CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ดูแล้วมาคุยกัน ... Death Note 2: The Last Name , ได้เวลาเก็บสมุดคืนเจ้าของ

      ชอบมาก ห้ามพลาด (39 คน)
      ชอบ (13 คน)
      เฉยๆ (2 คน)
      ไม่ชอบ (0 คน)
      ไม่ชอบมาก เสียดายตังค์ (0 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 54 คน

     72.22%
     24.07%
     3.70%
     0.00%
     0.00%


    เลือกอ่านความเห็นอื่นๆ และ เชิญชวนไปแสดงความเห็นเพิ่มเติมที่ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=12-2006&date=06&group=1&blog=1


    ...ก่อนไปดูหนังภาคนี้ มีกฎบางกฎที่จำเป็นต้องทบทวน เพราะจะมีบางช่วง ที่หนังเดินเรื่องไวไม่ทันให้หายใจ จนคนไม่เคยอ่านการ์ตูนอาจสงสัยพลางคิดในใจว่า มันยังไงนะตอนนี้

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กฎที่ว่า

    การกำหนดการตายทำได้แค่ภายใน 23 วัน ไม่สามารถกำหนดให้ตายนานกว่าเวลานั้นได้

    ...จากครั้งก่อน ที่ได้วิเคราะห์มุมมองของ Death note พร้อม กับคำถามที่ตั้งไว้ว่า (หากยังไม่ได้อ่าน ชวนไปอ่านก่อนเริ่มต้นอ่านกระทู้นี้)

    Death Note , สมุดเล่มนี้ ดี จริงหรือ?
    http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=10-2006&date=01&group=1&blog=1

    ผมเองได้ตอบไว้แล้วว่า อำนาจที่ไร้ขอบเขต บางสิ่งที่ไร้ข้อจำกัด ใช่ว่าจะดีเสมอไป ดังนั้น คงไม่ดีแน่ถ้าโลกใบนี้จะมี Death Note

    ในตอนนี้ ผมเริ่มสงสัยว่า แล้วสมมติ เราใช้ Death Note อยากเหมาะสม ไม่ใช้ฆ่าคนพร่ำเพรื่อ จะพิพากษาก็ทำตามตัวบทกฎหมาย การมี Death Note ก็อาจไม่เลวนัก ถ้าเราจะมี Death Note ไว้เป็น ก๊อกสอง ตอนที่ อาชญากรหลุดพ้นจากรูโหว่ของตัวบทกฎหมาย

    ติดอยู่อย่างเดียวที่ผมหาคำตอบที่ดีไม่ได้ว่า

    ใครกันเหมาะสมในการจะเป็นคนครอบครอง Death Note

    ...ลองหลับตาแล้วเลือกซักคนในใจว่า

    คุณจะเชื่อใจให้ใครเป็นคนถือ Death Note สมุดที่สามารถพิพากษา คนได้ทั้งโลก เพียงแค่รู้ชื่อของคนตรงหน้า

    หลังจากได้ชื่อของใครคนนั้นที่คิดว่าเหมาะสมแล้ว ลองคิดตามดูเล่นๆว่า คุณไว้ใจเขาได้จริงหรือ คุณมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์หรือไม่

    ว่า

    คนๆนั้นจะใช้ Death Note อย่างยุติธรรมตามกฎหมาย , คนๆนั้นจะไม่ใช้มันเพื่อปกป้องตัวเองเมื่อจำเป็น คนๆนั้นจะไม่ใช้มันเพื่อปกป้องลูกเมียหรือคนที่รักหากถูกคุกคาม , คนๆนั้นจะใช้มันตามกฎหมายที่บัญญัติไว้จริงๆ

    ...ผมคิดไม่ออกจริงๆว่า จะมีใครที่เหมาะสมกับการใช้ Death Note

    และนั่นทำให้ผมคิดว่า ปัญหาจริงๆไม่ได้อยู่ที่ตัว Death Note แต่ ปัญหาที่ตามมาเกิดจากคนซึ่งเป็นผู้ใช้

