 |
บทวิจารณ์ท้ายละคร : " สะดุดรัก " แด่ชีวิตที่สะดุดความมืดในสังคม
" แม่! "
เสียงผู้หญิงร้องขอความช่วยเหลือมาจากในห้องพักของม่านรูดแห่งหนึ่ง ม่านรูดแห่งนี้เป็นที่ๆ คุ้นตาของเด็กชายเป็นอย่างดี เมื่อได้ยินเสียงร้องนั่น เด็กชายรีบวิ่งเข้าไป ภาพที่เห็นคือชายท่าทางกำยำคนหนึ่งกำลังทำร้ายหญิงสาวผู้เป็นมารดาของตน
" พอแล้วลูก พอแล้ว มันตายแล้ว "
เสียงของมารดาเรียกบุตรชายที่กำลังใช้ที่เขี่ยบุหรี่ฟาดไปที่ศีรษะของชายคนนั้นอย่างบ้าคลั่งเพื่อจัดการกับคนที่ทำร้ายผู้เป็นแม่ของตน เด็กน้อยจึงได้สติ และหนีไปกับมารดาในทันทีทันใด
------------------------
ก่อนอื่น คงจะไม่ช้านัก หากผมจะเขียนถึงละครเรื่องนึงที่ลาจอไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากแต่เป็นละครที่คงจะอยู่ในใจใครหลายๆ คน โดยเฉพาะคนดูที่ " เบื่อหน่าย " กับละครแนวเดิมๆ ที่ต้อง " น้ำเน่า " ไม่เกิดสาระอันใดกับชีวิตนอกจากตลกไปวันๆ หนึ่ง หาแก่นสารมิได้แม้แต่น้อย
แต่สำหรับงานของ " ผู้จัดหน้าใหม่ " คนนี้ ดูจะแตกต่างออกไป เรียกว่าฉีกแนวไปจากกระแส Rating ของสังคมไทยอย่างสิ้นเชิง ที่ปกติจะนิยมแต่ละคร หรือแม้แต่ภาพยนตร์ประเภทน้ำเน่าเบาสมอง ตลกหลุดโลก หรือรักกุ๊กกิ๊กๆ ทว่า...ผู้จัดรายนี้เลือกที่จะทำอะไรตรงข้ามกระแสสังคม เขาเลือกทำละครที่เนื้อหาหนัก ไม่เน้นตลก ไม่เน้นอะไรที่มัน " ตลาดๆ " แต่ทำออกมาเป็นงานสาระและคุณภาพเน้นๆ อย่างที่สุด จนแม้แต่ผมเองที่ปกติจะเกลียดชังวงการบันเทิงไทยโดยเฉพาะละครโทรทัศน์อย่างสุดขั้ว และมักจะด่าอยู่เสมอเมื่อมีโอกาส กลับต้องมาเขียนชมผลงานของผู้จัดผู้นี้ นี่เป็นบทความแรกที่เขียนชมละครโทรทัศน์ของเมืองไทยของผมเลยทีเดียว
ครับ ผมกำลังพูดถึง " สะดุดรัก " และผู้จัดที่ชื่อ " แอนดริว เกร็กสัน "
ก่อนอื่น ผมต้องบอกเลยว่าผมไม่ค่อยดูละครเท่าไร แต่ชื่อเสียงของผู้ชายคนนี้ผมได้ยินมานาน โดยเฉพาะเรื่องความเป็นปัจเจกบุคคล ( โลกส่วนตัว ) ค่อนข้างสูง ดังนั้นทำให้ผมสนใจแนวคิดของเขาอยู่ไม่น้อย แต่ผมก็มิได้ติดตามอย่างเป็นจริงเป็นจัง เพราะผมคิดว่ายังไงนักแสดงก็ไม่ใช่ผู้กำหนดเนื้อเรื่อง ผู้จัดต่างหากที่เป็นตัวกำหนด
แล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่ชายผู้เป็นปัจเจกชนผู้นี้ได้กลายเป็น " ผู้จัด " ขึ้นมาจริงๆ และงานละครเรื่องแรกสำหรับหน้าที่ใหม่นี้ ก็ได้ทำให้ใครหลายคน " ฮือฮา " อย่างชื่นชมมาแล้ว ( จนแม้วันที่ผมเขียนนี้ละครจะอวสานไปแล้ว แต่ยังมีการพูดถึงนักแสดงในเรื่องนี้อยู่เป็นควันหลงเป็นระยะๆ )
