CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    +++ ดูแล้วมาคุยกัน ... Perfume: The Story of a Murderer , ทำความรู้จักและเข้าใจ ฆาตกรน้ำหอมมนุษย์ +++

      ชอบมาก ห้ามพลาด (16 คน)
      ชอบ (10 คน)
      เฉยๆ (0 คน)
      ไม่ชอบ (0 คน)
      ไม่ชอบมาก เสียดายตังค์ (0 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 26 คน

     61.54%
     38.46%
     0.00%
     0.00%
     0.00%


    เลือกอ่านบทความนี้พร้อมรูป อ่านความเห็นเพื่อนๆคนอื่นๆ และ เชิญชวนมาร่วมพูดคุยแสดงความเห็นเพิ่มเติมที่ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&month=01-2007&date=16&group=1&blog=1

    ...ฌอง แบ็ปติส เกรอนุย มีจมูกที่พิเศษกว่าใครในโลกนี้ จมูกที่เขายืนยันว่าดีที่สุดในปารีส จมูกที่แยกแยะกลิ่นได้ทุกชนิดและดมกลิ่นได้ไกลเป็นหลักกิโล

    แต่ สุดท้ายแล้ว เขา คือ ฆาตกร ที่ตามฆ่าหญิงสาวบริสุทธิ์เพื่อนำกลิ่นจากร่างกายเธอมาทำเป็นน้ำหอม

    น้ำหอมมนุษย์ของเกรอนุย มีสูตรเหมือนน้ำหอมปกติทั่วไปที่มีส่วนประกอบของกลิ่นหอม สิบสองชนิด สี่ชนิดแรกเป็นคอร์ดนำ อีกสี่ชนิดเป็นคอร์ดหลัก และ อีกสี่ชนิดเป็นคอร์ดพื้นฐาน ก่อนที่จะปิดท้ายด้วยกลิ่นสุดท้ายที่พิเศษสุดซึ่งจะทำให้กลิ่นหอมเป็นตำนาน

    แผนการของเกรอนุย จำต้องใช้ หญิงสาวให้ครบสิบสามคน นั่นคือจุดเริ่มต้น ของ เกรอนุย ฆาตกรน้ำหอมมนุษย์ ที่เลือกหญิงสาวบริสุทธิ์ ทุบที่ศีรษะ โกนหัว แล้วนำไขมันไปดูดซับกลิ่นของเหยื่อมาทำเป็นน้ำหอม

    หากเกรอนุยเป็นแค่ฆาตกรโรคจิตแล้วจบกัน หนังเรื่องนี้ก็จะเหมือนหนังฆาตกรรมต่อเนื่องเรื่องอื่นๆที่ไปเน้น ความระทึกขวัญกดดันอย่าง Silence of the lambs เน้นการสืบสวนและตามไล่ล่าเหมือน Se7en หรือ เน้นเลือดท่วมจอสมองไหลไส้ทะเล็ดเหมือน Saw

    Perfume ไม่ได้เป็นเช่นนั้น มันมีอะไรที่มากไปกว่า การไล่ล่าของคนโรคจิตหนึ่งคน

    หนังเริ่มต้นด้วยเสียงบรรยายที่จะพาคนดูรู้จักเกรอนุยตั้งแต่วินาทีแรกที่ถือกำเนิด แล้วก็พาเราเดินตามรอยชีวิตของเขา หนังจะค่อยๆทำให้เราเข้าใจ พฤติกรรมของเกรอนุย ว่ามันมิใช่ไร้ที่มาแต่อย่างใด เกรอนุย เป็นฆาตกรและในเวลาเดียวกันเขาก็เป็นเหยื่อสังคม Perfume พาเราเดินทางไปพร้อมกับ เกรอนุย บนเส้นทางของการทำน้ำหอมมนุษย์

    และหากจะเข้าใจ เกรอนุย ก็จำต้องเข้าใจถึง ความสัมพันธ์และความผูกพันของสิ่งมีชีวิต

    Attachment theory หรือ ทฤษฎีว่าด้วยความผูกพัน มีส่วนหนึ่งกล่าวไว้ว่า ไม่ว่ามนุษย์หรือสัตว์เมื่อถือกำเนิดขึ้นมาย่อมต้องมีความผูกพันกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง(object)ไม่ว่าจะเป็น คน สัตว์ หรือ สิ่งของ ดังนั้นนอกจาก แม่คนลูกคน , แม่ลิงลูกลิง ฯลฯ ซึ่งเป็นความผูกพันของสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์เดียวกัน เราจึงยังจะเห็น ลูกหมูถูกเลี้ยงโดยแม่เสือซึ่งให้นมแทนและลูกหมูนึกว่าเสือเป็นแม่ , ลูกเป็ดเดินตามคนที่เห็นเป็นคนแรกหลังคลอดเพราะนึกว่าคนเป็นแม่ ฯลฯ ตัวอย่างเหล่านี้ความผูกพันกำเนิดขึ้นมาแม้ว่าจะต่างสปีชี่ส์

