ความคิดเห็นที่ 1 Scene 1-- ฉากใบสมัครล้อมรอบตัวดุจดาว ฉากนี้เป็นฉากแรก ๆ ของเรื่อง และผมได้ยกมาพูดถึงในกระทู้ด้านบน ( http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A4993330/A4993330.html#12 ) - การพยายามเก็บใบสมัครซึ่งลอยปลิวว่อนอยู่ในอากาศเป็นตัวแทนแสดงให้เห็นถึงการพยายามไล่ตามความฝันของดุจดาว - การที่ป้อมรอจนใบสมัครตกพื้น แถมคนเหยียบก่อนจึงได้เก็บ แปลว่าในตอนแรกป้อมไม่ได้สนใจจะเข้าเรียนที่นี่เลย จนกระทั่งรู้ว่าดุจดาวจะเข้านั่นล่ะ ("ดาว ของดาวป่ะ") แสดงให้เห็นถึงอนาคตของชาติหลายคน ที่ใช้วิธีนี้เลือกอนาคตทางการศึกษาของตัวเอง (ตามเพื่อน ตามแฟน ตามอะไรก็แล้วแต่ที่ไม่ใช่ใจตัวเอง) จากคุณ : ตวงสิทธิ์ - [ 26 ธ.ค. 49 12:53:10 ]

ความคิดเห็นที่ 2 Scene 2-- ป้อมนั่งซ้อมตีกลองโดยใช้หัวเข่ากับมือ - ฉากนี้บ่งบอกถึงความไม่ได้เอาใจใส่กับการสอบของป้อม เพราะมาถึงโรงเรียนเห็นคนอื่นเค้าซ้อมชั้นเลยซ้อมบ้าง ฉากต่อมายืนยันได้อย่างดีเพราะป้อมไม่ได้ไปหาใบสมัครมาถ่ายเอกสารใหม่ เอาใบที่โดนเหยียบนั่นล่ะไปสมัคร ชัดเจนยิ่งขึ้นว่าป้อมของเราไม่ค่อยจริงจังกับชีวิตเอาเสียเลย จากคุณ : ตวงสิทธิ์ - [ 26 ธ.ค. 49 12:53:34 ]

ความคิดเห็นที่ 3 Scene 3-- ฉากป้อมขี่จักรยานตามรถดุจดาว แล้วก็หลบไปก่อนที่ดุจดาวจะหันมามอง แปลว่าป้อมของเราหลงดุจดาวขนาดหนัก จริง ๆ ฉากนี้ผมชอบวิธีการนำเสนอของ ผกก. มากกว่า มันชัดเจนเลยว่านายป้อมชอบดุจดาวขนาดลงทุนขี่จักรยานตาม น่านับถือมั้ยละเนี่ย จากคุณ : ตวงสิทธิ์ - [ 26 ธ.ค. 49 12:56:05 ]

ความคิดเห็นที่ 4 Scene 4--  ฉากอ้อมบอกโน้ตจากเสียงแก้วน้ำ รวมไปถึงฉากที่ป้อมบอกว่า "ศรัญญาคนที่สอบเข้ามาได้ที่๑อ่ะนะ" - ความเก่งกาจด้านทฤษฎีของอ้อม การสอบย่อมมีทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ ดังนั้นตรงนี้จึงตอบคำถามของใครซักคนที่ว่า "ทำไมอ้อมเก่งแต่เล่นเพี้ยน" เป็นเพราะฉากพวกนี้ทำให้เรารู้ไงล่ะครับ ^^ จากคุณ : ตวงสิทธิ์ - [ 26 ธ.ค. 49 12:59:41 ]

ความคิดเห็นที่ 5 Scene 5-- ฉากตั้งวง ฉัตรกับเฉดมาแล้ว..... - ฉัตรกับเฉดมีความมุ่งมั่นที่จะประกวด ในขณะที่พระเอกของเรา "กับต้องประกวดเลยเหรอ เล่นกันสนุก ๆ ไม่ได้เหรอ[อ๊ะ]" ความหมายเหมือน Scene 2 ครับ แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 49 13:34:36 จากคุณ : ตวงสิทธิ์ - [ 26 ธ.ค. 49 13:02:37 ]

ความคิดเห็นที่ 6 Scene 6-- ฉากป้อมไปดูดาวเล่นไวโอลีน ฉากนี้ ผมแค่อยากแสดงความเห็นว่า ถ้าอ้อมไม่มาทักว่า "ที่ชั้น" ก็คงเป็นป้อมที่จะคุยกับดาวก่อนอ่ะนะ แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 49 14:58:08 จากคุณ : ตวงสิทธิ์ - [ 26 ธ.ค. 49 13:04:41 ]

ความคิดเห็นที่ 7 Scene 7-- ฉากวงออเคสตรา ฉากนี้ตอนแรกอ้อมกับดาวนั่งคู่กัน แล้วอ้อมเล่นเพี้ยนจึงย้ายมาเรื่อย ๆ จนมาถึงตำแหน่งฉาบ ซึ่งติดกับกลองที่ป้อมตี Foreshadowing บอกผู้ชมว่า นางเอกตัวจริงมาแว้วววว... จากคุณ : ตวงสิทธิ์ - [ 26 ธ.ค. 49 13:06:56 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ความเห็นที่6 พิมพ์ซีนผิดเดี๋ยวค่อยแก้ *-* Scene 8-- ฉากฝนตก ป้อมกลับกับอ้อม ฉากนี้มีอยู่หลายแง่ทีเดียวเชียว - ดุจดาวซ้อมต่อ แม้อาจารย์จะกลับแล้ว แสดงออกถึงความมุ่งมั่นพยายามของเธออย่างสูง - ฉากอ้อมกลับกับป้อม foreshadowing อีกรอบว่าความสัมพันธ์คู่นี้ ไม่ธรรมดา อ่ะฮ๊า ไม่ธรรมดา จากคุณ : ตวงสิทธิ์ - [ 26 ธ.ค. 49 13:10:06 ]

ความคิดเห็นที่ 9 Scene 9-- ฉากป้อมตีฉาบแทนอ้อม เดี๋ยวจะมีอีกหลายฉากที่เหมือนกับฉากนี้ - ความเอาใจใส่ของอ้อมกับป้อม เกินกว่าเพื่อน แค่ไม่ได้พูดออกมา ถึงอย่างไรก็ตาม Actions speak louder than words. จากคุณ : ตวงสิทธิ์ - [ 26 ธ.ค. 49 13:14:41 ]

ความคิดเห็นที่ 10 Scene 10-- ฉากป้อมโทรหาดาว ฉากนี้ก็น่าสนใจอีกฉากหนึ่ง - ฉากเปิดตัวให้ดุจดาวรู้ว่านายป้อมนี่ต้องมีอะไรในกอไผ่ชัวร์ ๆ - ฉากต่อไปอ้อมเดินมาพอดี (ป้อมมันทำงานอยู่กรมรถไฟรึไงเนี่ย ) ป้อมเดินไปสั่งคะน้าหมูกรอบ คอมเเมนต์เหมือน #9 จากคุณ : ตวงสิทธิ์ - [ 26 ธ.ค. 49 13:18:18 ]

ความคิดเห็นที่ 11 Scene 11-- ฉากป้อมมาซ้อมกับอ้อม 2คน Scene 12-- ฉากป้อมชวนไปทำรายงาน Scene 13--ฉากวิ่งไปในฝน เนื่องจากว่ามันเป็น Scene สั้น ๆ และสื่อความหมายไปในทางเดียวกัน จับรวมซะ - การที่ป้อมกับอ้อมหนีมาซ้อม (หรือเล่น) กันสองคน ในขณะที่ชาวบ้านชาวเมืองเค้าอยู่ในวง มันบ่งบอกว่าสองคนนี้ยังไงก็ไม่ใช่เพื่อนเฉย ๆ แน่นอน (ประสงการณ์ตรงของ จขกท. ^ ^ ) - Dialog เด็ดในความคิดผม "เราว่าจะชวนไป.." อ้อิมก็สวนมาทันที "ไป" มันแปลว่า ... แกจะไปไหนชั้นไม่สน แต่ชั้นจะไปโด้ยยยยย -การกางร่มเอียงออกนอกหน้าซะขนาดนั้น ดังนั้นฟันธง !!!! มาถึงตรงนี้พระเอกนางเอกเราเป็นแฟนกันไปแล้ว แค่ไม่ได้พูดว่าแฟนออกมาแค่นั้นเอง จากคุณ : ตวงสิทธิ์ - [ 26 ธ.ค. 49 13:24:35 ]

ความคิดเห็นที่ 12 Scene 14-- ฉากรอป้อมที่วงออเคสตร้า - ป้อมเริ่มรู้แล้วว่าตัวเองสำคัญกับวงแค่ไหน จึงไม่แปลกที่ต่อไปจะออกจากวงป้อมเฉด แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 49 13:27:25 จากคุณ : ตวงสิทธิ์ - [ 26 ธ.ค. 49 13:26:50 ]

ความคิดเห็นที่ 13 Scene 15-- อ้อมให้ปากกาป้อม ฉากนี้น่ารักโดดเด่นดี ^ ^ - การที่ผู้หญิงคนนึงจะให้ของที่ตัวเองใช้อยู่กับผู้ชายสักคน แม้จะแอบเอาเหตุมาอ้างว่าก็ป้อมมันกัดไปแล้วนี่นา แต่มันฟังไม่ขึ้นนนนนนนนนนน... แปลเหมือน #11 จากคุณ : ตวงสิทธิ์ - [ 26 ธ.ค. 49 13:30:05 ]

ความคิดเห็นที่ 14 Scene 16-- ฉากคอนเสริ์ต Asshole ฉากนี้เป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ ดาว-ป้อม - ป้อมไม่ได้ตอบคำถามของฉัตรกับเฉดที่ว่า แน่ใจเหรอว่าจะเล่น Classic - มุมกล้องจงใจให้เห็นว่าดุจดาวมองป้อมอยู่ - ฉากต่อมา "เธอมาจากโรงเรียนอะไรเหรอ" แปลว่าก่อนหน้านี้นายป้อมอยู่นอกสายตาดุจดาวร่วมล้านปีแสง - ดังนั้น ความหมายของฉากนี้คือ ดุจดาวชอบในความตีกลองเก่งของป้อม นั่นเอง จากคุณ : ตวงสิทธิ์ - [ 26 ธ.ค. 49 13:38:56 ]

ความคิดเห็นที่ 15 มันก็แค่นั้นเอง ผมก็ยังไม่คิดว่าหนังมันจะดีถึงขนาดได้รางวัลครับ ยิ่งถ้าเยบกับเรื่องอื่นๆแล้ว ยังห่างกันมากครับ ( ปล. หนังเรื่องเรื่องนี้ผมดูมา2รอบแล้ว รอบแรกมในโรง รอบที่สองเช่าแผ่นมาดู ก็ยังคิดเหมือนเดิมว่ามันยอดเยี่ยมขนาดได้รางวัลเลยเหรอเนี้ย น่าประหลาดใจจริงๆ ) จากคุณ : TEEYAI2HAND - [ 26 ธ.ค. 49 13:41:35 ]

ความคิดเห็นที่ 16 Scene 17-- ฉากป้อมเดินกลับกับดาว แล้วอ้อมล่ะ - โคมไฟ สื่อถึงความหวังในการเอื้อม(ดุจ)ดาว ได้ส่องแสงขึ้นแล้ว -การเดินห่ากันสามปีแสง สื่อถึงความประหม่าอย่างหาที่สุดไม่ได้ของป้อม (รวมทั้งไม้กลองร่วงได้ร่วงดีก่อนหน้านี้ ) - ไปบูดาเปสท์ พระเอกของเราใช้วิธีเดิมอีกแล้วครับท่านนน จากคุณ : ตวงสิทธิ์ - [ 26 ธ.ค. 49 13:42:29 ]

ความคิดเห็นที่ 17 #15 ขอบคุณที่มาปาดคร้าบ แสดงความเห็นได้เต็มที่เลยครับ +++++++++++++++++++++++++++++++ Scene18 --ฉาก ชาบู ฉากนี้ถ้าไม่Quote ประโยคทองมาผมคงตายตาไม่หลับ - ชอบ ต้องมีอะไรมากกว่านี้อีกเหรอ เพราะคำนี้ ป้อมของเราเลยตัดสินใจว่าเอาแน่ละ ชั้นจะไปฮังการีละน๊า และใครที่ถามว่าตอนท้ายมาโนชไปแทนได้ยังไง ตอบว่าฉากแถว ๆ นี้ ก็จะเห็นมาโนชไปดูประกาศรับสมัครเหมือนกันนะขอรับ จากคุณ : ตวงสิทธิ์ - [ 26 ธ.ค. 49 13:46:27 ]

ความคิดเห็นที่ 18 Scene 19-- ฉากป้อมให้ Marker ดาว แค่เพียงสาวเจ้าชายตามองเท่านั้น ... - ความปลื้มไม่เข้าใครออกใคร อ้อมสะกดยังไงป้อมคงลืมไปแล้วนาทีนั้น - ฉากต่อเนื่องอันเจ็บปวด อ้อมพบว่าปากกาของชั้นไปอยู่กับดาวซะแหล่ว Foreshadowing อ้อม-ป้อม ได้โกรธกันแน่ ๆ - เพิ่มเติม ฉากนี้ฉากเดียวที่อ้อมกับดาวได้คุยกัน (ในความเป็นจริงดาวพูดกับอ้อมอยู่ฝ่ายเดียว ) จากคุณ : ตวงสิทธิ์ - [ 26 ธ.ค. 49 13:50:38 ]

ความคิดเห็นที่ 19 Scene 20-- ฉากซ้อมตี4 - ดุจดาวตื่นก่อนเวลานี้ (สังเกตเสียงเธอไม่มีง่วงเลย ) เพื่อมาซ้อมเป็นประจำ ส่วนนายป้อมพลอยได้อานิสงค์ จากคุณ : ตวงสิทธิ์ - [ 26 ธ.ค. 49 13:52:22 ]

ความคิดเห็นที่ 20 อ่านแล้วคล้ายๆกับเรื่องการเมือง (อ๊ะ อย่าพึ่งตีกัน) ที่ฝ่ายนึงก็มีโพย 50 คำถามที่อีกฝ่ายไม่เคยตอบ ส่วนอีกฝ่ายนึง ก็มีโพย 50 คำตอบที่อีกฝ่ายไม่เคยอ่าน (หรืออ่านแล้ว แต่ก็ตูเกลียดนี่หว่า ไม่ต้องมาแถบ ยังไงก็ไม่ชอบเฟร้ยยย ) ว่าแต่คุณตวงสิทธิ์ ขยันยิ่งครับ ขอชม จากคุณ : Kindaichi - [ 26 ธ.ค. 49 13:53:02 ]

ความคิดเห็นที่ 21 Scene 21-- ฉากเพื่อนแซวรูปถ่ายวง เป็นอีกหนึ่งฉากโปรด - แววตาอ้อม เห็นเงาในตาชั้นมั้ย เห็นเธออยู่ในนั้นไหม... อ้าว เก่าไปเรอะ เอาใหม่ ชั้นคงนอนไม่หลับ ถ้าไม่กลับพร้อมเธอ... ไม่มีคำพูด มีแต่อวัจนภาษาว่าชั้นเสียใจนะ... จากคุณ : ตวงสิทธิ์ - [ 26 ธ.ค. 49 13:55:19 ]

ความคิดเห็นที่ 22 อ้าว คุณคินดะอิจิ *-* ผมไม่ยุ่งเกี่ยวกับห้องราชดำเนินนะครับ ไม่ยุ่งกับนักข่าวไอทีวีด้วย ++++++++++++++++++++++++ Scene 22-- ฉากซ้อนจักรยานปั่นวนไปมา จะทำร้ายจิตใจคนรักอ้อมไปถึงหนายยย ... - "ดาวเค้าบอกว่าไม่สอบภาษา วัดดนตรีอย่างเดียว" โอ้วจอร์จ อ้อมหยุดเป่าเลย "อยากไปจริง ๆ เหรอ" พร้อมด้วยแววตาเศร้าท่วมจออีกแล้วครับท่าน จากคุณ : ตวงสิทธิ์ - [ 26 ธ.ค. 49 13:58:40 ]

ความคิดเห็นที่ 23 Scene 23-- ฉากป้อมกินก๋วยเตี๊ยวที่บ้าน งานนี้ก๋วยเตี๋ยวมีผัก - ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพ่อแม่โกรธเนอะ ก่อนหน้านี้ไม่เห็นก๋วยเตี๊ยวมีผักเลย - ถ้าไม่ ดูต่อไป "เอานมกล่องไปฝากเพื่อนที่หอด้วยนะ เผื่อหิว .. เวลาซ้อมดึก ๆ น่ะ" พระเอกเราเลยเข้าใจผิดนางเอกซะเลย จากคุณ : ตวงสิทธิ์ - [ 26 ธ.ค. 49 14:01:31 ]

ความคิดเห็นที่ 24 Scene 24-- ฉากป้อมไม่ช่วยตีฉาบ ฉากนี้แบบว่า ได้ใจมาก ๆ ครับ - อ้อมมองเข้ามา เอ๊ะ ทำไมไม่ช่วยเราแล้วล่ะ - พอเข้ามานั่งก็ส่งสายตาไปถาม ว่าแต่พระเอกเรางอน ไม่ชายตามองเลยก๊าบงานนี้ จากคุณ : ตวงสิทธิ์ - [ 26 ธ.ค. 49 14:04:25 ]

ความคิดเห็นที่ 25 Scene 25-- ฉากป้อมกินข้าวกับดาว รางวัลมุมกล้องดีเด่น ... - "อร่อยนะ" แปลว่า ไม่ต้องกลัวว่าเราจะงกหรอกนะ ถึงเราจะชอบกินผักแต่เธอก็กินได้นะ ((ความคิดดุจดาวตอนนั้น)) - สายตาอ้อม แปลว่า หนอยแน่ะ ทีตอนชั้นละทำเป็นไม่กิน ทีมากินกะเค้ากินได้นะ จากคุณ : ตวงสิทธิ์ - [ 26 ธ.ค. 49 14:07:25 ]

ความคิดเห็นที่ 26 มาปาดเล็กน้อย เพิ่มเติม Scene 1 ฉากใบสมัคร - ฉากนี้นอกจากจะแสดงดังที่คุณตวงสิทธิ์ได้อธิบายไปแล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงนิสัยของป้อม ซึ่งป้อมไม่ใช่คนที่จะไขว่คว้าหาอะไรในชีวิต มันได้แต่ใช้ชีวิตไปวัน ๆ ไม่มีความฝันใด ๆ และไม่กล้าที่จะไขว่คว้าใด ๆ สังเกตว่าคนอื่น ๆ จะกระโดดหรือตามเก็บใบสมัคร ในขณะที่เจ้าป้อมได้แต่นั่งมอง จนกระทั่งใบสมัครตกมาอยู่ตรงหน้าตัวเองนั่นแหละ มันถึงได้ยอมเก็บ จากคุณ : SmokyBeacon - [ 26 ธ.ค. 49 14:10:03 ]

ความคิดเห็นที่ 27 Scene 26-- ฉากอ้อมเดินออกจากวง เดี๋ยวจะเข้าใจว่าสาว ๆ เรื่องนี้งอนไม่เป็น - ดาวมองตามออกไป "เอ.. ชั้นทำอะไรผิดหรือเปล่าเนี่ย" - "สนใจด้วยเหรอ"(วง) ฉากนี้อ้อมระบายความในใจ พร้อมปาร่มใส่ "ไม่เก็บไว้แล้ว รก!!" มารู้อีกว่าไม่ใช่ร่มป้อม "อุตส่าห์หลงนึกว่าร่มนายซะตั้งนาน อ่ะโด้ เสียแรงรักฟ่ะ" - อ้อมเดินหนีไปในความมืด ป้อมมองตามว่าจะตามดีหรือไม่ตามดี แล้วก็ไปปั่นจักรยานวนไปขบคิดไปซะ 8 รอบ จากคุณ : ตวงสิทธิ์ - [ 26 ธ.ค. 49 14:11:40 ]

