแล้วทั้งนั้น ทางแยกในที่นี้ ไม่ใช่ทางแยกตามท้องถนน แต่เป็นทางแยกของชีวิต...

    ทางแยกของชีวิต ... มันคือทางแยกที่คุณยังไม่ได้คิดถึงในเวลาที่คุณกำลังขับเคลื่อนชีวิตให้เดินหน้าไปตามทางสายตรง ทางโค้ง คุณก็หมุนพวงมาลัยไปตามมันโดยไม่ต้องคิดถึงอะไร ใช้ชีวิตไปตามทางที่มันกำหนดเอาไว้ แต่เมื่อคุณมาถึงทางแยกนั้นแล้ว คุณก็ไม่ทันได้รู้ตัวว่าในที่สุดนี่เป็นเวลาที่คุณต้องเลือกที่จะกำหนดทางที่คุณจะไปแล้ว คุณต้องเลือกเพียงทางใดทางหนึ่ง ที่มันดีที่สุด เหมาะที่สุด และเป็นตัวคุณที่ใช่ที่สุด เพราะถ้าคุณได้เลือกไปแล้ว คุณไม่มีทางสามารถที่จะรีเทิร์นกลับมาในตอนที่เรารู้ตัวว่ามาผิดทาง เหมือนเช่นตอนที่เราขับรถ

    ในตอนนี้คนหลายคนอาจจะรู้ตัวแล้วว่า ทางที่เลือกมานั้นใช่ทางที่เขาต้องการจริงหรือเปล่า ถ้าใช่ในสิ่งที่เป็นเขาก็ถือเป็นความโชคดี แต่ถ้าไม่ใช่ก็กลายเป็นเวรเป็นกรรมไปซะแล้ว...  

    แต่ก็มีคนอีกหลายคนที่เขายังไม่รู้ตัวว่า ทางที่เขาเลือกมานั้นใช่ทางที่เขาต้องการจริงหรือเปล่า ...บางคนก็คิดว่ามันใช่แล้ว ดีแล้ว เหมาะแล้วที่มาทางนี้ ทั้งๆที่ยังไม่เห็นว่าข้างหน้าจะมีอุปสรรคใดขวางกั้น มีหลุมมีบ่อ มีหล่มหรือเปล่าก็ไม่รู้ คนหลายคนล้วนเคยผิดพลาดจากความคิดที่ว่านี้มานักต่อนักแล้ว ถ้าไม่เจอกันกับทางตัน บางคนก็ถึงกับชีวิตพลิกคว่ำไปเลยก็ยังมี

    เด็กหนุ่มวัยมัธยมต้นอันหัวเลี้ยวหัวต่ออย่าง "ป้อม" ต้องประสบปัญหากับการเลือกทางแยกที่เหมาะสมกับเขามากที่สุด... ทางแยกของชีวิตเด็กม.4 ทางแยกที่จะกำหนดอนาคตในหน้าที่การงานของเขา

    พ่อแม่ของป้อม ปรารถนาให้ป้อมได้เลือกเรียนในเส้นทางของอาชีพที่มั่นคง อาชีพที่สามารถทำเงินให้กับครอบครัวได้ดี อย่างเช่น การเป็นหมอ ...ความต้องการของพ่อแม่ของป้อม ก็ไม่ได้แตกต่างไปกับพ่อแม่คนอื่นๆหรอก (รวมไปทั้งพ่อแม่ของผมด้วย) เขาอยากให้เราเป็นในสิ่งที่ดีที่ควรในสายตาของเขา เขาต้องการควบคุมรถคันนี้ (ซึ่งหมายถึงเรา) ให้ขับเคลื่อนไปในเส้นทางที่ปูด้วยยางมะตอย อันไม่ขรุขระและราบเรียบ (ก็คงไม่มีใครเลือกทางให้ลูกไปบนถนนสายทุรกันดาร ที่มีแต่กรวดหินดินทรายหรอก)

    ถึงแม้ป้อมจะรู้ถึงความปรารถนาที่พ่อแม่มีให้กับเขาก็ตามที ตัวป้อมเองกลับเลือกที่จะไปอีกทางหนึ่งซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เขาปรารถนาตามใจพ่อแม่ แต่เป็นสิ่งที่เขาชอบ เขารัก เขาหลง ...เพราะทางๆนั้นเป็นทางที่ ยอดดวงใจ ของเขาเลือกจะเดินไป ป้อมต้องการที่จะให้ผู้หญิงที่เขาแอบรัก เป็นคนขับเคลื่อนชีวิตของเขามากกว่า คนที่รักเขามานานตลอดชีวิต

