ความคิดเห็นที่ 1 ขืนสร้างภาคต่ออีก ทีนี้คงกลายเป็นหนังประเภทขบวนการยอดมนุษย์ของญี่ปุ่นแน่ จำพวกทำของเล่นมาขายด้วยอะไรเทือกนั้นน่ะ จากคุณ : the hulk - [ 17 พ.ย. 49 17:17:37 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ว่ากันจริงๆแต่ละภาคก็แทบจะไม่เกี่ยวข้องกันอยู่แล้ว จากคุณ : KamenRider_V1 - [ 17 พ.ย. 49 17:54:12 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อ้าว เริ่มใหม่หรอกเหรอฮ่ะ ผมเข้าใจว่าสายลับคนนี้ได้เลื่อนขั้นซะอีก เพราะมีบอกนิว่าคนเก่าเจ้าชู้ เอ.. รึว่าไรหว่า จำม่ะได้ จากคุณ : drslamp (drslamp) - [ 17 พ.ย. 49 17:56:35 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เดี๋ยวนี้อะไรก็นิยมกลับไปจุดเริ่มต้นครับ Batman begin Superman return จากคุณ : celly - [ 17 พ.ย. 49 18:11:40 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เป็นนิยายตอนเดียวของ Ian Flemming ที่ยังไม่ได้นำมาถูกสร้างเป้นหนังครับ โดยที่ตอนหลังๆ (ไม่แน่ใจว่าเริ่มที่ตอนไหน แต่ช่วงของเพียซนี่แน่นอน) เป็นตอนที่แต่งขึ้นมาใหม่ครับ เพราะใช้ตอนที่เ็ป็นนิยายของ Ian Flemming มาทำหมดแล้ว ส่วน Casino Royale นั้นเคยถูกสร้างเป็นเวอร์ชั่นฉายทางทีวีมาก่อนครับ ก่อนที่หนังซีรียส์ 007 จะถือกำเนิดขึ้นมาอีก จากคุณ : Go-Kung - [ 17 พ.ย. 49 18:19:44 ]

ความคิดเห็นที่ 6 คือจริงๆแล้วหนังภาคก่อนๆก้ไม่ได้สร้างตามลำดับเวลาหรือตามลำดับของนิยายของ Ian Fleming เลยครับ นี่คือลำดับของหนังฉบับ Offial James Bond นะครับ 1. Dr. No (1962) 2. From Russia with Love (1963) 3. Goldfinger (1964) 4. Thunderball (1965) 5. You Only Live Twice (1967) 6. On Her Majesty's Secret Service (1969) 7. Diamonds Are Forever (1971) 8. Live and Let Die (1973) 9. The Man with the Golden Gun (1974) 10. The Spy Who Loved Me (1977) 11. Moonraker (1979) 12. For Your Eyes Only (1981) 13. Octopussy (1983) 14. A View to a Kill (1985) 15. The Living Daylights (1987) 16. Licence to Kill (1989) 17. GoldenEye (1995) 18. Tomorrow Never Dies (1997) 19. The World Is Not Enough (1999) 20. Die Another Day (2002) 21. Casino Royale (2006) แต่ตามลำดับนิยายจะเป็นดังนี้ 1953 Casino Royale 1954 Live and Let Die 1955 Moonraker 1956 Diamonds Are Forever 1957 From Russia with Love 1958 Dr. No 1959 Goldfinger 1960 For Your Eyes Only (ประกอบไปด้วยตอนสั้น 3 ตอนคือ (i) "From a View to a Kill", (ii) "For Your Eyes Only" และ (iii) "Risico" 1961 Thunderball (มี Unofficial James Bond ทำอีกภาคนึงโดยใช้ชื่อว่า Never Say Never Again) 1962 The Spy Who Loved Me 1963 On Her Majesty's Secret Service 1964 You Only Live Twice 1965 The Man with the Golden Gun 1966 Octopussy and The Living Daylights Ian Fleming เขียนเรื่อง James Bond ไว้แค่นี้ครับ พอ Ian Fleming เสียไปก็มีผู้เขียนต่อมาคือ John Gardner ครับ ที่เขียนเพื่อสำหรับทำภาพยนตร์ก้มี 1989 Licence to Kill 1995 GoldenEye ต่อมา John Gardner มีปัญหาทางสุขภาพก็มี Raymond Benson มาเขียนต่อ ที่เขียนเพื่อสำหรับทำภาพยนตร์ก็มี 1997 Tomorrow