ความคิดเห็นที่ 28 มาปาดเพิ่ม (ผมอ่านไปปาดไปไม่ว่ากันนะครับ) Scene 11-12-13 ฉากนี้คุณตวงสิทธิ์เข้าใจผิดครับ คนอื่น ๆ ที่เห็นซ้อมในวงนั้น เป็นการซ้อมกันในหมู่ของเครื่องดนตรีประเภทเดียวกันครับ ประเภทแรก เครื่องเป่า ที่เห็นเป่าแซกกันริมสระน่ะแหละ ประเภทที่สอง เครื่องสี ที่เห็นดุจดาวกับพี่เสกซ้อมกัน ประเภทที่สาม เครื่องให้จังหวะ ซึ่งมีกัน 3 คน คืออ้อม ป้อม มาโนช แต่เจ้ามาโนชมันหนีซ้อมหรืออย่างไรไม่ทราบ จึงอยู่กันสองคน - -' จากคุณ : SmokyBeacon - [ 26 ธ.ค. 49 14:14:54 ]

ความคิดเห็นที่ 29 #26 ถูกต้องนะคร้าบ บ บ บ บ บบ ++++++++++++++++++++++++++++++ Scene 27-- ฉากป้อมกับพ่อนั่งอยู่ในลาน บางคนอาจจะคิดว่าพ่อให้อภัยง่ายจังเลย มาดูความคิดผมบ้างนะครับ - พ่อนั่งอยู่เห็นเด็กหลายคนมุ่งมั่นซ้อม ซึมซับบรรยากาศและความชอบ ทำให้เปิดใจได้โดยง่าย - "ป้อม แน่ใจแล้วนะ" "ครับ ผมอยากเป็นนักดนตรี" Dialog สั้น ๆ แต่ฝุงความหมายของคำว่าพ่อ ลูก ไว้ชัดเจนมาก ก ก "Love me , love my dog นะครับ คุณพ่อ" อ.ยาโน่ จากคุณ : ตวงสิทธิ์ - [ 26 ธ.ค. 49 14:16:15 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ปาดอีก (จะโดนตีหัวไหมเนี่ย) เพิ่มเติม Scene 19-20 - ฉากเหล่านี้เป็นฉากที่บ่งบอกนิสัยของดุจดาว ซึ่งใครหลาย ๆ คนอาจมองข้ามไป การที่ดุจดาวมองว่าป้อมทำอะไร รวมถึงการโทรมาปลุกให้ขึ้นมาซ้อม หมายถึงการที่เธอสนใจ และใส่ใจในตัวป้อม  นั่นหมายถึงความละเอียดและละเมียดละไมในจิตใจของดุจดาว จากคุณ : SmokyBeacon - [ 26 ธ.ค. 49 14:19:43 ]

ความคิดเห็นที่ 31 #28 เต็มที่คร้าบบบ เอาเป็นว่าผมคิดว่าเครื่องตีในวงออเคสตรามันน้อยก็ได้ เอาเป็นว่าโชคชะตาจะให้สองคนนี้ได้ใกล้ชิดกันละกัน ++++++++++++++++++++++++++++++ Scene 28-- ฉากเฉด-ฉัตร-โน้ต รองชนะเลิศ HotWave Scene 29-- ฉากป้อมถ่ายวีดีโอดาวซ้อมไวโอลีน จับรวมอีกแล้วววว -การที่ได้รองชนะเลิศ ความหมายที่1คือ สามคนนี้ไม่ได้ซ้อมกันมาแต่ต้น โน้ตเข้ามาแทนพระเอกของเรา บ่งบอกว่าแม้จะเก่งแต่ถ้าซ้อมไม่เต็มร้อย ก็คงไม่อาจชนะเลิศได้ ความหมายที่2 แอบแซววงการนักร้องเรานิด ๆ ว่าพวกที่ได้รองชนะเลิศ มักจะได้ออกเทป เลยจัดให้ได้รองชนะเลิศซะเลย - ฉากดาวซ้อมไวโอลีน "เราอยากได้เอคนที่หนึ่งน่ะ นะป้อม.." รวมกับฉากบน ป้อมได้เห็นการวิ่งตามความฝันสุดแรงเกิดของคนใกล้ตัว และคงจะเริ่มคิดว่าตัวเองอยากไปบูดาเบสท์ขนาดนั้นเลยเหรอ อ อ อ จากคุณ : ตวงสิทธิ์ - [ 26 ธ.ค. 49 14:23:28 ]

ความคิดเห็นที่ 32 #30 จะว่างั้นก็ได้ครับ แต่ดุจดาวคงเลือกคนที่ใส่ใจ ไม่งั้นคงไม่ถามป้อมว่ามาจากโรงเรียนอะไรจริงมะ +++++++++++++++++++++++++++++++ Scene 30 --อ้อมเล่นไวโอลีนชิงทุน ฉากปวดร้าวประทับใจใครหลายคน - อ้อมเล่นเพี้ยนมาก ๆ แต่ด้วยแววตามันส่งให้อารมณ์เพลงเศร้ายิ่งกว่าไม่เพี้ยนซะอีก -ป้อมเห็นแล้วว่าดาวไปกับพ่อ เลยรออ้อมดีกว่า อืมม์ ... ไหงเขียนแล้วป้อมมันโลเลได้ขนาดนี้นี่ *-* จากคุณ : ตวงสิทธิ์ - [ 26 ธ.ค. 49 14:27:14 ]

ความคิดเห็นที่ 33 Scene 31-- ฉากอ้อมเดินกับป้อม และฉากป้อมคุยกับฉัตรและเฉด มันใกล้ ๆ กัน รวมเป็นฉากเดียว - ฉากนี้ป้อมเห็นว่าทุกคนห่วงที่เค้าจะไปฮังการี ฉัตรกับเฉดมาบอกให้เขาเต็มที่ นายป้อมเลยไม่แน่ใจแล้วว่าจะไปดีไหมเนี่ย โกลฟุตบอลในฉากนี้ บ่งบอกว่าทุกคนที่นั่งตรงนั้นไปถึงเป้าหมายแล้ว (ป้อม-ฉัตร-เฉด) จากคุณ : ตวงสิทธิ์ - [ 26 ธ.ค. 49 14:31:05 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ตอนยังไม่ดู ก็ไม่ชอบ พอมาอ่าน กท นี้ ยิ่งไม่อยากดูเข้าไปอีก โอ๊ย   จะอ้วก อ่ะ หนังอะไรของมันว๊ะ แก่นของหนังอยู่ลึกความไร้สาระบดบังมิดเชียว จากคุณ : ไม่สมควรได้รางวัล จริงๆ (คนที่เลือกแล้ว) - [ 26 ธ.ค. 49 14:34:02 ]

ความคิดเห็นที่ 35 Scene 32-- ฉากซ้อมใหญ่ ฉากนี้ละ ผมว่าเป็นจุดเปลี่ยนใจป้อม - ป้อม Flashback ไปยังภาพวันซ้อม ที่เขาลองผิดลองถูก จนได้เป็นส่วนหนึ่งของวง แล้วจะยอมให้ใครมาเล่นแทนได้ไงเนี่ย แล้วน้องป้อมก็วิ่งไปตีกลองแทนนายมาโนช และคงเป็นคืนนี้ ที่เกิดเหตุการณ์นี้ 1. ป้อมบอกพ่อเสร็จขึ้นห้องมาโทรหาอ. ยาโน่ บอกว่าผมไม่รับทุนไปฮังการีนะครับ ขอสละสิทธิ์ จากนั้นก็โทรบอกดาว แล้วลงไปบอกพ่อ 2.อ้อมคงรู้ว่าพรุ่งนี้จะประกาศผล และคิดว่าป้อมไหน ๆ ก็จะไปกับดาวแล้ว โทรบอกดาวดีกว่า "ดาว ป้อมเค้าไม่ชอบกินผักนะ" พร้อมกับตัดใจ อันนี้ จขกท. มั่วเอานะครับ ๕๕๕ จากคุณ : ตวงสิทธิ์ - [ 26 ธ.ค. 49 14:37:11 ]

ความคิดเห็นที่ 36 #34 นานาจิตตังครับ  ^^ +++++++++++++++++++++ Scene 33-- ฉากก่อนขึ้นเวที นี่ก็อีกหนึ่งฉาก ไม่พูดถึงมีหวังนายตวงโดนยำ - "ป้อม ไม่ชอบกินผักทำไมไม่บอก" แล้วป้อมก็หน้าเหวอไป... แปลว่า "ป้อม ทำไมต้องฝืนล่ะ" "ป้อม ทำไมให้เรารู้จากคนอื่นล่ะ" "ป้อม เป็นตัวของตัวเองเถอะนะ" อันนี้แล้วแต่จะเลือก แต่นายตวงเหมาหมดเลย ๕๕๕ มีบางคนบอกว่าฉากนี้ดุจดาวรักป้อมเข้าให้แล้ว โดยส่วนตัวผมว่า แอบเสียดายมากกว่านะ ไม่ได้ไปด้วยกันแล้ว จากคุณ : ตวงสิทธิ์ - [ 26 ธ.ค. 49 14:42:01 ]

ความคิดเห็นที่ 37 มาช่วยเพิ่มเติมให้อีก สนุกดีครับ ^^ Scene 25 - ซีนเด็ดดวงที่สุดที่หลายคนมองข้ามไป - ดุจดาวตักผัก ป้อมตักไข่ สังเกตว่าไข่ฝั่งป้อมแหว่งไป ในขณะที่ผักฝั่งดาวก็แหว่งเช่นกัน นั่นหมายความว่าทั้งคู่กินกันคนละอย่าง - ถ้าคุณกำลังกินข้าวกับเพื่อน คุณจะไม่สังเกตเชียวหรือว่าเพื่อนมันกำลังตักอะไรกิน? การที่ป้อมมันไม่ตักผักแสดงว่ามันไม่กินผัก เพื่อนผมนั่งกินข้าวกับผมมันยังรู้เลยว่าผมไม่ชอบอะไร แต่มันจะถามตรง ๆ ไม่ใช่มาตักผักใส่จานผม (มันเป็นผู้ชาย -*- ) - ดุจดาวสังเกตครับ เห็นได้ว่าป้อมตักไข่แล้วก็เตรียมจะกิน แต่ดุจดาวชะงักช้อนนิดหนึ่ง แล้วเธอก็ไปตักผักใส่จานป้อม - "อร่อยนะ" หมายความว่า ฉันรู้นะว่าเธอไม่กินผัก แต่จะไม่ลองกินดูหน่อยหรือ มันอาจไม่ได้แย่อย่างที่เธอคิดนะ ถ้าคุณรักใครสักคนหนึ่ง คุณย่อมอยากให้คนนั้นได้รับสิ่งดี ๆ ใช่ไหมครับ? แม้ว่ามันจะฝืนใจเขาบ้างก็ตาม - ดุจดาวไม่ยอมกินต่อจนกระทั่งเห็นว่าป้อมยอมกินผักเข้าไป (ด้วยสีหน้าผะอืดผะอม มีหรือดุจดาวจะไม่เห็น) ป.ล. ทำไมไม่มีใครมาตักผักใส่จานเรามั่ง -*- Scene 27 - ฉากป้อมกับพ่อนั่งคุยกัน - ผมแปลกใจมากที่ใครหลาย ๆ คนสงสัยว่าทำไมพ่อให้อภัยง่ายจัง ปัดโธ่! มีพ่อแม่สักกี่คนในโลกที่จะโกรธเกลียดลูกจนไม่ยอมให้อภัยครับ จริง ๆ ทั้งพ่อลูกก็อยากง้อกันจะแย่อยู่แล้ว เพียงแต่มีทิฐิเท่านั้น ดูอย่างตอนที่ป้อมกลับมายืนหน้าบ้าน แล้วพ่อยืนมองตาค้าง จนกระทั่งเห็นลูกหายไปก็ยังยืนตาค้างอยู่ นั่นก็เพียงพอจะแสดงให้เห็นแล้วว่าพ่อรักลูกเพียงใด - นอกจากนั้น พ่อเองยังได้รับคติเตือนใจทั้งจากอ.จิทาโร่ จากแม่ป้อม และจากหมอประเสริฐ ไปจนถึงได้เห็นข้าวของในห้องป้อม พ่อรู้แล้วว่าลูกตัวเองรักดนตรีจริง ๆ "รักเขาแล้วก็ต้องรักสิ่งที่เขาชอบด้วย" Scene 30 อันนี้ผมเห็นอีกมุมหนึ่งนอกจากที่คุณตวงสิทธิ์บอกครับ ตรงที่ป้อมมองดาว ผมคิดว่าซีนนี้จะบอกว่า ป้อมรู้สึกแล้วว่าดาวสามารถเดินไปตามความฝันของตัวเองได้ แม้ว่าจะไม่มีป้อม ในขณะที่ป้อมนั้นยังคงมีห่วงอยู่ และเหมือนจะบอกกลาย ๆ ว่าป้อมเริ่มรู้แล้วว่าใจของตัวเองนั้นอยู่ที่ใคร Scene 31 ผมชอบซีนนี้มากเลย มันเป็นการสื่อถึงความฝันของแต่ละคน การที่ทุกคนนั่งเหม่อมองไปข้างหน้า หมายถึงทุกคนมีหนทาง มีเป้าหมายที่จะไปแล้ว ถ้าใครเคยนั่งเล่นกับเพื่อนริมสนามหญ้า พูดคุยถึงความฝันในอนาคตกับเพื่อน ๆ จะเข้าใจความหมายและความรู้สึกของซีนนี้ได้ดีครับ จากคุณ : SmokyBeacon - [ 26 ธ.ค. 49 14:45:23 ]

ความคิดเห็นที่ 38 Scene 34-- Seasons Change ฉากจบ อันตราตรึงใจ - ความเก่งกาจด้านทฤษฎีของอ้อม โชว์มาให้เห็นอีกครั้งกับการเป็นผู้เรียบเรียงทำนองเสียง - ตาของป้อม ที่มองอ้อมตอนส่งฉาบให้หลังประกาศชื่อ "เราอยู่ตรงนี้นะ" ^ ^ - การที่ป้อมได้ตีกลองบ๊อยบ่อย นั่นก็เป็นความจงใจของอ้อมเช่นกัน อ้อมคงจำได้ว่าป้อมไม่ชอบ "รอเฉย ๆ" จัดให้ตีจนจบเพลงเลย จากคุณ : ตวงสิทธิ์ - [ 26 ธ.ค. 49 14:45:49 ]

ความคิดเห็นที่ 39 #37 เพิ่มเติมได้เต็มที่ครับ เห็นเพิ่มเติมยังไงว่ามาเลยผมรับฟังเต็มร้อยยย +++++++++++++++++++++++++++ จบแล้ว ... ตอนแรกที่ผมคิดทำโปรเจคท์นี้ คิดว่ามีแค่สิบกว่าฉาก เอาเข้าจริงอย่างที่ท่านเห็นกัน 34ฉาก - -* ยังไม่นับรวมไอ้ฉากย่อย ๆ ที่รวมไปนะเนี่ย คงเป็นการเกินไป แต่เทียบให้ท่านเข้าใจยิ่งขึ้น Of Mice & Men นวนิยายชิ่อดัง จะผ่านไปกี่ปีเด็กเอกอังกฤษก็ยังเรียนอยู่ มันเป็นแค่เรื่องของเพื่อนคู่นึงที่ช่วยกันไปช่วยกันมา สุดท้ายฆ่ากัน จริงเหรอ Foreat Gump เป็นแค่เรื่องคนปัญญาอ่อนคนนึง ท่องเที่ยวไปทั่วโชคดีบ้างร้ายบ้าง จริงเหรอ และ "Seasons Change .. เพราะอากาศ เปลี่ยนแปลงบ่อย" เป็นแค่เรื่องของหนุ่มสาวปิ๊งกันไปมา พระเอกโชคดีเวอร์ ๆ จริงเหรอ อย่างที่ผมบอกนะครับ การเทียบข้างต้นมัน "เกินไป" แต่ผมก็ยืนยันจะเทียบแบบนี้ล่ะ "ชอบ ต้องมีอะไรมากกว่านี้อีกเหรอ" ด้วยความเคารพ ตวงสิทธิ์ 26.12.49 Winter, Pantip.com แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 49 14:55:24 จากคุณ : ตวงสิทธิ์ - [ 26 ธ.ค. 49 14:53:55 ]

ความคิดเห็นที่ 40 อ่านแล้วคล้ายๆว่า มันเป็น director's commentary ในดีวีดีแผ่น2นะครับไม่ใช่ความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน จากคุณ : เซ็งจิต (chelsit) - [ 26 ธ.ค. 49 15:01:25 ]

ความคิดเห็นที่ 41 oh สุดยอด คุณตวงทำได้ไงเนี่ย สงสัยผมต้องรับไปหาแผ่นมาดูซะละมั้งอีแบบนี้ นับถือครับ จากคุณ : กาสรนิจนิรันดร์ - [ 26 ธ.ค. 49 15:05:16 ]

ความคิดเห็นที่ 42 "ชอบ ต้องมีอะไรมากกว่านี้อีกเหรอ" มีอะไรมากกว่านี้มั๊ย? นั่นคือคำถามที่คน "ชอบ" ต้องตอบเอง แต่ถ้าถามว่า "ได้รางวัล  ต้องมีอะไรมากกว่านี้อีกเหรอ" เราก็จะตอบว่าต้อง  "มี" อะไรมากกว่านี้ค่ะ ที่จริงหนังเรื่องนี้ ก็ไม่ถึงกับว่าไม่มีอะไรนะคะ ถ้าใครบอกว่า หนังเรื่องนี้มันบทหลวม และแก่นของเรื่องก็เป็นแค่วัยรุ่นม.ปลายปิ๊งกัน จีบกัน แค่นั้น เราก็จะเถียง ว่าบทมันก็ไม่ได้หลวมอะไรมากมายขนาดนั้นหรอก เพียงแต่มันยังไม่ "ถึง" มากกว่า แต่ก็นะ เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย อาจจะไม่ใช่หนังที่ดีที่สุดในรอบหลายๆ ปี แต่เป็นหนังไทย ตลอดทั้งปีดูดี กว่าใครเพื่อนเท่านั้นเอง "ด้วยความเคารพ" ค่ะ จากคุณ : แพรเพลง - [ 26 ธ.ค. 49 15:07:27 ]

ความคิดเห็นที่ 43 #40 ผมคงต้องบอกว่าผมยังไม่ได้ดู DVD เลยครับ ดูแต่ VCD ไป 4-5 รอบ (ในโรงอีกสามรอบ - -*) ถ้าบังเอิญว่ามันไปเหมือนกับความเห็น ผกก. ก็แปลว่าผมเข้าถึงแก่นของหนังเรื่องนี้แล้วสิเนี่ย ^ ^ #41 "ชอบ ต้องมีอะไรมากกว่านี้อีกเหรอ" ^ ^ จากคุณ : ตวงสิทธิ์ - [ 26 ธ.ค. 49 15:09:35 ]

ความคิดเห็นที่ 44 #42 ขอบคุณที่เข้ามาแสดงความเห็นกันครับ ^ ^ จากคุณ : ตวงสิทธิ์ - [ 26 ธ.ค. 49 15:10:48 ]