    เด็กแรกเกิดทุกคนก็ย่อมมีคนที่เขาผูกพันด้วย นับตั้งแต่ลืมตา ก็จะมี หมอที่ทำคลอดเขาออกมา มีพยาบาลที่ดูแลในชั่ววินาทีแรกคลอด มีแม่ที่รออุ้มลูกและให้นม ฯลฯ ผู้คนเหล่านั้นผูกพันกับทารกทางผัสสะทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น สัมผัสทางร่างกาย , รูปร่างหน้าตาที่เด็กมองเห็น , กลิ่นที่เด็กได้รับ , เสียงที่เด็กได้ยิน ก่อให้เกิดความผูกพัน และ ทำให้เด็กสามารถที่จะไว้วางใจคนใกล้ตัว

    ...เกรอนุย คือ ข้อยกเว้น เขาไม่มี object ที่จะผูกพัน ไม่มีใครที่ให้ความรักความอบอุ่น สิ่งเดียวที่ประสาทสัมผัสเขารับรู้ได้ตั้งแต่ลืมตาดูโลกมีเพียง กลิ่น รอบตัว แม้เขาจะร้องแทบขาดใจ คนเป็นแม่ก็ไม่คิดจะเหลียวมอง
    กลิ่น ทำหน้าที่เป็นทั้ง หมอ พ่อ แม่ และ พยาบาล ในยามแรกคลอดของเกรอนุย กลิ่นเป็นเหมือนสัญลักษณ์แทนความผูกพันและเชื่อมโยง(connect)เขาให้เข้ากับโลกใบนี้

    ...ไม่ใช่แค่ว่า จะไม่มี คนให้ผูกพัน คนที่อยู่ใกล้ตัว คนที่ควรจะเป็นผู้ให้ความรัก พวกเขาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นคนที่ปฏิเสธ(reject) ทอดทิ้ง และ ล้วนคิดร้ายต่อ เกรอนุย

    แม่คลอดเขาเหมือนถอดรองเท้าที่ใต้แผงขายปลากลางตลาดสด ฉีกรกทิ้งด้วยตัวเอง แล้วปล่อยเขาอย่างไร้เยื่อใย หวังว่าจะตายไปเหมือนลูกหลายคนก่อน เช่นเดียวกับ เด็กๆในสถานเด็กกำพร้า ก็รังเกียจและตั้งใจฆ่าเขาให้ตายเพราะไม่ต้องการให้มาแย่งที่พักแย่งของกิน

    ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ไม่มีใครต้องการ เกรอนุย คุณค่าของเกรอนุยเป็นแค่ สินค้า ที่นำมาซึ่ง กำไรและชิ้นงานของผู้ครอบครอง เกรอนุย เหมือนไม่มีตัวตนตั้งแต่ถือกำเนิดขึ้นมา

    และนั่นก็เหมือนคำสาป ที่ใครก็ตามต้องการเกรอนุย ล้วนได้ดี แต่เมื่อไหร่ก็ตามเกรอนุยจากไป หรือ เขาเหล่านั้นไม่ต้องการเกรอนุยอีกต่อไป คนกลุ่มนั้นก็จะต้องพบกับความพินาศฉิบหายวายป่วงตามมา ราวกับอาถรรพณ์ และ ราวกับความเกลียดชังมนุษย์ทุกผู้ทุกนามภายในจิตใต้สำนึกของเกรอนุย

    ...เกรอนุย เอาตัวรอดในแต่ละวันโดยใช้ความสามารถพิเศษจากประสาทรับกลิ่นที่ไวเกินใคร และ มีเพื่อน เป็น กลิ่นรอบตัว

