ความคิดเห็นที่ 1 ทำไมจางอี้โหมวถึงไม่กลับไปทำหนังเล็กๆแต่เปี่ยมไปด้วยพลังและความหมายอย่าง not one less หรือ the road home อีก คำตอบของปัญหานี้ก็คือ หนึ่ง คนจีนไม่ชอบไปโรงหนัง สอง ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ ตั๋วหนังที่จีนนั้นแพงมากหากเทียบกับค่าครองชีพของประชาชน (20-80 หยวน หรือ 100-400 บาทโดยประมาณ / ตั๋วหนังหนึ่งใบ) ในขณะที่ค่าครองชีพของคนจีนพอๆหรือน้อยกว่าคนไทย แต่จะเห็นได้ว่าตั๋วหนังเขายังแพงกว่าบ้านเราเสียอีก ดังนั้น การตัดสินใจจะดูหนังสักเรื่อง จึงเป็นเรื่องที่ต้องคิดตริตรองก่อนอยู่พอสมควรทีเดียว นอกจากนี้ ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ของจีนนั้นไม่ต่างจากปัญหาในไทย ซ้ำร้ายอาจจะหนักหนาสาหัสกว่ามากด้วยซ้ำ ดีวีดีเถื่อนที่นี่ราคาเพียง 5-10 หยวนต่อแผ่นเท่านั้น (ซึ่งถูกกว่าค่าตั๋วหนังมากกกก) และยังสะดวกรวดเร็วอย่างมาก เมื่อวันที่ 14 ธค.ที่ผ่านมา (วันที่ Curse of the Golden Flower เปิดตัววันแรก) เย็นวันเดียวกัน ดีวีดีเถื่อนของหนังเรื่องนี้ก็มีขายกันเกลื่อนแล้ว (แถมขายกันอย่างเปิดเผย โดยไม่ต้องมาแอบกระซิบกันเบาๆ ว่าโป๊ไหมพี่ อะไรทำนองนั้นด้วย) เพราะทั้งถูกทั้งเร็วแบบนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ซึ่งเป็นผู้มีรายได้ไม่มากนัก จึงแทบจะไม่ลังเลเลยที่จะเลือกทางหลัง นี่เป็นปัญหาที่น่าปวดหัวของเหล่าผู้สร้างภาพยนตร์ พวกเขาจะแก้ไขปัญหากันอย่างไร จะหาวิธีเรียกคนเข้ามาดูหนังของพวกเขาในโรงได้อย่างไร จางอี้โหมวจึงไม่คิดจะกลับไปทำหนังเล็กๆแบบเดิมอีก เพราะถ้าหนังของเขาคว่ำด้านรายได้ในตาราง box office หนังก็ไม่มีทางจะถอนทุนคืนจากการขายดีวีดีได้ (ของเถื่อนเอาไปกินหมดแล้ว) แต่ถ้าทำหนังสเกลใหญ่ๆ รวมดาราดังๆคับคั่งไว้ก่อน มันก็จะเป็นหลักประกันส่วนหนึ่งของหนัง ว่าอย่างน้อยหนังก็ไม่น่าจะขาดทุน รวมทั้งยังหวังผลการขายให้กับสายหนังต่างชาติในภายหลังด้วย จากคุณ : tokei/tookei - [ 16 ธ.ค. 49 20:08:11 ]