ด้วยเรื่องราวของแก๊งค์ 18 มงกุฏระดับพระกาฬที่มีมือดีที่สุดของแก๊งค์เป็น 2 แม่ลูก " กฤษณ์ " และ " พิมพ์จันทร์ " ผู้ที่ก่อคดีต้มตุ๋นเหล่า " คนมีเงิน " มามากมายทั่วประเทศเป็นเวลาหลายปี และไม่เคยมีใครสามารถหาหลักฐานหรือร่องรอยที่จะตามตัวได้ ทว่า...ตลอดเวลานั้น กฤษณ์ผู้เป็นลูกต้องการที่จะเลิกอาชีพนี้ แต่พิมพ์จันทร์ผู้เป็นแม่นั้นไม่ต้องการที่จะเลิก จนกระทั่งวันหนึ่ง สองโจรแม่ลูกกลับคิดที่จะเปลี่ยนแปลงทางเดินของตัวเอง เมื่อเขาได้พบในสิ่งที่พวกเขาพยายามจะตัดออกไปจากสารบบความคิด สิ่งที่พวกเขาไม่เชื่อว่ามันมีจริงในโลก นั่นก็คือ " ความรัก "
แต่เรื่องมิได้ง่ายอย่างที่คิด แน่นอนว่าคนลองเข้าสู่ด้านมืดแล้ว ด้านมืดย่อมไม่ปล่อยให้สาวกของมันถอนตัวได้ง่ายๆ ชีวิตของกฤษณ์ที่พยายามจะกลับตัวกลับใจหลังจากที่ได้พบกับ " เพียงลดา " สาวน้อยผู้เป็นจิตรกรที่มีอุดมการณ์ในการช่วยชี้แนะแนวทางที่ดีให้เยาวชนผ่านการสอนศิลปะของเธอ กฤษณ์ตกหลุมรักเพียงลดาอย่างจังและพยายามช่วยให้อุดมกาณณ์ของเธอเป็นจริงด้วยการใช้เส้นสายในแก๊งค์ของเขาหาสถานที่ๆ จะเป็นโรงเรียนสอนศิลปะที่เป็นของเธอโดยตรง ที่ๆ สามารถทำอะไรก็ได้โดยที่ไม่ต้องอยู่ใต้อำนาจของใคร แต่กฤษณ์ก็ต้องเจอกับศัตรูมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรวินทร์ ลูกชายนักการเมืองระดับชาติผู้มีอิทธิพลคับแผ่นดิน , ฉกาจ อดีตนายตำรวจอาวุโสท่าทางเพี้ยนๆ แต่กลับฉลาดอย่างน่ากลัว ผู้ซึ่งถูกเหยื่อของ 2 แม่ลูกรายหนึ่งจ้างมาให้ตามหาร่องรอยของสองโจร และปาริตา สาวน้อยจากเชียงใหม่ที่ถูกหลอกให้ซื้อเครื่องเพชรปลอม ขณะที่พิมพ์จันทร์เองก็กำลังดำเนินแผนการกับเหยื่อรายใหม่ " ศุภกิจ " นายธนาคารและนักธุรกิจระดับแนวหน้าของประเทศ แต่ไปๆ มาๆ ด้วยความที่เห็นว่าศุภกิจเป็นคนดี จึงคิดที่จะเปลี่ยนใจ และคิดจะเลิกจากอาชีพนี้จริงๆ ตามที่ลูกชายขอร้องมาตลอด
ตลอดทั้งเรื่องเราจะมองสังคมผ่านตัวละครสองแม่ลูก ปัญหาสังคมมากมายถูกยกเข้ามาใส่ในเรื่องเกือบทุกชนิด เช่นในมุมมองของกฤษณ์ที่จะพาคนดูเข้าไปพบปัญหาสังคมมากมาย ในสังคมที่แบ่งชนชั้นด้วย " เงิน อำนาจ ชื่อเสียงหน้าตา " ขณะที่เมื่อดำเนินเรื่องไปได้เกินครึ่งเรื่องทั้งหมด ปมในใจของพิมพ์จันทร์ ผู้ซึ่งดูเหมือนจะเป็นแม่ใจร้ายของกฤษณ์ก็จะค่อนๆ ปรากฏออก ทำให้คนดูรับรู้ถึงปัญหาในเรื่องค่านิยมที่ผู้ชายเห็นผู้หญิงเป็นแค่ " เครื่องบำเรอความใคร่ " ของตน นับตั้งแต่วัยเด็กที่พ่อเลี้ยงพยายามจะข่มขืนเธอจนต้องหนีออกจากบ้าน , สายตาของผู้ชายทุกคนที่มาดูเธอร้องเพลง แม้เธอจะจะเสียงดี แต่ความต้องการแท้จริงของผู้ชายเหล่านั้นคือ " ร่างกาย " ของเธอมากกว่า และแม้แต่ผู้ชายที่เธอหลงรัก เมื่อเห็นเธอท้อง ไม่เพียงแต่ไม่ใยดี ยังใช้คำว่า " ความรัก " ขู่เข็ญให้เธอไปหลอกลวงคนอื่นอีก จนเธอทนไม่ได้ พาลูกชายหนีออกจากที่แห่งนั้น และเร่ร่อนไปทั่วจนพบกับ " สุพจน์ " หัวหน้าแก๊งค์ต้มตุ๋น สุพจน์มองเห็นแววตาและความสามารถของสองแม่ลูก จึงรับทั้งสองเป็นลูกน้อง และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง
( มีต่อ )
จากคุณ :
TonyMao_NK51
- [
30 ก.ย. 49 21:11:45
]
|
|
|
|
|