CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    หวานมันส์ .... เล่าสั้นๆ: Open Season, Sony Animation อีกค่ายที่น่าจับตามอง!

      10 - 9.5 / 10 (2 คน)
      9 - 8.5 / 10 (4 คน)
      8 - 7.5 / 10 (1 คน)
      7 - 6.5 / 10 (1 คน)
      6 - 5.5 / 10 (0 คน)
      5 - 4.5 / 10 (1 คน)
      4 - 3.5 / 10 (0 คน)
      3 - 2.5 / 10 (0 คน)
      2 - 1.5 / 10 (0 คน)
      1 - 0 / 10 (0 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 9 คน

     22.22%
     44.44%
     11.11%
     11.11%
     0.00%
     11.11%
     0.00%
     0.00%
     0.00%
     0.00%


    [งานเขียนเรื่องนี้ เข้าข่าย Spoiled อยู่พอสมควร]

    ผมคิดว่าตั้งแต่ที่คนทั่วไปหันมาสนใจมาบริโภคหนัง Animation CG มากกว่าที่จะเป็นแบบแนว Animation 2D ปกตินั้น ให้เห็นได้เลยว่าค่ายหนังต่างๆของ Hollywood ก็เริ่มที่จะเปิดสตูดิโอเกี่ยวกับ Animation เพื่อเปิดการทำหนังในประเภทแบบนี้อย่างเต็มรูปแบบ และก็มาแข่งขันกันในตลาด Box-Office ไม่ว่าจะ Disney ที่ปัจจุบันเริ่มไปเน้นการทำ Animation CG แล้วก็ตาม ถึงแม้ตัวค่ายตัวเองจะมี Pixar ก็จริงอยู่ / Fox ก็มี Blue Sky Studio ที่สร้างความสำเร็จให้กับ Fox ไม่ว่าจะ Ice Age และ Robots ก็ตาม / Robert Zemeckis ก็เริ่มบ้าทำ Animation ที่ไปตัดมาจากการแสดงของมนุษย์อีกทีนึง / WB ก็เริ่มมาทำ Animation หลากประเภทบ้างล่ะ / Dreamworks (ที่ตอนนี้อยู่ในอำนาจของ Paramount) ตอนนี้ก็กำลังพัฒนาการทำ Animation แบบสุดยอดอย่างไม่หยุดยั้งเช่นกัน / ขณะที่ Paramount เองก็มี Nickolodeon ทำ Animation ให้อยู่เช่นกัน / Lion Gate ก็ทำ Animation เช่นกัน แต่ไม่ได้จ๋าเหมือนค่ายอื่นๆเขา / รวมถึง Pixar ที่ตอนนี้กำลังหาทางนำ Animation เก่าๆบางเรื่อง ที่เคยทำในอดีตมาทำเป็นหนังภาคต่อ เช่น Toy Story, Monster, Inc และ The Incredible เป็นต้น แต่ค่ายนี้เองก็ยังพัฒนาหนังสั้นที่อยู่เช่นเดียวกัน และแล้วเมื่อค่ายหนังส่วนใหญ่เร่งทำหนัง Animation CG เพื่อเอาใจตลาดแบบนี้เรื่อยๆ จึงเป็นโอกาสที่ค่ายอย่าง Sony Animation Studio ขอเปิดทางทำกับเขาบ้าง ทั้งๆที่ค่ายนี้ออกแบบงานโฆษณา และทำหนังสั้นออกมาดูหลายต่อหลายเรื่องแล้วก็ตามที

    Open Season จึงเป็นเรื่องแรกที่ทาง Sony เต็มใจเสนอให้กับคนดูทุกเพศทุกวัย แล้วก็มั่นใจกับผลงานเรื่องนี้ซะด้วยว่า จะต้องออกมาขายดีอย่างแน่นอนแหละ แถมงานนี้ยังได้ทีมงานจาก Pixar (บางคน) และ Disney 2D ทีมเก่า (บางคน) มาสร้างสรรค์ผลงานเรื่องนี้ ให้ดูแตกต่างกว่าค่ายอื่นเขาทำกันครับ