ความคิดเห็นที่ 2 มาว่ากันที่ตัวหนังบ้าง จริงๆแล้ว Curse of the Golden Flower เป็นหนังเกี่ยวกับความสัมพันธ์อันซับซ้อนวุ่นวายของคนในครอบครัวแท้ๆ เพียงแต่ว่าพ่อซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัว มีสถานภาพนอกเหนือจากการเป็นพ่ออีกหนึ่ง นั่นก็คือฮ่องเต้ เท่านั้นเอง ส่วนแม่ก็เป็นฮองเฮา และลูกชายทั้งสามที่ซึ่งต่างก็เป็นองค์ชายด้วยในเวลาเดียวกัน ฮ่องเต้ (โจวเหวินฟะ) คนธรรมดาผู้มักใหญ่ใฝ่สูงจนสามารถขึ้นครองบัลลังก์มังกรได้ ความผิดพลาดในอดีตกลับมาหลอกหลอนและสร้างปัญหาให้กับพระองค์อย่างใหญ่หลวง ภายใต้หน้ากากยิ้มแย้ม ใครจะรู้ว่าพระองค์ซ่อนแผนการอะไรเอาไว้ จากคุณ : tokei/tookei - [ 16 ธ.ค. 49 20:09:42 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ฮองเฮา (กงลี่) ผู้เฝ้าแต่เร่าร้อนทรมานอยู่บนกองไฟแค้นที่มิอาจดับ รวมไปถึงการเผชิญหน้ากับหลุมพรางที่พระนางจำเป็นจะต้องหาทางหลบเอาชีวิตรอดออกไปให้จงได้ จากคุณ : tokei/tookei - [ 16 ธ.ค. 49 20:11:26 ]

ความคิดเห็นที่ 4 องค์ชายรัชทายาท (หลิวเย่)  แม้ฉลาดทันคน แต่ก็อ่อนไหว อ่อนแอและไม่ประสงค์จะแสวงหาอำนาจ จากคุณ : tokei/tookei - [ 16 ธ.ค. 49 20:12:27 ]

ความคิดเห็นที่ 5 องค์ชายรองหยวนเจี๋ย (โจวเจี๋ยหลุน) เพราะกระทำความผิดบางอย่าง จึงถูกฮ่องเต้ลงโทษโดยการส่งตัวออกไปจองจำนอกวังเป็นเวลาหลายปี องค์ชายที่แม้ว่าจะเป็นลูกชายที่แม่โปรดปรานที่สุด แต่ก็ไม่ได้มีฐานะอะไรมากไปกว่าการเป็นหมากตัวหนึ่งบนกระดานความแค้นของฮองเฮา จากคุณ : tokei/tookei - [ 16 ธ.ค. 49 20:13:32 ]

