CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ดูแล้วมาคุยกัน ... ผีสามบท บทที่ 2 : Monster House , บ้านผีสิงที่แสนจะบันเทิงใจ

      ชอบมาก ห้ามพลาด (2 คน)
      ชอบ (2 คน)
      เฉยๆ (5 คน)
      ไม่ชอบ (0 คน)
      ไม่ชอบมาก เสียดายตังค์ (0 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 9 คน

     22.22%
     22.22%
     55.56%
     0.00%
     0.00%


    … เลือกอ่านบทความนี้พร้อมรูป + อ่านความเห็นเพื่อนคนอื่นๆ + เชิญชวนไปแสดงความเห็นเพิ่มเติมที่ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=11-2006&date=03&group=1&blog=1


    ... Monster House มีโอกาสเจ๊งสูง เมื่อทุกคนเห็นการโปรโมทว่ามันคือ หนังแอนิเมชั่นที่เล่าเรื่องบ้านผีสิง

    เพราะ คนดูรุ่นเยาว์ก็อาจถูกผู้ปกครองกันไว้ ด้วยคิดว่า หนังอาจสยองขวัญไม่เหมาะกับหัวใจดวงน้อยๆของเยาวชน

    คนดูรุ่นเก๋าก็อาจเบือนหน้าหนี ด้วยคิดว่า หนังผีที่ทำเป็นการ์ตูน มันก็แค่หนังเด็กๆ สู้ไป เปนชู้กับโคตรผีดุ น่าจะแจ่มกว่า

    แถม คอหนังบางคนก็อาจมองข้าม ด้วยคิดว่า มันไม่ใช่อนิเมชั่นของ พิกซาร์ หรือ ดรีมเวิร์ค ภาพจากตัวอย่างจากโปสเตอร์ตัวคนก็ดูเหลี่ยมๆก้อนๆ

    คนดูทั้งสามกลุ่มข้างต้นพลาดของดีไปอย่างน่าเสียดาย

    ...เพราะสำหรับผม ปีที่ผ่านมา Ice age 2 คือ แอนิเมชั่นที่ฮาที่สุด Cars คือ แอนิเมชั่นที่ให้คติข้อคิดได้ดีที่สุด แต่เมื่อได้มาดู Monster House นี่ คือ แอนิเมชั่นที่ผมชอบและสนุกมากที่สุดของปีนี้

    แอนิเมชั่นหลายเรื่องพยายามทำตัวเป็นผู้ใหญ่และทำให้สูญเสียความเป็นเด็กที่ควรจะมี ในเวลาเดียวกัน แอนิเมชั่นบางเรื่องก็ขายจินตนาการวัยเด็กมาก จนผู้ใหญ่หลายคนไม่สามารถย้อนกลับไปรู้สึกสนุกเช่นนั้นได้อีก

    ...Monster House ไม่ได้พยายามจะยัดเยียดสาระ หรือ เจตนาจะต้องให้ข้อคิดสอนใจ เหมือนหนังอนิเมชั่นหลายเรื่องที่พยายามจะนำสารสาระในโลกของผู้ใหญ่มาสอดแทรก ในแง่หนึ่งก็ดีที่คนดูทั้งเด็กและผู้ใหญ่จะได้อะไรกลับไป แต่ บางครั้งเราก็อยากดู หนังสำหรับเด็ก ที่ยังมีความเป็นเด็ก เนื้อหาแบบเด็กๆ แต่ ผู้ใหญ่อย่างเราๆสามารถจะสนุกไปกับความเด็กๆของหนังได้

    Monster House ตอบโจทย์ข้อนี้กับผมได้อย่างเต็มๆ กับ การที่ผมเสียเงินเข้าไปนั่งดูรู้สึกสนุกสนานตื่นเต้น หัวเราะชอบใจ ไปกับเรื่องราวของเด็กๆในหนัง โดยไม่ต้องนั่งไทม์แมชีนย้อนวัยไปเป็นเด็กๆ และ สามารถรู้สึกดีๆหลังดูหนังจบโดยไม่รู้สึกว่าต้องใช้สมองขบคิดอะไรในการ์ตูน

    ดีเจ กับ โชวเดอร์ สองเด็กที่กำลังย่างเข้าสู่ช่วงวัยก่อนวัยรุ่น ดีเจอยากเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่ต้องไปวิ่งเล่น trick or treat ในวันฮัลโลวีน แต่ โชวเดอร์ ยังคงอยากเป็นเด็กที่ไม่ต้องการทิ้งความสนุกสนานในวัยเยาว์