    ป้อม เข้าข่ายของกลุ่มคนที่คิดไปเองว่า ทางที่เขาเลือกนั้นใช่ที่เขาต้องการแล้ว... อาจใช่ตรงที่ป้อมเลือกจะไปด้วยความตั้งใจจริง (เขาสามารถฝึกฝนตัวเองให้กลายเป็นมือกลองฝีมือเยี่ยมยุทธได้ในเวลาอันสั้น) แต่เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่เขาชอบ เขารัก เขาหลง มาตั้งแต่ต้น เขาเลือกจะมาเพราะตัวแปรอื่นหน่วงนำให้เขามามากกว่าที่เขาคิดจะมาด้วยตัวเอง

    ป้อม ก็เหมือนกับคนหลายๆคน ที่ต่างก็มีปัจจัยแวดล้อมช่วยดึงดูดให้เราเห็นดีเห็นงาม ในทางที่เราเลือกจะไป ...โดยยังไม่ทันได้คิดไปถึงเส้นทางอื่นๆ ซึ่งมันไม่มีอะไรให้รู้สึกทะยานอยากได้มากเท่าทางเส้นนี้แล้ว คนเราต่างก็คิดกันไปเองว่า ถ้าเราเกิดหันเหความคิดเปลี่ยนไปในเส้นทางที่โดนจงใจให้ต้องไปนั้น มันก็คงจะกลายเป็นความทุกข์มหันต์ซะมากกว่า

    ความรู้สึกที่เราอยากทำ มักเอาชนะ ความรู้สึกที่เราจำใจทำเสมอ ...แต่ก็ไม่แน่เหมือนกันว่า ในทางที่เราไปเพราะจงใจต้องทำนั้น อาจจะมีดีที่ปลายทาง อาจจะประสบความสำเร็จในท้ายที่สุด (ดังจะเห็นได้จากเศรษฐีผู้ร่ำรวยบนกองเงินกองทอง หลายต่อหลายคนโดนบังคับให้ต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากทำมาก่อนแทบทั้งนั้น) ในขณะที่ถ้าเราเลือกจะไปในทางที่เราอยากทำ จนเมื่อได้ลองขับเคลื่อนไปไกลแล้ว ความรู้สึกที่ไม่ชอบธรรม อาจจะผุดขึ้นมาในหัวเพียงเพื่อบอกเราว่า "คุณมาผิดทาง" ในตอนที่สายไปเสียแล้ว

    เพราะเราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตได้อีกแล้ว เพียงถ้าเราได้ผ่านทางแยกของชีวิตนั้นไป มันก็จะไม่มีจุดรีเทิร์นปรากฏให้เราเห็นอีก กับสิ่งที่เราจะพบได้ในอนาคตนั้นไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเป็นอย่างไร ก็ไม่แน่ว่ามันอาจจะมีทางแยกใหม่ๆมาเสนอให้เราต้องเลือกอีกก็เป็นไปได้ ...ในเมื่อชีวิตจะต้องเปลี่ยนแปลงไป เป็นเราที่กำหนดความบ่อยของมันไม่ได้

    Seasons Change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ... หนังไทยโรแมนติกคอมเมดี้น่ารักละไม อีกหนึ่งหนังจีทีเฮชที่ผมประกาศกร้าวแต่แรกพบข่าวว่า ต้องดูให้ได้ กับสาเหตุที่ทำให้ผมรู้สึกอย่างนี้ คงเป็นเพราะอารมณ์ผมไม่เคยเปลี่ยนแปลง จากความประทับใจที่มีต่อ "แฟนฉัน" และ "เพื่อนสนิท" ทำให้ผมกล้าที่จะคาดหวังในงานเดี่ยวชิ้นต่อมาของหนึ่งในหก ผู้กำกับแฟนฉันคนนี้ ว่าเขาคงทำออกมาได้ไม่ใช่ก็ต้องใกล้เคียงสองเรื่องนั้น(ที่ผมรัก)อยู่แล้ว

    เรื่องราวของ SC เหมือนจงใจจะพยายามทำให้เป็นส่วนเชื่อมของเรื่องราวใน แฟนฉัน และ เพื่อนสนิท ด้วยการสร้างพลอตเรื่องที่มีส่วนประกอบของหนังสองเรื่องนั้นมาลงในเรื่องเดียวกัน... "รักครั้งแรก" และ "รักเพื่อนสนิท" คือจุดสองจุดที่นำเอามาโยงผูกไว้ด้วยกันในหนังเรื่องนี้

    "รักครั้งแรก" ระหว่าง ป้อม กับ ดาว ...หนึ่งคนที่ได้เป็นแค่ปลื้มอยู่ห่างๆ ส่วนอีกคนก็เป็นนางฟ้าที่ใครๆก็อยากอยู่ใกล้ๆ  และ "เพื่อนสนิท" ระหว่าง ป้อม กับ อ้อม ...หนึ่งคนที่คิดแค่คำว่า "เพื่อน" ส่วนอีกคนคิดมากกว่าคำว่า "เพื่อน"