ความคิดเห็นที่ 6 องค์ชายสาม (ฉินจวิ้นเจี๋ย) กับปมความน้อยเนื้อต่ำใจแบบเด็กๆเรื่องที่พ่อแม่ไม่รัก (พ่อรักพี่คนโต แม่โอ๋พี่คนรอง) จากคุณ : tokei/tookei - [ 16 ธ.ค. 49 20:16:20 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เพราะความสัมพันธ์อันซับซ้อนซ่อนเงื่อนนี้เอง จึงเป็นที่มาของความวุ่นวายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงเทศกาลฉงหยาง (วันที่ 9 เดือน 9 โทเคไปถามอาจารย์มา อาจารย์บอกว่าเป็นเทศกาลของคนแก่อะ แต่ในหนังเห็นมีไหว้ป้ายวิญญาณกันด้วย เลยงงๆ ตกลงเทศกาลอะไรกันแน่ หรือจะเป็นเทศกาลระลึกถึงคนตายหรือเปล่า ไม่แน่ใจนะคะ ฟังจากหนังแล้วฟังไม่ทันง่ะ ใครรู้แวะมาบอกด้วยเน้อ ^^) และดอกเบญจมาศ ซึ่งเป็น symbolic สำคัญของเรื่องนี้ (เราจะพบเห็นมันได้เกือบตลอดเวลาในหนังเรื่องนี้) สำหรับฮ่องเต้ ดอกเบญจมาศคือสิ่งที่เป็นตัวแทนอันงดงามของเทศกาลฉงหยาง หากสำหรับฮองเฮา ดอกเบญจมาศกลับเป็นตัวแทนแห่งการทรยศหักหลัง และท้ายสุด ดอกเบญจมาศสำหรับองค์ชายรอง ที่เป็นดังสัญลักษณ์แห่งความกตัญญูรู้คุณและการยอมรับพันธนาการทั้งหมดจากแม่บังเกิดเกล้า จะเห็นได้ว่าช่วงหลังๆมานี้ หนังจีนฟอร์มยักษ์ส่วนใหญ่มักจะโฟกัสไปที่ความอลังการของฉาก งานสร้าง เครื่องแต่งกาย หรือการรวบรวมดาราดังๆมาเล่น มากกว่าจะคำถึงถึงบท ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของภาพยนตร์ทุกเรื่อง (ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ ย้อนกลับไปอ่านได้ที่ช่วงแรกของบทความนะคะ) Curse of the Golden Flower ก็ไม่อยู่ในข่ายยกเว้น บทหนังที่แสนจะธรรมดา ดำเนินเรื่องเรียบเรื่อย ไม่มีจุดหักมุมแรงๆ หรือ climax ที่น่าตื่นเต้นอะไรมากนัก เพราะบทหนังเองที่ง่ายต่อการคาดเดา ส่วนความอลังการของฉากและเครื่องแต่งกายนั้น เชื่อขนมกินได้เลยว่าหรูเลิศ คุณจะไม่ผิดหวังแน่นอน หากตั้งใจไปดูหนังเพราะเหตุผลนี้ (หรืออาจจะมากเกินไปด้วยซ้ำ เพราะขณะที่ดูหนังอยู่อดคิดไม่ได้ว่า ตกลงนี่วังหรือโรงงานนรกกันแน่ ค่าที่ว่าข้าทาสบริวารมันช่างเยอะเหลิอเกิ๊น) แต่ถ้าคุณคิดจะเข้าไปดูหนังเรื่องนี้เพราะบทหนังที่ชาญฉลาดละก็ ขอบอกว่าคุณอาจจะรู้สึกผิดหวังได้ เพราะถ้าเปรียบเทียบกันแล้ว แม้บทของ Curse of the Golden Flower จะดีกว่ามีดบิน ม้าบิน หรือ The banquet แต่หนังเรื่องนี้ยังห่างชั้น หากนำไปเปรียบเทียบกับ CTHD หรือ Hero ทางด้านของนักแสดง โจวเหวินฟะกับกงลี่นั้นไม่มีอะไรให้พูดถึงมากนัก เพราะมาตรฐานของทั้งคู่สูงจนลอยติดลมบนไปแล้ว เราสามารถเชื่อได้อย่างไม่มีข้อสงสัยเลย ว่าแท้จริงแล้วโจวเหวินฟะกับกงลี่นั้น พวกเขาคือฮ่องเต้และฮองเฮาที่ปลอมตัวมาเป็นนักแสดง ไม่ว่าจะเป็นกิริยาอาการ ท่ากรีดมือหยิบของ การปรายตา น้ำเสียง การพูดจา ทั้งคู่แสดงได้ราวกับว่านี่เป็นสิ่งที่เป็นกิจวัตรประจำวัน เป็นความเคยชินที่ปฏิบัติอยู่เสมอมาชั่วชีวิต ส่วนตัวประกอบคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นองค์ชายรัชทายาท องค์ชายสาม ครอบครัวของหมอหลวงประจำพระองค์ ต่างก็แสดงได้กลมกลืนกับตัวหนังได้เป็นอย่างดี แก้ไขเมื่อ 19 ธ.ค. 49 11:36:55 จากคุณ : tokei/tookei - [ 16 ธ.ค. 49 20:17:22 ]