ความคิดเห็นที่ 45 #39 หมดแล้วครับ ไม่รู้จะเพิ่มเติมอะไรดีเอาส่วนตัวละกัน ผมว่าบางที ตัวหนังเองก็อาจไม่ได้ตั้งใจจะใส่เอาไว้อย่างที่เราคิด แต่ประสบการณ์ร่วมที่เราเคยมีทำให้เราเข้าใจได้อย่างนั้น อย่างเรื่องพ่อกับลูกผมก็เคยมีประสบการณ์ทะเลาะกับพ่อ พ่อก็โกรธผมก็โกรธ ไม่ยอมพูดกัน ทั้งที่ใจอยากพูดด้วยแต่ก็มีทิฐิ ดังนั้นสิ่งที่ใส่มาในตัวหนัง ผมรู้สึกว่ามันใช่เลย พ่อลูกกันจะเป็นแบบนี้แหละ หลาย ๆ อย่างในเรื่องนี้ ผู้กำกับอาจไม่ทันได้นึกก็ได้ แต่ที่เขาใส่ลงไปเพราะประสบการณ์ครับ เป็นประสบการณ์ร่วมหรือเป็นชีวิตของเขาเลย เขาถึงใส่ลงไปอย่างนั้น ดังนั้นตัวหนังจะบ่งบอกบุคลิกของผู้กำกับได้เป็นอย่างดี อย่างเวลาผมทำ Multimedia ผมก็ใส่อะไรบางอย่างลงไปแบบไม่ทันได้คิด จนกระทั่งคนมาดูทักเข้า ถึงได้รู้ว่า เราใส่ตัวตนของเราลงไปในงานโดยไม่ได้ตั้งใจ ทีนี้คนที่เคยมีประสบการณ์คล้าย ๆ กับเรามาเห็นเข้า เขาจะเข้าใจในทันที ส่วนคนที่ไม่มีประสบการณ์ด้วยก็ยากจะเข้าใจ เหมือนเพื่อนสนิท ฉากที่ไข่ย้อยร้องเพลงเพี้ยน ผมดูแล้วอึ้ง ส่วนพี่ผมดูแล้วนั่งหัวเราะ -*- นั่นเป็นเพราะประสบการณ์เราต่างกันครับ ประเด็นที่ผมรู้สึกว่าอ่อนที่สุดของหนังเรื่องนี้คือชื่อหนัง และเพลง Seasons Change แหละครับ ไม่เห็นว่าอากาศมันจะเปลี่ยนแปลงบ่อยตรงไหน มันก็ไหลไปตามฤดูกาลของมันน่ะแหละ และเนื้อหาเพลงก็ไม่ได้เกี่ยวกับชีวิตไอ้ป้อมสักเท่าไหร่ แต่ผู้กำกับเขาชอบเพลงนี้ก็แค่นั้น ดังนั้น ดูหนังแล้วเห็นต่างก็ไม่แปลกตรงไหน แต่ไม่เข้าใจทำไมบางคนต้องซีเรียสถึงขนาดตั้งกระทู้ แล้วก็เถียงกันแบบเอาเป็นเอาตาย ผมรู้แค่ว่าส่วนตัวผมดูแล้วมีความสุข ดูแล้วรู้สึกว่าตัวหนังมันสื่อแบบนี้ในความรู้สึกเรา ก็เล่าขยายความให้ฟังก็เท่านั้นเอง ^^ จากคุณ : SmokyBeacon - [ 26 ธ.ค. 49 15:18:10 ]

ความคิดเห็นที่ 46 #45 เห็นด้วยคร้าบบบ กระทู้ไม่ได้บอกให้คนไม่ชอบต้องมาชอบนะครับ แค่อีกมุมหนึ่งจากวิจารณ์เกรดซีเท่าน้านเอง อ่านเอาขำขำน่อ จากคุณ : ตวงสิทธิ์ - [ 26 ธ.ค. 49 15:21:43 ]

ความคิดเห็นที่ 47 รักหนังเรื่องนี้มากๆคะ และเป็นหนังไม่กี่เรืองที่ยอมไปดู(เพราะมีคนบอกว่าหนังดีมาก) ปรกติไม่ชอบดูหนังเท่าไหร่ เป็นหนังที่ทำให้ยิ้มได้ทั้งเรื่องอย่างที่พี่เค้าบอก จนจบไปแล้ว ความประทับใจก็ยังอยู่ ยิ้มจนเพื่อนทักเลยอะ 555++ มีหลายๆมุมมองที่หนังเรื่องนี้ซ่อนไว้ อาจจะดูไม่ค่อยมี"แก่น"ในมุมมองของบางคน แต่สำหรับคนที่เคยผ่านชีวิตการเลือกเรียนในสิ่งที่ตัวเองรัก กับเลือกเพียงเพราะสถานการณ์พาไป...ปัจจัยแวดล้อม ก็ต้องบอกว่า โดนมาก หนังเรื่องนี้มีดีเทลเยอะ นักแสดงก็เล่นได้ดีมากทุกคน(แอบหลงอ้อมไปพักนึงเลยอ่า ผู้ญิงอะไร๊ น่ารักคร่อดๆ) คิสชอบที่คุณตวงวิเคราะห์จัง จริงๆอ่านมาหลายคนแล้วหละ แต่ของคุณอธิบายการเปิดฉากและภาพรวม เขียนให้อ่านแล้วเข้าใจง่ายและกระชับดีคะ เป็นคนละเอียดดี คุณรู้ใจผู้ญิงด้วย เก่งไปแระ ขอบคุณที่เอามาฝากนะคะ หวัดดีปีใหม่ล่วงหน้าคะ มีความสุขมากๆ อ่า...เพิ่มๆ ขอให้ได้ชมหนังดีๆตลอดไปก็ละกัน จากคุณ : หนูคิสเซอร์วิส(KissAhoLicGal) - [ 26 ธ.ค. 49 15:33:01 A:58.8.180.99 X: TicketID:128533 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ถามนิดครับ ฉากที่ใบสมัครปลิวอะ ของดาวใช่ปะครับ แล้วทำไมเอามาเยอะจังอะ เอามาแจกใครเหรอ หรือเอามาทดเลข (อันนี้ผมขำๆ) แต่ไม่รู้จริงๆ วานตอบให้ที ปล.ผมชอบอ้อมมากว่าอะ ไม่รู้ทำไม จากคุณ : Kaz_Jin - [ 26 ธ.ค. 49 15:36:36 ]

ความคิดเห็นที่ 49 แล้วไงเหรอ ที่เขียนมา คนที่เค้าดูก็รู้และเห็นกันอยู่แล้ว ไม่เห็นจะลึกซึ้งจนต้องมาอธิบายกันขนาดนี้เลย แล้วการมาอธิบายสิ่งพื้นๆตื้นๆแบบนี้แล้วแปลว่าอะไร แปลว่าหนังเริ่องนี้ดีจนต้องได้รับรางวัลเหรอ หนังเรื่องอื่น ถ้าจะอธิบายก็อธิบายได้ อะ...จะทำให้ดู ยกตัวอย่างเรื่อง หลวงพี่เท่ง -ฉากประตูหนีบจีวร หลังจากหลวงพี่ลงจากรถ พอปิดประตู ประตูก็หนีบเอาจีวรไปด้วย แสดงให้เห็นว่า หลวงพี่นั้นใจหนึ่งก็ยังไม่อยากมาอยู่ในเพศบรรพชิต มีใจอยากอยู่ในเพศคฤหัสน์อยู่ (รถ เปลี่ยบได้กับทางโลก เพราะรถไม่ได้อยู่ในอัฐบริขาร) แต่สุดท้ายก็ไปตามเอามาคืนได้ เปรียบว่า ทางที่ดีงาม ทางที่ถูกต้องย่อมเอาชนะได้เสมอ เรื่อง เพลงสุดท้าย ฉากนางเอกร้องไห้ในสายฝน - ฉากนี้เป็นฉากที่พิเศษและกินใจแฝงนัยยะและสัญญะอย่างลึกซึ้ง จากการที่พระเอก หักอกและไปรักกับน้องสาวของเธอเอง ฝนตก ผืนฟ้าอันกว้างใหญ่ หลั่งน้ำตาลงมามหาศาลขนาดนั้นปรียบดั่งความเศร้าโศกเสียใจอันใหญ่หลวงของนางเอก แต่น้ำฝนแห่งความเสียใจนั้นก็ยังชะโลมผืนดินและต้นไม้ (ในฉากจะเห็นต้นไม้โดนฝน) นั่นแปลว่าอีกใจหนึ่งของเธอก็มีความยินดีกับน้องสาว ประหนึ่งว่า สายฝน(ความเสียใจ การอกหัก)ให้ความชุ่มชื้นและมีชีวิตชีวาแก่ต้นไม้(น้องสาวมีความสุข) โกยเถอะโยม ฉากผีเด็กหลอกลุงโน้ต โดยการโบกรถ - ผีเด็ก โบกให้รถรับ แต่เมียลุงโน้ตกลับไม่เห็น ส่วนลุงโน้ตเองก็หวาดกลัวและไม่ประสงค์จะให้ขึ้น แปลว่า ผีเด็กต้องการคนห่วงใยดูแลและความรัก แต่กลับเป็นสิ่งที่ไม่มีใครเอา ไม่มีใครต้องการ และคิดว่าเป็นตัวปัญหาที่ต้องหลีกหนี(ทุกคนต่างหนีผีเด็ก) มีฉากนึงที่ผีเด็กขึ้นนั่งอยู่บนหลังคาศาลากลางทาง แปลว่า ไม่มีพื้นที่ใดๆให้เขาอยู่ จนต้องอยู่บนหลังคา อีกฉากคือ นั่งแกว่งชิงช้า แสดงถึงจิตใจอันว่าเหว่ ไร้ที่ยึดเหนี่ยว แกว่งไกวไปมาเหมือนชิงช้า ...นี่ไงคะ เพราะฉะนั่น เรื่อง หลวงพี่เท่ง เพลงสุดท้าย และโกยเถอะโยม สมควรได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมด้วยเช่นกัน อยากได้เรื่องอื่นอีกแมะ จะเล่าให้ฟัง... จากคุณ : น้องส้วม - [ 26 ธ.ค. 49 15:38:58 A:203.154.49.112 X: TicketID:123154 ]

ความคิดเห็นที่ 50 หนังเรื่องนี้มันลึกซึ้งขนาดนั้นเลยเหรอครับเนี่ย อันนี้มันเป็นการตีความตามจินตนาการเอง หรือ ตัวหนังมันจะสื่อแบบนั้นจริงๆ ผมว่าบางอย่าง เขาก็ไม่ได้จะสื่อแบบนั้นนะ เราคิดกันไปเองหรือเปล่า จากคุณ : นี่หรือเมืองพุทธ - [ 26 ธ.ค. 49 15:39:18 ]

ความคิดเห็นที่ 51 โดยส่วนตัวแล้วชอบซีซั่นเชนจ์มากค่ะ ดูหลายรอบแล้วเหมือนกัน แต่อ่านกระทู้นี้แล้วบังเอิญเกิดคลื่นเหียนนิดหน่อย เพราะกะลังสงสัยว่าคุรตวงสิทธิ์จะพยายามตีความแม้ในทุกๆ อากัปกริยาปกติของมนุษย์มากเกินไปหรือเปล่า บางครั้ง เราอาจคิดลึกมากเกินหนังจะสื่อ และบางครั้งก้ออาจจะไม่ทันเก็ทในสิ่งที่หนังจะสื่อเหมือนกัน แต่นั่นแหละคือความสนุกของการดูหนัง ให้เราได้มานั่งตีความขบคิดและได้มุมมองดีๆกลับไป สงสัยว่าจำเป็นต้องมานั่งอธิบายขนาดนี้เลยหรือ บางอันก้อเหมือนมาจากที่ผู้กำกับแสดงทรรศนะไว้ในดีวีดีเลยค่ะ เก่งจัง คิดตรงเป๊ะๆ เลย นับถือๆๆ ^___^ ปล.ที่แสดงความเห็นอันนี้ไม่เกี่ยวกับความเหมาะสม หรือไม่เหมาะสมในการได้รางวัลพระสุรัสวดีแต่อย่างใดนะคะ จากคุณ : นาอุซซิก้า (Naussica) - [ 26 ธ.ค. 49 16:06:18 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ถ้าอยากรู้ว่าหนังมันละเอียดขนาดนี้หรือเปล่า  หรือว่าเป็นแค่จินตนาการของคนดูเอง  อันนี้ผมว่าคงต้องดูใน ดีวีดีแล้วเปิดเสียงผู้กำกับนะ  ว่าเขาพูดว่าไงมั้ง หนังเรื่องนี้รายละเีอียดที่สอดแทรกไว้เยอะครับ  แล้วการเน้นเล่าเรื่องด้วยภาพ  ทำให้หนังมีเสน่ห์และทำให้เรารู้สึกสบายหูเวลาัฟัง  ยิ่งมีเพลงประกอบเพราะๆ เปิดคลอๆ ช่วงเสริมอารมณ์หนัง  ยิ่งทำให้ดูได้ง่ายสบายหูมากขึ้น ดูแล้วคิดตาม  แล้วคุณจะเก็บรายละเอียดที่สอดแทรกไว้ได้เยอะครับ ฝาก In-Depth Review  Seasons Change ไว้ด้วยเช่นกันครับ  ใครชอบหรือเกลียด  ลองเปิดใจแล้วอ่านดู  สงสัยไม่เข้าใจตรงไหนถามได้ครับ http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A4979793/A4979793.html จากคุณ : Mr. Forever - [ 26 ธ.ค. 49 16:13:46 ]

ความคิดเห็นที่ 53 โห วิเคราะห์ได้ละเอียดมากคะ เห็นภาพลอยมาเลยอ่ะ ดูเรื่องนี้อยากจะบอกว่าน้องบอลน่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก จากคุณ : ทำไงดีสวยเกินหน้าเกินตาเพื่อน - [ 26 ธ.ค. 49 16:13:55 ]

ความคิดเห็นที่ 54 orz เจิม orz orz orz orz orz ขอคารวะด้วยจิตพิสุทธิ์ จากคุณ : VoidOne - [ 26 ธ.ค. 49 16:18:53 ]

ความคิดเห็นที่ 55 คุณน้องส้วมคะ คห.ส่วนตัวะคะ เรื่องความเหมาะสมของรางวัลคงไม่ขอพูด คิสไม่ใช่คอหนัง ไม่รู้ว่ามัน"ถึงขั้น"รึป่าว(ซึ่งก็ไม่รู้ว่าคุณเอาอะไรมาเป็นเกณฑ์ว่าหนังควรจะได้ซะด้วยสิ) ก็เป็นเรื่องของกรรมการคะ ถ้าไม่เห็นว่าเหมาะสมที่จะได้ คงให้รางวัลหรอกมั๊งคะ คิสเชื่อว่ารางวัลนี้ไม่ใช่รางวัลพาณิชย์แน่ๆ อย่างน้อยๆกรรมการคงมีมันสมองและมีกิ๋นกว่าคนที่แสดงทรรศนะแคบๆแบบบางคนในนี้แน่นอน และคิสว่าจขกท.คงไม่ได้มีเจตนามาพิมพ์ให้เราทวบทวนความจำ คุณรู้แล้ว แต่คิสยังไม่รู้เลยคะ ยอมรับว่าเป็นคนไม่ละเอียด ดูหนังแล้วยังคิดไม่ได้เท่านี้ คุณตวงเค้าพิมพ์มา เค้ามีน้ำใจนะคะ คุณไม่มีมารยาทเท่าไหร่เลย แล้วเค้าก็ไม่ได้ขอให้ช่วยนำเสนอเรื่องอื่นด้วย แต่ถ้าคุณอยาก คิสว่าคุณตั้งกระทู้ใหม่ดีกว่าคะ หวังว่าไม่โกรธกันนะคะ ขอบคุณมากคะถ้าจะรับสารที่คิสพิมพ์ จากคุณ : หนูคิสรีเทริน - [ 26 ธ.ค. 49 16:21:17 A:58.8.180.99 X: TicketID:128533 ]

ความคิดเห็นที่ 56 คนที่ดูแล้วลองพิจารณาสัญลักษณ์เหล่านี้นะ  ว่าในหนังแทรกเข้ามาเพื่ออะไร  แสดงความแตกต่างระหว่างป้อมกับดาวใช่ไหม   หรือแค่ผมคิดไปเอง จักรยาน - รถเก๋งสีดำคันโต เล่นกลองทีมปานีหลังสุดของวง - เล่นไวโอลีนหน้าสุดของวง เล่นไวโอลีนที่มีบทบาทมากมายในแต่ละเพลง - เล่นกลองทิมปะนี  ที่นานๆ ครั้งจะได้ตีที ตอนใช้ไฮไลต์สีชมพู  ป้อมขีดสั้นๆ  - ดาวขีดย้าว ยาว นั่งนิ่งรอโอกาสวิ่งเข้ามาหา - ไขว่คว้าหาโอกาสที่จะช่วยทำให้ความฝันเป็นจริง สัญลักษณ์พวกนี้แทรกอยู่ในหนังบ่อยครั้ง  แสดงให้เห็นว่า  คนสองคนนี้มีบุคลิกที่แตกต่างกัน  มีวิถีชีวิตที่ไม่เหมือนกัน  ดังนั้นเมื่อมาอยู่ด้วยกันก็จะอึดอัดเป็นธรรมดา  เพราะป้อมพยายามปรับตัวเข้าหาดาวจนมากเกินไป  จนสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไป สำหรับหนังเวลาจะใส่สัญลักษณ์  ส่วนมากจะเน้นทำให้คนดูสังเกตเห็นได้บ้างครับ  เช่นเน้นด้วยมุมกล้อง  หรือเน้นย้ำให้เกิดขึ้นซ้ำๆ สักสองสามครั้ง อะไรทำนองนี้ แน่นอนว่าสำหรับหนังที่เน้นการสื่อสารด้วยภาพ  เว้นช่องว่างให้คนดูคิดตามเยอะๆ มันย่อมต้องเกิดการคิดไปเอง คิดเกินผู้กำกับอยู่บ้างเหมือนกัน  แต่นั่นก็เป็นเสน่ห์หนึ่งของการทำหนังแบบนี้นะแหละ  เพราะสามารถทำให้คนดูคิดตามได้ตามพื้นฐานทางความคิดของตัวเอง การมองคนละมุมกับผู้กำกับ  หรือคิดเกินผู้กำกับ  ไม่สำคัญเท่ากับว่าเขาเหล่านั้นได้อะไรจากการคิดสังเกตหรอกครับ  เหมือนเวลาเราไปยืนดูภาพศิลปะสักภาพนะแหละ  คนเขียนเขาไม่มาเขียนบรรยายหรอกว่า  ภาพนี้ต้องการสื่ออะไร  แบบไหน  แล้วแต่ว่าใครจะมองมากกว่า   คนส่วนใหญ่ที่สนใจจะมองแค่เปลือก  ก็มองแค่ภาพโดยรวม  ไม่สนใจน้ำหนักสี  ไม่สนใจการผสมสี  ไม่สนใจการเล่นโทน  ไม่สนใจอารมณ์ที่แทรกอยู่ในภาพ แต่ของที่มองไม่เห็น ก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีใช่ไหมละครับ  อยากให้ลองเปิดใจ  ดูแล้วคิดตาม  เห็นด้วย หรือเห็นต่างก็ไม่แปลก  ขอเพียงแค่อย่าหลับตาแล้วตะโกนโหวกเหวกท่ามกลางความมืด  ว่าไม่จริง  คิดมากไปเอง  เท่านั้นแหละ ดูสิ... ในกระทู้นี้ยังมีคนไม่ได้ดู  แต่พูดได้เต็มปากเต็มคำเลยว่า  หนังเรื่องนี้ไม่สมควรได้รับรางวัล  เอากะเขาสิ  เพราะมีคนแบบนี้ในสังคมนี่แหละ  งานศิลปะในบ้านเรามันถึงไม่ไปไหน  หนังไทยต้องสื่อสารผ่านบทพูดอย่างเดียวซะละมั้ง  คนดูจะได้พอใจ  และเข้าใจหนังกันเต็มที่ ไม่แปลกเลยที่ได้เห็นหนังของพจน์อานนท์ โน๊ตเชิญยิ้ม หรือหนังอย่างโหน่งเท่งนักเลงภูเขาทองโกยเงินเอาๆ แบบนี้   นี่ถ้าหนังเรื่องนี้ไม่ทำเงินนะ คงอีกนานเลย  กว่าจะมีผู้กำกับและนายทุน  กล้าที่จะทำหนังแนวๆ นี้ออกมาให้ดูกันอีก  เพราะเขาจะว่าเอาได้ว่า  สร้างไปทำไม  คนดูไม่เข้าใจ  เขาก็ไม่สนหรอกว่าเอ็งทำอะไรอยู่ เชื่อเถอะ  ต่อให้หนังเรื่องนี้กวาดรางวัลทั่วไทย  คนบางกลุ่มก็ไม่ยอมรับอยู่ดี  เพราะอคติมันฝังใจไปแล้ว  ว่าหนังเรื่องนี้มันไม่ดี  เพราะเป็นแค่หนังวัยรุ่นธรรมดาเท่านั้น  ก็คงว่าอะไรไม่ได้มากครับ   แต่ก็เป็นเคสที่น่าสนใจนะ  ว่าการทำโฆษณาและหน้าหนังนั้น  มีผลกับคนดูไม่น้อยเลย  เพราะเมื่อเลือกให้หน้าหนังเป็นเช่นนี้  มันก็มีประเด็นนี้ตามมาเยอะ เพราะคนไทยบางกลุ่มยังเลือกที่จะวิจารณ์หนังตามหน้าหนัง  ไม่ใช่ตัวหนังอยู่ดีแหละ แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 49 16:40:44 จากคุณ : Mr. Forever - [ 26 ธ.ค. 49 16:35:23 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ตอนใช้ไฮไลต์สีชมพู  ป้อมขีดสั้นๆ  - ดาวขีดย้าว ยาว อันนี้คงไม่อะไรหนะครับ คือปกติ โน๊ตที่เป็นส่วนของทิมปะนี ในเพลงนั้น มันน้อยอยู่แล้ว ก็เลยขีดแค่ในส่วนที่ตัวเองต้องรับผิดชอบ ส่วนของดุจดาว ไวโอลิน ไฮไลท์ไว้ยาวปรี๊ด เพราะโน๊ตที่เขาต้องเล่นมีเป็นหน้าๆครับ ^^) ผมชอบตอนพี่โน๊ต แกล้งน้องอ้วน ที่มากับหนูมาลี "นี่แหนะๆ หายใจยังลำบาก หายใจยังลำบาก" ช๊อตนี้ผมก็ชอบ เสียดายน้องอ้วนบทน้อยไปหน่อย แต่หน้าตาได้ใจจริงๆ แซวเล่นหนะ ^^) จากคุณ : Kindaichi - [ 26 ธ.ค. 49 16:42:57 ]