    Open Season คือเรื่องราวเกี่ยวกับ Boog หมีกริซลี่ที่ได้รับการดูแลจากเจ้าหน้าที่ดูแลป่า Beth ให้พามาแสดงในเมืองเล็กๆที่ชื่อ Timberline เป็นประจำทุกๆช่วงฤดูร้อน และวันนึง Shaw นายพรานใจแคบสุดๆ ก็ไปชนกวางแคระตัวนึง ซึ่งก็ไปชนแบบจงใจเสียด้วย ชื่อ Elliot แล้วในขณะที่ Boog กำลังผู้ดูแลของเขาอยู่ เขาก็ได้พบ Elliot โดยบังเอิญ Boog เห็นว่า Elliot กำลังโดนทรมานอยู่ จึงช่วยให้เจ้ากวางแคระตัวนี้รอดพ้นจากเอื้อมมือของ Shaw ได้อย่างสำเร็จ และ Elliot ก็คิดว่าอยากจะเป็นเพื่อนกับเจ้าหมียักษ์ตัวนี้ จึงตามไปราวีถึงที่พัก Boog และก็ให้เห็นสิ่งที่ Boog ไม่เคยได้สัมผัสมาตลอดทั้งชีวิต นั่นคือ ของหวาน เมื่อได้ลิ้มรสของหวานที่เจ้า Elliot ให้ ก็เลยแอบเข้าไปในเมืองด้วยกัน แล้วไปซ่ากันที่ร้านมินิมารท์แห่งนึง จนกระทั่งนายอำเภอ Gordy ก็เลยถึงเรื่อง Beth ตอนแรกมันก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไรมากเท่าไหร่ แต่ก็มีเรื่องเกิดขึ้นในวันรุ่งขึ้นต่อมา ในขณะที่ Boog กำลังออกมาแสดงอยู่นี่เองแหละ Elliot ก็มากวน Boog เพราะกำลังหนีนายพราน Shaw อยู่เนี๊ยแหละ ก็เลยทำให้การแสดงครั้งนั้นไปกันใหญ่มากขึ้น เกินกว่าจะควบคุมได้ Beth จึงต้องจำใจให้ Boog และ Elliot ถูกส่งไปอยู่ที่ป่า ทั้งๆที่ในอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันฤดูล่าสัตว์แล้วก็ตาม


    เมื่อ Boog ได้ตื่นขึ้นมา ก็พบว่าเหมือนตัวเองถูกลักพาตัวมาอยู่ในที่นี่ ทั้งๆที่เขาไม่เคยชินกับป่าเลยด้วยซ้ำ เขาจึงโทษเจ้า Elliot ต่างๆนานาว่าถ้าเขาไม่ช่วย Elliot เขาก็คงไม่ต้องมาซวยแบบนี้หรอก แต่นั่นแหละ เขาก็ต้องการ Elliot นำทางด้วย ฉนั้นในขณะที่เขาต้องการจะกลับไปหาผู้ดูแล เขาก็ต้องปรับเข้ากับป่าที่เป็นบ้านเกิดของเขาให้ได้ แต่เผอิญจริงๆในป่าเองก็ไม่ใช่จะธรรมดานะ มีสัตว์มากมายที่ก็ซ่าไม่เบาเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะกระต่าย, กระรอก, กวาง, เป็ด หรือแม้กระทั่ง บีเวอร์ก็ตาม ก็ทำให้ Boog หนักใจหลายเท่า แต่มันก็ไม่หมด เมื่อนายพราน Shaw พยายามตามหา Boog และ Elliot เพื่อพยายามจะจัดการทั้งคู่ให้ได้ จึงทำให้ป่าแห่งนี้อลหม่านไปกว่าเดิม และเหตุวินาศที่ทั้ง Boog และ Elliot ไม่ได้ตั้งใจทำนั้น ก็พาเพื่อนพวกสัตว์ป่าทั้งหลาย หลุดมาอยู่ในเขตล่าสัตว์ที่คนในเมืองจะมาในอีกไม่กี่วันนี้ แต่ Boog เองก็ไม่อาจจะทนที่จะอยู่กับ Elliot จึงขอตัดขาดกับ Elliot และขอเดินทางกลับมาเอง แต่ก็นั่นแหละ เมื่อ Boog ได้เห็นพวกคนในเมืองกำลังจะแห่ไปล่าสัตว์นั้น จึงต้องให้เขาต้องตัดสินใจว่าเขาจะกลับบ้าน หรือว่า เขาจะช่วยพวกเพื่อนป่าเหล่านี้ ให้รอดพ้นจากมนุษย์ชั่วร้าย????