    บ้านหลังตรงกันข้ามของดีเจ มีตาแก่ชื่อ เน็บเบอร์แคร็กเกอร์ เป็นเจ้าของบ้าน

    ใครเดินผ่านบ้านหลังนี้ อย่าเผลอทำข้าวของหรือแม้แต่ร่างกายก้าวข้ามเขตรั้วแม้แต่คืบเดียว เพราะ แกจะต้องรีบเข้ามาอาละวาดและยึดข้าวของพร้อมไล่เราออกไป

    แต่จะเป็นบุพเพหรือเคราะห์หามยามร้ายไม่ทราบได้ ทั้งคู่ก็มีอันต้องล่วงข้ามเขตรั้วไปโดยไม่เจตนา และ วันนั้นเองที่ความโกรธของ เน็บเบอร์แคร็กเกอร์ พุ่งถึงขีดสุดขณะจับตัวดีเจไว้ ก่อนที่แกจะสลบสไลสิ้นใจคาที่

    เด็กหนุ่มพระเอกของเราสังเกตว่า หลังการจากไปของ เน็บเบอร์แคร็กเกอร์ บ้านหลังนี้ยิ่งมีความผิดปกติมากขึ้น มันดูเหมือนบ้านกำลังโกรธ และ ดูเหมือนบ้านก็จะเชิญชวนผู้คนให้เข้าไปข้างใน

    แล้ว คืนหนึ่ง ดีเจ ก็ได้รับโทรศัพท์กลางดึก เขาโทรกลับไป “คุณพระช่วย” เสียงโทรศัพท์นั้นดังขึ้นมาจาก บ้านหลังตรงข้าม บ้านของเน็บเบอร์แคร็กเกอร์ที่ตายไปแล้ว


    เขามั่นใจว่าแน่ยิ่งกว่าแช่แป้ง ว่า บ้านหลังนี้ คือ บ้านผีสิง

    เขาตามโชวเดอร์มาอีกครั้งเพื่อพิสูจน์ แต่ระหว่างนั้นเอง มีเด็กสาวท่าทางฉลาดเฉลียวแก่แดดแก่ลมคนหนึ่งผ่านมา เธอกำลังจะเข้าไปในรั้วบ้านหลังนั้น ทั้งสองคนจึงต้องพยายามดึงเธอออกมา และ หาทางพิสูจน์ให้ใครต่อใครเชื่อว่า บ้านหลังนี้ คือ บ้านผีสิง

    ทั้งสามคนร่วมมือกันที่จะเข้าไปพิสูจน์บ้านหลังนี้ พวกเขาตามผู้ใหญ่อย่างนายตำรวจสองคนเพื่อจะยืนยันว่า บ้านหลังนี้มีผีสิง


    ผู้ใหญ่ บางครั้งก็ลืมไปที่จะสนใจรับฟังเสียงของเด็กๆ ผู้ใหญ่หลายหนมักจะคิดโดยอัตโนมัติทันทีว่า คำพูดของเด็กนั้นไร้สาระไร้ความหมาย

    ผู้ใหญ่หลายๆคนก็ลืมไปว่าตัวเองนั้นก็เคยเป็นเด็กมาก่อน และ ตอนเป็นเด็กนั้นใช่ว่าทุกการกระทำคือความไร้สาระ

    หลายๆความไร้สาระของเด็กๆ มันคือ สาระในชีวิตของมนุษย์ในช่วงวัยนั้นๆ


    ผลลัพธ์ของการด่วนดูแคลนความเห็นเด็กๆก็คือการถูกบ้านผีสิง เขมือบ





    เมื่อไม่เหลือใคร วิธีที่ดีที่สุดที่เด็กวัยอย่างพวกเขาจะคิดขึ้นได้ บังเกิดขึ้นมา คือ การวางแผนเอายาแก้หวัดที่มีฤทธิ์ง่วงนอนล่อให้บ้านกินเข้าไปเหมือนที่เคยกิน คน สัตว์ สิ่งของที่ก้าวข้ามเขตรั้ว มันจะได้หลับสนิท

    แล้วเราก็จะเห็นแผนการอีกมากมายที่ออกมาจากความคิดของเด็กวัย 11-12 ปีที่ช่างสร้างสรรค์ ช่างคิด ชวนยิ้ม และ อดไม่ได้ที่จะคิดถึงตัวเองในวัยเด็ก

    ...ตัวละครวัยเด็กในหนัง ไม่ใช่แค่จะได้วิ่งขวัญผวาเพียงอย่างเดียว พวกเขายังได้เรียนรู้มิตรภาพ รู้จักสัจธรรมในโลกที่ว่า สิ่งที่เห็นอาจไม่ได้เป็นอย่างที่คิด และ เรียนรู้การที่จะก้าวข้ามวัยไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่ และ ตัวละครวัยผู้ใหญ่ในเรื่องก็จะได้เรียนรู้ถึงการปล่อยวางอย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน ผ่านตัวละครเด็กๆที่จะช่วยให้เขาได้เรียนรู้