ความคิดเห็นที่ 58 คิสเคยได้อ่านรีวิวของคุณMr.Foreverมาก่อนทั้งในโต๊ะและที่บล๊อค แต่อ่านผ่านๆไปบ้าง เพราะเป็นคนไม่ชอบดูหนังคะ(ไม่ได้หมายความว่าคุณรีวิวไม่ดีนะคะ คุณรีวิวละเอียดสุดๆแล้ว) มุมมองของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป ส่วนเรื่องจะไปคล้ายกันบ้างก็ไม่น่าแปลก มันหนังเรื่องเดียวกันนิหว่า เรื่องปัจเจกแบบนี้ ยิ่งอ่านก็ยิ่งได้เก็บความคิดคนอื่น ชอบมากๆคะ ขอบคุณสำหรับรีวิวแบบอินเดปนะคะ มุมมองคุณละเอียดมาก อ่านที่คุณพิมพ์มา(คห.56) คิสอดนึกถึงหนังดีๆอย่างHeroไม่ได้เลยคะ คล้ายๆกัน หนังเล่นภาษาสัญลักษณ์เยอะมากๆ คนดูแล้วเข้าใจก็ดีไป แต่ไม่เข้าใจก็ว่าห่วยกันไปเลย คิสรักหนังเรื่องฮีโร่มาก แล้วพอได้มาอ่านก็ยิ่งรัก ตามกลับไปดูเพื่อเก็บรายละเอียด ผกกลึกซื้งมากๆ โปรดั๊กชั่นที่ดีมีมากกว่าที่คนบางคนมองเห็น ถ้าไม่ได้บทวิเคราะห์หนังดีๆอย่างที่คุณเอามาแชร์ คงไม่ได้ดูหนังสนุกๆ มีอรรถรสเพิ่มขึ้นแบบนี้ ขอบคุณจากใจคะ จะรอรีวิวหนังเรื่องต่อไปนะคะ จากคุณ : หนูคิสแฮตทริค - [ 26 ธ.ค. 49 16:47:38 A:58.8.180.99 X: TicketID:128533 ]

ความคิดเห็นที่ 59 Kindaichi - ในฉากมันดูไม่มีอะไรไงครับ  ตอนฉากนั้นมันออกจะขำๆ ด้วยซ้ำเวลาดูตอนป้อมใช้  มันขีดกระจึ๋งๆ  แต่พอดาวเอาไปใช้  ขีดแต่ละทียาวๆ ทั้งนั้น  เพราะเธอเล่นโซโ่ล่ด้วย   แล้วไวโอลีนในวงก็เด่นด้วย ทีนี้พอมาจับมาวิเคราะห์โดยรวม  เราจะเห็นฉากแบบนี้เยอะไงครับ  ที่แสดงให้เห็นความแตกต่างระหว่างป้อมกับดาว  ก็เลยคัดๆ มาให้ดูกันอย่างที่เห็น  ว่าผู้กำกับใส่ฉากเหล่านี้เข้ามาในหนังทำไม  แค่ให้ขำๆ แค่ให้เปลืองเวลาฟิล์มเล่นๆ หรือเพราะต้องการสื่ออะไร อย่างฉากไฮไลต์ที่ยกมา  ถามว่าสำคัญไหม  ไม่สำคัญอะไรเลย  ถ้าจะใช้แค่สื่อให้เห็นว่าช่วงนั้นป้อมกับดาวเริ่มสนิทกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันเพียงเท่านั้น  ตัดออกก็ได้  ไม่มีปัญหาอะไร  แต่ทำไมยังใส่มาล่ะ  อันนี้น่าคิดไหม ^^ ก็แค่มุมมองของผมครับ  อาจจะเป็นการคิดเกินหนัง  จินตนาการเกินพอดี  ก็เป็นไปได้  ไม่ว่ากัน  ก็แล้วแต่คนจะมองครับ หนูคิสแฮตทริค - ขอบคุณมากครับ  ตอนทำ Review ว่าจะใส่ส่วนของสัญลักษณ์แทรกเข้าไปเหมือนกัน  แต่กลัวคนจะหาว่าบ้าคิดเกินหนัง  แถมเพื่อนๆ ยังบอกว่าถ้าดูดีวีดี  จะมีความเห็นของผู้กำกับพูดให้ฟังด้วย  แม้จะไม่ละเอียด  แต่คิดว่าคงช่วยชี้จุดบางจุดได้บ้าง  ก็เลยไม่เขียนมากครับ  ขี้เกียจโดนด่า  อิอิ เรื่องทำรีวิว  ผมปกติไม่ค่อยชอบทำเท่าไหร่ครับ  เว้นแต่ว่าเวลาดูแล้วรู้สึกว่าหนังมีอะไรซ่อนไว้เยอะดี  แล้วกระแสคนดูมาในแนวลบ  เพราะมองข้ามอะไรไป  ผมถึงจะเขียนครับ  ที่เขียนมาก็มีแค่ Seasons Change กับเรื่อง Love Phobia เท่านั้นเอง ใครไม่เคยดู love phobia หรือว่าดูแล้วไม่ประทับใจ  ลองอ่าน In-Depth Review ด้านล่างได้ครับ http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A4920987/A4920987.html จากคุณ : Mr. Forever - [ 26 ธ.ค. 49 16:59:56 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ว่าผู้กำกับใส่ฉากเหล่านี้เข้ามาในหนังทำไม  แค่ให้ขำๆ แค่ให้เปลืองเวลาฟิล์มเล่นๆ หรือเพราะต้องการสื่ออะไร อื่อ ใช่ๆ พออ่านอันนี้แล้วมานึกตาม ผมก็ว่าจริง เพราะจริงๆไม่งั้นก็ไม่ต้องใส่ไปก็สิ้นเรื่อง  ^^) ผมรู้สึก(ของผมไปเอง)ว่าบางทีที่ เราบอกว่าหนังมันไร้น้ำหนัก พ่อก็หายโกรธง่าย อ้อมก็คืนดีง่าย ไอ้นั่นก็เรียบๆ ไอ้นี่ก็แบนๆ ราวกับว่าเขาโหยหาอุปสรรค แบบว่าชีวิตพระเอกต้องรันทด กินขี้ คลุกฝุ่น ล้มลุกคลุกคลาน ต้องตวาดกันเสียงดัง ต้องทำหน้ายักษ์ เข้าใส่ โกรธกันที ก็งอนปลิ้น หนีไปอยู่รีสอร์ต พระเอกต้องตามไปง้อ พ่อต้องจับพระเอกขังไว้ในบ้าน แล้วยืนเกาะลูกกรง ซูมเข้าไปน้ำตาไหลพรากๆ ตะโกนออกมาว่า บูดาเบสสสสสสส เง๊ยๆ นั่นมันละครน้ำเน่าที่ตั้งกระทู้ด่ากันทุกวันชัดๆ จากคุณ : Kindaichi - [ 26 ธ.ค. 49 17:19:09 ]

ความคิดเห็นที่ 61 จขกท ขยันมั่กๆ จากคุณ : zmen - [ 26 ธ.ค. 49 17:45:20 ]

ความคิดเห็นที่ 62 กระทู้นี้กำลังถกกันมันส์เชียว มีเหตุมีผลดี http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A4994231/A4994231.html จากคุณ : reton - [ 26 ธ.ค. 49 18:35:46 A:203.156.89.243 X: TicketID:133343 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ละเอียดดีจังครับ บางฉากผมก็คิดไม่ออกขนาดนี้เลย แต่เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ผมชอบนะแม้ว่าใครหลายๆ คน ที่รู้จักกันจะรู้สึกเฉยๆ แต่ก็พอจะแบ่งเพื่อนผมได้สองแบบ 1.เคยมีประสบการณ์ความรักมาแล้ว ส่วนใหญ่ก็เห็น จะค่อนข้างอินกับหนังเรื่องนี้กันนะ แล้วก็จะชอบกัน อาจเพราะโดนใจอะไรสักอย่างล่ะมั้ง 2.ไม่เคยมีความรักจริงๆ ประมาณว่าอย่างมากก็แค่ชอบ คนนั้นคนนี้เพราะแค่ว่าน่ารักไปเรื่อย จะบอกกันว่าเรื่องนี้ ธรรมดา ไม่เห็นมีอะไรเลย นี่ก็เป็นการสรุปจากการฟังความเห็นของเพื่อนที่รู้จักกัน ส่วนคนอื่นจะเข้าตามนี้รึเปล่าผมไม่รู้ คนไม่เห็นด้วยไม่ จำเป็นต้องมาเถียงผม เพราะผมสรุปความที่ใช้ได้ เฉพาะกลุ่มคนที่ใกล้ตัวผมเท่านั้น แล้วเรื่องพ่อพระเอกก็เหมือนกันน่ะเข้าใจอยู่เพราะ ผมก็เคยทะเลาะกับพ่อแล้วก็ไม่พูดกัน แต่พอพ่อมา คุยด้วยก็คุยกันได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วถ้าคนมันจะรักกันน่ะบางทีไม่จำเป็นต้องมีอะไรมาก เค้าก็รักกันได้ ในชีวิตจริงก็มีแบบนี้เยอะไป ปล.คห.49 มาอธิบายเรื่องอื่นด้วยครับอยากรู้ ถ้าสามารถ ตีความหนังออกมาได้ขนาดนี้ผมว่าคุณเป็นคนที่เก่งมาก เลยครับ น่าจะลองหางานเป็นนักวิจารณ์ทำดู ลองเรื่องพวกนี้ดูก็ได้ครับ - ดึกดำดึ๋ย - ผีหัวขาด - พยัคฆ์ร้ายส่ายหน้า - ไฉไล - น้ำพริกลงเรือ จะรอนะครับ จากคุณ : bermby38 - [ 26 ธ.ค. 49 19:41:54 ]

ความคิดเห็นที่ 64 จากกระทู้นี้ครับ  ผมลองตอบมั่งนะ http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A4993330/A4993330.html ความคิดเห็นที่ 12 หนังเรื่องนี้ถ้าจะหาไดอะล็อคจี๊ด ๆ มันไม่มีอ่ะครับ แต่ถ้าคุณเป็นนักวิจารณ์ หรืออย่างผมที่เรียนด้านภาษาเลยได้วิเคราะห์สุดยอดวรรณกรรมเนี่ย คุณจะรู้ว่าหนังเรื่องนี้ แฝง meaning ของสิ่งต่าง ๆ ไว้มาก ฉากดุจดาวยืนท่ามกลางใบสมัครเข้ามหิดล มันมีความหมายแฝงว่าอย่างไร ฉากป้อมนั่งซ้อมตีกลองกับเข่า อ.ยาโน่มาเห็น มันแปลว่าอะไร ทำไมน้องป้อมกับน้องเฉดได้แค่รองชนะเลิศ HW ฯลฯ question ถ้าคุณตอบคำถามพวกนี้ได้หมด คุณจะรู้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ "บท" ยอดเยี่ยมเพียงใด ======================================= ฉากเปิดหนัง  มันแค่สื่อให้เห็นบุคลิกของดาวและป้อมครับ ตอนที่กระดาษลอยเต็มลานนะ  เราจะเห็นว่าดุจดาวพยายามกระโดดเก็บกระดาษที่ลอยอยู่บนฟ้า  แทนที่จะก้มลงไปเก็บกระดาษที่ตกอยู่บนพื้น  ทั้งๆ ที่มันง่ายกว่า  นั่นเพราะเขาจะสื่อให้เห็นว่าดาวเป็นคนที่ชอบไขว่คว้า  มองไปข้างหน้า ส่วนป้อมเป็นอะไรที่ตรงข้าม  ในขณะที่คนอื่นๆ รวมถึงดาว กระโดดเก็บกระดาษที่ปลิวไปมา  ป้อมกลับนั่งนิ่งอยู่กับที่ไม่ทำอะไร  ไม่แข่งอะไรกับใคร  รอจนกระทั่งกระดาษใบหนึ่งปลิวมาตกต่อหน้านั่นแหละ  มันถึงจะเอื้อมมือไปหยิบ ตรงนี้ก็สื่อให้เห็นบุคลิกของป้อมแหละ  ว่ามันไม่ได้เป็นคนที่ชอบไขว่คว้าหาโอกาส  แต่จะเป็นประเภทรอโอกาสลอยมาหาเสียมากกว่า  ซึ่งยิ่งดูเราจะยิ่งเห็นบุคลิกตรงนี้ชัดเจนขึ้น ======================================= ฉากป้อมนั่งตีเข่าตัวเองระหว่างซ้อม  สื่อง่ายๆ ให้เห็นถึงความไม่พร้อมของเจ้าตัวนะแหละ  พอไปเห็นคนอื่นที่มารอสอบ  เขามีเครื่องดนตรีเป็นของตัวเอง  แล้วก็ซ้อมอยู่อย่างตั้งใจ ทีนี้ตัวเองไม่ได้เตรียมอะไรมาสักอย่าง  ทำไงล่ะ นั่งรอเฉยๆ ก็จะดูน่าเกลียดไปไหม  ก็เลยนั่งตีเข่าตัวเองเ่ล่นไปงั้นแก้เก้อ  แล้วบังเอิญว่าอาจารย์จิทาโร่เดินผ่านมาเห็นเข้า  ก็เลยรู้ว่าเจ้านี่มันไม่ได้เตรียมไม้กลองมาหรือเปล่าวะ ฉากตอนสอบ  เราถึงเห็นว่าทำไมอาจารย์จิทาโร่ถึงหยิบไม้กลองมาให้ป้อมได้ไงครับ  ทั้งๆ ที่ปกติคงไม่มีใครพกไม้กลองติดตัวตลอดเวลาหรอก ======================================= ทำไมเฉดฉัตรถึงได้รองชนะเลิศ ฉากนี้แค่สื่อให้เห็นว่าทั้งคู่ไปถึงเส้นทางฝันที่คิดไว้  จะเห็นได้ว่าฉากนี้มีขึ้นเพื่อใช้ดึงความคิดของป้อม  ให้เริ่มถามตัวเองว่า  "แล้วกรูล่ะ  กำลังทำอะไรอยู่" นอกจากนี้ก็ยังใช้สื่อให้เห็นว่าทำไมถึงได้รับคัดเลือกให้ไปออกเทป  และก็ใช้เป็นเหตุผลในการขอให้อัสนีขวัญใจผู้กำกับ  มาเป็นตัวประกอบให้กับหนังเรื่องนี้ด้วย ====================================== ก็เท่านั้นเองแหละครับ   ส่วนที่คุณน้องแพรพูดมา  ผมว่าไม่ใช่หรอก  คุณอคติเกินไป  เลยมองหนังเรื่องนี้แบบตื้นเกินความเป็นจริง บางทีคนเราก็ Over Estimated ตัวเองได้เหมือนกันนะครับ (คุยกับคุณคงต้องคุยไทยคำปะกิตคำเนอะ) ไหนว่าจะมาแย้งประเด็นกับผมไง  ผมตอบไปแล้วไหงหายจ้อย  อิอิ ผมว่าคุณไม่ได้แค่ไม่ชอบหนังเกาหลีหรอก  คุณไม่ชอบหนังที่มีโทนการเล่าเรื่องผ่านภาพ  และหนังที่ต้องใช้จินตนาการคิดตามต่างหาก  หนังเรื่องนี้มาโทนหนังญี่ปุ่นครับ  ไม่ใช่หนังเกาหลี  เพราะหนังเรื่องนี้ไม่ีมีตัวร้าย  ไม่มีตัวอิจฉา  เป็นหนังมองโลกในแง่ดีแบบที่มักจะเห็นกันเยอะในหนังญี่ปุ่น จากคุณ : Mr. Forever - [ 26 ธ.ค. 49 19:43:07 ]

ความคิดเห็นที่ 65 bermby38 - การตีความมันต้องมีสารจริงๆ แทรกอยู่ครับ  ถึงจะตีความได้  ไม่ใช่ปั้นน้ำเป็นตัว  แล้วพูดไปมั่วๆ เหมือนเด็กศิลป์ที่ต้องส่งงานพรุ่งนี้  แล้วทำอะไรมั่วๆ ขึ้นมาสักชิ้น  ทำเสร็จค่อยหาคำพูดมาอธิบายงานตัวเอง Seasons Change ในประเด็นที่ผมยกมานั่น  มันมีสารของมันชัดเจนอยู่ในนั้น  อยู่ที่ว่าคนดูจะคิดตามหรือเปล่าเท่านั้นเอง  ส่วนหนังที่ยกมาบางเรื่องผมเคยดู  บางเรื่องก็ไม่เคยดู  ส่วนใหญ่หนังเป็นหนังที่เล่ากับคนดูตรงๆ  ไม่ได้มีการสื่ออะไรซับซ้อนอยู่แล้ว อย่าลืมว่าผู้กำกับ Seasons Change เขาเรียนจบการทำหนังมานะครับ  เพราะงั้นเขามีหลักมาการในการเขียนบทและกำกับหนัง  แถมพึ่งจบมาและนี่คือหนังเรื่องแรก  ทำให้การทำหนังมันจะมีเรื่องการแทรกศิลป์เข้าไปเยอะ  ซึ่งก็ไม่แน่ว่าพอรู้จักวงการ  และเข้าใจตลาดมากขึ้น เราจะเห็นหนังแบบนี้อีกไหม  เรื่องหน้าอาจจะเบากว่านี้พอสมควรสำหรับการสื่อสารผ่านภาพ แต่หนังที่คุณยกมา  ถามว่าใครกำกับครับ  เขาเหล่านั้นรู้จักหนังมากน้อยแค่ไหน  ส่วนมากก็รู้จักผ่านประสบการณ์  แล้วก็ทำๆ กันไป  หนังก็ออกแนวอย่างที่เราเห็นทั่วไปครับ  เล่าเรื่องตามสเต็ป 1 2 3 4  จากนั้นก็ยัดมุกตลกใส่เข้ามาแบบมุกต่อมุก  ยิ่งหนังของพจน์ อานนท์เนี่ย  ทำหนังไป คิดบทไปด้วยซ้ำ  จะให้มันละเอียดอะไรมากมาย หนังมันดีหรือไม่ดี  ดูง่ายๆ ผ่านการตัดต่อ  การคุมโทนหนัง  การเลือกมุมกล้อง  การเลือกดนตรีประกอบ  การเลือกจังหวะที่จะใส่โทนดนตรีเข้าไปเสริมอารมณ์หนัง  การใส่ใจกับการแสดงของตัวละคร  อะไรเหล่านี้มันชี้ชัดถึงความตั้งใจในการทำหนังครับ จากคุณ : Mr. Forever - [ 26 ธ.ค. 49 19:51:28 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ดูแล้วชอบ อ่านแล้ว ชอบมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไปดูอีกดีกว่า จากคุณ : Sivrunk !! (Sivrunk !!) - [ 26 ธ.ค. 49 19:57:03 ]