ความคิดเห็นที่ 8 โฟกัสของหนังเรื่องนี้จึงมาตกอยู่ที่ราชาเพลงแห่งเกาะไต้หวัน เจย์ โจว อย่างช่วยไม่ได้ แรกทีเดียวที่ผกก.จางอี้โหมววางโครงการจะทำหนังเรื่องนี้ เขาไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าเจย์คือใคร แต่แล้วในระหว่างการสรรหานักแสดง ผู้ช่วยของเขาก็แนะนำว่า ทำไมไม่ลองทาบทามเจย์ล่ะ จางอี้โหมวกลับมาถามคนที่บ้าน และเขาก็เริ่มรับรู้ถึงชื่อเสียงและความโด่งดังของเจย์ เพราะแม้แต่ภรรยาของเขาก็ยังเป็นแฟนเพลงตัวยงคนหนึ่งของเจย์ หากหลังจากที่เขาได้ดูหนัง initial d ซึ่งเป็นหนังเรื่องแรกในชีวิตของเจย์ (Hidden track ไม่นับนะจ๊ะ อันนั้นไปแค่รับเชิญห้านาทีเองมั้ง) จางอี้โหมวก็ปฏิเสธทันที ไอ้คนหน้าตามึนๆคนนี้เนี่ยนะ จะมาเล่นเป็นตัวละครสำคัญในหนังของเขา แต่ด้วยการเกลี้ยกล่อมจากผู้ช่วย รวมทั้งการเห็นดีด้วยทันทีของนายทุนหลังจากได้รับทราบข้อมูล เพราะเจย์จะเป็นจุดขายสำคัญของเรื่องนี้แน่ๆ หากได้มาร่วมงานด้วย (ถ้าใครยังไม่เข้าใจเหตุผลการทำหนังสเกลใหญ่ๆ ดาราดังเยอะๆของจางอี้โหมว ย้อนกลับไปอ่านได้ที่ต้นบทความค่ะ) ที่สุด จางอี้โหมวก็ยอมตกลงที่จะทาบทามเจย์มาร่วมงานด้วย ส่วนทางเจย์เองก็กดดันและกังวลไม่ต่างกัน แน่นอน การทำงานกับผู้กำกับชื่อดังเป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับนักแสดงหน้าใหม่ชั่วโมงบินน้อยอย่างเขา แต่เพราะว่าอยากจะเล่นหนังย้อนยุคมาก เจย์จึงตกลงรับปากร่วมงานกับผกก.จางในที่สุด หลังจากผ่านคำวิจารณ์จากสื่อเชิงไม่เชื่อถือประเภทที่ว่า หน้าอย่างเงี้ยจะเล่นได้เร้อ หรือ กระดูกอ่อนเกินไปที่จะมารับบทสำคัญหรือเปล่า ตามติดมาด้วยคำชมมากมายจากผกก.จางและทีมงานของหนังเรื่องนี้ (จนมีสื่อหลายๆแห่งแอบจิกกัดว่าจริงๆแล้วที่ออกมาชมเพราะต้องการโปรโมทหนัง) คาดว่า ตอนนี้หลายๆคนก็คงพอจะรู้ผลกันแล้ว จากคุณ : tokei/tookei - [ 16 ธ.ค. 49 20:19:44 ]