    มนุษย์ที่ยังเป็นปุถุชนคนธรรมดา ไม่ได้เหมาะกับ อำนาจที่ไร้ขอบเขต เช่นเดียวกับ แหวนของกอลลั่ม ปัญหาของมันไม่ใช่ตัววัตถุ แต่ มันไม่ได้เหมาะกับคน

    เพราะมนุษย์ทุกคนล้วนยังมีความยึดติดและลุ่มหลงอันเป็นกิเลสเบื้องต้น ต่อให้คนๆนั้นจะฉลาดเฉลียวเพียงใด เป็นคนที่ยึดมั่นในอุดมการณ์หรือตัวบทกฎหมายมากแค่ไหน เป็นคนที่ดูเหมือนจะดีเพียงใด เมื่อคราวจวนตัว เมื่อถึงคราวที่จำเป็น สุดท้าย มนุษย์ก็ไม่วายที่จะใช้มันเพื่อ ตัวเอง หรือ คนที่เรารัก

    ไม่แปลกหรอก เพราะ เรายังคงล้วนอยู่ในโลกของความอยากได้อยากมี โลกของความรักความเกลียดชัง

    ...Death Note 2 แสดงเราได้เห็นอีกครั้งว่า ตัวละครในหนังที่ครอบครองสมุดเล่มนี้ ล้วนเป็นตัวแทนมนุษย์ที่ใช้ Death Note เพื่อตอบสนองกิเลส หรือ แรงขับภายในของตัวเอง(Id / drive) หากไม่ใช้มันเพื่อปกป้องตัวเอง เพื่อคนที่ตัวเองรัก ก็เป็น การทำลายคนที่ตัวเองเกลียดชัง

    ไลท์ ... ดูน่าจะเป็นบุคคลที่เหมาะกับการเป็นเจ้าของ Death Note ด้วยความเป็นคนฉลาด มีอุดมการณ์ที่ชัดเจนว่าจะใช้พิพากษาคนผิด Death Note สำหรับไลท์ มีไว้เพื่อสร้างโลกในอุดมคติ ก่อนที่เราจะเห็นเขาใช้มันเพื่อทำลายคนอื่นที่เป็นคนธรรมดา เพียงเพื่อไม่ให้คนอื่นเปิดโปงตัวเขาได้ ไลท์ ไม่ได้รู้ตัวเลยว่า สิ่งที่เขาทำไม่ใช่การเสียสละเพื่อสร้างโลก แต่คือ สัญชาตญาณของมนุษย์ที่ทำเพื่อปกป้องตัวเอง

    มิสะ ไอดอลสาว ... มีอดีตที่บอบช้ำ จนดูเหมือนว่า เธอน่าจะนำ Death Note มาเพื่อปกป้องผดุงความยุติธรรม แต่เมื่อเธอครอบครองโน้ต เธอกลับใช้เพื่อคนที่ตัวเองรัก เธอทำได้ทุกอย่าง เพียงเพื่อให้ไลท์พอใจ ซึ่งนั่นก็คือ มนุษย์ที่ทำเพื่อเติมเต็มความรักที่โหยหาและขาดหายไป(sexual drive)

    คิโยมิ ทาคาดะ นักข่าว ... ที่ดูเหมือนมีหลักการ และ ไม่คิดใช้ร่างกายเข้าแลกกับตำแหน่งหน้าที่ เมื่อเธอได้ครอบครอง Death Note เธอก็ไม่ได้ใช้กำจัดคนชั่วเพียงอย่างเดียว เมื่อเธอถูกเหยียดหยามถึงขีดสุด เธอก็พร้อมที่จะใช้เพื่อกำจัดคนที่เธอเกลียดชัง ซึ่งนั่นก็คือมนุษย์ที่ยังมีความแค้นความอาฆาตและความรุนแรง(aggressive drive) สุดท้ายเธอก็ไม่ต่างจากไลท์ที่ใช้ฆ่าใครก็ได้ เหมือนผักปลาอย่าง นายตำรวจที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เพียงเพื่อปกป้องตัวเอง