    ชีวิตของเกรอนุย พลิกผันเมื่อเขาเข้าตัวเมืองปารีส ที่นั่นทำให้เขาได้สัมผัสกลิ่นหอมอีกมากมายร้อยพันที่เขาไม่เคยสัมผัส ย่านของคนร่ำรวยเต็มไปด้วยกลิ่นหอมปรุงแต่งและกลิ่นหอมอันบริสุทธิ์ที่ต่างไปจากแหล่งอาศัยของเขา และ กลิ่นของหญิงสาวคนขายลูกพลัมคือจุดเริ่มต้น ความลุ่มหลงของเกรอนุย

    ...หากกลิ่นคือ เพื่อน คือ พ่อแม่ คือ object เดียวที่เกรอนุยผูกพันบนโลกใบนี้ ความสุขยามที่เกรอนุยรับสัมผัสกลิ่นหอมครั้งนั้น ก็คงเหมือนกับ คนทั่วไปที่ได้สัมผัสความรัก และ เธอคนขายพลัมก็อาจจะเป็นคนคนแรกที่เขาอยากจะเชื่อมโยง นอกจากกลิ่นที่เปรียบเสมือน object เดียวที่เชื่อมต่อเขากับโลกใบนี้

    การที่ เกรอนุย พยายามหาทางถนอมกลิ่นไว้ตลอดไป นัยยะหนึ่งก็คงเหมือนกับ เราๆที่ต้องการจะเก็บความรักไว้ให้ยาวนาน

    ซึ่งหากเป็นคนทั่วไปอาจเลือกจีบใครคนนั้นเป็นแฟน อาจคบใครคนนั้นเป็นเพื่อน นั่นคือ วิธีการที่เราจะสามารถถนอมความรักความสัมพันธ์ไว้กับตัว แต่ วิธีการผูกสัมพันธ์ระหว่างบุคคลเช่นนี้ เกรอนุย ทำไม่เป็น

    เพราะ เกรอนุย ไม่เคยมีความผูกพันกับใคร ในชีวิตของเขาหากไม่ใช่มีความสัมพันธ์กับคนเพื่อทำงาน เขาไม่เคยผูกพันในความรู้สึกกับใคร และ ความจริงเลวร้ายกว่านั้น เกรอนุย ไม่เคยได้รับความรักจากใคร


    เกรอนุย อาจรู้เรื่อง กลิ่นและน้ำหอมเป็นอย่างดี แต่สิ่งที่เขาสอบตกโดยสิ้นเชิงคือเรื่องของ “คน”


    ดังนั้น หลังจากเขาเผลอคร่าชีวิตหญิงสาวคนแรกที่ทำให้เขาต้องลุ่มหลง เขาจึงเพียรที่จะหาวิธีการที่จะเก็บกลิ่นหอมนั้นไว้ให้อยู่กับตัว และ นั่นทำให้หญิงสาวรายแล้วรายเล่า ต้องกลายมาเป็นเหยื่อสังเวยให้กับ เกรอนุย ชายหนุ่มที่โหยหาความรักความผูกพัน ไม่ใช่แค่นั้น จุดพลักผันสำคัญถัดมาซึ่งสร้างความเจ็บปวดยิ่งกว่าสำหรับเกรอนุยและเย้ยหยันชีวิตของเขาบนโลกใบนี้ คือ การที่ร่างกายเขาไม่มีกลิ่นตัว

    สำหรับคนอื่น การไม่มีกลิ่นตัว คงไม่มีความหมายมากมาย แต่สำหรับเกรอนุย นี่เป็นเรื่องใหญ่ เพราะการได้กลิ่นจากสิ่งใดสิ่งหนึ่ง มันทำให้เขาสัมผัสได้ถึงตัวตนและการคงอยู่ของสิ่งนั้น ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ ลำธาร หรือ ผู้คน และ มันสามารถเชื่อมตัวเขาให้ผูกพันกับสิ่งนั้นๆ แต่ เมื่อตัวเขาไม่มีกลิ่น มันก็ไม่ต่างอะไรกับ การไร้ตัวตน

    นั่นทำให้ การเดินทางเก็บกลิ่นกายมนุษย์ของเกรอนุยไม่ใช่แค่ความลุ่มหลง จุดประสงค์เดิมจากแค่ต้องการถนอมกลิ่นนั้นไว้ให้ยาวนาน ต้องการถนอมความสุขไว้กับตัวให้นานเท่านาน ยังหมายถึง การพยายามที่จะสร้างให้ตัวเองมีความหมายมีตัวตน