    เพราะบางครั้ง ความเป็นผู้ใหญ่บางอย่างที่มีเมื่อเติบโตขึ้น เช่น การลุ่มหลง การยึดติด ฯลฯ ความเป็นผู้ใหญ่เหลานี้ครอบงำชีวิต เป็น ปัจจัยที่ทำให้คนเป็นผู้ใหญ่หลายคน ต้องทุกข์ทนกับชีวิตที่แสนทรมาน

    Monster House ไม่ใช่ หนังผีที่น่ากลัว แต่ เป็นหนังการ์ตูนที่เล่นกับความกลัวของเด็กๆในหนัง ไม่ต้องกลัวว่า ถ้าคุณเป็นคนกลัวผีจะดูหนังเรื่องนี้แล้วอกสั่นพรั่นพรึง เพราะหนังไม่ได้มีฉากสยดสยองหวาดผวาใดๆ ฉากบ้านผีหลอกบ้านผีสิง ก็ออกแนวการ์ตูนๆ จะมีให้ตกใจบ้างก็จังหวะที่หนังเล่นสนุกกับการให้บ้านอาละวาดหลอกผู้คน

    ผมตะลึงกับงานแอนิเมชั่นในช่วงผลัดใบอย่างงานสามมิติของ Pixar หรือ งานแสนจะสร้างสรรค์ของ จิบลี ถัดจากนั้นมา งานแอนิเมชั่นยุคหลังๆมีพัฒนาการอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ คนดูอย่างผมก็เริ่มชาชินจนไม่รู้สึกตื่นตากับหนังแอนิเมชั่นเรื่องใหม่ๆในสองสามปีนี้อีก เพียงแค่รู้สึกชื่นชมกับงานที่ดีขึ้นเรื่อยๆ เรื่องสุดท้ายที่ทำให้ผมทึ่งจริงจังในงานภาพที่กระโดดขึ้นจากรุ่นเดียวกันอีกก็คงจะเป็น Shrek

    แต่แล้ว Monster House ก็สร้างความรู้สึก ตื่นตา ให้กับผมได้อีกครั้งหนึ่ง นับตั้งแต่ฉากแรก ที่ตัวละครเอกคือสีส้มอันแสบสันต์ของใบไม้ ปลิวพาคนดูไปพบกับตัวละครที่เป็นเด็กขี่จักรยาน ภาพในหนังเคลื่อนไหวอย่างนุ่มนวลและเต็มไปด้วยสีสันกับลักษณะตัวละครที่ยากจะไม่อยากติดตาม ยิ่งพอถึงส่วนในฉากแอคชั่น ข้อได้เปรียบของการเป็นแอนิเมชั่นคือสามารถถ่ายทำด้วยมุมกล้องที่มีลูกล่อลูกชนเต็มที่ ทำให้หลายฉากดูหวือหวาและตื่นตาตื่นใจมากยิ่งขึ้น ทุกครั้งที่หนังพาคนดูเดินทางไปกับภาพที่วิ่งขึ้นวิ่งลง สำรวจบ้านผีสิงไปกับตัวละคร

    องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้หนังสนุกเป็นอย่างยิ่งคือ บทหนัง และ การสร้างสรรสามตัวละครหลักที่ผมจัดเป็นอีกทีมหนึ่งที่น่าจดจำของปีนี้เลยทีเดียว โดยเฉพาะบท โชว์เดอร์ และ เด็กสาวแก่แกดแก่ลมอย่าง เจนนี่ ที่คอยเรียกรอยยิ้มกับเสียงฮาจากคนดูได้เป็นระยะๆ ซึ่งคนเขียนบทก็เข้าใจใส่คำพูดและบทสนทนาที่ดูแล้วชวนให้เชื่อสมกับวัยของตัวละครเป็นอย่างยิ่ง

    ตัวประกอบอื่นๆก็ถูกวาดขึ้นมาได้อย่างมีบุคลิกเฉพาะตัวที่น่าจดจำในความขำและน่ารัก แม้แต่บางคนที่โผล่มาแค่ไม่กี่นาทีอย่างแม่และพ่อของดีเจ ก็ยังปล่อยมุกให้คนดูได้ยิ้ม หรือจะเป็น นายตำรวจสองนายที่ปล่อยมุกเด็ดๆได้ตลอดเวลา สีหน้าแสดงอารมณ์ของตัวละครเหล่านี้ถูกวาดออกมาได้เหมือนจริงและทำให้คนดูอดอมยิ้มไปกับพวกเขาไม่ได้


    (มีต่อ)

    จากคุณ : "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" - [ 6 พ.ย. 49 20:27:15 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com