    .... ผมเอง เคยดูผลงานหนังสั้นของ Sony Animation Studio เรื่อง The Chubbchubbs! (จะหาดูเรื่องนี้ได้ก็ต้องไปหาซื้อ MIB II นะครับ) ยอมรับเกี่ยวกับงานของค่าย Sony อย่างนึงว่า สามารถนำความเป็น 2D และ CG มาเข้ากันให้มาอยู่ในโลกเดียวกันได้ อย่างน่ากลมกลืน ในตัวหนังสั้นเรื่องนี้เนื้อหาน่าสนใจมากๆ และแถมเดาตอนจบก็ไม่ได้ว่ามันจะจบยังไง จนกระทั่งถึงจุด Climax ของหนัง ก็ทำให้ชวนอึ้งกิมกีแบบไม่นึก-ไม่คาดฝันเลยแหละ ยอมรับว่างานของ Sony ทำได้ดูแตกต่างกัยค่ายอื่นๆที่เขาทำจริงๆ ใน Open Season คือเรื่องแรกของ Sony ที่ทำมาให้ดูกัน (Monster House เรื่องนี้ Sony เขาแค่จัดจำหน่ายฉายเท่านั้นนะครับ เป็นของทีม Bob Zemeckis ทำนะครับ) ยังคงเป็นเหมือนกับที่เราเคยได้เห็นมาแล้วในหนังสั้น The Chubbchubbs! เพียงแต่ยาดขึ้นกว่าเล็กน้อย มุขตลก กับ Animation ทำได้ดี แต่สิ่งนึงที่ผมรู้สึกว่า เรื่องนี้ยังทำได้น่าจดจำน้อยหน่อยก็คือ เนื้อเรื่องและตัวละคร


    ..... แน่นอนเนื้อเรื่องอย่างที่ผมเล่าไป จริงๆมันน่าสนใจอยู่นะ แส่งที่น่าเสียดายก็คือ เรื่องนี้มันจับพล็อตได้ยากไปหน่อย เพราะว่ามันมีเรื่องราวหลายตัวละครแวะมาเล่าสับเปลี่ยนไปเปลี่ยนตลอด จนบางครั้งอาจจะทำให้รู้สึกไปเลยก็เป็นได้ ซึ่งเนื้อเรื่องบางส่วนความเอาแน่เอานอนมันหลุดบ่อยเกินไปหน่อย ทำให้บางครั้งอาจจะหมดสนุกกับก็ได้ แต่ที่ดีก็คือการปูเรื่องราวตอนเริ่มต้น มันยังพอรู้ที่มาที่ไป แต่พอเรื่องราวมาอยู่ในป่าแล้ว บางครั้งบทมันก็ยังดูหลวมๆไปหน่อย จนบางทีเราอาจจะลืมบางตัวละครไปเลยก็ได้ (อย่างเช่นเจ้าเป็ด ที่จริงก็มาช่วยเติมสีสันได้ดีในช่วงที่มา แต่เมื่อหนังจบไปเรากลับลืมไปเลยว่า มีตัวละครนี้อยู่ด้วย) และบางทีบางตัวละครก็ทำหน้าที่ได้ไม่ดีเท่าไหร่ อย่างเจ้ากวางขี้เก๊กอย่าง Ian ที่ดูเหมือนว่า จะมาเปิดตัวดี แต่มันก็ไม่สมเหตุสมผลที่ตัวละครนี้จะต้องกลายเป็นตัวละครติ๊งต๊องในที่สุด ทำให้ความที่อยากจะชอบเรื่องนี้ก็แอบลดน้อยลงไปนิดๆแหละ

    .... ไม่ใช่แค่เนื้อเรื่องและตัวละครเท่านั้น ที่หนังมีปัญหา แต่ความยาว 99 นาทีของเรื่องนี้ ทำไมรู้สึกว่ามันสั้นจัง (ทั้งๆที่ Happy Feet สั้นกว่า แต่มีความรู้สึกว่า Open Season สั้นกว่าอีก) คือแบบว่าหนังมีปัญหาคล้ายๆกับ Chicken Little ที่แบบหนังสนุกจนเพลินแต่ความรู้สึกหนังมันดูสั้นพิกล แบบว่าเหมือนดูฆ่าเวลาไปเท่านั้น และไม่ใช่แค่นั้นครับ ผมคิดว่าเรื่องนี้มันไม่ค่อยสมคุณค่ากับการเป็น 3D ที่ฉายทาง Imax ซักเท่าไหร่นัก เพราะว่าบางทีภาพของหนังดูไม่สวยและดูกลมกลืนเป็น 2D มากกว่า (เมื่อเทียบกับตอนดู The Ant Bully ผมว่าเรื่องนั้นยังสมกับการเป็นหนังที่ควรฉายใน Imax) แต่ก็เมื่อเราได้เห็นข้อด้อยแล้ว และข้อดีล่ะมีอะไรบ้าง????

