CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ดู{หนัง} วิธ มายเซลฟ์ ; "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรฯ" องค์ประกันหงสา ... จุดเริ่มต้นที่เยิ่นเย้อ แต่สนุก

      เกรด A -> 9-10 คะแนน (28 คน)
      เกรด B -> 7-8 คะแนน (13 คน)
      เกรด C -> 5-6 คะแนน (5 คน)
      เกรด D -> 3-4 คะแนน (1 คน)
      เกรด E -> 1-2 คะแนน (1 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 48 คน

     58.33%
     27.08%
     10.42%
     2.08%
     2.08%


    ถ้าจะดู "สุริโยไท" เพื่อเอาประวัติศาสตร์ ผมยอมรับเลยว่า เป็นการเรียนการสอนนอกห้องเรียนที่ดีมากๆ ...แต่ถ้าจะดู สุริโยไท เพื่อเอาความบันเทิง ผมขอเห็นด้วยว่า นี่เป็นหนังที่ไม่สนุก

    สุริโยไท เล่าเรื่องได้ตรงไปตรงมาในความเป็นสารคดี ซึ่งดีสำหรับคนที่อยากจะเรียนรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์บทสำคัญ แต่ก็เพราะการเล่าเรื่องที่ดำเนินเป็นเส้นตรง ไม่มีบิดพริ้ว มันก็คือ ผลเสียที่ส่งให้ความเป็นหนังเสียสูญไปด้วย ...

    แม้ว่า สุริโยไท จะเป็นหนึ่งในหนังไทยที่น่าจดจำสำหรับพวกเราทุกคนก็ตามที (จดจำว่าเป็นหนังไทยที่ทุ่มทุนสร้างหลายร้อยล้าน หรือจดจำว่าเป็นหนังที่มีดาราทั่วฟ้าเมืองไทยมารวมตัวกันมากเป็นที่สุด) แต่ความจดจำในที่นี้ อาจไม่ได้หมายรวมถึง ความประทับใจที่มีต่อหนัง ...

    "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช" ตอน องค์ประกันหงสา ... เป็นภาคแรกในสามภาค ซึ่ง "ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล" หรือ "ท่านมุ้ย" ได้จัดแบ่งสรรปันเรื่องเอาไว้ เนื่องด้วยความยาวและเยอะในช่วงประวัติศาสตร์อีกหนึ่งบทสำคัญบทนี้

    องค์ประกันหงสา ว่าด้วยเรื่องราวในช่วงเวลาวัยพระเยาว์ของ "พระองค์ดำ" หรือที่เรารู้จักท่านกันในพระราชนาม "สมเด็จพระนเรศวรฯ" ... นี่คือตอนที่ว่ากันด้วย การปูเรื่องของตัวละคร การอ้างความเป็นมาเป็นไปที่นำไปสู่การเสียเอกราชให้กับพม่า (กรุงหงสาวดี) ในครั้งที่ 1 และเป็นการทำให้เราเห็นจุดเริ่มต้นในความตั้งมั่นที่จะกู้ชาติของพระองค์ดำนั้น มีแอบซ่อนเอาไว้ในความรู้สึกแม้พระองค์จะยังไม่แสดงออกก็ตามที

    โดยภาพรวมของ ภาคแรกนี้ ...ผมยังไม่สามารถเรียกคำว่า "ดี" ได้เต็มปากเต็มคำ แต่ก็บอกได้ว่าสิ่งที่ผมเห็นใน พระนเรศวร เรื่องนี้ มีอะไรให้น่าจดจำมากไปกว่า สุริโยไท เรื่องก่อน

    ท่านมุ้ย ทรงทำ พระนเรศวร ให้ออกมาเป็น'หนัง' มากกว่า การเป็น'สารคดี' ...สิ่งที่รู้สึกได้ตลอดเวลาดู คือ ความน่าติดตามของเรื่องราว ซึ่งรู้ทั้งรู้ว่าเราเองก็เคยคุ้นกับเรื่องสาระนี้กันมาก่อน แต่ภาษาหนังที่เล่าอย่างเป็นระบบระเบียบก็ชวนทำให้เราลืมความคุ้นนั้น และพาเราไปตามติดกับเรื่องราวที่ดำเนินตลอดช่วงเวลา 2 ชั่วโมง 40 นาที อันแสนยาวนานนี้

    เรื่องของความยาวอาจจะเป็นอุปสรรคต่อความบันเทิงของใครหลายๆคน แต่สำหรับผม มันจะไม่ใช่เรื่องที่มีปัญหาอะไรเลย ถ้าตัวหนังสามารถหลุดพ้นจากวัฏจักรเก่าๆ ไปได้ อันหมายถึง การที่หนังยังคงมีความเยิ่นเย้ออยู่มาก แม้จะยังน้อยกว่าที่ สุริโยไท เป็นก็ตาม แต่ความรู้สึกเฉยๆระคนเบื่อที่เกิดขึ้นนี้ มันก็พาลทำให้ผมเกิดอารมณ์อยากให้หนังจบลงเร็วกว่านี้ ...ในความคิดและความรู้สึกของผมมันบอกว่า ยังมีฉากบางฉากที่ยาวมากไป มีช่วงบางช่วงที่รู้สึกไม่ค่อยจำเป็น มีตอนไปตอนที่น่าจะรวบรัดให้ดีกว่านี้อีกสักนิด (โดยเฉพาะกับช่วงแรกๆของหนัง ที่มีใครเผลอหลับแล้ว อาจจะหลับล่วงเลยไปกันนานแสนนาน)

    แต่อย่างไรก็ตามที ด้วยความที่นี่เป็นภาคแรก และเป็นการปูทางเพื่อสานรอยต่อในภาคสอง และสาม ...ผมก็พอจะอนุโลมในความไม่ดีส่วนนี้ได้อยู่