ความคิดเห็นที่ 67 โอ้ยยาวๆๆๆ เอาเป็นว่าชอบคร๊าบบบบบบบบ จากคุณ : ฟู (The Girl From 1969) - [ 26 ธ.ค. 49 20:19:03 ]

ความคิดเห็นที่ 68 Mr. Forever เหมือนเราจะไม่เข้าใจกันมั้งครับ ผมก็เห็นและคิดกับหนังเรื่องนี้คล้ายกับคุณน่ะแหละครับ ส่วนปล. ของผมน่ะประชดคห.49 ครับ คุณน้องส้วมน่ะ อยากรู้ว่าเค้าจะอธิบายเรื่องพวกนั้นว่ายังไง อ่านแล้วขำๆ ดีออก คือตอนแรกที่ผมดูในโรงเนี่ยเนื่องจากผมเป็นคนดูหนัง ประเภทสบายๆ ไม่ค่อยคิดอะไร แต่ผมก็ชอบเรื่องนี้นะ อาจจะไม่ได้คิดมาลึกซึ้งถึงขนาดคุณหรือคุณตวง แต่ก็ชอบมากพอที่จะไปหาซื้อชุด Limited มาเก็บ ซึ่งถ้าไม่ใช่หนังที่ผมชอบจริงๆ แล้วล่ะก็ส่วนใหญ่ ดูในโรงแล้วก็แล้วกันไป แต่เรื่องนี้ดูแล้วชอบแล้วก็ ไม่ได้คิดละเอียดอะไรก็จริง แต่พอมาอ่านของหลายๆคน ที่เขียนอธิบายไว้มันทำให้ผมได้เห็นอะไรในหนังมากขึ้น จนยิ่งรู้สึกชอบหนังเรื่องนี้มากขึ้นไปอีกซึ่งก็ต้องขอบคุณที่ ช่วยชี้หลายๆ จุดที่ผมมองข้ามไป ปล.อันนี้คห.51 กับสิ่งที่ผมคิดกับหนังเรื่องนี้ (แบบยาวๆ) http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A4994231/A4994231.html แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 49 20:55:35 จากคุณ : bermby38 - [ 26 ธ.ค. 49 20:36:52 ]

ความคิดเห็นที่ 69 เข้ามาลงชื่อด้วยคน เข้ามาเก็บเกี่ยวความรู้และความเห็น ถกกันแน่นเปรี้ยะ ชอบๆ กระทู้แบบนี้ ชอบ หนังเรื่องนี้ ด้วยเหมือนกันครับ ดูแล้วคิดถึง อาดาจิ + ชุนจิ อิวาอิ แบบไทยๆกำลังดีเลย Season changes , เมื่อ"เพื่อนสนิท"กลายมาเป็น"แฟนฉัน"ในวันที่"อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย" http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=09-2006&date=08&group=1&blog=1 จากคุณ : "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" - [ 26 ธ.ค. 49 20:52:29 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ชอบๆครับ ชอบอาดาจิ ชอบชุนอิจิ อิวาอิ เเละรัก Seasons change ครับ ใครมีดีวีดี จะได้ดู 4 เวอร์ชั่นครับ 1 เวอร์ชั่นปกติ 2 เวอร์ชั่น มีเสียงผู้กำกับ คุณนรา คุณหนุ่ย เเละอ.สุกรี บรรยาย 3 เวอร์ชั่น ตัวบรรยายเกร็ดหนัง 4 เวอร์ชั่น ผู้เเสดง ป้อม อ้อม ดาว เฉด ฉัตร ผู้กำกับ เเละคุณหนุ่ยมาบรรยายครับ จากคุณ : bigwores - [ 26 ธ.ค. 49 21:20:31 ]

ความคิดเห็นที่ 71 อาหารทะเลแช่แข๊งไม่อร่อย ให้ คห.49 นะ จากคุณ : Mrshadow - [ 26 ธ.ค. 49 21:23:47 ]

ความคิดเห็นที่ 72 bermby38 - ดูผิดไปนิดครับ  นึกว่าเอ่ยถึงผมที่ คห 59 ตัวอย่างของ คห. ที่ 49 เป็นตัวอย่างที่ดีของพวกเด็กศิลป์ที่สร้างงานขึ้นมาก่อน  แล้วค่อยหาเหตุผลมาอธิบายครับ  ของแบบนี้มันดูช่องโหว่กันง่าย ถ้าไ่ม่เห็นด้วยก็แย้งประเด็นฉากที่ผมยกมาอธิบายได้ครับ  ว่าผมคิดมากไปเอง  และมันไม่มีอยู่จริง จากคุณ : Mr. Forever - [ 26 ธ.ค. 49 21:28:32 ]

ความคิดเห็นที่ 73 นอกจากที่กล่าวมา ผมยังชอบบทเรื่องนี้ด้วยนะครับ รู้สึกว่ามันมีเสน่ห์และไม่ทื่อดี เช่น ตอนที่พ่อหายโกรธ แล้วมาตามป้อม ถ้าเป็นทั่วๆ ไป ก็อาจประมาณ รำพันถึงเหตุผลล้านแปด แล้วจบด้วยกลับบ้านกันเถอะ แต่เรื่องนี้สั้นๆ ครับ แค่พ่อชูขวดน้ำอัดลมขึ้น แล้วพูดประโยคของคนค้าขายว่า จะกินที่นี่ หรือ กินที่บ้าน โหย... คุรพ่อชวนกลับบ้านได้ เจ๋งดีว่ะ แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 49 21:38:27 จากคุณ : Wyvren - [ 26 ธ.ค. 49 21:36:27 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ฉากซ้อนจักรยานปั่นวนไปวนมา เราคิดว่ามันมีความหมายอะไรมากกว่านั้นนะคะ แต่เราไม่รู้จะพูดยังไงดี แบบ ทำไมอ้อมต้องนั่งซ้อนแบบหันหลัง ทำไมไปปั่นจักรยานตรงนั้นล่ะ (เพราะว่าภาพออกมาแล้วดูสวยเหรอ ไม่ใช่ม้าง) จากคุณ : ปลาทองแก้มยุ้ย - [ 26 ธ.ค. 49 21:59:22 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ฉากนั่นตั้งใจจะสื่อให้เห็นถึงความคิดเห็นที่สวนทางระหว่างป้อมกับอ้อมอะครับ  ฉากนี้เราจะเห็นว่าตอนแรกอ้อมเองก็ยังดูปกติ  แม้จะรู้ว่าป้อมกับดาวชอบๆ กันอยู่  แล้วตัวเองจะตกกระป๋องก็ตามที  แต่ก็ไม่มีสีหน้างอนหรือว่างอแงอะไร อารมณ์ประมาณว่าก็คนเขาชอบกัน  ทำไงได้ล่ะ  แฟร์ดีเนอะ แต่พอป้อมพูดแย้งขึ้นมาว่า  "ดาวบอกว่า..."  จุดนี้ทำให้ความน้อยใจเกิดขึ้นทันที  อารมณ์น้อยใจที่ว่า  ฉันรู้เรื่องนี้ช้ากว่าดาวเหรอ  ฉันเพื่อนซี้เธอนะ  ทำไมไม่มาคุยกับฉันก่อนล่ะ แล้วอ้อมก็ถามว่า  "อยากไปจริงๆ เหรอ"  ประโยคนี้แหละ  ที่ทำให้ผมเชื่อว่าอ้อมตัดสินใจยื่นใบสมัครสอบชิงทุน  หลังจากเหตุการณ์นี้ไม่นาน จากนั้นเราได้เห็นป้อมปั่นจักรยานไปตามทางยาว  ปลายทางมีทางออกเล็กๆ อยู่  ป้อมมองไปข้างหน้า  อ้อมนั่งซ้อนท้ายเงียบๆ มองไปข้างหลัง สารที่ผมได้รับจากฉากนี้คือ  ป้อมมันตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะสอบชิงทุนไปบูดาเปรสตามดาว  ที่มาคุยกับอ้อม  คำถามนั่นก็แค่การบอกเล่าธรรมดา  ต่อให้อ้อมบอกว่าไม่ให้ไป  อย่าไป  ไอ้ป้อมมันก็ไม่เปลี่ยนใจหรอก ปลายทางสุดแนวยาวนั้นแทนเส้นทางของป้อม  ที่ตอนนี้เจ้าตัวเลือกจะเดิน  ทางออกก็เหมือนเส้นชัยหรือเป้าหมาย ป้อมมองไปข้างหน้า  ในหัวตอนนั้นคงเห็นภาพตัวเองอยู่กับดาวอย่างมีความสุขที่บูดาเปรส   อ้อมมองไปข้างหลัง ในหัวตอนนั้นคงคิดถึงเรื่องราวเก่าๆ ที่เคยมีความสุขกันมา  แล้วก็ได้แต่บอกตัวเองว่า  "ป้อมจะไปแล้ว" อันนี้อธิบายไว้แล้วใน in depth review ของผมนะครับ  แต่สงสัยมันยาวไป คนเลยไม่ค่อยจะอ่านกัน แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 49 22:25:01 จากคุณ : Mr. Forever - [ 26 ธ.ค. 49 22:22:42 ]

ความคิดเห็นที่ 76 Scene ที่มีโปรเตอร์ถ่ายรูปหมู่ติดเต็มกำแพงเลย มันจะติดอะไรกันเยอะะแยะ ??? แล้วรูปหัวใจที่โปรเตอร์สีเดียวกับปากไฮไลด์ด้วย หรือว่าผมคิดไปเอง จากคุณ : djnick - [ 26 ธ.ค. 49 22:23:19 A:203.113.38.7 X: ]

ความคิดเห็นที่ 77 ผมเองเพิ่งได้มีโอกาสดูเรื่องนี้ ขอแสดงความเห็นหน่อยแล้วกันนะครับ ความรู้สึกของผมต่อเรื่องนี้ คือ 'เฉยๆ' ส่วนจะดีพอสำหรับรางวัลหรือไม่นั้น ผมไม่แน่ใจเพราะผมก็ไม่ได้มีโอกาสดูหนังไทยอีกหลายๆเรื่อง ประเด็นแรกที่ผมอยากจะติคือ พลังของนักแสดง ผมขอแสดงความเห็นว่าเล่นได้แข็งทื่อมาก ถึงแม้จะเป็นนักแสดงหน้าใหม่ แต่ผมก็ไม่สนใจหรอกว่าจะหน้าเก่าหน้าใหม่ ถ้าเล่นไม่ดีก็คือเล่นไม่ดี และถ้าพลังในการเล่นไม่ถึงพอ ถึงแม้จะเป็นหนังวัยรุ่นกุ๊กกิ๊ก หนังเรื่องนั้นก็จะสูญเสียความดีของมันไปโดยปริยาย อีกอย่างหนึ่งก็คือผมว่าบทบางตอนมันดูหลวมโพรกและดูไม่น่าเชื่อถือสักเท่าไหร่ อย่างการที่พ่อแม่ไม่รู้แม้กระทั่งลูกตัวเองเรียนที่ไหน ตามความเห็นผมคือ 'ไม่น่าเชื่อถือ' เหมือนกับว่าทางผกก.พยายามจะใส่ประเด็นความขัดแย้งระหว่างผู้ปกครองกับเด็กเรื่องทางเดินของชีวิตลงไปแล้วตั้งใจจะให้เรื่องนี้มาคลี่คลายในช่วงท้ายพร้อมๆกับจุดไคลแมกซ์อื่นๆ ไม่ใช่ในช่วงต้นเรื่อง แต่ไม่สามารถทำให้มันออกมาลงตัวได้ และยังมีอีกหลายๆฉากที่ผมรู้สึกว่า 'ห้วน' เกินไปจนทำให้อารมณ์ร่วมต่อหนังสะดุดกึก พร้อมกับคำถามที่ตามมามากมาย ส่วนเรื่องการใส่ 'สัญลักษณ์' เข้ามาสื่อในฉากหลายๆฉาก ผมก็เห็นด้วยว่ามันทำให้หนังดูน่าสนใจ และสามารถทำให้เราสนุกไปกับมันด้วยได้ แต่ทั้งนี้หนังที่มีสัญลักษณ์เหล่านี้ น้อยหรือมากก็แล้วแต่ ไม่ได้เป็นตัวบอกว่าหนังเรื่องนั้นจัดอยู่ในเกณฑ์ดีหรือไม่ ผมยังถือว่าองค์ประกอบทุกๆอย่างในหนังนั้นเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่ง ถึงบทจะดีแต่ถ้านักแสดงไม่สามารถสื่อออกมาได้ดีพอแล้วล่ะก็ หนังเรื่องนั้นก็อาจจะไม่สามารถซื้อใจคนดู (อย่างเช่นตัวผม) ไปได้ seasons change เป็นหนังที่เกี่ยวข้องกับดนตรีและความรัก แต่จริงๆแล้วไม่ได้มีอะไรที่เกี่ยวกับความรักและดนตรีเลย ทั้งสองอย่างเป็นเพียงเครื่องมือในการเล่า theme หลักๆ 2 อย่างเท่านั้น คือประเด็นความขัดแย้งในการเลือกทางเดินของชีวิตระหว่างพ่อกับลูก และการตัดสินใจในการเลือกสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุด ทั้งๆที่เป็นหนังรักแต่ผมกลับรู้สึกว่าหนัง (และผู้แสดง) สามารถสื่อออกมาได้เพียงผิวเผินเท่านั้น ทั้งๆที่เป็นหนังเกี่ยวกับดนตรี แต่ตัวหนังไม่สามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งที่สวยงามที่สุดที่มนุษย์เราสามารถรับฟังได้ได้อย่างเต็มที่เช่นกัน seasons change สำหรับผมจึงเป็นเพียงแค่เสียงดนตรีเสียงหนึ่งที่ผ่านเข้ามา ไพเราะเพราะพริ้งในระดับหนึ่ง แต่เสียงอันไพเราะนั้นก็ค่อยๆจางหายไปตามฤดูกาลที่ผันผ่าน ปราศจากความประทับใจที่น่าจดจำ แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 49 22:53:46 แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 49 22:38:41 แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 49 22:32:24 จากคุณ : Lueng - [ 26 ธ.ค. 49 22:25:55 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ประเด็นเรื่องพลังของนักแสดง ผมกลับมองเห็นว่านักแสดงเรื่องนี้เล่นได้มีมากๆ เลยนะครับ  โดยเฉพาะน้องต่ายที่รับบทอ้อมเนี่ย  เธอเข้าถึงบทบาทนี้แบบแทบจะเต็มร้อยเลย   บทอ้อมนี่เล่นยากที่สุดในหนังเรื่องนี้เลยสำหรับผม  เพราะต้องแสดงอารมณ์ผ่านแววตาและสีหน้าเยอะมาก  ฉากหลายต่อหลายฉากเธอสื่อออกมาได้ชัดเจน แจ่มแจ้งมากเลย   โดยเฉพาะฉากที่เพื่อนในวงแซวป้อมกับดาวเรื่องถ่ายรูปโปสเตอร์  ซีนนี้ตัวอ้อมจะเกิดสองอารมณ์ที่ขัดแย้งภายในใจ  คือแน่นอนว่าเศร้า  แต่จะแสดงออกมาได้  และที่เห็นคือน้องเขาแสดงด้วยการยิ้มออกมา  แต่แววตากลับดูเศร้าๆ อย่างเห็นได้ชัด  ซึ่งถือว่าแสดงดีมากนะ อย่างรางวัลคราวนี้  หากไม่ใช่เพราะชื่อชั้นของจินตหรา  รับรองว่าน้องต่ายได้รางวัลมาครองแน่  เพราะคะแนนรวมแพ้จินตราไปแค่ 0.02 เท่านั้นเอง ที่สำคัญบทของจินตราในเด็กหอ  ไ่ม่มากพอที่จะเรียกว่านักแสดงนำด้วยซ้ำ  แต่เพราะชื่อชั้นเลยดันกันขึ้นมาจนได้ ลองถ้าคงความสามารถในการแสดงไว้  แล้วเปลี่ยนเป็นนักแสดงคนอื่นสิ  รับรองว่าได้แค่สบทบหญิงแน่นอน ส่วนนักแสดงคนอื่นๆ ก็เล่นได้ดีครับ  ไม่ว่าจะเป็นดาวที่แสดงโดยน้องนาถ  จริงๆ แล้วบทเธอแบนมากๆ ไม่มีที่ีมาที่ไป  เหมือนจะสร้างขึ้นมาให้เป็นดาวไว้มองเฉยๆ  แต่ที่ดูแล้วรู้สึกว่าตัวละครตัวนี้มีเสน่ห์เนี่ย  มาจากฝีมือนักแสดงล้วนๆ เลยนะครับ ฉากวิ่งเล่นไล่จับ  ฉากตักผักให้ป้อมทาน  หรือฉากสารภาพความในใจก่อนขึ้นแสดง  ฉากเหล่านี้  ถ้าแสดงไม่ดี  มันจะดูจืดชืดมากๆ  เพราะเราไ่ม่มีความรู้สึกผูกผันกับตัวละครตัวนี้เท่าไหร่  ไม่เหมือนอ้อมกับป้อม  ที่เรารู้จักทั้งคู่มากกว่า ดังนั้นส่วนตัวผมว่าแสดงได้ดีเกินคาดมากๆ เลยสำหรับนักแสดงชุดนี้  แต่ก็แล้วแต่มุมมองครับ ================================== ประเด็นเรื่องบทหลวมเกี่ยวกับเรื่องโรงเรียน  อันนี้ผมเห็นด้วยครับ  สงสัยเหมือนกันว่าวันรายงานตัว  ทำไมพ่อแม่ป้อมถึงไม่ไป  จริงๆ แล้วโรงเรียนนี้จำเป็นแค่ไหน  ที่ผู้ปกครองต้องไปรายงานตัวพร้อมกันกับลูก ก็ถือว่าจุดนี้เป็นจุดที่หลวมของหนังจริงๆ แหละ   ======================================== ในส่วนของความรัก  หนังเรื่องนี้ใช้มันเป็นตัวเชื่อมเข้ากับเมนหลัก  แล้วก็ทำให้เรื่องเข้าถึงกลุ่มคนดูได้ง่ายขึ้นเท่านั้นเอง  ไม่ได้ใช้มันหนักหนาสาหัสมากเหมือนเรื่องอื่นๆ อย่าลืมว่าเด็กในวัยนี้มันยังไม่โตมาก  ดังนั้นการจะจับมาทำหวานๆ ใส่กันมันก็คงยากหน่อย  ยิ่งช่วงนี้กระทรวงวัฒนธรรมยิ่งเข้มๆ อยู่  แล้วก็ GTH ก็มีกรณีศึกมาให้เห็นหลายเรื่องแล้ว  ดังนั้นก็คงไม่กล้าเสี่ยงมากเท่าไหร่ หนังเรื่องนี้ก็เลยจะเน้นทำให้มันใสๆ ขนาดที่ว่าแค่แขนมาชนกันยังสะดุ้งอะ  ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกที่ทั้งเรื่อง  เราจะไม่เห็นตัวละครใดๆ บอกรักกันแบบโต้งๆ  ไม่เห็นการเดินจับมือถือแขนกัน  เพราะผู้กำกับตั้งใจจะใช้ความรักมาเพียงเพื่อจะสื่อให้เห็นว่า  ถึงแม้ว่าจะรักกันในวัยเรียน  แต่ถ้าเป็นความรักที่ฉุดกันไปในทางที่ดี  มันก็ไม่เสียหายอะไร อาจจะดูน้อยไปเมื่อเทียบกันหน้าหนัง  ที่ดึงให้คนดูคิดว่าต้องเป็นหนังรัก  แต่พอมาดูประเด็นรักมีไว้แค่ฉาบเปลือกเท่านั้นเอง  ดูลึกๆ ไปแล้ว  มันก็แค่ประเด็นรองที่ไม่ได้เน้นจริงจังมากเท่าไหร่นัก กระทั่งหนังจบ  เราก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวละครทั้งสาม  ตกลงใครเลือกใคร  ใครรักใคร  รู้แค่ว่าไอ้ป้อมมันรู้จักตัวเองมากขึ้น  และมันรักดนตรีเท่านั้นเอง ================================= หนังเรื่องนี้ถ้าจะติ  ผมก็ติไปแล้ว 5 ข้อใน In-Depth Review ของผม  ก็ถือว่าเป็นหนังที่ดีในความรู้สึกของผม  แน่นอนว่าไม่ได้ดีที่สุด  แต่เป็นหนังที่ผมประทับใจมากที่สุดตอนนี้ สำหรับผม  หนังเรื่องนี้เป็นเหมือนสายลมเบาๆ ที่พัดผ่านมาเรื่อยๆ เพราะดูแล้วมันไม่ได้เพียงแค่ดึงเอาเรื่องราวของตัวละครหลักในเรื่อง  ให้เลื่อนหลุดออกมาเพียงเท่านั้น  แต่มันยังดึงเอาภาพความหลังเก่าๆ ในความทรงจำของผมให้เลื่อนหลุดออกมาพร้อมกัน ผมรักหนังเรื่องนี้  เพราะหนังเรื่องนี้มีความทรงจำของผมแทรกอยู่ในนั้นครับ จากคุณ : Mr. Forever - [ 26 ธ.ค. 49 23:01:58 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ผมชอบมาก หนังไทยผมไม่เสียเงินดูมากนานมากแล้ว เรื่องนี้ผมก็ไม่ได้ไปดู แต่หลานซื้อ DVD มาแล้วได้อ่านกระทู้ในนี้เลยดู ผมชอบนะ อาจเป็นเพราะตอนผมเรียนแค่ ม.3และเป็นรร.ชายล้วนมั่ง ผมเลยรู่สึกว่ามันอบอุ่นและหวานยังไงก็ไม่รู้ แต่ชอบมาก จากคุณ : แว่นน้ำ (แว่นน้ำ) - [ 26 ธ.ค. 49 23:13:09 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ผมหลงรักหนังเรื่องนี้เลยล่ะ จะมีอะไรสำหรับวัยนั้น มากไปกว่า การหลงรักสาวที่เพรียบพร้อม ความฝัน การทำสิ่งที่รัก และเพื่อน การถ่ายภาพ การตัดต่อก้อออกมาดีมากๆ ผมไม่เห็นว่าจะต้องมีอะไรมากไปกว่านี้เลย  อยากให้เรืองหนักกว่านี้เหรอ เพิ่มอะไรเข้าไปดีล่ะ อ้อมจมน้ำ ดาวตกเครื่อง? ตีมหนังมันเป็นอย่างนี้ ก้อต้องออกมาใสๆแบบนี้ ผมว่า ลงตัวมากๆแล้วล่ะครับ ตินิดเดียว เพราะประสบการณ์ของผมเอง อยากให้ป้อมไปเรียนต่อซะ แล้วกลับมาหาอ้อม ก้อยังไม่สาย ^^ จะได้เป็นการพิสูจน์รักด้วย  (แต่ก้อโรแมนติกเกินตีมหนังไปอีก เออ ตีกลองแห่สิงโตกับอ้อมอ่ะ เหมาะแล้ว - -''  ไม่ใช่หนังเกาหลีนี่เนอะ อิอิ) จากคุณ : PaLLMtOgO - [ 26 ธ.ค. 49 23:35:58 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ขอบคุณคุณ Mr. Forever มากค่ะ จากคุณ : ปลาทองแก้มยุ้ย - [ 26 ธ.ค. 49 23:59:25 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ผมดูแล้วชอบ โดยที่ไม่ได้สนใจเลยว่า มันยังมีอะไรมากกว่านั้นอีกเหรอเนี่ย ดีครับ ได้ความรู้ดี แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 49 00:47:16 จากคุณ : แฟนแม่ลูกหมู (แม่ลูกหมู) - [ 27 ธ.ค. 49 00:45:54 ]