    ไม่ใช่แค่พลอตที่จงใจเดินตามหนังเรื่องก่อนๆของเพื่อนๆกลุ่ม 365 เท่านั้น ...Seasons Change ต้องเรียกว่าตั้งใจสร้างขึ้นมาเพื่อหวังจะเป็นการรำลึกนึกถึงชีวิตวัยเด็ก เหมือนที่เหล่าผู้กำกับกลุ่มนี้พร้อมนัดกันทำกับหนังที่พวกเขาทำด้วยตัวเองทุกเรื่อง  

    ผู้กำกับ ต้น นิธิวัฒน์ ธราธร ...ยังคงเรียกนำบรรยากาศกลิ่นอายอันอบอวลไปด้วยความหลังมาฝากฝังเอาไว้กับหนังเรื่องนี้ให้คละคลุ้งกันไปทั้งเรื่อง ไม่ว่าคุณจะยังไม่ถึงมัธยม กำลังอยู่มัธยม เพิ่งผ่านพ้นมัธยม หรือจำไม่ได้ว่าเคยเป็นมัธยมกี่ปีมาแล้ว SC ก็ไม่ต่างจาก แฟนฉัน เพื่อนสนิท หรือ เด็กหอ ที่ภาพเหล่านี้จะสามารถกัดกร่อนใจคนรักความหลังได้ดีชะนักแล เอาเพียงแค่ฉากแรกเริ่มของหนัง ...ก็ทำให้ผมแอบเคลิ้มไปนึกถึงวันเก่าๆ (ซึ่งยังไม่นานมานี้) ในวันที่ผมยังยืนแอบมองรุ่นพี่ผู้หญิง(ซึ่งเขาว่ากันว่าเป็นดาวโรงเรียน) อยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ จนเป็นอันไม่ต้องทำอะไร

    แต่นั่นไม่ใช่เป้าประสงค์ที่ผมจะมาดู Seasons Change เพื่ออยากรำเลิกรำลึกถึงความหลังแต่อย่างใด ผมอยากดูหนังเรื่องนี้ เพราะ อยากดูเรื่องราวของ "ความรัก" ซะมากกว่า ...ก็เพราะพลอตเรื่องที่ผสมโรง แฟนฉัน เข้ากันกับ เพื่อนสนิท นี่แหละ ที่ทำให้ผมอยากจะรู้นักว่า SC จะสามารถคลุกเคล้าเอาสองส่วนความประทับใจนี้เข้ากันได้ดีหรือเปล่า ? จะโดนใจผมหรือเปล่า ? และผมจะรักหนังเรื่องนี้อย่างที่ผมเคยรักสองเรื่องนั้นได้หรือเปล่า ?

    ในองก์แรก หน้าร้อน (จากสามองค์ที่ถูกแบ่งตัดตอนออกให้เป็นเรื่องราวในฤดูกาลทั้งสาม ...ร้อน ,ฝน ,หนาว) หนังเริ่มด้วยการปูพรมเรื่องราวของตัวละครหลักทั้งสาม ...โดยเกริ่นนำถึงความ(แอบ)รักที่ป้อมมีให้ต่อดาว เพื่อนสาวรั้วบดินทร์ที่ไม่เคยได้อยู่ใกล้ชิด และไม่คิดตีสนิท ก็อย่างที่ผมบอกไปนั่นแหละ เพราะความ(แอบ)ชอบทำให้ป้อมตัดสินใจที่จะเดินตามไปในเส้นทางเดียวกันกับดาว มันจึงเป็นที่มาของการเข้ามาสู่ในรั้ววิทยาลัยดุริยางคศิลป์ และเป็นต้นเหตุที่ทำให้ป้อมต้องพาลพบกับ "อ้อม" เพื่อนสาวที่ไม่เคยเห็นหน้าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ทั้งๆที่พ่อของป้อมก็ดันเป็นซี้ย่ำปึ้กกับพ่อของอ้อมซะด้วยนี่

    ในองก์สอง หน้าฝน หนังสร้างเงื่อนไขให้ตัวละครทั้งสามเกิดความผูกพันกับคนดู ด้วยการกำหนดสถานการณ์ให้ตัวละครได้มีปฏิสัมพันธ์กันเอง ในฉากน่ารักๆหลายๆฉาก

    ในองก์สุดท้าย หน้าหนาว หนังพาคนดูมาสู่บทสรุปของเรื่องราวที่ไม่ลงตัวระหว่าง "ความรัก" กับ "ความต้องการ"