    แทนที่ Death Note จะช่วยสร้างโลกในอุดมคติตามที่ไลท์ฝัน แต่มันกลับกลายเป็นการสร้างโลกใบใหม่ ที่ ผู้คนไม่เห็นคุณค่าของชีวิตคนอื่น Death Note กลายเป็นเครื่องมือที่มนุษย์ใช้เพื่อตอบสนองกิเลสของตัวเอง (ไลท์ทำเพื่อตอบสนองความอยาก มิสะทำเพื่อให้ได้ความรัก คิโยมิทำเพื่อแก้แค้น)


    ... Death Note ในการ์ตูน ภาคแรกจบลงอย่างทำร้ายจิตใจผู้อ่านหลายคน ซึ่งผิดวิสัยการ์ตูนทั่วไปในการให้ ตัวละครฝ่ายธรรมะต้องตายจากไปและปล่อยให้ฝ่ายอธรรมครองเมือง เป็นการทำให้คนอ่านต้องใจหายครั้งที่สองเมื่อได้เห็น L ตกเก้าอี้โดยไม่มีทีท่าจะลุกขึ้นมาใหม่ หลังจากที่ อ.โอบาตะ คนวาด เคยทำให้คนดูต้องอึ้งกิมกี่ไปทีนึงแล้วที่ปล่อยให้ ซาอิ จาก ฮิคารุ เซียนโกะ หายไปแบบไม่ย้อนกลับมา

    แล้วอาจารย์ก็เริ่มต้นต่อภาคสองที่บางคนว่ากันว่า เขียนต่อเนื่องด้วยเหตุผลทางการตลาด พร้อมเปิดตัวละคร Mello กับ Near สองผู้สืบทอดเจตนารมย์จาก L ที่ต้องต่อกรกับ ไลท์ ซึ่งก้าวไกลไปถึงระดับโลกแล้ว เนื้อหาในภาคสองขยายวงกว้างลามไปถึงสหรัฐอเมริกา แต่ ปรากฎว่า ยิ่งขยายวงของเนื้อเรื่องกว้างมากไปเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ เนื้อหาสนุกน้อยลงเท่านั้น การขับเคี่ยวทางเชาว์ปัญญาเริ่มซับซ้อนมากขึ้น หลายตอนเริ่มปริ่มๆจะออกทะเล และ เริ่มมีตัวหนังสือยุ่บยั่บจนทำให้ขี้เกียจอ่าน

    ตัวละคร M กับ N แม้จะเก่งจะเท่เพียงใด แม้จะออกแบบบุคลิกให้มีความแปลกแตกต่างอย่างเป็นตัวของตัวเอง แต่ คาแรกเตอร์ของตัวละครก็ไม่แข็งแรงพอจะมาแทนที่ L ได้

    ก่อนที่ในที่สุด อ.จะปิดฉาก Death Note อย่างสมบูรณ์แบบในภาคสองนี้ ซึ่งก็ดูเหมือนว่าก็ยังมีคนอ่านที่ไม่พอใจในตอนจบนี้อยู่ดี ซึ่งจะว่าไปแล้วมันก็เป็นผลมาจากความสามารถของผู้เขียนเองด้วย ที่สามารถ สร้างตัวละครสองฟากฝั่งให้คนดูเอาใจช่วยได้พอๆกัน และ ทำให้ตัวละครที่ควรจะเป็นผู้ร้าย กลับกลายเป็นตัวละครเอกที่คนอ่านไม่อยากให้แพ้หรือตายจาก

    ดังนั้น จุดที่น่าหนักใจที่สุด ของ หนังภาคนี้ ไม่ใช่ว่า จะดำเนินเรื่องอย่างไร แต่จะเลือกจบอย่างไร จึงจะหาทางออกได้น่าพึงพอใจมากที่สุด

