CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ดู{หนัง} วิธ มายเซลฟ์ ; An Inconvenient Truth ... เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย

      เกรด A -> 9-10 คะแนน (7 คน)
      เกรด B -> 7-8 คะแนน (4 คน)
      เกรด C -> 5-6 คะแนน (0 คน)
      เกรด D -> 3-4 คะแนน (0 คน)
      เกรด E -> 1-2 คะแนน (1 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 12 คน

     58.33%
     33.33%
     0.00%
     0.00%
     8.33%


    ถ้าคุณมีโอกาสขอพรให้กับ'โลก'ได้หนึ่งข้อ คุณจะขอว่าอะไร ?...

    ขอให้โลกนี้สงบสุข... ขอให้โลกนี้มีแต่สันติภาพ... ขอให้คนทุกคนบนโลกนี้รักกัน...

    คนเราเองก็มักจะขอแต่พรที่คิดว่าดูดีเข้าว่า ต่อให้มันเว่อร์ก็จะขอ โดยไม่คิดไตร่ตรองดูว่า ในความจริงอย่างปัจจุบันนี้แล้ว โลกนี้ยังจะให้เราได้อีกหรือ ?

    สงบสุขที่ทุกวันมีแต่ผิดอาญา ผิดศีลธรรม ผิดกฎหมาย ผิดวัฒนธรรม... สันติภาพที่ทุกแห่งหนกำลังอาฆาตพยาบาทใส่กันอย่างไม่ยอมหยี่หระ จะประเทศมหาอำนาจหรือว่าชาติกำลังพัฒนาก็ไม่มีใครยอมใคร... ความรักที่ทุกคนต่างริษยา ตัวข้าดีกว่า ตัวเอ๊งไม่ได้เรื่อง

    แล้วจะเอาอะไรกับพรที่ขอไปแล้ว โลกนี้ให้ไม่ได้ ...ในสังคมปัจจุบันที่สภาพของมันเสื่อมโทรมลงไปเรื่อยๆ การที่จะได้เห็นผลของพรเหล่านี้มันจึงเป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่า การงมเข็มในมหาสมุทร

    ขอให้ลองคิดใหม่ดูอีกทีสิครับ แล้วก็ลองมองไปดูรอบๆตัวของคุณ มองไปยังสภาพแวดล้อมบนโลกที่คุณกำลังอยู่อาศัยนี้ แล้วคิดถึงพรข้อใหม่ซึ่งมันเกี่ยวข้องกับสิ่งที่คุณมองอยู่นี้ ...คิดออกหรือยังครับ ว่าพรข้อนี้ผมอยากให้คุณขออะไร ?...

    "An Inconvenient Truth" ...หนังสารคดี ที่ถูกสร้างออกมาเพื่อหวังตีแผ่ความเป็นจริงของภาระแห่งโลก ที่มาในรูปของ "พลังงานความร้อน"

    หลังจากอกหักดังสนั่น เพราะโดนคู่แข่งตระกูลบุซ โกงกันซึ่งๆหน้า ...นายอัล กอร์ อดีตว่าที่ประธานาธิบดีคนต่อไปของสหรัฐฯ ก็เลือกที่จะหยุดหน้าที่การงานทางการเมืองของเขาลงแต่เพียงเท่านั้น และคิดจะใช้เวลาตลอดชีวิตที่เหลืออยู่นี้ เพื่อหมดไปกับการทำหน้าที่ที่เขารัก และงานสำคัญที่เขาตั้งใจจะให้คนทั่วโลกได้รับรู้ ...มันคือการสวมหน้าที่เป็นวิทยากรให้ความรู้ความใจในเรื่องราวของปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ที่มนุษย์เป็นผู้สร้างสรรค์ขึ้นมา อันถูกเรียกว่า "ภาวะโลกร้อน"

    ใน AIT เราจะได้เห็นภาพของการพูดด้วยวาทะศิลป์ที่แยบยลคมคายไปด้วยความหมายเลศนัย และการกัดจิกกัดเจ็บอย่างแสบสันต์อันเป็นของถนัดของคนที่เป็นนักการเมือง เพียงแต่เรื่องที่อัล กอร์พูดบนเวที ไม่ใช่เรื่องที่ปลิ้นปล้อน สับปลับอย่างนักการเมืองทั่วๆไปเขาทำกัน ...เขาเลือกใช้ความถนัดที่เขามีอยู่นี้ ในการสร้างแรงจงใจ แรงกระตุ้นให้กับกลุ่มประชาชนที่เข้ามารับฟังเข้าในที่ประชุม ด้วยความหวังที่อยากจะสร้างการซีมซับต่อเรื่องราวที่เขาเสนอ ซึ่งมันกำลังร้ายแรงขึ้นต่อโลกใบนี้ ทุกวันๆ