    ที่จริงข้อดีก็มีนะครับ Open Season ไม่ใช่หนังที่ห่วยจัดซักเท่าไหร่ แต่อาจจะไม่ถึงขั้นเพอร์เฟ็คนัก ที่ดีก็คือหนังสั้นสามารถบันเทิงคนดูตลอดเวลาถึงแม้จะมีข้อด้อยเล็กน้อยอยู่บ้างก็เถอะ! สิ่งที่ดีก็คือ หนังได้นักแสดงที่มาพากย์เสียง อย่างเหมาะสมกับตัวละคร ไม่ว่าจะเป็น Martin Lawrence ในบท Boog ที่ผมรู้สึกว่าเขาให้เสียงเป็นธรรมชาติดี และดูเหมือนว่า เขาเหมือนเป็น Boog จริงๆ ทั้งๆที่เจ้าหมีตัวนี้จะดูไม่เหมือนเขาเลยก็ตาม แต่มันเหมือนมีความรู้สึกว่าเนี๊ยเขาแหละ ขนาดไม่ได้เห็นหน้าแต่หมีตัวนี้ก็เป็นเขา เช่นเดี่ยวกับ Elliot ก็เหมือนกับ Ashton Kutcher อย่างบอกไม่ถูกแหละ ไม่ใช่แค่แก็กที่เขาใส่ไป แต่อารมณ์ตัวละครดันเหมือนกันอย่างไม่น่าสงสัยจริงๆ และถึงแม้ทั้ง Ashton และ Martin จะไม่ได้เจอกันเลยในขณะที่ให้เสียงหนังเรื่องนี้ แต่ตัวหนังเองกลับรู้สึกว่าทั้งนักพากย์และตัวละครเข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยจริงๆ นักพากย์คนอื่นๆ อย่าง Jon Favreau, Gary Sinise, Jane Krakowski, Billy Connolly,Patrick Warburton และ Debra Messing ต่างก็ทำหน้าที่ได้ดี โดยเฉพาะ Debra Messing ในบท Beth ทั้ง Animation กับตัวเธอเองต่างก็เข้ากันได้ดีจริงๆ ไม่ใช่แค่เสียงพากย์ แต่เป็นคล้ายแบบเดียวกับ Ashton Kutcher ทำให้รู้สึกว่า Beth เองก็ไม่ค่อยต่างอะไรมากกับ Debra Messing จริงๆ

    .... ถึงแม้ผมจะไม่ชอบเนื้อเรื่องที่อยู่ในป่า แต่ผมกลับชอบช่วงเวลาแรกๆของ Boog และ Elliot แล้วก็ช่วงเวลาที่ Boog กับ Beth อยู่ด้วยกัน มันช่างอบอุ่นและซึ้งใจพร้อมๆกันจริงๆ และเพลงหนังเองก็ช่วยให้อารมณ์กับหนังแบบไม่รู้ตัว โดยที่มี Paul Wasterberg มาแต่งเพลงและเป็นผู้ร้อง สามารถถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของตัวละคร ระหว่าง Boog กับ Elliot และ Boog กับ Beth ได้อย่างดีแท้

    สรุปแล้ว: ก็ถือว่าเป็น Animation ที่ดูได้ทั้งครอบครัว จะดูในโรงก็ได้ ดูที่บ้านก็ได้ ก็ไม่ต่างกัน แต่ที่สำคัญุถือว่า Sony เปิดตัวเรื่องแรกได้น่าพอใจน่ะครับ คิดว่ารอดูเรื่องต่อไปน่าจะไม่แพ้กัน ที่จะฉายปีนี้แหละ นั่นคือ Surf Up ก็น่าสนใจอีกเช่นกัน ให้เรื่องนี้ 7/10 ครับ

    จากคุณ : billy bob - [ 9 ม.ค. 50 16:34:55 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com