ความคิดเห็นที่ 83 รักหนังเรื่องนี้ค่ะ ขอเสริมนิดนึงตรงส่วนของเพลง seasons change ที่เรียบเรียงโดยอ้อม เราเข้าใจว่า มันเหมือน อ้อมได้ค้นพบที่ทางของตัวเองแล้ว  แม้ว่าเธอจะเล่นอะไรก็เพี้ยนไปเสียหมด แต่ลึกๆแล้ว คนเราทุกคนมีความสามารถ เพียงแต่บางครั้ง เรายังหามันไม่เจอ หรือหาเจอ แต่ยังไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับมันเพื่อให้ไปด้วยกันได้กับสิ่งที่เราชอบ ในวงออเครสตร้า ที่ "นั่งฟังเฉยๆก็มีความสุขแล้ว" จะยิ่งมีความสุขมากขึ้นขนาดไหน ถ้าได้ นั่งฟังเพลงที่ตัวเองเรียบเรียงเอง (แถมยังได้แอบเพิ่มโน๊ตให้ 'ทิมปะนี' ได้ตีตลอดเพลงอีกต่างหาก) ^____^ ปล. ดูแล้วรักน้องต่ายอ่ะ น่ารักสุดๆ จากคุณ : ใจจุลินทรีย์ - [ 27 ธ.ค. 49 00:47:46 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ชอบ In-Depth Review Seasons Change มากๆค่ะ รีวิวได้เยี่ยมจิงๆ จากคุณ : ssch - [ 27 ธ.ค. 49 00:54:03 A:124.120.1.58 X: ]

ความคิดเห็นที่ 85 อีกนิดนะคะ ชอบฉากสีไวโอลินชิงทุนของอ้อมมาก เหมือนฟังคนร้องไห้ไป ร้องเพลงไป เพี้ยนน่ะเพี้ยนแน่ แต่เศร้าจนน้ำตาไหลเลยล่ะ จากคุณ : ใจจุลินทรีย์ - [ 27 ธ.ค. 49 01:01:28 ]

ความคิดเห็นที่ 86 การที่มีคนคอยตามแก้คนอื่นทุกช็อตทุกคำ มันน่ารำคาญนะ รู้จักเคารพความเห็นคนอื่นบ้าง จากที่เฉย ๆ จะเริ่มเป็นเกลียดหนังเรื่องนี้แล้วนะ จากคุณ : รำคาญ - [ 27 ธ.ค. 49 05:10:06 A:203.188.50.56 X: TicketID:126355 ]

ความคิดเห็นที่ 87 คุณ รำคาญ  เพราะบางคน (ส่วนน้อย) ตำหนิหนังโดย ที่มีอคติ หรือประสบการณ์ในการดูหนังที่แสดงออกด้วยภาพไม่มีคำพูด หรือไม่ก็ชอบที่จะดูหนังที่เข้มข้น ซีเรียส วิพากย์สังคมกันอย่างตรงๆ พอเป็นหนังวัยรุ่น แรกสุดก็ตั้งแง่ว่า ไม่มีอะไร ก็หนังวัยรุ่น บวกกับ อย่างที่บอก การ implement ของหนังมันเล่าด้วยภาพมากกว่า สารต่างๆ เลยถูกละเลยจากความเคยชิน ที่หนังไทย หรือละครไทย ทำให้ชม  ( ละครไทย ขนาดตัวแสดงคิดอะไร ยังต้องพูดออกมาเลย ตลกดี )   ที่แต่ละคนออกมาแสดงความคิดเห็นนั่นคือ มุมของหนัง ถ้าคุณไม่อคติ แล้วลองเอาไปคิดตาม และยังเห็นว่า ก็ไม่เห็นมีอะไร หรือมันก็ไม่เห็นจะดี ก็โอเคครับ เพียงแต่ ทางคนที่เขามีมุมมองของเขา ก็ขอแสดงความคิดเห็นออกมาก็เท่านั้น เหมือนโต้วาที  คุณตำหนิ shot ไหนมา  ผมก็มีข้อแก้ต่างที่เป็นหลักการพอสมควร   ถ้าคุณมีความเห็นขัดแย้ง ก็มาพูดคุยกันได้ ด้วยหลักการ ไม่ใช่อคติ หรืออารมณ์   ไม่ใช่บอกหนังไม่มีที่ติเลย  หนังทุกเรื่องไม่สมบูรณ์แบบหรอกครับ  เชื่อสิ คนจะติ ขนาดหนังออสการ์ หรือหนังดีๆ  ผมว่า มีคนหาข้อเสียออกมาได้เยอะแยะ ถ้าคนมันจ้องจะจับผิดนะ   หนังไทยที่เข้ารอบปีนี้ ทุกเรื่อง ผมว่าหาข้อติเป็นสิบๆ เหมือนกันแล่ะ จากคุณ : jedijoke - [ 27 ธ.ค. 49 08:48:59 ]

ความคิดเห็นที่ 88 อ่านมาจนเมื่อยแล้ว ผมขอค้านความเห็นเรื่องปอ้มตอนซ้อมกลองก่อนเข้าสอบ -มันถูกต้องที่คุณบอกว่าป้อมไม่พร้อมเพราะไม่เอาไม้กลองมา -แต่มันไม่ถูกต้องที่บอกว่าป้อมซ้อมเพราะเห็นคนอื่นเข้าซ้อม เนื่องจากผมเป็นนักดนตรีครับ และผมก็เล่นกลองเหมือนป้อม ลักษณะของคนบ้ากลองจริงๆ จะชอบนั่งตีมือ ตีเข่าเอาเองครับ คิดดูตอนผมขึ้นรถเมล์ยังแอบฝึกเหยียบกระเดื่องเลย ดังนั้น การกระทำของป้อมในข้อนี้จึงไม่ได้บอกว่าป้อมไม่ใส่ใจ อีกอย่างหนึ่ง ป้อมมันเล่นกลองชุดนะครับ จะให้แบกเอามาซ้อมหรอ??? ............ โดยส่วนตัวชอบเรื่องนี้มากๆๆๆ เพราะมันทำให้ผมกลับมาถามตัวผมเองว่า "ทำไมผมถึงเล่นดนตรี ???" และ"ความฝันของผมตอนนี้หายไปไหน ???" +++++++++++++++++ ขอแสดงความนับถือครับ จากคุณ : เด็กเซเว่น - [ 27 ธ.ค. 49 08:58:36 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ขอบคุณครับ เด็กเซเว่น จากความเห็นผู้กำกับ  อ้างมา :  ที่ป้อมมานั่งซ้อมตรงนั้น เพราะตรงนั้น ดุจดาวนั่งอยู่ เลยประมาณจะมานั่งใกล้ๆทำนองนั้น ทั้งๆที่ห้องสอบ กลองชุด มันคนละห้องกับ สอบไวโอลีน จนอาจารย์จิโร่ เดินผ่านมา แล้วมาเจอ ถึงได้บอกว่า ห้องสอบกลองมันอยู่อีกห้อง   เหตุที่ดูเหมือนป้อมไม่ใส่ใจ   คนเป็นนักดนตรีอย่างคุณก็น่าจะรู้  อาวุธประจำกายของนักกีตาร์ ก็คือ กีต้าร์  มือเบส ไปไหนก็น่าจะพกเบสไปด้วย  แล้วป้อมล่ะ  ไม่จำเป็นต้องแบบกลองไปหรอกครับ  แค่ไม้กลอง น่าจะพกมา แต่ก็เป็นไปได้ ที่ ป้อมมันไม่รู้อะไรเลยกับโรงเรียนดนตรี  ดาวมาสอบก็มาไม่ได้ศึกษาว่า เวลาสอบปฏิบัติต้องเตรียมไรบ้าง แต่ก็นะ มันก็บอกลักษณะของป้อมตอนต้นเรื่องคือ ชีวิต ชิวๆ ยังไม่ไขว่คว้า หรือมีความมุ่งมั่นที่จะทำอะไรในชีวิต  ก็เหมือนผมตอนนั้นแล่ะ เรียนตามเพื่อนไปงั้นๆ  หะหะ จากคุณ : jedijoke - [ 27 ธ.ค. 49 10:13:05 ]

ความคิดเห็นที่ 90 โอ้ คนเข้ามาล้นหลาม ผมตั้งกระทู้นี้เพราะอยากตั้งครับ มีบางเสียงเรียกร้องให้ผมมาเฉลยคำถาม (ในมุมมองคำตอบของผม ) ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาแสดงความเห็นครับ ^ ^ จากคุณ : ตวงสิทธิ์ - [ 27 ธ.ค. 49 18:57:00 ]

ความคิดเห็นที่ 91 -นี่ คุณๆ ที่ตีความฉากโน้นฉากนี้กันน่ะ คุณเห็นได้เอง หรือว่าไปฟัง ผกก. เค้าพูดมา -ดิฉันได้ข่าวว่ากำลังดูหนังอยู่ และรางวัลที่ได้ก็คือ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม แต่ที่คุณๆ กล่าวอ้างคุณสมบัติทั้งหลายแหล่มานั่น มันน่าจะเป็น"เกมถอดรหัส"เสียมากกว่า เพราะฉะนั้นรางวัลนี้จึงไม่เหมาะ -เห็นด้วยกับคห 77 คุณLueng ชื่อเรื่อง มันเกี่ยวอะไรกับหนังเหรอ ขอเจาะจงถาม Mr.forever กับ คุณตวงสิทธิ์ จากคุณ : พี่ส้วม - [ 28 ธ.ค. 49 11:24:54 A:203.150.137.129 X: TicketID:123154 ]

ความคิดเห็นที่ 92 เราว่าคนที่ชอบหนังนี้ส่วนหนึ่ง 1. ชอบความรักแบบกุ๊กกี้ ออกแนวเพ้อฝัน 2. ชอบการตีความหมายแบบสัญลักษณ์ 3. มีอารมณ์สุนทรีย์ 4. มองโลกอย่างมีเงื่อนไขและศรัทราในโลก จะทำให้ชอบหนังเรื่องนี้ ซึ่งคนที่เป็นแบบอื่นหรือ type อื่น จึงเป็นไปได้ที่จะไม่ชอบหนังเรื่องนี้ จากคุณ : cmr - [ 28 ธ.ค. 49 12:22:04 ]

ความคิดเห็นที่ 93 #91 - ผมยังไม่มีดีวีดี (ตอบไปแล้วใน #43 ) ดังนั้นทั้งหมดที่คุณได้อ่านนี่คือความคิดเห็นของผม - หนังเรื่องนี้ไม่ใช่เกมส์ถอดรหัส แต่การที่ผมเอามาถอดรหัสเพราะอยากถอด แน่นอนว่าคงมีคนคัดค้านว่าเรื่องนี้ไม่เหมาะได้ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม แต่ผมเป็นคนหนึ่งที่จะเห็นด้วยเพราะ 34 ฉากที่ผมได้กล่าวไป - ชื่อเรื่องเป็นจุดอ่อนจุดหนึ่งของหนังเรื่องนี้ แต่ถ้าคุณดูดี ๆ โทนของเรื่องจะเปลี่ยนไปตามใจพระเอก(รวมถึงเพลงที่ฝึกกันในวงออเคสตรา) ดังนั้น คาดเดาได้ว่าอาจจะเป็นคำตอบของพระเอกเรื่องนี้ถ้าโดนใครถามว่าทำไมแกเปลี่ยนใจบ่อยจังฟะ ก็... เพราะอากาศมันเปลี่ยนแปลงบ่อย ออกแถวแถหน่อย ๆ แบบนี้ล่ะมั้งครับ ^ ^ จากคุณ : ตวงสิทธิ์ - [ 28 ธ.ค. 49 13:11:02 ]

ความคิดเห็นที่ 94 พี่ส้วมครับ ถ้าคุณเคยดูหนังแนวๆนี้บ่อย ซึ่งบางเรื่องก็ดีกว่า SC ยอมรับ คุณจะรู้สึกว่า เราไม่จำเป็นต้องตีความถอดรหัสเลย เพียงแต่ หนังมันบอกด้วยภาพอยู่แล้ว แล้วก็บอกตรงๆด้วย บางฉาก เพียงแต่ หลายคนเอง เคยคิดตามหรือป่าว อย่างที่บอก ผมว่า คนไทย โดยส่วนใหญ่ แล้วหนังไทย ยังไม่ค่อยมีหนังที่เล่าหนังด้วยภาพอย่างนี้เลย มันก็แค่นั้นที่คนจะรู้สึกมันกลวง เพราะการสนทนาของตัวละครน้อย ทำให้ดูไม่มีอะไร และไม่จำเป็นต้องให้ผู้กำกับมาบอกหรอกครับ ว่า ฉากนี้สื่อถึงอะไร  คุณพี่ตวงสิทธิ์ หรือ Mr Forever เขาเห็นมาตั้งแต่หนังฉายแล้วครับ แล้วคนส่วนใหญ่ หลายๆคนก็เห็นมีการถกกันตั้งนานแล้วครับ แล้วถามกลับอีกที ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมต้องเป็นแบบไหน ห้าม เป็นหนังรักใช่มั้ย ต้องเป็นหนังซีเรียส ตีแผ่ด้านมืดสังคม  ต้องเป็นหนังที่ดูเครียด ปีนบันไดดู หรือ Production อลังการงานสร้าง  ผมว่า ไม่ใช่นะ ผมว่า องค์ประกอบต้องมีทุกอย่าง ทั้งบท การแสดง เพลงประกอบ แล้วบางทีต้องมีสาระให้กับสังคม ไม่ว่าประเด็นใดก็ตาม ซึ่ง SC ก็มีครบ  ยอมรับ ว่าอาจไม่ที่สุด แต่ก็ดีพอๆกับเรื่องอื่น  ถ้าอยากจะให้ครบอย่างไง ก็ลองถามมาสิครับ จะตอบ จากคุณ : jedijoke - [ 28 ธ.ค. 49 15:55:34 ]

ความคิดเห็นที่ 95 งั้นก็ลองอธิบายมาสิครับ แล้วที่บอกว่าครบเนี้ย ครบตรงไหนครับ ช่วยอธิบายด้วยน่ะครับ หนังมันทำได้ดีแค่ระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะดีที่สุดนิครับ กรูณาอย่าคิดเข้าข้างตัวเองครับ จากคุณ : TEEYAI2HAND - [ 28 ธ.ค. 49 21:55:29 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ชอบครับ จากคุณ : ฆ่าไม่นับสับไม่เลี้ยง - [ 28 ธ.ค. 49 22:07:25 ]