    หากจะจบแบบการ์ตูนเพื่อเปิดทางไว้ภาคต่อ ก็เกิดคำถามว่า หนังจะสามารถดัดแปลงภาคสองของการ์ตูนออกมาได้หรือเปล่า เพราะภาคหนึ่งว่ายากแล้ว การสร้างภาคสองที่เป็น Death Note ระดับเวทีโลกเชื่อได้เลยว่ายิ่งยากกว่าแสนสาหัสและมีแววจะเลอะเทอะได้ง่ายๆ หรือ หนังตอนนี้จะปิดฉากจบแค่ภาคแรก ซึ่ง หากให้ L รอด แฟนๆไลท์คงงอนน่าดู แต่ หากให้ ไลท์รอด ผู้หลักผู้ใหญ่หรือใครอีกหลายคน(รวมทั้งผมที่เป็นผู้น้อย)ก็อาจจะไม่ชอบใจ ที่หนังเชิดชูแนวคิด ศาลเตี้ย

    และนี่คือส่วนที่ต้องชม ผู้กำกับที่ทำหน้าที่เขียนบทในภาคสองนี้ ที่จัดการรวบรัดทั้งสองภาคในการ์ตูนมารวมกันและดัดแปลงผสมผสานปิดฉาก Death Note ได้อย่างสวยงาม เป็นการประนีประนอมการ์ตูนกับหนัง ประนีประนอมแฟนๆของ ไลท์ กับ L ให้มาหาจุดตรงกลางได้อย่างลงตัว

    ...เนื้อหาของภาคสองดำเนินเรื่องต่อเนื่องมาจากภาคแรก ที่จบค้างไว้ว่า มิสะ กำลังจะโดนทำร้าย และ แน่นอนว่า เป็นการเปิดตัว เรม กับ Death note เล่มสอง ซึ่งหากใครไม่ได้ดูภาคแรกมาก่อนก็อาจงงเล็กน้อยแต่พอเข้าใจได้ เพราะหนังก็จะตามมาด้วยเกริ่นเรื่องไว้อยู่พอสมควร

    มิสะ ก้าวเข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้นในภาคนี้ ในฐานะคนรักของไลท์ และ ในฐานะ คิระ หมายเลข 2 นอกจากนี้ หนังยังเปิดตัวละครสำคัญอีกหนึ่งคน ที่ผสมผสานตัวละครจากการ์ตูนทั้งสองภาคไว้ในคนเดียว นั่นคือ นักข่าวสาว คิโยมิ ทาคาดะ ซึ่ง จัดได้ว่า เป็นตัวละครสำคัญที่ดัดแปลงจากต้นฉบับได้เข้าท่า เพราะ ช่วยให้หนังมีเอกภาพต่างไปจากการ์ตูน เช่นเดียวกับ ตัวละคร ชิโอริ แฟนของไลท์ในภาคแรก

    ในภาคนี้ หนังเปิดเรื่องด้วยการเล่าต่อจากภาคแรกแล้วก็ค่อยๆไล่ไปตามเนื้อหาการ์ตูนของภาคแรกเป็นหลัก นั่นคือ มี คิระ หมายเลข 2 ต่อมา ทั้งไลท์และมิสะถูกจับ ตามไปสู่การพิสูจน์เพื่อหาคิระตัวจริง ก่อนที่ ทั้ง ไลท์ และ L จะวางแผนที่คิดว่า เฉียบคมที่สุด ในการที่จะจัดการกับอีกฝ่าย

    และแม้ว่า ทั้ง ไลท์ กับ L จะเหมือนกันตรงที่เป็นคนฉลาด ชอบเอาชนะ ในแผนการของแต่ละฝ่ายนี้เอง เราจะยิ่งเห็นตัวตนที่แตกต่างของตัวละครสองคนนี้ชัดเจนยิ่งขึ้น

