ความคิดเห็นที่ 14
คุณเห็นด้วยไหมที่จะแบนเด็ดขาดโฆษณาเหล้าทางสื่อทุกชนิด 24 ชั่วโมง...ไม่มีความเห็น
แต่เห็นด้วยอย่างยิ่ง หากมีเป้า...ลดปริมาณการบริโภคเหล้าในปี 50 ลง 10% (เทียบกับปี 49)
เราพอมีข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มผู้ดื่มเหล้าอยู่บ้าง
กลุ่มดื่มหนัก ดื่มทุกวัน;
*อยู่ในชนบทและผู้ใช้แรงงาน..ที่ครอบครัวปกติ - ข้อมูลล่าสุด มีการรณรงค์ผ่านโรงเรียนและเด็ก ครูให้เด็กกลับไปบอกพ่อให้เลิกดื่มเหล้า เด็กก็อ้อนบอกรักพ่อและขอพ่อทุกวัน จนพ่อใจอ่อน...ไม่แน่ใจว่าเป็นโครงการของหน่วยงานไหน แต่ก็ได้ผลดี...หากรณรงค์ต่อเนื่อง และเสริมแรงด้วยเคมเปญ เลิกเหล้า..เพื่อลูก ก็น่าจะช่วยได้ และน่าจะมีประโยชน์ 2 ต่อ คือ เด็กที่มีความสุขและภาคภูมิใจที่ช่วยพ่อเลิกเหล้า น่าจะเป็นเด็กที่ไม่อยากดื่มเหล้าเมื่อโตขึ้น
*ผู้ใช้แรงงาน...ที่ดื่มแล้วใช้ความรุนแรง - เราไม่รู้ว่ามีกี่ % ของผู้ดื่มทั้งหมด แต่เท่าที่ดูจากข่าว มีแนวโน้มว่า แม้จะถูกลงโทษตาม กม. พวกนี้ก็ยังออกมาก่อเรื่องซ้ำๆอีก (ทำร้าย, ข่มขืน) ข้อเสนอ คือ เพิ่มบทลงโทษให้หนักขึ้น (เช่น ทำผิดซ้ำ อาจต้องโทษประหาร) ควบคู่ไปกับสุราบำบัด และจิตบำบัด (โครงการ 30 บาทรวม 2 โรคนี้ด้วยก็ดี...ไม่เห็นด้วยที่ให้ฟรี ควร "รับผิดชอบบ้าง")
กลุ่มคนเมือง ถ้าเข้าใจไม่ผิด สถิติเมาแล้วขับน่าจะลดลงจากการเป่าวัดระดับแอลกอฮอลล์ การเพิ่มโทษปรับ (เช่น 50,000 บาท/ ครั้ง) และความรับผิดชอบต่อผู้เสียหายให้สูงขึ้น น่าจะทำให้เข็ดหลาบ หรือถ้าทำผิดซ้ำ ให้จำคุกโดยไม่รอลงอาญา ฯลฯ
มีข้อสังเกตสำหรับวัยรุ่นหัดดื่ม พวกนี้ดื่มตามเพื่อน ตามกลุ่ม..มากกว่าตามโฆษณา การรณรงค์ให้รู้จักรับผิดชอบตนเอง น่าจะช่วยได้ (เอดส์, ท้อง, ข่มขืน ล้วนแต่เป็นผลจากความไม่รู้จักรับผิดชอบตนเองทั้งสิ้น)
ส่วนผลที่ได้จากการแบนโฆษณา ประโยชน์ส่วนใหญ่น่าจะตกอยู่ที่แบรนด์ใหญ่ (ลองเก็บตัวเลขสรรพสามิตก่อน-หลังแบน ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็น่าจะให้แบรนด์ที่มียอดขายเพิ่ม จ่าย 20% จากยอดที่เพิ่ม เข้ากองทุนเพื่อรณรงค์โครงการข้างบน)
รัฐบาล รก. 1 ปี มีข้อดี คือ แรงกดดันจากกลุ่มการเมืองต่างๆมีน้อย ประกอบกับประสบการณ์และความสามารถของผู้บริหาร น่าจะวัดผลสำเร็จได้ชัดเจน
ประเทศต้องถอยหลังก้าวใหญ่ เราหวังจะเห็นประเทศเดินหน้าบ้าง...เข้าใจว่า รัฐบาล รก. ตระหนักดีอยู่แล้วว่า ดัชนีชี้วัดความสุขของครอบครัว ส่วนหนึ่งมาจากการเลิกเหล้าของหัวหน้าครอบครัว....ดังนั้น "ปริมาณการดื่มที่ลดลง ย่อมทำให้ดัชนีความสุขของประชาชนเพิ่มขึ้น"....ในขณะเดียวกัน การแก้ปัญหานี้ ก็มีตัวแปรที่ละเอียดอ่อนตามสภาพสังคมในปัจจุบัน (ซึ่งต่างจากอดีต)
ผลพลอยได้ที่สำคัญของโครงการนี้ คือ ครอบครัวจะมี "ความเพียงพอ" ทางสถานะการเงิน (ปัญหาของคนไทยที่ดื่มหนักส่วนใหญ่ ไม่ใช่ความเพียงพอ...แต่เป็นความพอเพียง...สสส.น่าจะมีข้อมูลอยู่)
เราคิดว่าแนวพระราชดำรี ศก.พอเพียง จะเป็นไปได้จริง...เมื่อไพร่ฟ้าส่วนนี้ของพระองค์ท่าน "มีเพียงพอต่อการดำรงชีวิตในเบื้องต้น" เสียก่อน
อีกมุมมองหนึ่ง ที่อยากเห็นประเทศพัฒนาอย่างยั่งยืน
จากคุณ :
manka
- [
13 ต.ค. 49 21:30:27
]
|
|
|