    ...สุดท้ายแล้ว น้ำหอม ที่เกรอนุยทำสำเร็จ สามารถสร้างพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ให้คนหลงใหลและศิโรราบ ทำให้ผู้คนต้องมนต์และปลดปล่อยความรู้สึกทางเพศออกมาในฉากระเริงกามกลางเมืองกราสส์ เป็นสัญลักษณ์อีกอันหนึ่งที่ย้ำสิ่งที่เราเชื่อมาตลอดว่า น้ำหอมของเกรอนุย มีความหมายเป็นตัวแทน แรงขับของความรักและความต้องการทางเพศที่อยากจะมีความสัมพันธ์กับผู้คน อยากจะมีคนรัก เป็น Libidinal drive ที่มนุษย์ทุกคนก็มีตามทฤษฎีของ ซิกมันด์ ฟรอยด์ แต่เสียดายที่ แรงขับของเกรอนุย ไม่ได้รับการตอบสนองและแสดงออกมาผิดวิถีคนทั่วไป

    เกรอนุย ยิ่งพยายามเท่าไหร่ มันก็ไม่มีความหมายอันใด เพราะผู้คนพ่ายแพ้และเห็นคุณค่าของน้ำหอม ไม่ใช่ ตัวเกรอนุย

    เกรอนุย ยิ่งพยายามเท่าไหร่ เขาก็ไม่อาจฟื้นคืนชีวิตของหญิงสาวแรกรักแรกหลงใหล และ ไม่อาจหลีกหนีฝันร้ายจากการฆ่าหญิงสาวคนขายลูกพลัม

    ฝันร้ายเป็นสัญลักษณ์ที่บอกให้เรารู้ว่า เกรอนุย อาจไม่ใช่คนที่จิตใจมืดมนจนไร้ความดีงาม เพราะหากเป็นเช่นนั้น ผลงานของเขาไม่ควรสร้างฝันร้ายให้เกิดขึ้น เพียงแต่ เมล็ดพันธุ์ของความดีในตัวไม่เคยผ่านการรดน้ำให้เติบโต เขาไม่เคยได้รับการสอนสั่งว่าอะไรถูกอะไรผิด เขาเติบโตมายิ่งกว่าสัตว์บางชนิดที่ขาดความรัก เขามีเพียงสัญชาตญาณการอยู่รอด การมีฝันร้ายเป็นตัวแทนของ ความรู้สึกผิดในจิตใต้สำนึกที่หลงเหลือคอยปลุกเขายามค่ำคืน

    ...หากเพียงแม่ไม่ใช่แม่ใจยักษ์แต่มีความรักให้กับลูก ไม่ใช่แม่ที่เที่ยวทิ้งลูกเรี่ยราดเหมือนที่พบเห็นในสังคมปัจจุบัน หากเพียงมีคนที่ทำให้เขารู้สึกถึงการมีคุณค่าและมีตัวตน หากเพียงเกรอนุยมีคนสอนวิธีการผูกสัมพันธ์กับคน หากเพียงหัวใจของเกรอนุยได้รับการรดน้ำให้ชุ่มฉ่ำจากความอบอุ่นจริงใจ หรือ หากเพียงวันนั้นบังเอิญ หญิงสาวคนแรกคนขายพลัมคนนั้นไม่ใช่คนตาบอดและหันกลับมามีปฎิสัมพันธ์กับ เกรอนุย ชีวิตของเขาอาจไม่ลงเอยเช่นนี้


    คงไม่มี เกรอนุย ฆาตกรน้ำหอมมนุษย์ และ คงไม่มี ฆาตกรที่ไร้ศีลธรรมอีกจำนวนมากในสังคมปัจจุบัน สภาพสังคมเช่นในปารีสยุคศตวรรษ 18 ในหนัง ยังคงถ่ายทอดสืบต่อมาเป็นร้อยปี กับ ผลงานการสร้างฆาตกรขึ้นมาจากมือของสังคมที่ทอดทิ้งเด็กให้เติบโตโดยไร้การสั่งสอน และ ขาดความรักความผูกพันกับผู้คน เด็กที่เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่เคยรู้จักความถูกผิด เติบโตอย่างไม่รู้จักรัก รับรู้แต่ความเกลียดชังและต้องหาทางเอาตัวรอดจากสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย จะโทษเด็กคนนั้นอย่างเดียวได้อย่างไรเมื่อเขาทำผิดไป ในเมื่อหน้าที่ของผู้ใหญ่ที่รับผิดชอบไม่เคยหันมาทำหน้าที่ดูแล

    (มีต่อ)

    จากคุณ : "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" - [ 17 ม.ค. 50 10:08:50 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com