    L ทุ่มเทให้กับการสืบสวน แต่ก็ไม่ยอมที่จะปล่อยให้คนบริสุทธิ์ต้องมาเดือดร้อน แม้เขาจะกังขากับกฎ 13 วันจนเปรยว่าจะใช้นักโทษประหารมาทดสอบ ซึ่ง จะว่าไปก็ดูพอยอมรับได้ เพราะ นักโทษประหารก็คือ คนที่รอวันตาย แต่ ท้ายที่สุด เขาเองก็เป็นคนที่ไม่คิดจะเอาชนะใครโดยต้องใช้ชีวิตคนอื่นเป็นสะพานให้ก้าวไปถึงเป้าหมาย สำหรับ L ชีวิตของคนไม่ว่าจะเป็นใคร จะใกล้ตายหรือไม่ ล้วนมีคุณค่าเท่าเทียมกัน

    ไลท์ ทุ่มเทให้กับการกำจัด L และ ก็ยินดีที่จะกำจัดคนใกล้ชิดได้ง่ายดายเหมือนเด็ดใบไม้ใบหญ้า หากเขาคิดว่าจำเป็น จนอาจทำให้ใครต่อใครพาลคิดสงสัยว่าทำไม คนอย่างไลท์ทำไมเปลี่ยนแปลงจากตอนต้นได้ถึงเพียงนี้ บางที ไลท์อาจไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย จากที่เคยเขียนถึงใน blog ที่แล้วไว้ว่า ด้วยบุคลิกของคนที่มี IQ ล้นปรี่ แต่มี MQ ที่ตกต่ำขาดศีลธรรมในใจ จนเป็นบุคลิกภาพแบบต่อต้านสังคม (Antisocial personality disorder) คนอย่างไลท์อาจเดินเฉียดชนเราในสังคมโดยที่เราดูไม่ออก

    เพราะหากคบกันแค่เปลือก คนกลุ่มนี้จะอยู่ภายใต้บุคลิก นุ่มนวล ชวนให้ประทับใจ แววร้ายจะฉายออกมาก็ต่อเมื่อ ผลประโยชน์ของตัวเองถูกเบียดบัง หรือ เมื่อจำเป็นต้องเอาตัวรอด หรือ จำเป็นต้องหาผลประโยชน์ให้ตัวเอง คนกลุ่มนี้ก็จะฉายแววออกมาให้เห็นได้ทันที และ วิธีการที่ใช้เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตัวเองของไลท์ ก็คือ การอ้างเหตุผลที่สวยงามชวนให้คล้อยตาม (rationalization) ซึ่งมักเป็นวิธีของคนเลวที่ฉลาดมักใช้อยู่เสมอ เช่น ไลท์อ้างการเสียสละเพื่อสร้างโลกใบใหม่ ทั้งที่ความจริง สิ่งที่เขาทำไม่ใช่ การเสียสละแต่คือการฆาตกรรม

    เรียกได้ว่า ไลท์ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มา โดยไม่คำนึงถึงคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นใครสำคัญกับตัวเองแค่ไหนก็ตาม และเราจะได้เห็นว่า ลุค เอง ก็เป็นตัวละครที่เหมือนกระจกส่องมิตินี้ของไลท์

    ตัวละครทั้งลุค และ ไลท์ คือ ตัวละครที่ไม่แคร์ชีวิตใคร ทุกสิ่งที่ทำไปเพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเอง ( ความทะยานอยากของไลท์ และ ความสนุกของลุค) กระจกบานนี้ของไลท์ส่องให้ไลท์เองก็ได้บทเรียนอันเจ็บแสบจากลุค อันเป็นบทเรียนที่ตัวเองทำกับคนอื่นมาตลอด นั่นคือ การไม่เคยเห็นชีวิตคนอื่นอยู่ในสายตานอกจากความต้องการของตัวเอง



    (มีต่อ)

    แก้ไขเมื่อ 08 ธ.ค. 49 11:21:52

    จากคุณ : "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" - [ 8 ธ.ค. 49 11:19:46 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com