    ช่วงเวลาทั้งสามองค์ ภายในเวลาสองชั่วโมงหนัง ...ดำเนินไปด้วยความราบเรียบ ไม่มีการกระตุ้นอารมณ์คนดูให้มากล้น พยายามสร้างความซึมซับซึมลึกให้เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ ปล่อยไปตามที่ใจคนดูนึกคิดและรู้สึก ...เพราะการที่หนังไม่พยายามเร่งเร้าตัวเอง ก็เลยเป็นผลดี ที่ทำให้คนดูเกิดอารมณ์อยากติดตามหนังได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องอาศัยปัจจัยแวดล้อมที่หนังใส่เข้ามาเพื่อหวังกระทบกับความรู้สึกคนดูอย่างตรงๆ เหมือนเป็นคลื่นน้ำเบาๆกระเทาะก้อนหิน ที่จะไม่รู้สึกอย่างปุบปับ แต่มันจะกัดเซาะให้กร่อนไปทีละเล็กทีละน้อยอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว

    ในขณะที่ส่วนของเนื้อหนังเองก็ยังเล่าเรื่องของมันไปด้วยความเรื่อยๆเปื่อยๆ ...แต่ผกก.ต้น ก็เลือกที่จะสร้างความแตกต่างในอารมณ์กับเวลา 2 ชั่วโมงนี้ ด้วยการทำตัวหนังให้มีโทนของความเป็นคอมเมดี้ ซึ่งมันก็ไม่แตกต่างแปลกใหม่อะไรหรอก กับหนังของทีมผู้กำกับ 365 ฟิล์มสที่ทุกเรื่องย่อมต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว

    ความเป็นคอมเมดี้ที่ไม่แตกต่างของหนัง 365 ฟิล์มส ทุกเรื่อง หลักใหญ่ใจความสำคัญนั้นมันย่อมต้องเกิดขึ้นมาจากความเป็นธรรมชาติของนักแสดง ที่ไม่โอเวอร์แอ๊คจนล้น ไม่แสร้งทำจนไม่เนียน ทุกอย่างเกิดมาจากความอินที่คนเล่นซึมซับกับความขำของมันเอง ...และส่วนของความเป็นคอมเมดี้ที่แตกต่าง ใน SC มันก็อยู่ตรงที่ มุขทุกมุขที่หนังเอามาขายก็รู้สึกได้ว่า นี่เป็นเรื่องตลกธรรมดาสามัญที่เด็กมัธยมทุกคนต้องพบเจอ คงมีประสบการณ์กับมันมาบ้างแล้ว (ยกตัวอย่าง มุขหารค่าห้อง เด็กหอก็คงเคยมีโอกาสเจอกับเพื่อนงกเช่นนี้อยู่หรอก ,มุขเรียกชื่อพ่อ อันนี้เป็นต้องเคยโดนมาแทบทุกคน ,มุขเสี่ยวๆแซวสาว อันนี้เป็นเรื่องปกติสุขที่บุรุษหนุ่มเขาทำกัน) ผกก.ต้น ทำหนังเรื่องนี้ออกมาอย่างรู้แจ้งเห็นจริงในชีวิตวัยซ่าส์มัธยม เพราะแทบทุกอย่างที่หนังแอบมีใส่เล็กๆน้อยๆมานี้ ล้วนเคยผ่านเป็นกิจวัตรประจำวันในช่วงเวลานั้น ...แล้วถ้าตอนนี้คุณยังเป็นเด็กมัธยมด้วยแล้ว แน่นอนที่ต้องรู้สึกอินกับมันเป็นพิเศษ

    มิเช่นนั้นคงไม่ผิดอะไร ที่ผมจะประทับใจและโดนกับความเป็นคอมเมดี้ของ Seasons Change อย่างรุนแรง เพราะมันมีความอินในวันนี้ที่ผมยังเป็นเด็กมัธยมคอยซับพอร์ตอยู่  

    ขณะที่ส่วนของความขำขันก็ตั้งตัวทำหน้าที่ดึงดูดความสนใจของคนดูไป พร้อมกันนั้นในส่วนของความหวานซ่านโรแมนติกกุ๊กกิ๊กที่เป็นเป้าหมายหลักของหนังก็ยังดำเนินไป โดยตัดสลับกับ เรื่องราวรองที่วางตัวเองให้เป็นหนังแนวครอบครัวไปด้วย ...SC สอดประสานแนวทางการเล่าทั้งสามได้อย่างกลมกลืนและลงตัว จังหวะทุกอย่างมันได้พอดีเป๊ะ การตัดต่อเชื่อมหนังดูต่อเนื่องเป็นเนื้อเดียวกัน
    แม้หนังจะเปลี่ยนอารมณ์ของตัวเองเลยอย่างฉับพลัน แต่คนดูก็ยักไม่มีความรู้สึกที่สะดุดกึก

    V อ่านต่อข้างล่าง...ครับ V

    แก้ไขเมื่อ 07 ก.ย. 49 05:55:14


    [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง]
     
     

    จากคุณ : OncE UPoN'-'a MaN - [ 7 ก.ย. 49 05:48:54 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com