ความคิดเห็นที่ 97 น้องส้วม  (ขอเรียกน้องตามที่ประเมินได้จากวุฒิภาวะทางตัวอักษรนะ) - ขออภัยครับ  ช่วงนี้เน็ตนอกเข้าเวปไทยค่อนข้างมีปัญหาเลยไม่ได้เข้ามาตอบ ประเด็นว่าหนังดีพอจะได้ภาพยนต์ยอดเยี่ยมไหม  อันนี้ผมตอบไม่ได้จริงๆ ครับ  เพราะไ่ม่ได้ดูหนังไทยหลายๆ เรื่องที่เข้าชิง  เพราะไม่ได้อยู่ไทย  ไม่มีโอกาสได้ดู  ดังนั้นส่วนนี้ผมไม่มีความเห็นครับ หนังอาจจะไม่ได้ดีเลิศอะไรมากมาย เพราะผมก็ให้มันแค่ 80 คะแนนเต็มร้อย  แต่คะแนนส่วนความประทับใจให้เต็มร้อยแน่นอนเพราะความชอบส่วนตัว   ยังไงรอดูรางวัลอื่นครับ  มีอีกสองสามรางวัล  ก็รอดูว่าภาพยนต์เรื่องไหนจะได้ไป  ประกวดเมืองไทยจะเฉลี่ยกันแจกรางวัลหรือเปล่า  หรือเป็นรางวัลเฉพาะค่ายหนังหรือเปล่า  อันนี้ก็รอดูกันครับ แต่ถ้า Seasons Change ได้รางวัลครบหมด  คุณก็คงบอกว่าปีนี้กรรมการตัดสินตามกระแสอีกตามเคย  เอิ๊กๆๆ   ถ้ามันได้จริงขึ้นมาก็คงถึงเวลาถามตัวเองแล้วมั้งครับ  ว่าตกลงมันเิกิดอะไรขึ้น ส่วนที่ถามว่าชื่อหนังมันเกี่ยวอะไรกับหนัง  อันนี้อธิบายตามนี้ครับ เขาเปรียบชีวิตวัยรุ่นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อว่าไม่่ต่างอะไรกับฤดูกาลครับ  เดี๋ยวตัดสินใจอย่างนู้น  เดี๋ยวตัดสินใจอย่างนี้  ไม่แน่นอนไม่ชัดเจน  นั่นเพราะยังไม่มีวุฒิภาวะทางความคิดที่ดี ทำให้การตัดสินใจไม่รอบคอบมากนัก  ผลที่ตามมาก็คือทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการตัดสินใจบ่อยๆ ก็เหมือนกับฤดูกาล  ที่มันเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ เมื่อถึงระยะเวลาที่เหมาะสม ตัวละครในเรื่องที่ตรงกับชื่อเรื่องก็คือป้อม  ตัวพระเอกนั่นเอง  เริ่มแรก  เขาตัดสินใจมาเรียนที่โรงเรียนดนตรี  เพราะตามผู้หญิงมา  อันนี้ชัดเจนแน่นอน แต่ต่อมาเมื่อเริ่มเรียนรู้อะไรมากขึ้น  เริ่มรู้จักสิ่งต่างๆ มากขึ้น  ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน  ดนตรี (กลอง)  และความผูกผันกับสังคมรอบข้าง (กลองทิมปะีนีใช้แทนความผูกผันในการเล่นดนตรีของป้อม)  ทำให้การตัดสินใจก่อนหน้านั้นที่เคยมีมาเปลี่ยนแปลงไป  เหมือนๆ กับฤดูกาลที่เริ่มเปลี่ยนแปลงนั่นเอง นอกจากนี้ยังใช้ได้ในแง่ของความรู้สึกของตัวละครด้วย  ว่ามันเปลี่ยนแปลงไปไ้ด้  อย่างความหลงของป้อมที่มีต่อดาวในช่วงแรกๆ เมื่อเขาเริ่มเรียนรู้  ว่าความรู้สึกที่มีให้กับดาวนั้นมันคืออะไร  ต่อมาความรู้สึกในใจเขาก็ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป  เริ่มรู้จักตัวเองมากขึ้น  เริ่มเรียนรู้มากขึ้น  ก็เหมือนกับฤดูกาลที่เริ่มเปลี่ยนแปลงไป ส่วนอ้อม  เธอเองก็ไม่ต่างกัน  ชีวิตของเธออาจจะดูสดใสร่าเิริง  ไม่ต่างอะไรกับแสงแดดในฤดูร้อน  แต่ก็มีบางครั้งเมื่อเริ่มเรียนรู้กับความรักในช่วงระยะเวลาสั้นๆ สักพักเธอก็พบว่าความรักที่เคยคาดหวังไว้ไม่ได้เป็นอย่างใจ  แถมยังมีปัญหาเรื่องการเล่นดนตรีที่เธอรักไม่ได้อย่างที่เธอต้องการอีก  เพราะเล่นเพี้ยน เล่นผิด   แต่สุดท้ายเมื่อวันเวลาผ่านไป  เมฆหมอกสีดำที่เคยทำให้ชีวิตของเธอหม่นเศร้าก็เริ่มจางหายไป  เมื่อเธอเริ่มเรียนรู้อะไรต่างๆ มากขึ้น  เริ่มรู้ว่าัตัวเองสามารถเดินไปข้างๆ กับดนตรีได้อย่างมีความสุขโดยไม่ต้องเล่นมัน  แต่เปลี่ยนมาเป็นเรียบเรียงทำนองแทนได้  ส่วนความรัก  เราไม่รู้ว่าสุดท้ายความสัมพันธ์ของเธอกับป้อมเป็นไปอย่างไร  แต่ดูเธอก็มีความสุขดีกับความสัมพันธ์ตรงนั้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงวัยรุ่นมันก็เป็นอย่างนี้  มีการตัดสินใจถูกบ้าง  ผิดบ้าง  ทำอะไรโง่ๆ ไปบ้าง  แต่พอได้เรียนรู้อะไรมากขึ้น  วุฒิภาวะมากขึ้น  สุดท้ายทุกอย่างก็จะผ่านไป  ไม่ต่างอะไรกับฤดูกาลที่หมุนเวียนผ่านเข้ามา  มีร้อน  มีหนาว  มีสดชื่นสดใส  แล้วแต่ว่าชีวิตช่วงไหนของเราจะพบผ่านกับเรื่องราวอย่างไรในช่วงเวลานี้ สรุปว่าวิถีชีวิตในช่วงวัยรุ่นที่หมุนเวียนเปลี่ยนไป  ชีวิตที่ต้องตัดสินใจในเรื่องต่างๆ มากมาย  ผิดบ้าง ถูกบ้าง  มันก็ไม่ต่างอะไรกับฤดูกาลที่พัดผ่านเข้ามานั่นเองครับ ขัดเจนไหมครับ ??? จากคุณ : Mr. Forever - [ 29 ธ.ค. 49 08:48:28 ]

ความคิดเห็นที่ 98 Season Change เป็นหนังไทยเรื่องแรกที่ผมดูได้หลายรอบไม่เบื่อ ชอบมากจริงๆ จากคุณ : pockship - [ 29 ธ.ค. 49 10:15:36 ]

ความคิดเห็นที่ 99 คุณ TEEYAI2HAND ความเห็น 95 ครับ  ผมต้องขอโทษครับที่อาจจะอธิบาย ความเป็นภาพยนตร์ยอดเยี่ยมไม่ได้ละเอียดนักว่า ต้องมีอะไรบ้าง ไม่งั้น ผมคงเป็นคณะกรรมการได้ แต่จะพยายามศึกษา ศาสตร์ในภาพยนตร์ครับ   ส่วน SC คุณก็บอกเอง เป็นหนังที่ดีในระดับหนึ่ง ดังนั้น ผมถามต่อครับว่า เรื่องที่เหลือ เช่น 13, เปนชู้กับผี , เด็กหอ  มีอะไรที่เหนือกว่า SC อย่างโดดๆมั้ย ผมว่าประเด็นที่มาถกกระทู้ช่วงนี้คือ    ทำไมพอ SC ได้ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม จึงมีคนเข้ามาบอกว่าไม่เหมาะสม  คืออยากบอกว่า ไอ้คำที่ไม่เหมาะสม หนังเรื่องอื่นๆ ดีกว่า SC แบบชัดๆ ตรงไหน ก็เท่านั้น ซึ่งก็มีหลายคน มาแนะว่า หนังจริงๆมันเป็นไง     สรุป ผมก็ไม่ได้บอกว่า SC นี่ดีกว่าเรื่องอื่นที่เข้าชิง อย่างโดดเด่น จนมันต้องได้  ถ้า 13 ได้ หรือ เรื่องอื่นๆได้ ผมก็แค่เสียดายที่หนังที่ผมเชียร์ไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้จะไปว่า หนังที่ได้ มันไม่ดี ไม่สมควร  เพราะ จากหนังที่เข้าชิง ทั้งหมด 5 เรื่อง ผมดูไป 4  และก็เห็นว่า ก็โอเคนะ ที่เรื่องไหนจะได้  ก็เท่านั้น จากคุณ : jedijoke - [ 29 ธ.ค. 49 10:41:55 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ขออนุญาตคัดลอกครับคุณตวงสิทธิ์ Scene 23-- ฉากป้อมกินก๋วยเตี๊ยวที่บ้าน งานนี้ก๋วยเตี๋ยวมีผัก - ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพ่อแม่โกรธเนอะ ก่อนหน้านี้ไม่เห็นก๋วยเตี๊ยวมีผักเลย - ถ้าไม่ ดูต่อไป "เอานมกล่องไปฝากเพื่อนที่หอด้วยนะ เผื่อหิว .. เวลาซ้อมดึก ๆ น่ะ" พระเอกเราเลยเข้าใจผิดนางเอกซะเลย จากคุณ : ตวงสิทธิ์   - [ 26 ธ.ค. 49 14:01:31 ] ** ฉากนี้ คำนี้ ทำให้ผมน้ำตาคลอเพราะคิดถึงคุณแม่ที่เสียไป อารมณ์โกรธลูกน่ะมี แต่ก็ห่วงอยู่ไม่น้อยเลย ใช่มั้ยครับ ถึงลูกจะทำให้ผิดหวังแค่ไหน แต่แม่ ก็คือแม่ที่ยังรักและห่วงลูกอยู่เสมอ แก้ไขเมื่อ 29 ธ.ค. 49 12:53:05 จากคุณ : เซตั้น - [ 29 ธ.ค. 49 12:51:30 ]

ความคิดเห็นที่ 101 อาหาร สาระของมันคือ กินแล้วอิ่ม สิ่งที่ตามมา คือ อร่อย คุณค่า สวยงาม ต่างๆ ว่าไป หนัง(หรือละคร) สาระของมันก็คือ ดูแล้วสนุก ส่วนที่ตามมาไม่ว่าจะเป็น ปรัชญา สัญญะ นัยยะ องค์ประกอบศิลป์ และอีกจิปาถะมากมายหลายล้านแปดอันผู้มีความรู้อย่างท่านๆพึงยกอ้างกันขึ้นมา ซึ่งส่วนต่างๆ เหล่านี้ก็มีส่วนทำให้หนังสนุก แต่หนังเรื่อง "เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย" ...ไม่สนุก... ถึงแม้ว่าจะมีองค์ประกอบแอบแฝงที่พวกคุณๆ อุตส่าห์สรรหาตีความให้ความหมายสร้างคุณค่ากันขึ้นมาอย่างลมๆ (รึเปล่า) มันก็ไม่ได้ทำให้หนังเรื่องนี้สนุกขึ้นมา อาหารที่กินไม่อิ่ม และ ยังไม่อร่อยอีกเสียซ้ำ ก็ควรจะ... ไม่รู้สิ... จากคุณ : แม่ส้วม - [ 29 ธ.ค. 49 12:54:36 A:203.154.49.112 X: TicketID:123154 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ให้ถึง 80 เลยเหรอครับ ส่วนตัวของผมให้แค่60ยังมากไปเสียด้วซ้ำ แล้วที่อธิบายชื่อเรื่องเกี่ยวกับตัวหนัง แล้วเพลง มันเข้าไปเกี่ยวข้องตรงไหนครับ ช่วยอธิบายหน่อยครับ จากคุณ : TEEYAI2HAND - [ 29 ธ.ค. 49 13:00:50 ]

ความคิดเห็นที่ 103 เออ คุณแม่ส้วมครับ  ผมว่าคนโดยส่วนใหญ่ กินอาหารเรื่องนี้อร่อยครับ แต่คุณ ทานไม่อร่อยคนเดียว ก็เป็นสิทธิ์ของคุณครับ ไม่ว่ากัน คือผม ไม่ว่าไรหรอก ถ้าคุณจะไม่ชอบ  แต่อย่างที่พวกคุณๆที่ไม่ชอบ ชอบพูดว่า พวกผม หรือคนที่พยายามยกอ้าง ( ผมว่า พวกผม หรือหลายๆท่านอ้างอย่างมีหลักการนะครับ  แต่คุณที่บอกไม่ชอบ ผมอยากให้ลองยกหลักการหรือ มีอยู่แค่อย่างเดียว คือฉันไม่ชอบ ไม่ get เท่านั้น ก็โอเคครับ )    แต่คุณก็เอาส่วนที่คุณไม่ชอบตัดสินหนังว่าห่วย  มันก็เกินไปครับ  หนังห่วยน่ะ มันก็น่าจะมีองค์ประกอบที่ทำให้มันห่วยครับ ถ้าคุณรับว่า เหตุที่คุณไม่ชอบ เพราะมันไม่ใช่รสนิยม ดูไงก็ไม่เข้าใจ  ผมยอมรับในส่วนนี้  แต่ถึงขนาดด่าตัวหนัง งั้น ผมอยากรู้ว่า Style ตัวหนังที่มีคุณภาพของคุณ  มีอะไรบ้างครับ  อยากรู้ Style น่ะครับ จากคุณ : jedijoke - [ 29 ธ.ค. 49 13:44:39 ]

ความคิดเห็นที่ 104 TEEYAI2HAND   ผมไม่รู้คุณได้อ่าน ทุกคำตอบที่ตอบในกระทู้หรือไม่ ถ้าคุณอ่านแล้ว ยังคิดว่า มันไม่ได้ดีอย่างที่คิด ผมยอมรับครับ  แค่นี้แล่ะ   เพราะผมก็ไม่คิดว่า หนังยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะในประเทศ หรือต่างประเทศ มันคงไม่ถูกใจใครไปซะหมดหรอกครับ แต่อยากขอเหตุที่ไม่ชอบ  แค่เหตุผลที่ว่า ไม่ถูกชะตากับหนัง หรือหมั่นไส้  ก็ถือว่าเป็นเหตุผลครับ  โอเค  ตกลงผมยอมรับว่า ในความเห็นคุณ เรื่องนี้ ไม่ได้ดีเด่นอะไรเกิน ครับ   ขอบคุณ ที่ให้ความคิดเห็นครับ จากคุณ : jedijoke - [ 29 ธ.ค. 49 13:47:35 ]

ความคิดเห็นที่ 105 ขอบคุณมากๆ สำหรับความเห็นของคุณตวงสิทธิ์ , Mr. Forever  และ คุณ jedijoke ทำให้เราได้คำตอบแล้วว่าทำไม  หนังแนววัยรุ่นใสๆ ที่ดูเหมือนจะธรรมดาเรื่องนี้   กลับทำให้เราประทับใจจังเลยเวลาดูจบ  โดยเฉพาะแฟนเรา เค้าเป็นนักดนตรี   ตอนดู เห็นเค้าอมยิ้มตลอดเลยและดูเหมือนจะซึมซับแง่คิดได้มากกว่าคนไม่รู้เรื่องดนตรีอย่างเราด้วยค่ะ จากคุณ : Big Birdytoh - [ 29 ธ.ค. 49 14:28:51 ]

ความคิดเห็นที่ 106 คนบางคนนี่ก็แปลก ตัวเองกินไม่อร่อย ก็ต้องด่าคนอื่นที่บอกว่าอร่อย ทั้งที่ก็ไม่มีใครไปบังคับให้กินเสียหน่อย จากคุณ : SmokyBeacon - [ 29 ธ.ค. 49 14:31:02 ]

ความคิดเห็นที่ 107 ก็อยากรู้งัยครับว่าที่บอกว่าอาหารมันอร่อย มันอร่อยตรงไหน กินเข้าไปแล้วมันก็ใช้ได้น่ะครับ แต่จะให้กับให้เอ่ยปากชมว่ายอดเยี่ยมเนี้ย  มันกระดากปากครับ แต่ยังไม่เห็นอธิบายเลยน่ะครับว่าตกลง เพลงนี้มันเกี่ยวข้องก่ะตัวหนังตรงไหน จากคุณ : TEEYAI2HAND - [ 29 ธ.ค. 49 17:47:51 ]

ความคิดเห็นที่ 108 งั้นเอาเป็นว่าเรื่องชื่อเคลียร์แล้วนะครับ  ถึงได้มาถามแย้งเรื่องเพลงต่อ  อิอิ เรื่องเพลงมันก็ไม่ได้เกี่ยวเนื่องอะไรกับตัวหนังส่วนใหญ่มากเท่าไหร่  เพราะโทนหลักของเพลง  มันจะเน้นการให้กำลังใจเสียมากกว่า  ซึ่งก็คงไม่ตรงกับหนังเรื่องนี้มากนัก  แต่ที่เอามาใช้  น่าจะเห็นนะครับ  ว่าเขาเอามาใช้ตอนท้ายเรื่อง  เอามาอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสำหรับชีวิตของตัวละครแต่ละคน  ว่าชีวิตเขาเหล่านั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง  ผลของความจริงจังในการก้าวเดิมตามเส้นทางฝันเป็นอย่างไร ซึ่งก็จะเห็นได้ว่าทุกคนต่างประสบความสำเร็จกันทุกคน  ทำให้เพลงนี้ก็สามารถใช้อธิบายให้เห็นว่า  ทุกคนย่อมต้องผ่านทั้งเรื่องร้ายและเรื่องดี  แต่ถ้าไม่ยอมแพ้  ยังคงเลือกที่จะสู้ต่อ  สักวันความสำเร็จที่คาดหวังเอาไว้  มันก็จะมาหาเราเองในไม่ช้า ... อดทนเวลาที่ฝนพรำ  อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง .... ... เมื่อวันเวลาที่ฝนจาง  ฟ้าก็คงสว่างและทำให้เราได้เข้าใจ ... ... ว่ามันคุ้มค่าแค่ไหน ที่เฝ้ารอ ... ช่วงท้ายหนังอาจจะไม่ได้ฉายให้เห็นว่า  กว่าแต่ละคนจะก้าวไปถึงตรงนั้นมีอุปสรรคอะไรบ้าง  เจอปัญหาอะไรบ้าง  แต่เขาแสดงให้เห็นว่า  เมื่อเราไม่ยอมแพ้และสู้กับมันอย่างมุ่งมั่นและเต็มที่  สุดท้ายปลายทางที่รอเราอยู่ก็คือความสำเร็จนั่นเอง ... คุ้มค่ากับที่เฝ้ารอไหม ... เพลงอาจจะไม่ตรงกับตัวหนังมากนัก  เพราะเป็นเพลงเก่าที่เอามาประยุกต์  แต่ก็สามารถใช้อธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในภาพรวมได้  เพราะยังไงเพลงนี้ก็ปรับใช้ได้กับชีวิตของคนทุกๆ คนอยู่แล้ว  ดังนั้นจะเอามาปรับใช้กับตัวละครหลักในเรื่อง  ก็ไม่ได้ดูแปลกประหลาดอะไร  หากว่าคุณจะเปิดใจคิดตามแบบไม่อคติ อคติของคนไทยนี่มันน่ากลัวเนอะ  ลองว่าอ้าปากบอกว่าไม่ชอบแล้ว  ต่อให้อธิบายแทบตาย  ยังไงก็ไม่มีผล  ในเมื่อไม่เปิดใจรับเสียอย่าง   คราวหน้าก็เีลี่ยงๆ ซะนะครับ  หนังแนวๆ นี้  ดูหนังให้เหมาะกับแนวทางที่ตัวเองชอบ  น่าจะเ็ป็นทางออกที่ดีที่สุด  แต่ผมว่าคงจะได้เห็นหนังไทยแนวนี้อีกเยอะ  เพราะไม่ใช่ว่าผู้กำกับไทยไม่เก่ง  หรือทำหนังแนวนี้ไม่เป็น  แต่ที่ไม่ทำกัน  เพราะกลัวว่าทำออกมาแล้วมันจะขายไม่ได้นั่นเอง หวังว่าปีหน้าคงได้เห็นหนังแนวนี้เยอะๆ นะ  หนังที่ตั้งใจทำ  และใส่ใจในรายละเอียดต่างๆ แบบเต็มที่ และก็หวังว่าคนดูหนัง  จะเลิกดูถูกตัวเองและหนังไทยเสียที  ว่าทำได้ดีแค่หนังที่ยัดบทพูดใส่ปากอย่างที่เห็นๆ กัน ย้ำอีกที  ผมไม่ได้บอกว่าหนังเรื่องนี้ดีมากพอ  หรือว่าสมควรได้รับรางวัลภาพยนต์ยอดเยี่ยม  ที่ออกมาพูดออกมาบอก  เพราะเห็นคนที่ดูหนังเรื่องนี้แบบไม่คิดตาม  แล้วออกมาบอกว่าหนังเรื่องนี้ไม่มีอะไร  แค่หนังรักวัยรุ่นธรรมดา  ก็เลยออกมาชี้ให้เห็นว่า  อย่ามองแค่หน้าหนังและก็ภาพรวมของหนัง  ให้ลองเปิดใจดูรายละเอียดที่ซ่อนไว้บ้าง  เมื่อเห็นแล้วก็ตัดสินใจเอาเอง  ว่าคุณชอบหนังที่สื่อและเล่าเรื่องแนวนี้ไหม  ถ้าเปิดใจดูแล้วคิดตามที่ผมบอกแล้วชอบ  อันนี้ก็ดีไป  แต่ถ้าเิปิดใจดูแล้ว  ยังรู้สึกว่าหนังมันไม่สนุก  มันมีสาระไม่มากพอเท่าหนังสารคดีเรื่องอื่น  มันผูกปมได้ไม่เด่นพอเท่าหนังนักสืบฆาตกรรมทั้งหลาย  หรือมันไม่ได้มาตรฐานที่คุณคิดว่ามันมากพอที่จะเป็นหนังดีได้  อันนี้ก็แล้วแต่คุณครับ ... ก็เท่านั้น ... ส่วนดีตรงไหน  ผมก็เขียนไว้ด้านล่างแล้วนะ  เข้าไปอ่านมาหรือยัง http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A4979793/A4979793.html หรืออยากให้เขียนแบบละเอียดๆ กว่านี้อีก  ??? แก้ไขเมื่อ 29 ธ.ค. 49 18:22:36 จากคุณ : Mr. Forever - [ 29 ธ.ค. 49 18:18:21 ]