Never Dies 1999 The World Is Not Enough 2002 Die Another Day สำหรับ ปี 2002 ตอน Die Another Day เป็นปีและตอนสุดท้ายครับ ที่ซีรี่ย์ James Bond ที่ต้องมีนิยายเขียนออกมาติดต่อกันทุกปีต้องหยุดชะงักลง ทาง Ian Fleming Publications ได้เริ่มต้นออกซีรี่ย์ใหม่ขึ้นมาเริ่มเมื่อปีที่แล้วเป็นซีรี่ย์ Young Bond ซึ่งเป็นเรื่องราวของ James Bond สมัยเด็กๆครับ ก็ไม่รู้ว่าฉบับภาพยนตร์ตอนต่อๆไปทางผู้สร้างภาพยนตร์จะหาคนเขียนตอนใหม่ขึ้นเอง หรือจะหยิบเอาตอนที่ John Gardner หรือ Raymond Benson เขียนไว้แล้วมาทำ หรือตอนของ Ian Fleming ก้ยังเหลืออีกตอนคือตอนสั้น Risico ก็ไม่รู้อ่ะครับว่าจะเอายังไงต้องรอดูกันไป แต่คิดว่าคงไม่เอาตอนที่เคยสร้างแล้วมาปัดฝุ่นใหม่หรอกมั้ง สำหรับตอน Casino Royale นั้นเคยมีการสร้างมาก่อนจริงๆครับ แต่เป็น UnOfficial James Bond มีการสร้าง 2 ครั้งด้วยกัน ครั้งแรกสร้างสำหรับสร้างสำหรับฉายทางทีวีเมื่อปี 1954 ครับ แสดงโดย Barry Nelson (ซ้าย) อีกครั้งนึงเป็นหนังสั้น ฉายเมื่อปี 1967 แสดงโดย David Niven (ขวา) ครับ ~ I may Never Prove What I Know to be True But I Know that I Still have to Try ~ จากคุณ : Enixma - [ 17 พ.ย. 49 18:32:53 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ฮือๆ โดนแย่งตอบอะคร้าบ พี่น้องงงงงง แถมครับ นอกจาก casino ryale ที่ถูกสร้างทั้งสองครั้งแล้ว หนังเจมส์ บอนด์ ที่ไม่นับอยู่ใน official ก็คือ never say never again ครับ เป็นการเอา thunderball มาสร้างใหม่ โดยปรับบท และนำแสดงโดย sean connery โดยเข้าฉายในปีเดียวกับ octopussy ที่ roger moore แสดงครับ จากคุณ : ไอ้มดแดงวีเก้า - [ 17 พ.ย. 49 18:55:56 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ^ ^ ^ เจ๋งเจงๆ เคลียร์ได้ทุกคำตอบเลยอ่ะ ^^ ~#He is not a lover who does not love forever.#~ ชี้ คห.หกจ่ะ ปล. ว่าแต่ว่า ตกลงไปฉลองที่ไหนอ่ะจ๊ะ แก้ไขเมื่อ 17 พ.ย. 49 19:07:17 จากคุณ : สะบะละเฮ่ยแจงแวง - [ 17 พ.ย. 49 19:01:20 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เยี่ยมจริงๆครับ คุณ Enixma สำหรับข้อมูล ให้เด็กๆรุ่นนี้ได้เข้าใจ รวมทั้งของคุณ ไอ้มดแดงวีเก้า ด้วยครับ ว่าแต่พ่อ Tomothy Dalton แกเข้ามาเล่นตั้งแต่ตอนอะไรครับ รู้สึกว่าจะเล่นอยู่สองสามตอนใช่มั๊ย จากคุณ : Rhythm - [ 17 พ.ย. 49 19:15:25 ]

ความคิดเห็นที่ 10 สองตอนครับ แบบว่า ผมดูทางเคเบิล ดูเอาเพลิน ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร พอมารู้ทีหลังว่าเป็นเจมบอน ตกใจหมดเลย หน้าไม่ให้จริงๆ The Living Daylights Licence to Kill จากคุณ : nusfish - [ 17 พ.ย. 49 19:45:13 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ตามนั้นเลยครับ.... ช่วงที่ทิมโมธี ดาลตันมาแสดงนั้นหนังบอนด์ก็ลุ่มๆดอนๆครับ รายได้ไม่ดีมากเท่าไร คล้ายๆกับตอนปลายของเพียซนี่แหละครับ แล้วก็เงียบหายไปนานระยะหนึ่งถึงได้มาดังเปรี้ยงปร้างกับการเปิดตัวเพียซในตอน Goldeneye จากคุณ : Go-Kung - [ 17 พ.ย. 49 20:25:26 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ไม่... ไม่เหลือ... ไม่เหลืออะไรให้ตอบเลย... จากคุณ : patyawi - [ 17 พ.ย. 49 21:51:37 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ก๊ากกก เข้ามาขำ คห.12 โดนแย่งตอบซะงั้น น่าสงสาร เฉลิมไทยเรา แฟนพันธ์แท้พี่เจมส์เยอะจริงๆ จากคุณ : kt_luv - [ 17 พ.ย. 49 22:06:11 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ฮา คห.12 เหมือนกันค่ะ ดูท่าจะมีโปรบอนด์ เยอะเหมือนกันนะคะเนี่ย จากคุณ : Azlea - [ 17 พ.ย. 49 22:13:27 ]