    แต่ที่อนุโลมไม่ได้ และเป็นข้อด้อยที่ควรแก้ในภาคต่อเลย ก็คือ การตัดต่อเสียง ... หนังพยายามเร่งเร้าในส่วนของบทพูดเร็วเกินไป ในขณะที่คนหนึ่งเพิ่งพูดจบ ไม่ถึงเสี้ยววินาที คนต่อไปก็แทรกเสียงขึ้นประโยคต่อมาให้คนดูไม่ทันตั้งตัว  ฟังไม่ทันแล้วก็ยังไม่รู้เรื่อง กับบางประโยคสนทนาสำคัญๆ ที่ผมหลุดไป ก็ทำให้ผมตามติดหนังได้ไม่ครบถ้วน ...อีกทั้งการตัดต่อภาพ การสร้างความน่ารำคาญ กับแสงขาวที่วาบไปวาบมาระหว่างการเปลี่ยนไปสู่อีกฉากหนึ่ง หนังใช้ฟุ่มเฟือย หนังเล่นมากไป มันเป็นการตัดความต่อเนื่องของอารมณ์ที่คนดูเพิ่งมีมาในฉากก่อนเสียสิ้นเชิง (ใครที่เพิ่งน้ำตาไหลในฉากก่อน พอแสงวาบมาฉากต่อไป อารมณ์เศร้าก็ชะงักกึกแทบปรับตัวจะไม่ทัน)

    ในส่วนของการแสดง ก็ไม่มีอะไรให้ผิดหวัง ทั้งในคนที่อยู่ในขั้นอาวุโส รุ่นกลาง และตัวเล็ก ล้วนก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี ...อาวุโส ให้ความเข้มข้นจากการแสดงคุณภาพที่เล่นได้ถึงพร้อม (โดดเด่นเป็นพิเศษ ยกให้ บท "พระเจ้าบุเรงนอง" ของ อาสมภพ เบญจาทิกุล... เป็นศัตรูของเราก็จริงอยู่ แต่คนดูกลับรู้สึกหลงรักความเป็นยอดกษัตริย์ของผู้ชนะสิบทิศคนนี้) , รุ่นกลาง ทำหน้าที่เป็นตัวเสริมอารมณ์ให้เรื่องราวของหนังเดินหน้าได้สนุก (โดดเด่นเป็นพิเศษ ยกให้ บท "พระเทพกษัตรี" ของ น้ำผึ้ง-ณัฐฐิกา ธรรมปรีดานันท์... ออกน้อย แต่ให้มากในฉากฆ่าตัวตาย) และ ตัวเล็ก ก็ให้อารมณ์การแสดงได้อยู่ในระดับที่ดี โดยพิจารณาจากความเป็นมือใหม่ (โดดเด่นเป็นพิเศษ คือบท "พระองค์ดำ" ...น้องคนนี้ ให้สีหน้าแววตาที่ฉายความจริงจังอยู่ในทีได้น่าเชื่อ)

    "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช" ตอน องค์ประกันหงสา ... แม้จะยังมีจุดบกพร่องให้รู้สึกไม่ดีอยู่ก็ตาม แต่สิ่งที่ท่านมุ้ยทำในครั้งนี้ ผมรู้สึกสนุก และได้ความบันเทิงเป็นชิ้นเป็นคำ ที่น่าจดจำยิ่งไปกว่า "สุริโยไท" ...ถ้าคุณอยากจะดูความมันส์ของฉากแอ๊คชั่น ผมขอแนะนำให้รอภาคสอง แต่ถ้าคุณอยากจะซึมซับกับความเป็นดรามา และทบทวนความจำประวัติศาสตร์ให้เห็นเป็นรูปธรรมกันแต่เนิ่นๆแล้ว ภาคแรกนี้ ก็ถือว่า น่าดูในระดับหนึ่งครับ    

    เกรด B

    หมายเหตุ : บทรีวิวหนนี้ เสร็จเร็วเป็นพิเศษ เพราะผมกลัวว่า ผมจะไม่มีเวลาเขียนอีกแล้วต่อจากนี้ เพราะวันพรุ่งนี้ผมต้องไปเขาชนไก่ 5 วัน แล้วหลังจากนั้น ต้องใช้เวลาอ่านหนังสือเตรียม admission อีกด้วยครับ ...สรุปว่า ถ้าไม่เขียนในวันนี้ ผมคงจะหาเวลาเขียนไม่ได้อีกแล้ว ก็เลยขอทำรีวิวแบบไฮสปีดหน่อยละกันนะครับ

    สำหรับทุกคนที่ได้เผลอเข้ามาในกระทู้รีวิวนี้ ...อย่าเพิ่งรีบออกไปนะครับ อยากขอให้ช่วยลง ความเห็นของคุณกับความรู้สึกต่อหนังเรื่องนี้ ได้ประทับเก็บไว้ในกระทู้นี้ด้วย ... "1 Comment ของคุณ มีค่าเท่ากับ 1 Happy ของจขกท."

    บทสรุป ดู{หนัง}วิธ มายเซลฟ์ ปี 2006 ... การแสดงสุดประทับใจ ฉากชวนจดจำ และ 10 สุดยอดหนังเยี่ยมแห่งปี
    http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=onceupon&group=9&month=01-2007&date=02&blog=1

    ขอบคุณครับ รักคนอ่าน

    ปล. สองกระทู้ล่าง ส่งแล้ว Error ครับ...ขอโทษด้วย

    แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 50 01:22:31

    แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 50 01:18:12

    แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 50 01:13:53

     
     

    จากคุณ : OncE UPoN'-'a MaN - [ 19 ม.ค. 50 01:05:22 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com