ความคิดเห็นที่ 9 บทบาทขององค์ชายหยวนเจี๋ยคือสิ่งที่ดีที่สุดในหนังใช่ไหม คำตอบคือไม่ใช่ แต่ถ้าถามว่าเจย์สอบผ่านไหม คำตอบคือผ่านแบบลอยลำค่ะ เรียกได้ว่าโดดเด่นทุกฉากที่ปรากฏตัวกันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการแสดงออกของอารมณ์ผ่านทางสายตา ความสง่างามของตำแหน่งองค์ชายที่ลบภาพนักร้องเพลงแร็ปบ่นได้อย่างหมดจด ความมุ่งมั่นและดุดันข่มขวัญคู่ต่อสู้ในสนามรบ ฉากการตัดสินใจสุดท้ายอันเฉียบขาดในช็อตสุดท้ายของหนัง วิจารณ์ในฐานะบุคคลธรรมดา เอาไป 8.5/10 คะแนนเลยละกัน เรียกว่าถ้าสอบก็ได้เกรดสี่กันไป มีพัฒนาการทางการแสดงขึ้นมากจาก initial d แต่ถ้าให้วิจารณ์ในฐานะแฟนคลับละก็ มีสิบก็ให้สิบคะแนนเลยค่า เพราะแม้ว่านี่เป็นแค่หนังเรื่องที่สองของเขา แต่เจย์ก็ทำได้ดีมากๆ สมแล้วกับที่เขาทุ่มเทความพยายามมากมายให้กับหนังเรื่องนี้ สำหรับแฟนคลับเจย์ เตรียมตัวไปวีดวิ้วได้เลย รับรองไม่ผิดหวัง (ป่าวนา มะได้พูดถึงฉากอาบน้ำ หุ หุ) ช่วงท้ายๆมีฉาก special for fan ด้วยนะ สงสัยทำมาเพื่อขอบคุณแฟนเจย์ โคลสอัพซะ เหอๆ ส่วนใครที่แม้ไม่ใช่แฟนเจย์ก็อยากแนะนำให้ไปดูเรื่องนี้ค่ะ เพราะแค่ฉาก อุปกรณ์ประกอบฉาก เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายก็คุ้มค่าตั๋วแล้ว (ใส่ใจทุกรายละเอียดสุดๆ แม้กระทั่งชุดของพวกขันทีตำแหน่งล่างๆ ส่วนชุดของพวกดารานำแสดงยิ่งไม่ต้องพูดถึง สวยหรูน้ำลายหยดกันเสียทุกชุดไป) หรือใครที่เป็นสาวกกงลี่ เรื่องนี้ก็ไม่ผิดหวังเช่นกัน (เธอดูม ดูม ทุกฉาก เหอๆ) เอ๊...เราพูดอะไรออกไป เอาเป็นว่าอย่าไปโฟกัสที่เรื่องน้านเลย ไปดูการแสดงระดับปรมาจารย์ที่เป็นสุดยอดฝีมือของเธอกันดีกว่า (รางวัลม้าทองคำนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมปีหน้าไม่มีทางพ้นมือเธอแน่ๆ) จากคุณ : tokei/tookei - [ 16 ธ.ค. 49 20:21:02 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ข้อมูลทั่วไปของ Curse of the Golden Flower ชื่อจีน :  man3 cheng2 jin4 dai4 huang2 jin1 jia3 (หม่าน เฉิง จิ้น ไต้ ฮหวาง จิน จ่า / เมืองที่เต็มไปด้วยเกราะทองคำ) จะเห็นได้ว่าไม่เกี่ยวอะไรกะคำสาปเบญจมาศเลย แต่ฝรั่งเอาไปตั้งชื่ออังกฤษใหม่เองเพื่อผลทางการค้าอะจ้ะ ผู้กำกับ : จางอี้โหมว นักแสดง : โจวเหวินฟะ , กงลี่ , เจย์ โจว , หลิวเย่ , หลี่ม่าน , ฉินจวิ้นเจี๋ย ความยาว : 130 นาที แนวหนัง : Drama Website ที่เกี่ยวข้อง : http://ent.sina.com.cn/hjj/ http://ent.sina.com.cn/f/hjj/index.shtml http://www.sonyclassics.com/curseofthegoldenflower/ จากคุณ : tokei/tookei - [ 16 ธ.ค. 49 20:23:27 ]

ความคิดเห็นที่ 11 หนังเข้าฉายที่ไทยช่วงตรุษจีนปีหน้า ยังไงก็อย่าลืมไปดูกันเน้อ ^^ จากคุณ : tokei/tookei - [ 16 ธ.ค. 49 20:25:16 ]

ความคิดเห็นที่ 12 น่าดูมาก มากเลยค่ะ แม้ไม่ได้เป็นสาวก แต่เจย์ดูดีกว่าที่คาดค่ะ คือ ไม่อยากบอกให้อายเลยอ่ะ ตอนแรกดูไม่รู้หรอกว่าเป็นเจย์ (บอกแล้วว่าบ่ใจ้แฟนคลับ) ยังนึกว่าใครหว่าดูเท่ดี อ้าว เจย์เหรอนั่น จากคุณ : จอมยุทธหญิง (magarita30) - [ 16 ธ.ค. 49 20:40:40 ]