ความคิดเห็นที่ 15 Casino Royale เวอร์ชั่นที่เดวิด นิเวน เล่นกับ ปีเตอร์ เซลเลอร์ส ไม่ใช่หนังสั้นนะครับ เพราะเคยดูในโรงมาก่อน (น่าจะเป็นโรงเฉลิมไทย) แต่ลิขสิทธิ์ตอนนั้นเป็นของผู้สร้างคนอื่น และนำมาทำเป็นแนวเสียดสีล้อเลียน ตลกโลกแตกไปเลย.. จำได้ว่าสิ่งที่ดังในหนังก็มีแต่เพลงประกอบของ Burt Bacharach ซึ่งมีเพลงบรรเลงโดย Herb Albert และเพลงดังของ Dusty Springfield คือ The Look of Love ที่ใครๆ เอามาร้องกันกระหน่ำ ล่าสุด รู้สึกว่าเป็น Diana Krall ทำให้เพลงกลับมาดังใหม่อีกครั้ง แก้ไขเมื่อ 17 พ.ย. 49 22:44:34 จากคุณ : Bkkbear - [ 17 พ.ย. 49 22:22:40 ]

ความคิดเห็นที่ 16 อ้อ เพิ่งเจอหน้าปกอัลบั้ม Casino Royale ยุคนั้น เริดมาก [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : Bkkbear - [ 17 พ.ย. 49 22:46:23 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ค.ห.11 บอก "ช่วงที่ทิมโมธี ดาลตันมาแสดงนั้นหนังบอนด์ก็ลุ่มๆดอนๆครับ รายได้ไม่ดีมากเท่าไร คล้ายๆกับตอนปลายของเพียซนี่แหละครับ" ผมว่าไม่จริงครับ ตอนปลายของเพียรช์ คือตอน (2002) Die Another Day กลับกลายเป็นตอนที่ทำรายได้สูงสุดนะ ใน US 160.9 ล้าน ทั่วโลก 456 ล้าน รายได้สูงทิ้งห่างภาคอื่นแทบไม่เห็นฝุ่นเลย ยังไม่รู้ว่าภาคใหม่นี้จะทำได้เท่ารึเปล่าเลย จากคุณ : seth (Seth) - [ 18 พ.ย. 49 00:17:14 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ^ ^ ^ ได้เยอะก็จิงแต่ใช้ทุนไป 142 ล้าน นะ สูงมากที่สุดในภาพยนตร์ บอนด์ อย่างที่หลายคนและนักวิจารณ์บอกว่า มันใช้เทคโนโลยีเยอะเกินไปจนไม่เหลือความเป็นบอนด์ ทางทีมงานจึงย้อนกลับไปหนังสือเล่มเเรกเพื่อฟื้นฟูความเป็นเจมส์ บอนด์ ที่ดิบกว่า เถื่อนกว่า มีความป็นมนุษย์มากกว่า และผมก็ชอบมันมากกว่าทุกภาคของ เพียซ ด้วย ภาคล่าสุดใช้แค่ 72 ล้านเอง แต่ดูสดกว่า ใหม่กว่า ทั้งเรื่องและนักแสดง เราก็เอาใจช่วยให้มันได้รายได้เยอะดีกว่า... จากคุณ : นายตลก - [ 18 พ.ย. 49 02:11:14 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ^ ^ ^ ผมว่าไม่เห็นเป็นไรเลย..ก็ตามยุคตามสมัย คุณจะยึดติดอะไรกับเดิมๆตลอด..ก็คิดซะว่าเป็นบอนด์รุ่นปัจจุบันก็แค่นั้นเอง ผมว่ามันก็ดีทุกภาคนั่นแหละ ถ้าคุณคิดอย่างนั้นก็ไม่ต้องไปเอารถ Aston Martin ปีนี้มาใช้ด้วยแล้วสิ เพราะเทคโนโลยีของรถมันก็สูงกว่าเมื่อก่อนที่บอนด์ใช้ตอนนักเขียนยุคแรกๆเขียนทั้งนั้นแหละ สรุป..ภาคไหนตั้งใจทำ ผมก็เห็นมันก็ดีทุกภาค จากคุณ : CityHunter357 - [ 18 พ.ย. 49 04:11:11 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ^ ^ ^ มันก็ต้องเปลี่ยนเนื้อเรื่องให้เข้ากับยุคสมัย ถ้าทำตามหนังสือแป๊ะมันก็ไม่มีใครดูหรอก ใช้วิจารญาณในการคิดหน่อย... ผมก็ไม่ได้ว่ามันไม่ดี แค่มันสูญเสียความเป็นบอนด์ ที่เขาเขียนในหนังสือ แค่นั้น คิดไปไกลจัง... จากคุณ : นายตลก - [ 20 พ.ย. 49 02:18:46 ]