    หนังนำเสนอ "ภาวะโลกร้อน" ออกมาได้ตรงไปตรงมา อยากจะพูดอะไรก็พูดออกมาอย่างไม่ต้องเกรงกลัวว่าคนดูคนฟังจะรับไม่ได้ ...หนังโยงใยประเด็นในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ยันไปถึงวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของมนุษย์เราๆ ซึ่งล้วนมีความเกี่ยวเนื่องกับภาวะโลกร้อนแทบทั้งนั้น ... มีทั้งที่มาในรูปของคำพูดปลุกปั่นระดมกำลังของ อัล กอร์ หรือจะเป็นสื่อประกอบการแสดง ที่มีทั้งเนรมิตสร้างสรรค์เอง และนำรูปถ่ายของจริง มานำเสนอได้อย่างเห็นภาพและเห็นผล

    AIT แบ่งเรื่องของตัวเองออกเป็น 2 ภาค คือ ภาคบรรยาย และภาคสารคดีชีวิต ซึ่งทั้ง 2 ภาคนั้นจะทำการตัดสลับ ผันเปลี่ยน ช่วยแบ่งเบาภาระการเล่าเรื่องให้ความเข้าใจแก่คนดูไปพร้อมๆกัน

    หนังเสียเวลาหมดไปกับภาคบรรยายอยู่มากโข แต่ในความมากโขของมันก็เป็นอะไรที่ดูสนุก เร้าอารมณ์คนดูได้เป็นดี ก็แอบมีบ้างเล็กๆน้อยๆในบางช่วงตอนกลางๆเรื่อง ที่ผมจะเกือบงีบหลับไป แต่สุดท้ายแล้วก็สามารถพยุงตัวเองประคองอารมณ์ให้ติดตามดูหนังสารคดีเรี่องนี้ได้ตลอดต้นจนจบ ไม่มีขาดตอน

    ด้วยวาทะศิลป์การพูดที่เป็นกันเองของอัล กอร์ นั่นก็มีส่วนที่ทำให้คนดูเองเหมือนได้มีส่วนร่วมอยู่ในที่ประชุมแห่งนั้นไปด้วย ...คนดูรู้สึกตื่นเต้นไปพร้อมกับการเสียดแทงด้วยประโยคเจ๋งๆ คนดูสนุกไปกับความขำขันที่นายกอร์แสดงตัวตนออกมาอย่างผ่อนคลาย และคนดูก็ต้องอัดอั้นเป็นตายในคำพูดที่ทำให้รู้สึกเหมือนโดนตบหัวแล้วลูบหลัง ซึ่ง อัล กอร์ เอ่ยเอื้อนมันออกมาได้เจ็บ โดนกระทบในจิตใต้สำนึกเข้าอย่างจังๆ ...บวกเข้าไปกับสื่อการแสดงที่ทำออกมาได้เห็นจริง รู้เรื่องง่าย และเข้าใจในทันที ไม่ว่าจะเป็น การ์ตูนของเจ้าแสงอาทิตย์ที่โดนรุมสะบักสะบอมจากวายร้ายเรือนกระจก , กราฟของปริมาณน้ำแข็งที่หลอมละลาย , การเล่าเรื่องของคุณครูช่างมั่วกับนักเรียนช่างถาม และที่โดนใจเป็นที่สุด ก็คือ ภาพที่เป็น รูปทองคำและโลกอยู่บนตราชั่ง ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นมุขตลกร้ายที่ทำให้คนดูรู้สึกสนุกทั้งเครียด