ความคิดเห็นที่ 13 อยากดูคะพี่โทเค ต้องรอดูให้ได้ พี่โทเคดูแล้วน่าจะเฉลยตอนสุดท้ายนิดๆนะ ฮิฮิ  แต่กลัวเจี๋ยตายตอนจบจังT_T แต่ว่านะ กว่าจะมาฉายจริง ตั้งปีหน้า กลัวแต่ว่าของปลอมจะมาก่อนของจริงน่ะซิ T_T จากคุณ : Arnie - [ 16 ธ.ค. 49 20:47:55 ]

ความคิดเห็นที่ 14 หน้าแมวตามมาติดๆ พี่อาร์นี่ไว้ควงแขนไปดูกัน จากคุณ : แมวจรจัด - [ 16 ธ.ค. 49 20:57:25 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ได้เลยหนูแมว  นัดกันแล้วนะห้ามลืม จากคุณ : Arnie - [ 16 ธ.ค. 49 20:59:58 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ได้ดูตัวอย่างในทีวีแบบแว่ป ๆ เรียกว่า อลังการจิง ๆ คะ จากคุณ : sml - [ 16 ธ.ค. 49 21:17:57 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เรื่องนี้ กงลี่ เธอตูมจริงๆ เดี่ยวนี้ หนังจีนแต่ละเรื่องฉากอลังมาก แต่เนือเรื่องกับไม่ได้โดดเด่นนัก แต่ถ้าถามว่าคุ้มมั้ยที่จะเข้าไปดู เราว่าคุ้มน้ะ เพราะความรู้สึกในโรงกับที่บ้านแตกต่างกันจริงๆ เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่คิดว่าเราคงจะเข้าไปดูอะ เอิ้กๆๆ จากคุณ : yamion - [ 17 ธ.ค. 49 02:32:08 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ตอนแรกก็อ่านบทความแนะนำหนังเรื่อย ๆ พอมาถึงประโยคนี้ //จางอี้โหมวก็ปฏิเสธทันที ไอ้คนหน้าตามึนๆคนนี้เนี่ยนะ จะมาเล่นเป็นตัวละครสำคัญในหนังของเขา // ทำเอาเค้าสำลักน้ำลายเลยอ่ะ พี่โทเคย์พรืดไปด้าย เจี๋ยไม่ได้ทำหน้ามึนซะหน่อย แต่ตาตี่ไปหน่อยเอง อิอิ เท่าที่เห็นหนังตัวอย่างก็อยากดูเรื่องนี้เหมือนกัน กำลังพิจารณาว่าจะไปดูที่ไต้หวันดีไหม (ชั้นยอมเสียค่าตั๋ว 200 เพื่อเสียงในฟิล์ม) แต่ก็ได้แต่ลุ้นว่า เค้ากลับไปแล้วมันจะยังฉายอยู่ป่าวจิ ยิ่งเห็นงานเปิดตัวที่ฉายช่องฟีนิกซ์แล้วยิ่งอยากดู เจย์ เล่นเปียโนและร้องเพลง "จวี๋ฮวาไถ" ด้วย ได้ฟีลกว่าในซีดีอีก แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 49 12:32:34 จากคุณ : yinru (yinru) - [ 18 ธ.ค. 49 12:31:33 ]

ความคิดเห็นที่ 19 แอบกลับมาแก้ข้อความเรื่องเทศกาลฉงหยางนิดนึง  พอดีเพิ่งไปถามอาจารย์มาอะจ้า ขอบคุณทุกๆคนมากเลยจ้า ที่จะไปดูหนังเจี๋ยกาน อิ อิ อุ๊บอิ๊บซะเลย ช่วยอุดหนุนที่รักของโทเคหน่อยน้า ฮ่าๆๆ หน้าม้าสุดฤทธิ์ จากคุณ : tokei/tookei - [ 19 ธ.ค. 49 11:39:23 ]