ความคิดเห็นที่ 109 พวกที่ไม่เห็นด้วยที่เรื่องนี้ได้รางวัลนะ  ลองยกตัวอย่างหนังที่คุณคิดว่าควรได้รางวัลในปีนี้มาหน่อยสิ  อยากจะรู้ว่าดีกว่า Seasons Change มากแค่ไหนกันเชียว จากคุณ : อินทรีปีศาจ (เชฟห่าน) - [ 30 ธ.ค. 49 19:30:16 ]

ความคิดเห็นที่ 110 เรื่องเพลงเนี่ย เห็นว่าใช้ The Four Seasons เป็นแกนไม่ใช่เหรอครับ ตอนจะเปลี่ยนฤดู เปลี่ยนโหมดของเรื่อง ก็ใช้เพลงพวกนี้นำไป โดยขึ้นต้นด้วยฉากการซ้อมเพลงนั้นๆ ซึ่งการเริ่มต้นของฉากซ้อม ก็จะมี conductor อธิบายอารมณ์ของเพลงให้นักดนตรี ซึ่งก็เป็นการบอกความเป็นไปของหนังในช่วงนั้นๆ กลายๆ ในส่วนของเพลง rock เพลงอื่นๆ ที่เอามาใช้ผมจำไม่ได้หมด จำได้แค่เล่นของสูงอย่างเดียว (ชอบ classic มากกว่า เลยไม่ได้สนใจฟัง rock) ซึ่งเฉตกับฉัตรรู้อยู่แล้วว่าป้อมชอบดาว ก็เลยเล่นเพลงนี้ไงครับ ส่วน Weather Dance กับ Seasons Change ที่เล่นกันตอจบของเรื่อง ก็เอามาใช้อธิบายชีวิตคน เปรียบเทียบกับฤดูกาลอย่างที่คุณ Mr. Forever ว่าไว้ ปล.คนเราชอบไม่เหมือนกันก็ไม่เห็นแปลกนี่ครับ ใจเย็นๆ เน้อ ^^ จากคุณ : Punky - [ วันสิ้นปี 01:02:28 ]

ความคิดเห็นที่ 111 ชั้นเกลียดเรื่องนี้! จากคุณ : ตระกูลส้วม - [ วันสิ้นปี 20:21:00 A:61.91.94.19 X: TicketID:123154 ]

ความคิดเห็นที่ 112 แล้วทำไมไม่ตั้งชื่อว่า four seasons หล่ะครับ หนังมันแค่ทำได้ดีในระดับหนึ่ง แต่มายกยอกันเสียว่าดีเลิศประสริฐศรีขนาดนี้ มันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณกันเกินไปหรือปล่าว????? จากคุณ : TEEYAI2HAND - [ วันสิ้นปี 22:14:44 ]

ความคิดเห็นที่ 113 ตอนแรกที่อ่านความเห็นของจขกท. ก็แบบ อือๆ ใช่ๆ ตอนดูก็รู้สึกอย่างนี้แหละ   ไม่ต้องบอกก็รู้มั้ง แต่มาแปลกใจตอนที่ มีคนดูแล้วไม่เห็นรายละเอียดตรงนี้เยอะแยะ  ก็เลยเริ่มเข้าใจว่า  คนเราดูหนังไม่เหมือนกัน  บางคนจับจ้องที่หน้าตา อารมณ์ตัวแสดง บางคนสนใจที่คำพูดของตัวละคร  บางคนชอบดูการเล่าเรือ่งผ่านภาพ  ผ่านสิ่งแวดล้อม ผ่านมุมมองต่างๆ เราว่าหนังเรื่องนี้ มันเล่าเรื่องเป็นธรรมชาติดี เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในวัยเรียน  แต่มองด้วยสายตาที่ผ่านการกลั่นกรอง และวิเคราะห์เรื่องราวมาแล้ว   ใครจะบอกว่าเรื่องปกติของชีวิตวัยเรียนไม่ยิ่งใหญ่ ไม่สำคัญ  ขอเถียงเลยว่าไม่จริง ... เพราะช่วงนี้แหละที่เราจะค้นพบตัวเอง  จะเจอะเจอทางเลี้ยวทางแยกมากมาย  การที่หนังสื่อตรงนี้ออกมาได้ตามที่เด็กวัยนี้คิด และแฝงมุมมองของคนที่ผ่านประสบการณ์ตรงนี้มาแล้วได้ดีนั้น  ก็เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมจริงๆ เรื่องเกี่ยวกับดนตรีนั้น  อาจจะสื่อไม่ได้ชัดเจนอะไรนัก   แต่การนำมันมาผูกพันกับเนื้อเรื่อง อารมณ์และทางเลือกของตัวละครนั้น เราว่าทำได้ดีทีเดียว   เราเองก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ว่าไอ้ป้อมมันรักดนตรีจริง ตอนหลังป้อมบอกว่าป้อมแน่ใจน่ะ ... มองจากคนที่เพิ่งผ่านวัยรุ่นมา  เราว่ามันดียิ่งกว่า ป้อมแน่ใจว่าตัวเองรักดนตรีซะอีก ... เพราะมันแสดงว่าไอ้ป้อมมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองเลือกแล้ว   ในชีวิตจริงมีสักกี่คนที่รู้จริงว่าเราชอบอะไร ต้องการอะไร แต่เมื่อเลือกไปแล้ว สิ่งสำคัญที่มั่นใจในสิ่งที่ตัวเองจะทำมากกว่า เราว่า หนังเรื่องนี้  คืองานศิลปะที่สร้างได้ละเอียดลออ สร้างอย่างคนที่คิดแล้วคิดอีกอย่างดี  ทำการบ้านและเก็บรายละเอียดได้ครบ  รวมทั้งเป็นหนังที่ขายตัวเองได้ด้วย ... ดีใจที่เห็นศิลปินขายของเป็น  ดีใจที่เมืองไทยมีคนอยากทำหนังดีๆ ให้ดูกัน (ส่วนเรื่องรางวัล มันคงมีเบื้องลึกเบื้องหลังกันอีกมากมาย  คนนอกอย่างเราๆ จะเอาอะไรไปตัดสินกับเค้าได้ว้า...) จากคุณ : The SoVo - [ 2 ม.ค. 50 19:56:53 ]

ความคิดเห็นที่ 114 คุณTEEYAI2HAND และคุณส้วม เป็นอันว่า หนังมันไม่ได้ดีเด่นอะไรหรอกครับ คือรางวัล เขาคงเห็นว่า มันมีกระแสดีมั้ง ช่วงฉาย เลยได้  ส่วนที่พวกผม วิเคราะห์ตีความกันไป มันก็เป็นความชอบของพวกผมเองครับ พูดง่าย คงคลั่งไปหน่อย  ขอโทษครับ  ผมว่า คุณ น่าจะไปดูหนังที่คุณชอบดีกว่านะครับ   ส่วนคุณส้วมที่บอกชั้นเกลียดเรื่องนี้  เอ่อ  ผมก็จะบอกว่า ผมเกลียดคุณครับ แบบไม่มีเหตุผลด้วย  อิอิ จากคุณ : jedijoke - [ 2 ม.ค. 50 22:05:00 ]

ความคิดเห็นที่ 115 สวัสดีครับ เพื่อนๆครับ คือผมก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ได้ชมหนังเรื่องนี้ในโรงหนังครับ หลังจากที่เพื่อนได้ส่งกระทู้นี้มาให้อ่านทำให้ผมถึงกับต้องไปซื้อ DVD มาดูอีกรอบครับ โดยส่วนตัวผมว่าเรื่องนี้เป็นหนังที่สวย กล่าวคือ บรรยากาศ มุมกล้อง หรืออารมณ์หลายๆอย่างดีมากเลยครับ แต่พอดูจบรู้สึกมันขาดๆอะไรก็ไม่รู้ครับ เหมือนมันน่าจะมีอะไรต่ออีกนิด ส่วนพระเอกผมว่ามันไม่มีจุดยืนเอาซะเลยครับ ใช้โอกาสสิ้นเปลืองมาก ผมว่ามันน่าเศร้านะ ถ้าเทียบกับคนที่ไม่มีพรสวรรค์และโอกาส จริงๆถ้าเป็นคนที่มีความฝันจริงต้องรับทุนไปเรียนต่อแล้วครับ ลองนึกถึงความจริงดิ ไม่งั้นจะสอบทำไมอ่ะ ผมว่านี่เป็นอีกจุดที่ผมดูแล้วรู้สึกขัดหูขัดตามากครับ ด้วยเหตุผลแค่นี้ถึงกับต้องทะเลาะกะพ่อเลยด้วยทั้งที่เหตุผลของป้อมมันฟังไม่ขึ้นชัดๆ บอกว่ารักดนตรีแต่ไม่ตามความฝัน มันขัดแย้งกันอย่างรุนแรง คนอื่นๆค่อนข้างสมเหตุสมผลดีครับ มีจุดยืน อีกอย่างผมว่านะครับ การที่ป้อมไปทำให้อ้อมชอบมันไม่ดียังไงไม่รู้ครับ เหมือนเอาน้องอ้อมมาเป็นตัวแทนคนในฝันน่ะครับ หว่านไปเรื่อย ลองคิดดูดิครับ ถ้าคุณเป็นผู้ชายเหมือนผมก็จะเข้าใจว่า การจีบผู้หญิงทีละหลายคน หรือการสนิทกับผู้หญิงหลายๆคนมันไม่ใช่เรื่องเสียหาย ซึ่งผิดกับผู้หญิง คุณลองมองในมุมกลับกัน ผมว่าป้อมมันทำไม่ถูกอย่างยิ่งครับ ไม่ชอบเขาแล้วไปทำให้เขารักทำไมป้อมเอ้ยยย สรุปผมชอบหนังเรื่องนี้ครับ แฟนฉันผมดูแล้วไม่อินน์เลยครับ แต่หนังทำออกมาดีครับ เพื่อนสนิทโดนสนิทแต่หนังมันยังขาดๆเกินๆครับ อย่างคุณไม่เคยอ่านเจ้าชายน้อยไปดูคุณจะงงมาก ส่วนจิ๋วเด็กน้อยยิ่งแล้วใหญ่ เจอกันไม่กี่ทีก็ร้องไห้ฟูมฟายเมื่อเด็กตาย ผมว่ามันเร็วไปน่ะ ส่วน Season change ทำออกมาค่อนข้างดีครับ แต่ขัดใจคุณป้อมเขาจริงๆครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : Crown Wizard (Crown Wizard) - [ 3 ม.ค. 50 13:38:38 ]

ความคิดเห็นที่ 116 ยินดีครับ คุณ Crown แต่ความเห็นผมน่ะครับ 1. ป้อมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้อ้อมชอบหรอกครับ บางครั้งในวัยนั้น มันก็ไม่รู้หรอกครับ ว่าหัวใจเราต้องการอะไร  ป้อมคบกับอ้อมด้วยความบริสุทธิ์ใจมากกว่า เห็นเป็นเพื่อน เป็นคนที่สามารถที่จะคุยอะไรก็ได้  จริงๆ ผมก็มีเพื่อนผู้หญิงแบบนี้ครับ แต่เขาไม่คิดอะไรกับผมน่ะสิ  หะหะ  อย่าลืมน่ะครับ ตอนนั้น ในหนัง ตัวแสดงอยู่ ม.4 ครับ เพื่อนกับแฟน บางครั้ง มันก็เส้นด้ายบางๆ ส่วนเรื่องไม่รับทุน  อย่างที่หลายๆท่านให้ความเห็น ซึ่งผมก็ว่า น่าจะโอเคนะครับ  ถ้าคุณดูละเอียด  ถ้าดาวไม่บอกว่าจะไป บูดาเบส  คิดเหรอว่า ป้อม ตั้งใจจะไป  ที่ป้อมต้องการจะไปคือ ตาม ดุจดาวไป  แต่พอช่วงท้าย หลังจากได้คุยกับ เฉด ฉัตร ว่า แต่ละคนมีความฝันไง   หลังจากที่เห็น ดาว เอาจริงเอาจัง กับ ฝันของตัวเองไง  ความคิดผม ป้อมคงต้อง มาคิดจริงๆจังๆ ว่า ที่เขาจะไปบูดาเบส คือเขาต้องการไปจริงๆ หรือตาม ดุจดาวไป  เพราะถ้า ตามดุจดาวไป แล้วปรากฏว่า มันไม่ใช่  คุณคิดว่ามันเสียเวลามั้ยครับ ที่ป้อม ตัดสินใจไม่รับทุน ก็ไม่ใช่ว่า ต่อไปป้อมจะไม่เสนอเข้าสอบรับทุนอีก  เพียงแต่ ตัวเขาเอง อยากจะถอยออกมาสำรวจตัวเองให้แน่ใจอีกครั้งมากกว่า   ผมอยากให้นักเรียนหรือเด็กๆในวัยนี้ ลองคิดเป็นอุทธาหรณ์ว่า เราชอบอะไร เราทำตามคนอื่นโดยที่เราชอบจริงหรือป่าว   นี่คือความเห็นผมครับ   แต่ก็ขอบคุณ คุณ Crown ครับ ความเห็นคุณ ก็อาจจะมีประเด็นก็ได้ ยินดีครับ จากคุณ : jedijoke - [ 3 ม.ค. 50 14:05:36 ]

ความคิดเห็นที่ 117 เรื่องมันจบไม่ดี ค้างๆคาๆ บทไม่น่าได้รางวัล แต่เรื่องการถ่ายทำและการตัดต่อทำให้สื่อสารได้ดี ถือว่าควรได้รางวัลแล้วสำหรับปีนี้ จากคุณ : Dr.slump - [ 5 ม.ค. 50 09:37:28 ]

ความคิดเห็นที่ 118 Scene 7-- ฉากวงออเคสตรา ฉากนี้ตอนแรกอ้อมกับดาวนั่งคู่กัน แล้วอ้อมเล่นเพี้ยนจึงย้ายมาเรื่อย ๆ จนมาถึงตำแหน่งฉาบ ซึ่งติดกับกลองที่ป้อมตี Foreshadowing บอกผู้ชมว่า นางเอกตัวจริงมาแว้วววว... ------------------------------------ ผมว่าตีความผิดนะ ดูก็รู้ว่าอ้อมตั้งใจ ไม่ใช่บังเอิญ คือจะให้เล่นเก่งแซงดาวอ้อมก็ทำได้ แต่ไม่ทำ แต่อยากมาอยู่หลังห้องมากกว่าเพราะปิ๊งพระเอกไปแล้ว ก็ตั้งใจเล่นผิดไปงั้นแหละ จากคุณ : Dr.slump - [ 5 ม.ค. 50 09:46:17 ]

ความคิดเห็นที่ 119 #118 ถ้าอ้อมมีฝีมือขนาดนั้น อีตอนชิงทุนไปบูดาเปสท์ ทำไมไม่ทำให้เก่งกว่าดาว เพื่อจะไปกับป้อมล่ะครับ แล้วที่ว่าอ้อมปิ๊งป้อมตั้งแต่ฉากแรก ๆ ขนาดนั้น เร็วไปหน่อยม้างงง ... ผมว่า แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 50 10:27:45 จากคุณ : ตวงสิทธิ์ - [ 5 ม.ค. 50 10:26:02 ]

ความคิดเห็นที่ 120 อาจเล่นไม่เก่งก็ได้ แต่ก็มีสิทธิ์ปิ๊งตั้งแต่ตะโกนเรียกชื่อพ่อแล้วละ ว่าหมอนี้แปลกๆ จากคุณ : Dr.slump - [ 5 ม.ค. 50 15:44:12 ]

ความคิดเห็นที่ 121 หนังเรื่องนี้ ให้ความฝัน.. ให้คนได้รู้ว่าความฝันมีค่า.. บางที..บางคนก็เอาความฝันไปโยนทิ้งระหว่างทาง บางคนฝันเล็ก บางคนฝันใหญ่ ต่างคนต่างจิตต่างใจ แต่เรื่องนี้โดน...เรามากๆ ดูไปก็นั่งอมยิ้ม ไม่อยากบอกแฟนเลยว่า..เราก็เหมือนไอ้ป้อมในเรื่องนั่นแหละ ดนตรีคือศิลปะชนิดหนึ่ง คนที่เล่นดนตรี รักดนตรี ก็จะมีคาแรกเตอร์อีกแบบหนึ่ง อย่าใช้วิจารณญาณทั่วไปตัดสินคนที่เป็นศิลปิน ผู้กำกับเขาประทับใจเรื่องนี้ เพราะได้ไปฟังเพลง Four Season ที่ว.ดุริยางค์มา เลยจะกำกับหนังเรื่องนี้ ใครที่รักชอบหนังเรื่องนี้ แนะนำให้ไปซื้อหนังสือเบื้องหลังฯ มาอ่าน จะเห็นแง่มุมที่น่ารัก และความรู้สึกของผู้กำกับ บอล และอาจารย์สุกรีว่าเขาคิดยังไง น่ารักยังไง จากคุณ : ciri - [ 5 ม.ค. 50 17:10:18 ]

ความคิดเห็นที่ 122 ชอบ Season Change หนังไปเรื่อย ๆ มีอารมณ์ร่วมไปด้วยตลอด ดูแล้วมีความสุขมาก ๆ เป็นสังคมของเด็กที่อยู่กับสิ่งที่ตัวเองรัก ตัวนำทั้ง 3 ก็เล่นได้น่ารักมาก ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะลูกผมก็เล่นดนตรีจึงมีความรู้สึกดี ๆ กับหนังเรื่องนี้ สรุปดูแล้วได้อารมณ์ร่วมและมีความสุขมากครับ จากคุณ : kiatte - [ 7 ม.ค. 50 00:33:45 ]