    ในส่วนของภาคสารคดีชีวิตนั้น ...ก็เป็นสารคดีชีวประวัติของอัล กอร์นั่นเอง ที่เล่าเรื่องราวของเขาตั้งแต่ครั้งยังเยาว์วัยในความเป็นอยู่แบบเกษตรกรชาวฟาร์มซึ่งรักฤดูร้อน ...มายังชีวิตวัยหนุ่มที่ได้รู้จักกับคำว่า "ภาวะโลกร้อน" เป็นครั้งแรกจากอาจารย์วิชาวิทยาศาสตร์ของเขาเอง ...พัฒนาไปสู่การเป็นนักการเมืองที่พยายามจะเรียกร้องสิทธิของการดูแลโลกใบนี้ในทุกที่ที่มีโอกาส และถึงท้ายที่สุดกับการเป็นวิทยากรที่ออกร่อนเร่เดินทางไปทั่วโลก เพื่อจะประกาศกร้าวถึงโลกในอุดมคติของเขา

    การเล่าภาคชีวิตของนายกอร์ มีส่วนสัมพันธ์โดยตรงกับภาคบรรยายของเขา เพราะทุกสิ่งที่เขาพูดเสริมทับในการเล่าเรื่องราวของเขาเองนั้น จะไปเป็นส่วนประกอบสำคัญที่บอกถึงความตั้งใจจริงของเขาที่มีต่อหน้าที่การเป็นผู้พิทักษ์โลก ... ชีวิตของอัล กอร์ ทำให้คนดูรู้สึกอินในสิ่งที่เขาพูดบรรยายออกมามากขึ้น ชวนให้เกิดความเชื่อในสิ่งที่เขาปรารถนาจะให้เชื่อ และก็ได้รู้จักกับตัวตนที่แท้จริงของเขา นอกเหนือไปจากหน้าฉากที่เคยเป็นว่าที่ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน

    ในเวลา หนึ่งชั่วโมงกว่าๆ กับ การแสดงเดี่ยวไมโครโฟนอัดเทปของ อัล กอร์ในครั้งนี้ ให้ผลการตอบรับที่ดีมากจากคนดูทุกคน ...ไม่ใช่แค่กับคนดูที่อยู่ในห้องส่งเท่านั้น แต่มันยังต้องรวมไปถึงคนดูหนังสารคดีเรื่องนี้ไปด้วย

    กับการจูงใจ ใช้แรงกระตุ้น กดดันด้วยกลวิธีต่างๆนานาของนายกอร์ในหนังเรื่องนี้นั้น ได้ทำให้ผมแค้นในตัวเองเป็นอย่างมาก ทั้งโกรธ รู้สึกผิด และอยากลงโทษตัวเองในการกระทำที่แล้วๆมานั้นไม่เคยได้ใส่ใจดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างเอาจริงเอาจังเลย ...ทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่าตอนนี้โลกเราเป็นอย่างไร เรียนมาแล้วว่า ภาวะโลกร้อนจะส่งผลร้ายต่ออนาคตมากมายเสียหายขนาดไหน กับการป้องกันต่างๆนานาไม่เคยได้นำมาคิดไตร่ตรองจริงๆจังๆ สักแต่ทำเพียงผ่าน (คือ ผมก็ทำประโยชน์ได้เฉพาะบางเรื่อง แต่กับหลายๆเรื่องก็เลือกที่จะมองข้ามไป)

    หนังเรื่องนี้ทำให้ผมได้มีเวลาหันกลับมองดูการกระทำของตัวเองที่แล้วมา และได้คิดไปถึงอนาคตข้างหน้า ที่เป็นชีวิตของเรา ของลูกหลาน ของรุ่นต่อๆไปหลายสิบรุ่นที่จะต้องสืบทอดสายพันธุ์มนุษย์ไปอีกยาวไกล ...

    ถ้าโลกที่เราอยู่ในทุกวันนี้ มันหมดความสวยงามไปแล้ว เราจะสามารถฟื้นฟูมันกลับมาเหมือนเก่าได้อีกหรือเปล่า ? เราจะสามารถคืนโลกใบนี้ให้กลับมาสู่สมดุลเดิมได้หรือไม่ ? แล้วมันจะทันเวลาหรือ สำหรับคนรุ่นหลังของพวกเรา ? ...อย่ามัวแต่ได้ตั้งคำถาม กับสถานการณ์ที่เรายังสามารถแก้ไขได้ เลิกใช้เวลาคิดค้นปัญหา
    เหล่านั้น แล้วเรามาร่วมด้วยช่วยกันทำให้โลกใบนี้ดีขึ้น จะดีกว่ามั้ย ?

    ในท้ายเครดิตของหนังได้พยายามเสนอบอกข้อควรทำเอาไว้กับพวกเราทุกคน ...มีแนวทางมากมายให้เราได้เลือกไว้ปฏิบัติในชีวิตประจำวันของพวกเรา ในข้อแยกย่อยนับสิบๆอย่าง มันสามารถผนวกรวมใจความสำคัญเข้าไปได้ใน 3 ข้อหลัก ที่หนังเน้นย้ำว่าเป็นสิ่งที่ต้องทำ และจริงจัง...

    เริ่มแรกด้วยการเปลี่ยนแปลงตัวเอง เปลี่ยนแปลงการกระทำ และเปลี่ยนแปลงความคิด ในทุกสิ่ง ทุกอย่างและทุกมุมมอง จากที่เราเคยมองโลกใบนี้เป็นเพียงแค่ผืนพสุธา และแผ่นน้ำที่อยู่ใต้เท้าของเรา... ลองคิดว่าเราเป็นเพียงแค่สิ่งมีชีวิตเล็กๆตัวหนึ่งซึ่งต้องถือกำเนิดขึ้นมาให้เป็นภาระของโลกดูบ้างจะเป็นไรไป

    ต่อมาก็ด้วยการแก้ไขพฤติกรรมต่างๆที่เคยทำแล้วสร้างผลเสียต่อโลกใบนี้ เลิกให้หมด ...แล้วหันเหทิศทางความเป็นเราเข้ามาสู่การเป็นผู้พิทักษ์รักษาสมดุลโลก ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่เหมาะที่ควรต่อโลกใบนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

    และสุดท้ายที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง ...อย่าลืมภาวนาขอพร "ขอให้คำว่า 'ภาวะโลกร้อน' หมดไปจากโลกใบนี้ "

    มันยังไม่สายเกินไป ที่พรข้อนี้จะได้สัมฤทธิ์ผล ขอเพียงแค่การร่วมมือร่วมใจของสมาชิกโลกทุกคนที่ตั้งใจและปรารถนาดีจริง มันคงไม่ใช่เรื่องยากเกืนไป ที่เราจะเอาชนะมันได้ในสักวัน ...ก็หวังเพียงแต่ว่าสักวันในวันนั้น มันจะต้องเป็นวันที่เจ้าตัวแสบชื่อ "ภาวะโลกร้อน" จะต้องสูญสลายมลายสิ้นไปจากโลกใบนี้ได้เสียที

    "An Inconvenient Truth" ... นี่คือเรื่องจริงที่ทุกคนต้องดู ต้องรับรู้ และต้องเข้าใจ หนังสารคดีเยี่ยมยอดเรื่องนี้ มีแรงกระตุ้นมากพอ จะทำให้คุณได้เกิดประกายความกล้าอยากจะเปลี่ยนแปลงปฏิวัติตัวเองเสียใหม่ ... ผมอยากขอให้ทุกท่านได้ให้โอกาสกับหนังเล็กๆเรื่องนี้ เพียงแค่สักครั้งในโรงสกาลา แล้วคุณจะได้พบว่าสิ่งที่ผมนำเสนอออกไปนี้ ...ไม่มีคำเท็จเหมือนนักการเมืองแถวๆนี้แน่นอน

    หมายเหตุ : ผมตั้งใจ เจตนา และปรารถนา ที่จะให้ชื่อกระทู้นี้ มีคำว่า "เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย" สาเหตุเป็นเพราะมันตรงตัวกับสิ่งที่หนังเรื่องนี้ต้องการนำเสนอครับ ...ภาวะโลกร้อน เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย

    แต่ความเป็นจริงก็อยากเกาะกระแส Seasons Change นั่นแหละ (อิอิ)

    ขอแนะนำเป็นอย่างยิ่ง ... ครับ

    ดู{ดี} วิธ มายเซลฟ์ :
    ทุกสิ่งทุกอย่างที่หนังเรื่องนี้ต้องการนำเสนอ ...โดนใจผม

    เกรด A

    ขอบคุณครับ รักคนอ่าน

    แก้ไขเมื่อ 11 ก.ย. 49 20:44:25

    แก้ไขเมื่อ 11 ก.ย. 49 20:41:48

     
     

    จากคุณ : OncE UPoN'-'a MaN - [ 11 ก.ย. 49 20:23:03 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com